ร่วมทำบุญบูชา มงคลแกะสลักสะกดกินโลกาวุฒิ(มหาสุขวิบากเติมเต็ม) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    ดีเเล้วครับอย่าต่ำกว่าจน อย่าจนกว่าเขา อยู่ในสังคมได้แบบสง่าผ่าเผยพ่ออาจารย์ท่านพูดเสมอๆ ทำบุญให้ทานควบคู่ไปด้วยจะยิ่งเจอยิ่งพบกับสิ่งดีๆ ไม่ต้องท้อ ต้องถอย ชีวิตก็เหมือนภารกิจ ต้องทำต้องสำเร็จให้ได้ในหลายๆสิ่ง รับได้กับทุกเรื่องที่จะเข้ามา
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    การให้ทาน

    การทำบุญทั้งหลายโดยส่วนมาก จะมีการให้ทานเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นปัจจัยหนึ่งของการทำบุญนั้นๆด้วยเสมอๆ ซึ่งการให้ทานนั้นก็เหมือนกับการเสียสละของที่รักที่หวงแก่ผู้อื่น ให้เพื่อขัดเกลาจิตใจตนเองให้คลายออกจากความตระหนี่ถี่เหนียว

    พ่ออาจารย์พลได้พูดถึงเรื่องการทำทานเอาไว้ว่า คนทั้งหลายนั้นมักเข้าใจผิด คิดว่าต้องทำทานเยอะๆถึงจะได้อานิสงค์มาก เรามีน้อยทำไปก็อายเขาบางครั้งก็พาลเห็นคนอื่นทำทานมากๆก็น้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาของตนเองก็มี

    การให้ทานนั้นไม่จำเป็นเลยที่จะต้องบริจาคเงินเป็นเเสนเป็นล้านถึงจะได้บุญได้ขึ้นสวรรค์ ทานคือการให้ การให้ด้วยความปรารถนาดีให้ด้วยความรู้สึกที่อยากเห็นผู้อื่นพ้นทุกข์ได้ดีประสบความสำเร็จไม่อดอยากลำบากแบบนั้น

    ทีนี้ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องให้มากให้เยอะถึงจะได้อานิสงค์ใหญ่ สมมติ เรามีเงิน 100 บาท วันนี้เราจะไปวัดทำบุญ เราหักค่ารถไปกลับออกเสีย 56 บาท หักค่าอาหารเราออกเสีย 35 บาท เช่นนี้เป็นต้น เราก็จะเหลือเงินทำบุญ 9 บาท เงินทำบุญนี้เป็นเงินของเรา เราทำเเล้วเราสบายใจไม่เดือดร้อน ไม่คิดหน้าคิดหลังไม่กระวนกระวายรู้สึกเสียดายในทรัพย์นั้นๆ เพราะทรัพย์ที่ทำทานไปแล้วจะเป็นเหตุนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเองหากทำเกินความพอดีเช่นนี้เป็นต้น

    ก็ถือว่าเราได้อานิสงค์จากการถวายทานเต็มเปี่ยมเช่นกัน แม้นจะหักลบค่าใช้จ่ายจนเหลือบาทเดียวหรือห้าสิบสตางค์แต่นั่นคือเงินที่เหลือทั้งหมดของเรา เราสละเพื่อทำบุญให้ทานโดยทรัพย์นั้นๆก็จะเป็นทรัพย์ที่สุจริต เป็นทรัพย์ที่เราหามาโดยชอบ อานิสงค์ก็ยิ่งใหญ่เสมอกับทำเป็นเเสนเป็นล้านเช่นกัน

    ท้ายที่สุดการทำทานก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละคน การทำทานเต็มที่ไม่จำเป็นต้องทำในทรัพย์จำนวนมากเสมอไป ควรทำตามความพอดีพอเหมาะพอควรของเรา ทำเพื่อเป็นกุศลมิใช่อกุศล ทำเพื่อปลดเปลื้องคลายความตระหนี่ถี่เหนียวในใจไม่ใช่เพิ่มความยึดมั่นถือมั่น

    การทำทานนั้นท้ายที่สุดผู้ทำจะต้องไม่ลำบากไม่รู้สึกไม่สบายใจหลังจากให้ทานนั้นเเล้ว ทำให้เต็มที่เต็มภูมิความสามารถของตนเเต่ต้องไม่เดือดร้อนตนเเละครอบครัวเช่นนี้เเล้วทานนั้นก็จะมีอานิสงค์มาก ถึงจะทำ 1 บาท ก็ไม่ต่างจากทำเเสนทำล้านเลย เช่นนั้นเเล้วการทำทานถึงเป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียวมิใช่เรื่องลำบากหรือเป็นเหตุอันจะทำให้เสียทรัพย์เเลเกิดความพินาศฉิบหายเเก่ใคร หากเขาผู้นั้นไม่ทำเกินกำลังของตัวเอง

    ก็นำมาฝากกันไว้ เพราะเห็นมีหลายท่านเข้าใจผิดกันอยู่มาก เมื่อเห็นคนทำทานนั้นไม่ต้องไปน้อยเนื้อต่ำใจว่าทำไมเราทำได้ไม่เท่าเค้า เราควรจะยินดีเเละอนุโมทนาสาธุการกับเค้าเสียเลยด้วยซ้ำ

    สำหรับผมยกตัวอย่าง ผมก็จะมีวิธีง่ายๆของผม ที่พ่ออาจารย์ท่านเเนะนำให้ปฏิบัติ ก็คือผมจะกล่าวก่อนแผ่เมตตาเสมอๆว่า
    ในวันนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขออนุโมทนากับผลทานทั้งหลายก็ดี อันเกิดขึ้นเเล้ว ทั้งมนุษย์โลก เทวโลก ยมโลก พิภพบาดาล อสุรกายภูมิ เปรตวิสัยภูมิ ตลอดทั้งห้วงอนันตจักรวาล ทานอันเป็นเครื่องปลดเปลื้องพันธนาการ ทานนั้นและมหาทานทั้งหลายอันเกิดขึ้นเเล้วในวันนี้ ข้าพเจ้าขออนุโมทนาสาธุการกับการเสียสละเหล่านั้น

    เพียงเท่านี้เราก็จะมีความรู้สึกอิ่มเอิบขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ ถึงเเม้จะไม่ได้เป็นผู้ให้ แต่เราร่วมยินดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ ร่วมใจไปกับทานต่างๆเหล่านั้นด้วยทั้งที่เห็นหรือไม่เห็นก็ดี เพียงเท่านี้ใจของเราก็จะรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอิบในระดับหนึ่ง ก็อยากฝากไว้ให้ลองทำดูเพราะการให้ทานนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่กระทำได้ยากเสมอไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2014
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    สีผึ้งตำรับเขมรโบราณพันปี

    ในส่วนของวัตถุมงคลที่จะเเถมไปกับการบูชานั้นส่วนใหญ่จะมีตะกรุดสองชนิดดอกเล็กๆมอบไปด้วยถ้าไม่ลืม

    วันนี้จะเอาสีผึ้งอีกชนิดหนึ่งมาลงไว้นั่นคือสีผึ้งที่พ่ออาจารย์หุงเเละเคี่ยวมานานเสกเก็บมาตก 20 ปี เป็นสีผึ้งที่ท่านหามวลสารมาหุงเองล้วนเเต่ว่านยาหายากทั้งนั้นประกอบขึ้นตามสูตรเขมรโบราณพันปี มีทั้งของหาง่ายเเต่เอายากเเละของหายากและเอายาก รวมมวลสารเกิน 100 ชนิด มีอิทธิคุณดีทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม ตลอดจนเจรจาค้าขาย ใช้ให้ดีอยู่ในศีลธรรมชีวิตก็จะพบเเต่ความเจริญ สามารถนำมาสีปากได้ไม่มีพราย เป็นสีผึ้งที่ท่านพูดได้เต็มปากเลยว่าไม่มีพรายเเต่เเรงกว่าพราย

    ซึ่งสีผึ้งนี้ท่านไม่ได้ออกให้บูชาเเต่ประการใด เเต่ท่านให้ฟรีเป็นทาน เเละสุ่มให้ไป เวลาผมส่งของถ้าท่านมอบให้มาก็จะนำมาส่งให้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_4394.JPG
      SAM_4394.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      212
    • SAM_4393.JPG
      SAM_4393.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      220
  4. นัมรว

    นัมรว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    โอนค่าบูชากับค่าส่ง วัตถุมงคลประจำกายให้แล้วครับ รายละเอียดขอส่งทางข้อความครับ
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    ก็แจ้งกลับไปแล้วว่าต้องบูชาอะไรทำหรับท่านที่เเจ้งประสงค์จะขอบูชาจริงๆ

    ย้ำอีกรอบหนึ่ง สำหรับมงคลประจำกายนั้น ท่านจะทำให้เฉพาะคนเฉพาะดวงบรรจุดวงชะตาของเจ้าของไว้ด้วย ซึ่งก็ต้องส่งวันเดือนปีเกิดเวลาตกฟากมาให้ท่านผูกดวงดูดวงก่อน แล้วท่านจะพยากรณ์ผมก็จะจัดส่งไปให้ว่าท่านดูว่าอย่างไรมีอนาคตเเบบไหนมีอะไรต้องระวังเป็นพิเศษมั้ย

    และจะรับมงคลประจำกายรึเปล่าก็จะถามไปอีกที ซึ่งท่านก็จะดูจะคำนวณให้ว่าเเต่ละคนเหมาะกับอะไรใช้อะไรถึงขึ้นเช่นนี้ ก็ไม่สามารถตอบได้เลยทันทีว่าจะได้รับอะไร ในส่วนของที่เเจ้งความประสงค์โอนปัจจัยเรียบร้อยหลังจากท่านพิจารณาอีกครั้งเเล้วได้ผลสรุปว่าท่านจะทำอะไรให้ผมก็จะเเจ้งกลับไปว่าสรุปท่านจะทำอะไรให้เรา เป็นแบบนี้ก็เรียนมาเพื่อทำความเข้าใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2014
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    จันทร์เพ็ญ

    คงจะมีหลายๆคน อาจจะเคยคิดหรือสงสัย ว่าวัตถุมงคลที่สร้างเเละเสกในฤกษ์จันทร์เพ็ญนั้นดีอย่างไร ทำไมถึงต้องเจาะจงใช้ฤกษ์นี้เสกเครื่องมงคลด้วย และที่สำคัญคือทำไมส่วนมากถึงจะเป็นวัตถุมงคลทางด้านมหาเสน่ห์ด้วยที่ถูกนำมาเสกในฤกษ์นี้

    ก็มากล่าวถึงกันซักนิดว่าทำไม พ่ออาจารย์ท่านเล่าเรื่องของพระจันทร์ หนึ่งในเทพนพเคราะห์ให้ฟังคร่าวๆ ท่านว่าเมื่อก่อนพระจันทร์เป็นเทวดาที่เจ้าชู้มาก ประกอบกับมีรูปกายสิริโฉมที่งดงามผิดแปลกเทวดาองค์อืนๆ จึงทำให้เป็นที่ปรารถนาเเละน่าจับตามองของบรรดานางฟ้านางสวรรค์ทั้งหลาย ท่านก็โปรดที่จะสังวาสไปเรื่อยๆเเม้จะมีชายายเป็นตัวเป็นตนอยู่เเล้วมากมายก็ตาม ที่ยังโสดก็ดีไป ที่ไม่โสดคือมีพระสวามีเเล้วก็กลายมาเป็นข้อพิพาทใหญ่หลวง

    จากเทวตำนานนั้น มีหลายครั้งที่พระจันทร์ได้ล่วงเกินหลับนอนกับหญิงที่มีพระสวามีเเล้วร้อนถึงพระวรุณผู้เทพบิดาต้องมาไกล่เกลี่ยช่วยเหลือหลายครั้งหลายหน จนกระทั่งพระจันทร์ได้นางดาราชายาพระพฤหัสบดีจนมีโอรสของพระจันทร์ที่เกิดกับนางดาราคือพระพุธ ซึ่งเหตุนี้ก็ทำให้เกิดกรณีพิพาทอย่างรุนเเรงขึ้นนำไปสู่มหาสงครามครั้งใหญ่ที่เรียกว่าเทวาสุรสงครามนั่นเอง

    ในกรณีพิพาทนี้เหล่าเทพเเละเหล่าอสูรได้เลือกกันเข้าข้างฝ่ายที่ตัวเองพอใจเเละช่วยกันรบโดยอสูรคุรุศุกราจารย์ก็ได้เข้ากับพระจันทร์ทำให้บรรดาเทพอสูรทั้งหลายพากันเข้าข้างพระจันทร์ตามพระอาจารย์ของตนเอง เเละทางฝ่ายคุรุเทพพฤหัสบดีก็มีเหล่าเทวดาเเละศิษย์ทั้งหลายในฝั่งเทพเข้าข้าง ก่อสงครามที่ยิ่งใหญ่กันขึ้นมาที่ดึงเอาเทพเจ้าองค์สำคัญเข้ามาเกี่ยวข้องเกือบทั้งหมดเเละเเม้เเต่ทางฝั่งอสูรเองก็มีระดับเทพอสูรในตำนานเหล่าจอมภพเเละจอมอสูรทั้งหลายเข้าร่วมรบด้วยชนิดเต็มกำลังอัตราศึก เดือดร้อนถึงพระเป็นเจ้าทั้งสาม สุดท้ายเเล้วก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายพระบรมบิดาพรหมเทพจึงได้มายุติมหาสงครามเเละไกล่เกลี่ย ส่วนพระจันทร์นั้นก็ตกต่ำจากเหตุการณ์นี้ทำให้เทพทั้งปวงไม่อยากจะคบหาสมาคมด้วย

    กาลต่อมา พระจันทร์ได้ขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดคือองค์พระศิวะเจ้า ด้วยมหากรุณาของพระองค์ พระองค์จึงนำพระจันทร์มาทำปิ่นปักผม เวลาพระเป็นเจ้าเสด็จยังเทวสภาก็เท่ากับพระจันทร์ได้ร่วมประชุมในเทวสภาด้วย และเทวดาทั้งหลายก็ไม่มีใครกล้าขึ้นเสียงตำหนิหรือตั้งเเง่อคติอีกต่อไป เพราะพระเป็นเจ้าศิวะสังกรณ์ท่านทรงเมตตาช่วยเหลือดังนี้

    จะเห็นได้ว่ากรณีพิพาทยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเทวสุรสงครามนั้น ก็มีเหตุมาจากเพียงเรื่องความหล่อเหลาสง่างามของพระจันทร์นั่นเอง และในภายหลังพระจันทร์ได้ถูกพ่อตาสาปให้มีรูปกายเว้าเเหว่งตามที่เราเห็นๆ จะมีก็เเต่เพียงในวันเพ็ญเท่านั้น ที่พระจันทร์กลับมามีรูปกายครบถ้วนสมบูรณ์ เรียกได้ว่ากลับมามีรูปกายที่สง่างามสูงสุดเต็มพระองค์ไขรัศมีประกาศความงามที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสาเหตุให้เกิดเทวาสุรสงครามมาเเล้ว

    ซึ่งฤกษ์จันทร์เพ็ญเเละจันทร์เต็มดวงนี้สำหรับพ่ออาจารย์ท่านจะใช้เสกเครื่องมงคลทางด้านมหาเสน่ห์ เพื่อที่จะให้ผู้ใช้ได้ผลเเบบพญายกครัวพญาเทครัวเเละยังทำให้ผู้บูชามีรูปกายงามผ่องใสหมดมลทินดุจดั่งพระจันทร์ท่านอีกด้วย โดยท่านจะมีพิธีเพิ่มเติมหลังจากปลุกเสกก็คือการนำวัตถุมงคลมาวางไว้อาบเเสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญเพื่อจะซึมซับรัศมีเเละเชิญองค์จันทร์เทพลงมากระทำพิธีปลุกเสกชุบให้เป็นการพิเศษ เรียกได้ว่าเป็นฤกษ์ที่เหมาะสมสุดๆในการสร้างเครื่องมงคลทางด้านเสน่ห์ก็ว่าได้ที่ยากจะหาฤกษ์อื่นใดมาเสมอเหมือน

    ก็เห็นมีคนโทรมาถามว่าฤกษ์จันทร์เพ็ญนี่ดีอย่างไร เลยถือโอกาศนำมาพิมพ์บอกกล่าวกันไว้ให้ทราบกันทีเดียวเลย เป็นเกล็ดความรู้เล็กๆ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2014
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    นิมิตร

    วันนี้พ่ออาจารย์เล่านิมิตรให้ผมฟัง ก็ฟังหูไว้หูไม่ต้องเชื่อก็ได้

    พ่ออาจารย์ท่านมีนิมิตรว่าท่านได้พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานมาองค์หนึ่ง ซึ่งท่านว่าแปลกหลวงพ่อเงินที่เรามีองค์ไหนก็ไม่เห็นจะมีลักษณะแบบนี้

    ในนิมิตรนั้นหลวงพ่อเงินผู้เป็นเจ้าของพระได้ออกมาพบกับพ่ออาจารย์ โดยการปรากฏกายเนื้อ พ่ออาจารย์เล่าว่า ท่านพาเราไปดูอะไรแปลกๆ โดยท่านนำลำไม้ไผ่สองท่อนมาประกอบติดกันในแบบตั้งฉากแล้วท่านก็พาเราไปที่คลองเเห่งหนึ่ง

    ในคลองนั้น หลวงพ่อเงินท่านลงน้ำไปเองให้เรายืนดูอยู่บนฝั่ง ท่านโผล่ศรีษะท่านเเต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นไม่พ้นจมูก พร้อมกับนำลำไม้ไผ่นั้นช้อนอะไรซักอย่างที่ผิวน้ำ

    เราพยายามมองตามก็เห็นก้อนเเร่เล็กๆผุดขึ้นมาจากคลอง พอหลวงพ่อเงินท่านนำลำไม้ไผ่ไปใกล้ๆก้อนเเร่ก็จะพลิกตัวกลับท่านทำเเบบนี้จนไปขึ้นที่ศาลาอีกท่าหนึ่ง ได้ก้อนเเร่ในปริมาณมากมหาศาล ต้องใช้ชาวบ้านช่วยกันขน

    เรานึกแปลกใจที่แร่อะไรหนักปานนั้นจะลอยเหนือผิวน้ำได้เฉยๆ พอท่านขึ้นจากน้ำมาท่านก็มาสนทนากับเรา ท่านว่าแร่เหล่านี้ยังมีอยู่ ต้องเรียกขึ้นมาให้ได้ก่อนค่อยคิดจะทำ หลวงพ่อท่านบอกว่าถ้าจะสร้างรูปหล่อ ต้องทำให้ได้อย่างนี้ รูปหล่อที่สร้างกันสมัยนี้ยังใช้ไม่ได้

    เราก็เก็บมาขบคิดก็เห็นจริงตามท่านว่า ท่านให้เราเห็นเเม้ท่านจะเป็นพระที่มีศรัทธาสาธุชนเคารพกันมาก มีพรรษาอายุกาลที่สูง เวลาท่านจะหล่อรูปหล่อในอดีต ท่านยังต้องงมน้ำหาเเร่ด้วยวิทยาคมของท่านเอง ไม่ได้ใช้ให้ใครไปหาไปงมแทนท่าน ไม่ทำโดยสุกเอาเผากินจ้างโรงหล่อมาฉีดๆหล่อๆ เหมือนจะแสดงให้เห็นว่าสมัยนี้การสร้างพระรูปหล่อนั้นขาดอะไร ก็ฝากไว้เป็นข้อคิดเเละพิจารณาไปพร้อมๆกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2014
  8. THATCHAKON

    THATCHAKON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +3,250
    -แจ้งโอนเงินบูชาวัตถุมงคลสายบารมีคู่บุญ คู่ชีวิต (มงคลประจำกาย)

    1) โอนวันที่ 15/11/14 เวลา: 07.26 จำนวน 5,000 บาท
    DSC07328.JPG

    2) โอนวันที่ 15/11/14 เวลา: 07.27 จำนวน 100 บาท
    DSC07329.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2014
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    ความเชื่อ

    สวัสดีตอนเช้าๆนะครับ วันนี้ก็จะนำเรื่องสาระมากล่าวโดยพอสังเขปอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเรื่องเกี่ยวกับความเชื่ออันเนื่องมาจากวัตถุมงคล

    ได้ยินได้ฟังกันมานาน เกี่ยวกับวัตถุมงคลที่หลากหลายทั่วประเทศ เป็นตำนานเป็นประวัติประสบการณ์ต่างๆของวัตถุมงคลเเต่ละรุ่นเหมือนเป็นสตอรี่เลยก็ว่าได้

    ทีนี้ก็มีปัญหาคาใจสำหรับบุคคลบางท่านอยู่ นั่นก็คือวัตถุมงคลรุ่นเดียวกันทำไมเขาใช้ขึ้นเเต่เราใช้ไม่ขึ้นแม้กระทั่งลองเปลี่ยนให้คนสองคนใช้วัตถุมงคลองค์เดียวกันเเต่ทำไมคนนึงมีประสบการณ์อีกคนกลับไม่มี

    เรื่องนี้ได้รับฟังผ่านหูมาบ้างเหมือนจะเป็นคำถามโลกเเตก แต่ก็ได้ลองปรึกษาพ่ออาจารย์พลเพื่อจะนำเหตุผลมาขยายเเละบอกกล่าวกับคนที่สงสัยนั้นๆ

    โดยบริบทเเล้ววัตถุมงคลท่านก็เปรียบเหมือนอาหารที่ปรุงสำเร็จ คนนำไปต้องกินถึงจะรู้รสอาหาร นำไปทิ้งไปเก็บก็เน่าเสียเปล่า จะต่างกันเเต่เพียงว่าอาหารตัวนี้ที่กินจะไม่พร่องไม่หมด มีเเต่จะเสื่อมด้อยถอยลงตามจิตใจของผู้ใช้เท่านั้น

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวัตถุมงคลนั้นเป็นสิ่งที่ได้บรรจุไว้ด้วยพลังงานทางจิตตานุภาพเป็นพลังงานที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเเละจับต้องไม่ได้เนื่องจากปราศจากสะสารเสมือนเป็นอากาศธาตุเช่นนั้น

    สิ่งเหล่านี้เมื่อปรุงเเต่งเเละเสกมาดีเเล้วการนำไปใช้ให้ได้ผลสูงสุดก็ต้องพึงอาศัยจิตของผู้รับเอง เเละจะต้องเป็นจิตที่ถึงพร้อมด้วยความเชื่อเท่านั้น สิ่งนี้จะทำให้ผู้ใช้ดึงพลังงานของวัตถุเเละเครื่องมงคลทั้งหลายออกมาได้ถึงจุดสูงสุด

    ดังนั้นก่อนที่เราจะบูชาอะไร ควรพิจารณาให้ถึงพร้อมว่าเราจะบูชาไปใช้ หรือไปวางไว้ เฉกเช่นอาหารที่เราซื้อไปแล้วเรากินรึเปล่ารึเอาไปเเค่ประดับสะสม นอกจากนั้นต้องพิจารณาตัวเราเองด้วยว่าเราเชื่อมั่นในพ่อแม่ครูอาจารย์แค่ไหน เราศรัทธาท่านเพียงใด เพราะมันจำเป็นต่อจิตของเราที่ต้องเชื่อโดยปราศจากความกังขาในเครื่องมงคลที่ท่านประสิทธิประสาทให้ดีเเล้วนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2014
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    ตอบPMของวันนี้ครบเเล้ว

    ที่จริงมีตะกรุดตัวนึงพ่ออาจารย์ท่านให้มาลงเกือบอาทิตย์แล้วก็ยังไม่มีเวลาลงซักที

    ท่านฝากมาอีกเรื่อง เป็นข้อคิดดีๆ สำหรับคนที่ห้อยพระศรัทธาในพุทธคุณทั้งหลายนั่นคือ อย่าห้อยเเต่เพียงเพื่ออวด เพื่อโชว์ แต่ให้ใช้ใจห้อย เคารพบูชาอย่างจริงจัง จะทำผิดคิดชั่วก็ให้ละอายกับพระที่ใส่ในคอที่ติดตัวไปไหนมาไหนกับเรา เป็นเครื่องถ่วงดุลย์และเตือนสติเราไม่ให้มีความคิดออกนอกลู่นอกทาง เปรียบเสมือนเป็นอุบายธรรมเพราะธรรมมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะให้ความสำคัญกับพระที่เราห้อยคอได้เพียงไหน ถ้าเรามองว่าคือรูปเคารพใช้สวมใส่เเบบนี้ก็จะไม่มีความเกรงใจไม่สามารถฉุดรั้งเราได้เเต่หากมองเป็นอนุสติเป็นรูปแทนพระศาสดาเเทนพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เรานับถือ ก่อนที่เราจะทำผิดคิดชั่วอะไรเราย่อมเกรงใจท่านบ้างเช่นนี้เป็นต้น
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    คาถา

    วันนี้จะมาพูดเรื่องคาถาอาคมกันพอประมาณ

    จากที่ได้ถามเเละคุยกับพ่ออาจารย์ในเรื่องนี้ การใช้วัตถุมงลนั้นนิยมสวดคาถาควบคู่กันไปด้วย เพื่อความมั่นใจว่าจะสัมฤทธิ์ผลเเละเห็นความศักดิ์สิทธิ์ได้ไวเเละรวดเร็ว

    ซึ่งในกรณีนี้คาถาก็มีความจำเป็นอยู่ ครูบาอาจารย์อาจให้ไว้เป็นเครื่องฝึกสติฝึกจิตใจควบคู่ไปกับการใช้เครื่องมงคลนั้นๆ ให้ผู้ใช้รู้จักการทำใจให้สงบรู้จักการภาวนาเป็นอุบายธรรมอันลึกซึ้งที่เเฝงให้ผู้ใช้ได้เจริญสติเจริญปัญญากันไปเพื่อเหตุเเห่งความเจริญมรรคผลนิพพานของเเต่ละคน

    แต่โดยบริบทของเครื่องมงคลเเล้วไม่จำเป็นเสอไปที่จะต้องใช้คาถาอาคมก็ได้ เพราะของที่เสกแล้วสำเร็จเเล้ว คาถาทั้งหลายนั้นก็เป็นเพียงเครื่องกระตุ้นกำลังใจของเรานั่นเอง

    การจะไหว้บูชาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นที่จริงไม่จำเป็นต้องใช้คาถาใดๆเลย เพียงเเต่ใช้ความจริงใจเเละความบริสุทธิ์ใจของเราเป็นเครื่องตั้งมั่นเมื่อจะใช้จะขออะไร ไม่ต้องไปสรรหาภาษาขอมหรือบาลีที่ไหนที่เเม้เเต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ความหมาย เอาภาษาไทยที่เราพูดได้เราเข้าใจนี่แหละ พูดออกมาจากใจด้วยความบริสุทธิ์ใจความเชื่อมั่นตั้งมั่นของเรา เมื่อจะใช้จะขออะไรเเล้ว เทพเจ้าเเละสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านย่อมจะพึงพอใจกำลังใจของเราความบริสุทธิ์ใจของเรามากกว่าตัวบทคาถาเหล่านี้แน่นอน

    การสื่อสารให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดี หากเราคิดว่าเราจะสื่อกับท่านด้วยใจด้วยความรู้สึกเราเเล้ว คงจะเป็นการยากถ้าเเม้เเต่เรายังไม่เข้าใจตัวของเราเอง

    อันนี้ก็ฝากกันเอาไว้ ท่านบอกว่าจะได้ไม่ยึดติดมากหรือตึงเกินความพอดี
     
  12. คุณธี_khuntee

    คุณธี_khuntee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +100
    รบกวนสอบถาม ที่ผมบูชาไป จะได้วัตถุมงคล เมื่อไหร่ ครับ
    รบกวนด้วยน่ะครับ
    คุณธี
    บัญชีนึงโอนค่าวัตถุมงคล 1800.02 บาท
    เวลา 11.31น.(21/07/2557)
    อีกบัญชีโอนค่าส่ง100.09บาท
    เวลา 11.31น.(21/07/2557)
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    รับทราบ PM ตอบกลับไปแล้วนะครับ

    สำหรับท่านที่รีดแผ่นเงินมาลงตะกรุด วันนี้ก็ได้รับเเผ่นเงินที่รีดมาให้ท่านลงตะกรุดเรียบร้อยเเล้วนะครับเเจ้งเพื่อทราบจะได้สบายใจ
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    คาถาฝากมาให้

    พระคาถาบทนี้พ่ออาจารย์ท่านให้ไว้บูชาสีผึ้งทุกชนิดของท่าน โดยเฉพาะที่ท่านเเถมให้ไปกับวัตถุมงคลเพื่อให้นำไปใช้ วันนี้จะมาเเนะนำกลเม็ดเคล็ดไม่ลับกันซักนิด ก่อนจะใช้สีผึ้งของท่านให้ว่าพระคาถา ดังนี้

    สุวัณณะปะภูมี คันตะมะมัจเจคะลัง ตถาคตัง เชยยะกมังมันติมหาเตชัง มหิทธิกัง เอวมาทิคุณูเปตัง ปริตชะนะตัมภนามะเห

    เป็นสูตรการใช้ของพ่ออาจารย์ท่านหลังจากบริกรรมบทพระคาถา 3 คาบ 7 คาบ จนใจสงบได้ที่เเล้ว ให้นำสีผึ้งนั้นมาสี สำหรับการสีนั้นก็เเบ่งหลักการใช้ไว้ดังนี้
    - สีที่ปาก ไปหาขุนนางผู้ใหญ่ท้าวพระยาเจ้านาย เขารักเขาเมตตาเราดุจลูกในอก ให้ความปราณีเอ็นดูเราเช่นเครือญาติ
    - สีที่ตีนผมด้านหลัง คือช่วงประมาณต้นคอด้านหลัง สำหรับบริเวณนี้ให้ใช้กับคนที่มีเมียเเล้ว ท่านว่าเพิ่มเสน่หาให้ภรรยารักหลงยิ่งกว่าเก่า เมียท่านรักท่านนักหนานั่นทีเดียว
    - สีที่ต้นคอด้านหน้า สำหรับคนที่มีปัญหาในครอบครัวพี่น้องไม่รักใคร่ปรองดอง พ่ออาจารย์ท่านให้นำสีผึ้งสีที่บริเวณนี้พี่น้องรักท่านนักหนา สามัคคีกลมเกลียวกันไม่รู้จักการวิวาทเลย
    - สีท้องน้อย สำหรับหนุ่มเจ้าชู้ทั้งหลายที่ปรารถนาจะให้หญิงสาวที่ตนรัก รักใคร่เมตตาตนเองตอบเเละเป็นเสน่ห์ทั่วไป ท่านให้นำสีผึ้งมาสีที่บริเวณนี้
    - สีที่หน้าอก (ข้อนี้คุณผู้ชายทั้งหลายอย่าทำ) ท่านให้สำหรับผู้หญิงที่ยังหาแฟนมิได้หรือปรารถนาจะให้ชายที่ตนรักมารักตอบมาเมตตาตน รวมไปถึงสาวประเภทสอง ท่านให้นำสีผึ้งนี้มาสีที่หน้าอกเค้ารักเราหนักหนา
    - สีที่สีข้าง สำหรับวิธีนี้เป็นการใช้สำหรับผู้ที่ตกหลุมรักสาวแก่แม่หม้ายโดยเฉพาะ จำไว้ให้ดีเเยกไว้ให้ถูกถ้าปรารถนาเด็กสาวให้สีที่ท้องน้อย เเต่ถ้าผู้หญิงที่พึงใจสูงอายุกว่าเราหรือเป็นแม่หม้ายให้ใช้สีผึ้งสีที่สีข้างของเรา ท่านว่าเป็นมหาเสน่ห์อย่างเด็ดขาดเช่นกัน
    - สีที่แขน วิธีนี้ใช้โดยรวมกล่าวคือเป็นเสน่ห์เมตตาเเค่คนหมู่มากทั้งหลาย ประดุจเป็นมหานิยมใหญ่แก่ตัวเอง

    สำหรับวิธีการใช้เหล่านี้ ให้ใช้สีหลังจากที่ตั้งจิตบริกรรมภาวนาพระคาถาเล่นคาบลมเสร็จเเล้ว หลังจากนั้นจึงอธิษฐานบอกกล่าวถึงพ่อแม่ครูอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกความปรารถนาความต้องการเเก่ท่านเเล้วจึงนำมาสีตามอุปเท่ห์ที่ได้เเนะนำไว้ตอนต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2014
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    คาถาฝากมา 2

    ก็เฉกเช่นเดียวกันพระคาถาบทนี้ ท่านให้ไว้ใช้กับสีผึ้งของท่าน แต่จะเเตกต่างจากพระคาถาข้างต้น นั่นคือบทนี้ท่านให้ไว้ใช้ในเรื่องลาภสักการะ สำหรับผู้ที่เเสวงหาเงินทองนั่นเอง

    เมื่อเราจะเดินทางไปแสวงหาลาภหรือติดต่อธุรกิจการงานใดๆ หรือต้องดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการเจรจาเงินทองเช่นนี้ ท่านให้ภาวนาพระคาถาดังนี้จะมีลาภสักการะมาก

    อัตถะโข นาคราชา พหุปากาลังเม หริติกังสุวัณณะมาลา วปามะมะ สันตะเมติ

    เมื่อภาวนาพระคาถาจนจิตสงบ ครบ 3 คาบ 7 คาบ ดีเเล้ว ให้นำสีผึ้ง สีที่อวัยวะต่างๆ ตามวันที่ตัวเองจะเดินทางไปประกอบภารกิจ ดังนี้
    วันจันทร์ ท่านให้นำสีผึ้งสีที่ปลายลิ้นเเล
    วันอังคาร ท่านให้นำสีผึ้ง สีที่หน้าผากตนเเล
    วันพุธ ท่านให้เอาสีผึ้ง สีที่ดั้งของเราเองแล
    วันพฤหัสบดี ท่านให้เอาสีผึ้งสีที่แก้มและริมฝีปากตนเเล
    วันศุกร์ ท่านให้เอาสีผึ้ง สีที่นมและหัวใจของตนเองแล
    วันเสาร์ ท่านให้เอาสีผึ้ง สีที่ท้องเเละสะดือเเล
    วันอาทิตย์ ท่านให้เอาสีผึ้งสีที่แขนแล

    สำหรับการใช้ก็เช่นเดียวกัน ให้ใช้สีหลังจากที่ตั้งจิตบริกรรมภาวนาพระคาถาเล่นคาบลมเสร็จเเล้ว หลังจากนั้นจึงอธิษฐานบอกกล่าวถึงพ่อแม่ครูอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกความปรารถนาความต้องการเเก่ท่านเเล้วจึงนำมาสีตามอุปเท่ห์ที่ได้เเนะนำไว้ตอนต้น
     
  16. chromosome x

    chromosome x เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +1,512

    ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่แจ้งครับ รายละเอียดผมขอตอบทาง PM นะครับ

    ขอบคุณอีกครั้งครับ

    ฤทธิไกร
     
  17. นัมรว

    นัมรว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    รบกวนขอวิธีอาราธนาด้วยครับ และขอความรู้ด้วยครับ พ่ออาจารย์ลง/ฝังอะไรให้บ้างครับ อยากทราบไว้เป็นความรู้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      531.9 KB
      เปิดดู:
      236
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2014
  18. ยอดกตัญญู

    ยอดกตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +329
    ตะกรุดหนุนดวงเยี่ยมครับ ได้สั่งตะกรุดผูกดวงคู่รักบรมครูพระศุกราจารย์กับท่านพ่อไป พอดีสั่งให้น้องใช้เห็นผลจนเราอยากได้มั่ง รอเวลาครับให้พ่อท่านทำไม่ต้องรีบ เอาแน่นๆ
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    ท่านว่าอธิษฐานอาราธนาได้เลยครับ เชิญเหมือนเชิญเทพเข้าบ้านมีบายศรีปากชามน้ำเปล่าน้ำชาพวงมาลัยหมากพลู ด้านหลังท่านลงเป็นยันต์ดวงครับเเล้วก็จะมีเน้นเป็นด้านๆตามดวงของคนที่ขาดเหลือสิ่งใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2014
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,138
    ค่าพลัง:
    +16,534
    พระภูมิเจ้าที่

    พอดีมีโอกาสคุยกับท่านก็เลยถือเป็นเรื่องดีๆที่จะเล่าไว้เป็นความรู้ให้ทราบทั่วกัน

    คติไทยสมัยก่อนนั้นจะเชื่อกันว่าพระภูมิ คือเจ้ากรุงพาลีเเละครอบครัวของท่านเป็นพระภูมิที่อยู่ตามเขตต่างๆซึ่ง ท่านทั้งหลายเหล่านี้เป็นพระภูมิใหญ่และยังจะมีพระภูมิย่อยๆอยู่อีกตามบ้านเรือนของมนุษย์

    ซึ่งพระภูมิทั้งหลายเหล่านี้ก็คือเทวดาจำพวกหนึ่งอาจจะจัดไว้ได้ในระดับอากาศเทวา ซึ่งเทพยาดาเหล่านี้จะไม่มีวิมานเป็นของตนเอง ต้องอาศัยสิงสถิตย์ตามต้นไม้ใหญ่บ้าง ภูเขาหรือจอมปลวกบ้างเช่นนี้เป็นต้น ซึ่งวิมานของท่านทั้งหลายเหล่านี้ ก็เป็นหน้าที่ของท้าวมหาราชทั้ง4 แห่งจาตุมหาราชิกาสวรรค์ที่จะประทานเขตแดนเเละวิมานให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่

    แต่ก็ปรากฏว่ามีพระภูมิที่ยังไม่มีวิมานอยู่เยอะเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะมีปริมาณมากจนท้าวมหาราชท่านจัดสรรค์ให้ไม่ทันก็เป็นได้ เเละอีกเหตุหนึ่งคือพระภูมินั้นมีอาณาเขตการอาศัยอยู่ทับซ้อนลงไปกับมนุษย์ด้วยนั่นเอง

    กล่าวคือเราใช้ชีวิตกันอยู่นี้ ก็จะมีภพอีกภพหนึ่งอีกมิติหนึ่งซึ่งทับเเละอยู่ใกล้เคียงกับเรา ใช้ชีวิตไปพร้อมกับเราเห็นการกระทำของเราอาจจะอวยประโยชน์หรือให้คุณลุโทษแก่เราได้ ซึ่งภพนี้ก้คือภพของพระภูมินั่นเอง

    และมนุษย์นั้นก็ได้ทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของสวรรค์ขึ้นมา นั่นคือการเเทรกเเซงอำนาจของท้าวมหาราชจตุโลกบาล โดยการตั้งศาลพระภูมิขึ้น ให้เป็นวิมานของอากาศเทพยดาจำพวกนี้ เชิญท่านเหล่านั้นมาสิงสถิตย์อยู่ ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า พระภูมินี้ ไม่ใช่จะมีเพียงเเต่เป็นร่างเทพยดาเท่านั้น เนื่องจากพระภูมิทั้งหลายอยู่ในบริบทของบริวารของท้าวจตุมหาราชนั้น พระภูมิจึงเป็นได้ทั้ง เทพ คนธรรพ์ พญานาค หรือแม้เเต่ยักษ์ซึ่งเป็นชาวสวรรค์ที่มนุษย์มักนำไปปะปนกับอสูรรากษส

    เมื่อพระภูมิมีหลายจำพวก ก็ย่อมจะมีหน้าที่ต่างๆกันไป ให้คุณมากก็มี ลุแก่โทสะมากก็มี ตามวิสัยสัญชาติอันมีมาเเต่เพศเดิม เเละเพราะมนุษย์นั่นแหละที่อยู่ดีไม่ว่าดี ได้ใช้กำลังความคิดประดิษฐ์ศาลพระภูมิขึ้น ไปเชิญท่านเข้ามาอยู่เอง บางครั้งสิ่งที่อยู่ในศาลพระภูมิจึงไม่ใช่พระภูมิหรืออากาศเทพยดาเสมอไป อาจจะเป็นภูติผีวิญญาณสิ่งอัปมงคลหรืออื่นๆ เพราะเราได้เผลอก้าวล้ำเส้นแดนแบ่งเขตไปเสียเเล้ว เราได้กระทำสิ่งที่อยู่ในอำนาจของท้าวมหาราชจตุโลกบาลโดยการตั้งวิมานกำหนดอาณาเขตขึ้นมา ทั้งที่เราไม่มีสิทธิเหล่านั้น เพราะมนุษย์ไม่ได้ล่วงรู้ถึงขนาดวิมานที่ท้าวมหาราชจตุโลกบาลจะประทานลงมาให้ของพระภูมิเเต่ละองค์ที่แตกต่างกันไป ไม่ได้ล่วงรู้ถึงอาณาเขตที่เจ้าสวรรค์ทั้งสี่จะมอบหมายให้พระภูมิองค์นั้นๆทำการดูแลรักษา นี่จึงเป็นผลตอบแทนอีกประการที่มนุษย์จะได้รับกับพระภูมิเกเรหรือสัมภเวสีที่จะมาสถิตย์อยู่ในศาลเเทนก็ไม่อาจจะเป็นที่ล่วงรู้ได้

    อาจจะเกิดคำถามขึ้น ถ้าเราไม่ตั้งศาลเเล้วพระภูมิท่านจะอยู่ตรงไหน ท่านเป็นเทพยดาอาศัยอยู่ในสิ่งใดก็ได้ อาจจะเป็นซุ้มประตูหน้าบ้านหรือในที่ต่างๆที่ท่านเลือกว่าเหมาะสมอันนี้ในกรณีที่ยังไม่มีวิมานทิพย์ของท้าวมหาราชจตุโลกบาลที่จะประทานลงมาให้ก็จะอาศัยสิงสู่อยู่ก่อนแบบนั้น หากเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านเกิดธรรมาพิศมัยขึ้นมา เเม้ไม่ต้องตั้งศาลจุดธูปเซ่นสรวง ท่านก็เอื้อประโยชน์อำนวยความสุขสบายแก่เราได้ เพราะพระภูมิที่สวรรค์เลือกสรรค์เเละประทานมาให้ตามอาณาเขตนี้ย่อมจะเป็นพระภูมิฝ่ายสัมมาทิฏฐิที่ความประพฤติดีในระดับหนึ่งเเละการประทานวิมานพระภูมินั้น ท่านก็จะจัดสรรค์ตามคุณงามความดีการบำเพ็ญประโยชน์ของพระภูมิองค์นั้นๆเอง ซึ่งเมื่อได้วิมานจากท้าวมหาราชท่านก็มักจะประทานพรให้คู่กันพร้อมกำหนดอาณาเขต ซึ่งสิ่งเหล่านี้มนุษย์ทำไม่ได้เเละไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว

    หากท่านปรากฏรูปหรือมาบอกเเก่เราเเล้วว่าท่านต้องการศาลท่านเป็นพระภูมิลำบากหรือตกยากไม่มีที่อยู่ นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะสามารถตั้งศาลให้ท่านได้ โดยการประกอบพิธีให้ถูกต้อง

    บุคคลที่จะตั้งศาลพระภูมิได้ จะต้องสามารถติดต่อกับท้าวมหาราชจตุโลกบาลทั้งสี่พระองค์ได้ เมื่อจะตั้งต้องได้รับโองการขออนุญาติจากท่านเสียก่อนให้ท่านพิจารณาอาณาเขตเเละความเหมาะสมต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้อยู่ในดุลย์พินิจของท่าน อยู่ในอำนาจโดยชอบธรรมของพระองค์ท่านทั้งสี่ เมื่อมีใครไปดึงอำนาจของเรามาใช้หรือมาเเอบอ้างเราย่อมไม่ชอบอันนี้คิดเเค่เรื่องใจเขาใจเรา ยิ่งทำในสิ่งที่เกินอำนาจเช่นนี้ยิ่งมีเเต่ปัญหา สิ่งที่จะตามมาก็มีเเต่ภัยพิบัติหนักนักซ้ำร้ายเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหน่อย เเทนที่จะได้พระภูมิมาอยู่ก็จะกลายเป็นเชิญวิญญาณสัมภเวสีเข้ามาในบ้านตัวเองเสียเองก่อให้เกิดความวุ่นวายโรคร้ายดวงตกต่างๆแทนที่จะเป็นสิริมงคลก็จะได้รับคำสาปแช่งจากเหล่าเทพยดาเเทน ซึ่งศาลพระภูมิในปัจจุบันนั้น น้อยกว่าน้อยที่จะเป็นพระภูมิเจ้าที่อันได้รับสิทธิหน้าที่โดยชอบธรรมจากท้าวมหาราชจตุโลกบาล ส่วนมากก็จะเป็นในกรณีของสัมภเวสีเทวดาเกเรที่มาอยู่กันเสียมากกว่ามาก

    เรื่องนี้ท่านก็ฝากเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ให้มนุษย์ผู้ไม่รู้ ได้รู้ในสิ่งที่ควรรู้ ถ้าหากเราไม่มีคุณธรรมมากพอไม่มีคุณวิเศษใดๆก็อย่าได้ท้าทายสิทธิเเละอำนาจในพระองค์ของท้าวมหาราชจตุโลกบาลทั้งสี่เพราะสิ่งที่ได้กลับมาอาจจะได้ไม่คุ้มเสียก็เป็นได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...