รู้ไส้ภัยพิบัติ

จะทยอยเอามาลงให้อ่านจะได้ช่วยกันติติงแก้ไข เพื่อใช้เป็นต้นฉบับในการจัดพิมพ์ต่อไป(i)
------------------------------------------------------------------
คำนำ

ภัยความหมายตามพจนานุกรรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ หมายถึง “ สิ่งที่น่ากลัว อันตราย ”
พิบัติ หมายถึง “ความคลาดเคลื่อน ความผิด ” และ ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย เงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ให้ความหมายว่า “สาธารณะภัย” ได้แก่ อัคคีภัย, วาตภัย, อุทกภัย, ภัยแล้ง, ภัยจากลูกเห็บ, ไฟป่า, ภัยจากโรคระบาด, อากาศหนาวจัดผิดปกติ, ภัยสงคราม, ภัยจากการก่อการร้าย กองกำลังจากนอกประเทศ หรือจากการปราบปราบของเจ้าหน้าที่ทางราชการ ตลอดจนภัยอื่นๆ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือรัฐ

ภัยพิบัติ (Disaster) เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดปรารถนาให้เกิด เป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถจำเพาะเจาะจง หรือคาดเดาได้อย่างแน่นอน 100% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภัยที่เกิดจากธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ แต่ยังมีภัยใกล้ตัวที่เกิดด้วยน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน เช่น สงครามนิวเคลียร์ เป็นต้น

นักวิทยาศาสตร์ นักสถิติ และนักวิชาการต่างๆ หลายประเทศ ได้พยายามค้นหาวิธีการ, คาดการณ์ เพื่อการคำนวณความน่าจะเป็นในการเกิดภัยพิบัติรูปแบบต่างๆ
ตลอดเวลา ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงคำเตือนในรูปแบบเหนือธรรมชาติอื่นๆ ซึ่งมาในรูปแบบของการพยากรณ์ล่วงหน้าโดยผู้ทรงฌาน บันทึกและชาดก และในรูปแบบของโหราศาสตร์การคำนวณดวงดาว เหล่านี้มาจากพื้นฐานความพยามยาม...ที่จะบอกเล่า...ที่จะย้ำเตือน...เพื่อให้ท่านทั้งหลายดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท

การไม่เกิดเหตุภัยพิบัตินั้นเป็นความปราถนาอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ทุกผู้ แต่การอยู่อย่างประมาท คิดว่าไม่มีทางเกิดภัยพิบัติได้ คิดว่ายังไกลตัวเป็นเหตุที่นำมาซึ่งความวิบัติ และความสูญเสียอันใหญ่หลวง มานับครั้งไม่ถ้วน เพราะภัยพิบัตินั้นยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาหรือกำหนดเจาะจงได้

ประเทศไทย จากสถิติการเกิดภัยพิบัติ ที่ผ่านมามีอัตราความสูญเสีย ทั้งด้านเศรษฐกิจ ทรัพย์สิน และชีวิต จากเหตุการณ์ภัยพิบัติทั้งจากธรรมชาติ และสาเหตุอันเกิดเนื่องจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง เช่น น้ำท่วม โคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก ท่อนซุงจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้ามาในหมู่บ้าน ไฟป่า ดินถล่ม หรือแม้กระทั่งพายุ หรือแผ่นดินไหว รวมถึง สึนามิ ที่ชั่วชีวิตคนไทยปัจจุบันไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เมื่อมาถึงก็สายเกินไปเสียแล้ว เพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราที่น่าตกใจ
เพื่อพี่น้องชาวไทย ที่ยังไม่เข้าถึงการปฏิบัติตัวเพื่อจะเป็นผู้รอดชีวิต และผู้ช่วยเหลือ อันเนื่องมาจากความประสงค์จะให้คำว่า “พิบัต” อันเนื่องมาจาก “ภัย” ที่เราห้ามไม่ได้ไม่ให้บังเกิดขึ้นกับท่านผู้หนึ่งผู้ใด คณะทำงาน จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร ลักษณะของการเกิดภัย ลักษณะของพื้นที่เฝ้าระวัง ข้อสังเกตุสภาพอากาศ, เสียง, อาการของสัตว์ รวมถึงหลักการในการอพยพและการเอาตัวรอด โดยมีเจตจำนง แต่เพียงว่า ข้อมูลนี้อาจจะเกิดประโยชน์แม้ซักน้อยนิดที่จะเป็นแนวทาง แนวคิดให้ท่านและครอบครัว เข้าใจถึงลักษณะของภัย และสามารถผ่านพ้นเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิด หรือไม่เกิดขึ้น ก็ตามที ก็ถือว่า หนังสือ “รู้ไส้ภัยพิบัติ” เล่มนี้ได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดทำอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว

คณะทำงาน

 

รู้ไส้ภัยพิบัติ เข้าท่าเนอะ

รู้ไส้ ดีแล้วแหละ ถ้า ไร้สู้นี่สิแย่เลย (b-oneeye)

 

ภาคสองก็ต้องชื่อ ล้วงตับภัยพิบัติ

 

ชื่อเก๋ดีครับ..สั้นๆ

 

เซี่ยงจี้...ภัยพิบัติ

 

หนูกิ๊ก...นี่คือไฟล์ของระบบสื่อสารลองๆอ่านดูนะ (ฉบับย่อ)

http://www.nuckaraoke.com/_Telecom.zip

 

ถ้าบอกให้...คนทำความดี... เป็น"สัจจะ" วันละข้อ !!!!!!!
จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของหนังสือเล่มนี้ !!!!!!!
ช่วยกัน โน้มน้าวจิตใจให้เขา และเธอ.... ตั้งใจทำความดี...อย่างจริงจัง

นี่คือ ความหวัง.......

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

รู้ไส้ เห็นพุง ภัยพิบัติ..อิอิ

 

[FONT=&quot]ภัยพิบัติจากดิน[/FONT]<o></o>>​

<o></o>
[FONT=&quot]แผ่นดินไหว[/FONT]

[FONT=&quot] แผ่นดินไหว[/FONT][FONT=&quot]เ[/FONT][FONT=&quot]ป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของพื้นดินเนื่องจากการปลดปล่อยพลังงานที่สะสมไว้ภายในโลกออกมาอย่างฉับพลันเพื่อปรับสมดุลย์ของเปลือกโลก ซึ่งนักวิชาการได้จัดแบ่งสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวเป็น [/FONT][FONT=&quot]2 ชนิด ได้แก่<o></o>

[/FONT] <!--[if !supportLists]-->[FONT=&quot]1.[/FONT]<!--[endif]-->[FONT=&quot]เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ได้แก่ การทดลองระเบิดปรมาณู[/FONT][FONT=&quot] การกักเก็บน้ำในเขื่อนและแรงระเบิดของการทำเหมืองแร่ เป็นต้น<o></o>[/FONT]
<!--[if !supportLists]-->[FONT=&quot]2.[/FONT]<!--[endif]-->[FONT=&quot]เกิดจากธรรมชาติซึ่งมีทฤษฎีกลไกการเกิดแผ่นดินไหวอันเป็นที่ยอมรับกันในปัจจุบัน คือ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
<!--[if !supportLists]-->v<!--[endif]-->[FONT=&quot]ทฤษฎีที่ว่าด้วยการขยายตัวของเปลือกโลก[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]Dilation source theory) อันเชื่อว่าแผ่นดินไหวเกิดจากการที่เปลือกโลกเกิดการคดโค้งโก่งงออย่างฉับพลัน และเมื่อวัตถุขาดออกจากกันจึงปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปคลื่นแผ่นดินไหว<o>></o>>[/FONT]
[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
<!--[if !supportLists]-->v<!--[endif]-->[FONT=&quot]ทฤษฎีที่ว่าด้วยการคืนตัวของวัตถุ[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]Elastic rebound theory) เชื่อว่าแผ่นดินไหวเกิดจากการสั่นสะเทือนอันเป็นเหตุผลมาจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน (Fault) ดังนั้นเมื่อเกิดการเคลื่อนที่ถึงจุดหนึ่งวัตถุจึงขาดออกจากกัน และเสียรูปอย่างมากพร้อมกับการปลดปล่อยพลังงานออกมา และหลังจากนั้นวัตถุก็คืนตัวกลับสู่รูปเดิม <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o>
</o>[/FONT]

[FONT=&quot]
ที่มา[/FONT][FONT=&quot] : [/FONT][FONT=&quot]http://www.dmr.go.th/geohazard/earthquake/EQthaiHAZARD.htm[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]​

[FONT=&quot]<o></o>
[/FONT]​

[FONT=&quot] ทฤษฎีทั้งสองนี้เชื่อว่า แผ่นดินไหวมีกลไกการกำเนิดเกี่ยวข้องโดยตรง และใกล้ชิดกับแนวรอยเลื่อนมีพลัง ([/FONT][FONT=&quot]Active Fault) ที่เกิดขึ้นจากผลพวงของการแปรสัณฐานของเปลือกโลก (Plate tectonics) เปลือกโลกของเราประกอบด้วยแผ่นเปลือกโลก จำนวนประมาณ 12 แผ่นใหญ่ ทั้งที่เป็นแผ่นมหาสมุทรและแผ่นทวีป ซึ่งมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลาต่อให้บางแผ่นมีการเคลื่อนแยกออกจากกัน บางแผ่นเคลื่อนเข้าหาและมุดซ้อนเกยกัน และบางแผ่นเคลื่อนเฉียดกัน อันเป็นบ่อเกิดของแรงเครียดที่สะสมไว้ภายในเปลือกโลกนั้นเอง[/FONT]

 

[FONT=&quot]แผ่นดินไหวในประเทศไทย[/FONT]
[FONT=&quot] ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นยูเรเซียนซึ่งล้อมรอบด้วยแผ่นเปลือกโลก คือแผ่นมหาสมุทรอินเดียและแผ่นมหาสมุทรแปซิฟิก แผ่นดินไหวมักเกิดมากบริเวณตรงรอยต่อระหว่างแผ่น โดยมากเกิดตามแนวของ รอยเลื่อนใหญ่ ๆ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]บันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่าในปี พ.ศ.[/FONT][FONT=&quot]1558 มีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เกิดขึ้นทำให้บริเวณโยนกนครยุบจมลงเกิดเป็นหนองน้ำใหญ่ และ พ.ศ. 2088 ก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่นครเชียงใหม่ จนยอดเจดีย์หลวงสูง 86 เมตร หักพังลงมาเหลือ 60 เมตร
<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] พ.ศ.[/FONT][FONT=&quot] 2455 ได้มีการผลิตเครื่องมือตรวจวัดแผ่นดินไหวขึ้นมาใช้ในโลก ทำให้สามารถตรวจวัด และรายงานการเกิดแผ่นดินไหวได้ ซึ่งที่ผ่านมาแผ่นดินไหวในประเทศไทยเกิดขึ้นบ่อยครั้งแต่มีขนาดเล็ก <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ข้อมูลแผ่นดินไหวครั้งสำคัญที่ตรวจพบในประเทศไทย มีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดน่าน มีขนาด [/FONT][FONT=&quot]6.5 ริคเตอร์ ใกล้กับรอยเลื่อนปัว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ในป่าเขา ไม่มีบันทึกความเสียหาย เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่สามารถรู้สึกได้ที่กรุงเทพฯ เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 มีศูนย์กลางอยู่ที่อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งอยู่ใกล้แนว รอยเลื่อนเมย-วังเจ้า มีขนาดความรุนแรง 5.6 ริคเตอร์ และขนาดความรุนแรง 5.9 ริคเตอร์ โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวใกล้อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ใกล้แนวรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ <o></o>[/FONT][FONT=&quot]สำหรับกรณีที่เกิดจนเกิดความเสียหายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ [/FONT][FONT=&quot]11 กันยายน พ.ศ. 2537 ที่บริเวณอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย และใกล้เคียง ก่อให้เกิดความเสียหายมากกับโรงพยาบาลอำเภอพาน รวมทั้งวัด และโรงเรียนต่าง ๆ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่บริเวณอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย มีความรุนแรงขนาด 5.1 ริคเตอร์ และอีกหลายครั้งตามมาในปี พ.ศ. 2538 และ 2539 ในบริเวณจังหวัดเชียงราย และใกล้เคียง รวมทั้งบริเวณชายแดนไทย-ลาว และไทย-พม่า
[/FONT]

[FONT=&quot]และเหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้คนไทยในหลายจังหวัดต้องอกสั่นขวัญแขวน ก็คือ เหตุแผ่นดินไหว วันที่ 16 พฤษภาคม 2550 ศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศลาว บริเวณรอยเลื่อนแม่จัน ขนาดความสั่นสะเทือนวัดได้ 6.1 ริกเตอร์ จุดกำเนิดอยู่ห่างจากชายแดนไทย-ลาวประมาณ 57 กิโลเมตร เป็นเหตุให้
ยอดฉัตรของพระธาตุดอยกิตติ หนึ่งในพระธาตุ 9 จอม หักโค่นลงมา และมีบ้านเรือนหลายหลังได้รับผลกระทบ ซึ่งแผ่นดินไหวครั้งนี้ ประชาชนที่อยู่บนตึกสูงทั่วกรุงเทพมหานครก็สามารถรับรู้ความสั่นไหวนี้ได้ทั่วบริเวณ
[/FONT]

 

*** โองการสวรรค์ ****

*** โน้มน้าวให้เชื่อ ****

คนเรายุคนี้...มักเชื่อในสิ่งที่เห็น...ต้องเชื่อวิชาการ งานวิจัย สถิติ ทฤษฎี
แต่...ในจิตใจทุกคน....กลับเชื่อในสิ่งที่ ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นด้วยตาตนเอง

เหตุใด...เราจึงเชื่อ เรื่อง พระพุทธเจ้า....ทั้งที่เราไม่เคยพบ เคยเห็นด้วยตาตนเอง
แม้แต่ผู้ที่เล่า ถ่ายทอดให้เราฟัง...ก็ไม่ได้พบเห็น รับรู้ด้วยตาตนเอง

ดังนั้น...
เราจึงควรนำ....ความเชื่อ ความศรัทธาที่เรามีต่อพระศาสดา
ต่อคำสั่งสอนของพระศาสดา... คือ พระธรรม

เราจึงต้องนำ....พุทธพยากรณ์ทั้งมวล ...พยากรณ์ในศาสนาทั้งหมด
ซึ่งกำลังปรากฏเป็นจริงและชัดเจนขึ้น...อยู่ในปัจจุบัน
นำมาใช้โน้มน้าวจิตใจ...เพื่อเตือนสติให้คนไทย
ให้คนไทย...เริ่มหันกลับมาทบทวนการปฏิบัติตัวอยู่ในแต่ละวัน

ช่วยกันโน้มน้าวให้เขาและเธอ...กระทำความดีทุกวัน...อย่างจริงจัง....
ด้วย "สัจจะ" ที่กำหนดเวลาปฏิบัติที่ชัดเจน !!!!!!!
เพื่อให้ทุกคนมี... "เครื่องป้องกันตัว" รอดพ้นภัย !!!!!!!

เหตุการณ์ต่อไปในพุทธทำนาย พยากรณ์ไว้อย่างแสนสาหัสนัก !!!
จึงต้องรีบทำงาน แข่งกับเวลาที่เหลือ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

คำสั่งสอนของพระศาสดา... คือ พระธรรม

 

โลกุตตระธรรม...คือ รวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

มาให้กำลังใจครับน้องกิ๊ก ทำเรื่องดีๆอีกแล้ว ^^

รู้ไส้ภัยพิบัติน่าจะมี 3 ภาคนะ

1. ภัยพิบัติภาควิชาการ เรื่องที่ทำอยู่ดีแล้ว..สำหรับคนที่เรียนมาเยอะ ติดวิชาทางกายภาพมากหน่อย สามารถเข้าใจและเห็นภาพได้ง่ายครับ

2. ภัยพิบัติภาคข่าวสารและคำทำนายทางจิต แบบมีเหตุ-ผล ให้รู้ที่มาของภัยพิบัติ จากจิตสำนึกของมนุษย์บกพร่อง เรื่องพลังงานที่ไม่สมดุลที่แกนโลก คนไทยส่วนใหญ่ กว่า 80 % มีความเชื่อแบบพุทธะอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว เพื่อความไม่ประมาทในพระธรรมคำสอน ที่น่าเป็นห่วงก็คือคนที่ทำดีแล้วแต่ยังดีไม่พอ อาจไม่รู้เรื่องเหล่านี้ให้พอจะก้าวพ้นกฎแห่งกรรมไปได้ เน้นไว้บ้างก็ดีนะ..

3. ภาคการเอาตัวรอดจากภัยพิบัติ
- การดูแลครอบครัวและคนอื่นๆ
- ทางจิต การบำเพ็ญจิต ยกระดับจิต และรวมคาถาป้องกันภัยพิบัติ


เอาแบบใช้งานจริงๆได้ เหมือนคู่มือใช้ได้ยามฉุกเฉินไปเลยครับ เนื้อหาพอประมาณไม่ต้องเยอะแต่เน้นๆ น่าจะมีประโยชน์มากๆ ไว้แจกให้คนที่สนใจจริงๆ ใครพอจะช่วยได้ก็มาช่วยกันทำนะครับ..

 

เรียนทุกท่านทราบ

รู้ไส้ภัยพิบัติ ที่กำลังรวบรวมอยู่ จะเป็นฉบับประชาชน เป็นคู่มือเล่มเล็กๆ ประมาณ Pocket book ซึ่งจะต้องขึ้นต้นด้วยความจริงทางวิทยาศาสตร์ ที่คนทั่วไปพบเห็น เพื่อปูพื้นฐาน ป้องกันการเกิดมิจฉาทิฐิตั้งแต่แรกเห็น แล้วจะไม่ได้อะไรเลย โดยจะแบ่งหมวดเป็น
1. ภัยพิบัติจากดิน
2. ภัยพิบัติจากน้ำ
3. ภัยพิบัติจากลม
4. ภัยพิบัติจากไฟ
5. ภัยพิบัติจากน้ำมือมนุษย์ (เช่น นิวเคลียร์ ภาวะโลกร้อน มลภาวะเป็นต้น)
6. ประมวลข่าว และรายงานการเกิดภัยพิบัติ ( 49-50)
7. การเตรียมพร้อม และการรับมือกับภัยพิบัติ
8. สมุนไพรใกล้ตัว
9. ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
10. หลักชัย

โดยทุกตอนจะมีการตัดต่อ แทรกเนื้อหาด้านธรรมมะเข้าไป แต่อาจจะใช้คำพูดที่ดูเป็นสามัญ เพื่อค่อยๆ ให้ผู้อ่านซึมซาบได้ด้วยตนเอง และค่อยๆตะล่อมให้เค้าเกิดสัมมาทิฐิ เข้าใจ และเข้าถึง อย่างแท้จริง

จะทยอยลงมาให้อ่านกัน ช่วยกันติติงด้วยจ้า เช่น ประโยคนี้ไม่สวย อ่านแล้วไม่เคลิ้ม หรือรู้สึกต่อต้าน ควรจะเขียนอย่างไร หรือว่ามีพิมพ์ผิด ก็ติติงกันมาได้ จะยินดีมากๆเลยจ้า

อ๋อ ใครมีสำนวนเด็ดๆ เอาแบบดีๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิต และธรรมมะ น่ะ ส่งมาให้ด้วยก็ดี เพราะว่าจะพิมพ์ไว้ด้านล่างหนังสือทุกหน้า ขอชื่อผู้เขียน เจ้าของสำนวนมาด้วยน่ะ ถ้าคิดเอง ก็บอกด้วยว่าคิดเอง

เน้นๆๆๆ ฉบับนี้เป็นฉบับประชาชนนะจ๊ะ ขนาดที่ว่าคนไม่จบ ป.4 อ่านแล้วเข้าใจซัก 70% น่ะจ้า เพราะฉะนั้นอาจจะต้องเน้นเรื่องรูปภาพ เพราะค่อนข้างง่ายในการทำความเข้าใจ


สำหรับ คู่มือชุด2 จะรวบรวมเนื้อหาอย่างเข้มข้นที่สุด คาดว่าคงจะใหญ่ขนาด Text book เล่มโตๆ ซึ่งยังไม่ได้ตั้งชื่อเลย คงจะต้องใช้ทั้งกำลังกาย กำลังใจจากทุกท่านช่วยกัน แต่ตอนนี้ต้องผลักดันคู่มือเล่มประชาชนออกมาก่อนจ้า

ขอบคุณในคำติเพื่อก่อทุกท่าน เป็นแนวความคิดที่อบอุ่นมาก รับทราบ ปฏิบัติขอรับ T^D^

 

ดีครับ..เมนูน่าทานดี ฝึมือกิ๊กใครได้อ่านต้องเคลิ้มอยู่แล้ว
**พลังจิตพิชิตตัวหนังสือ**
ใส่ภาพประกอบเยอะๆก็ดีครับ
จะช่วยออกแบบปก ให้อ่านสนุกๆมีสาระ คุณเปิ้ลช่วยได้นะ
ถ้าต้องหาโรงพิมพ์ก็บอกได้นะครับ​

 

กิ๊กๆ ลองทำปกเฉยๆ มาไว้อยู่แบบหนึ่ง แต่วันนี้ไม่ได้เอามาจากที่ทำงานเดี๋ยววันจันทร์ จะลงมาให้ช่วยติงกันหนักๆ จ้า
เอ้าๆๆ มาอ่านต่อกัน
-------------------------------------------------

[FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]
[FONT=&quot] เขตรอยเลื่อน [/FONT][FONT=&quot]ที่สำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดแผ่นดินไหวและมีผลกระทบต่อประเทศไทย ได้แก่ รอยเลื่อนในเขตตะวันตกของประเทศไทย-ตะวันออกของประเทศพม่า ซึ่งได้แก่ เขตรอยเลื่อนสะแกง เขตรอยเลื่อนพานหลวง รอยเลื่อนทั้งสองนี้มีแนวแยกต่อเนื่องมาทางตะวันตกของประเทศไทย ไล่จากทางตอนบนลงมาตอนล่าง อันได้แก่ เขตรอยเลื่อนเมย-วังเจ้า เขตรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และเขตรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ตามลำดับ ในเขตภาคเหนือของประเทศไทย มีเขตรอยเลื่อนแม่ทา[/FONT][FONT=&quot], เขตรอยเลื่อนแพร่-เถิน รอยเลื่อนแม่จัน ซึ่งยังคงมีการเคลื่อนไหวอยู่ และรอยเลื่อนอุตรดิตถ์ (น้ำปาด) เป็นต้น<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] สำหรับประเทศไทยแหล่งที่จะเกิดแผ่นดินไหวจะอยู่ในเขตภาคตะวันตก ซึ่งเป็นเขตต่อเนื่องมาจากแนวตะนาวศรี (เขต [/FONT][FONT=&quot]F) และเขตภาคเหนือ (เขต G) การเกิดแผ่นดินไหวจากสถิติและข้อมูลต่างๆ พบว่าแผ่นดินไหวขนาด 7 ริคเตอร์หรือมากกว่ามักจะเกิดอยู่นอกประเทศไทย ส่วนใหญ่เกิดอยู่ในเขตพรมแดนจีน-พม่า, ประเทศพม่า, ประเทศจีนตอนใต้ ในทะเลอันดามันและ หมู่เกาะสุมาตราตอนเหนือ ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของแนวเกิดแผ่นดินไหวภูเขาแอลป์-หิมาลัย (Alpine-Himalayan Belt) และอยู่ในเขตแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว (seismic source zone)<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ในเขตภูมิภาคอื่นๆรู้สึกสั่นไหว แต่ไม่มีผลกระทบเสียหายรุนแรง และในบางครั้งสามารถรู้สึกสั่นสะเทือนได้ที่กรุงเทพฯ สำหรับแผ่นดินไหวที่มีแหล่งกำเนิดเกิดบริเวณเขตพรมแดนไทย-พม่า[/FONT][FONT=&quot], ไทย-ลาว, ภาคเหนือ และตะวันตกของประเทศไทย (คือ เขตแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว เขต F และ เขต G)<o></o>[/FONT]

• [FONT=&quot]<o> </o>[/FONT]

<!--[if !supportLists]-->·[FONT=&quot] [/FONT]<!--[endif]--><a href="http://scratchpad.wikia.com/wiki/Image:Thai_Active_Fault.jpg"

 

[FONT=&quot]ศูนย์กลางแผ่นดินไหวในประเทศไทยและใกล้เคียง
[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]<o>
</o>[/FONT]​

[FONT=&quot]ที่มา [/FONT][FONT=&quot]http://www.dmr.go.th/geohazard/earthquake/Homep/SEcenter.htm[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
ความร้ายแรงของแผ่นดินไหว (The Severity of an Earthquake) สามารถบอกได้ในรูปของความรุนแรง (Intensity) ขึ้นอยู่กับผลกระทบของแผ่นดินไหวที่มีต่อความรู้สึกของคน ต่อความเสียหายของอาคารและสิ่งก่อสร้าง และต่อสิ่งของธรรมชาติต่าง ๆ ความรุนแรงจะมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละแห่งที่ถูกรบกวนทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของผู้สังเกตุว่าอยู่ห่างไกลจากตำแหน่งศูนย์กลางแผ่นดินไหว(Epicenter) มากน้อยเพียงใดและขนาด (Magnitude) เป็นปริมาณของพลังงานซึ่งถูกปล่อยออกมา ณ ตำแหน่งจุดกำเนิดแผ่นดินไหว (Hypocenter) ค่าขนาดแผ่นดินไหวนี้ขึ้นอยู่กับความสูงของคลื่นแผ่นดินไหว (Amplitude) ที่บันทึกได้ด้วยเครื่องวัดแผ่นดินไหว (Seismograph) ดังนั้นขนาดแผ่นดินไหวแต่ละครั้งจึงมีได้เฉพาะค่าเดียวซึ่งได้จากการตรวจจับด้วยเครื่องมือตรวจวัดแผ่นดินไหวเท่านั้น<o>

</o> ขนาดของแผ่นดินไหวตามมาตราริคเตอร์ (Richter)

คลื่นแผ่นดินไหว (Seismic wave) หรือคลื่นที่ทำให้เกิดอาการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่ส่งผ่านมายังผิวโลกและสามารถบันทึกไว้ได้ด้วยเครื่องวัดแผ่นดินไหว (Seismograph) ในรูปของกราฟแผ่นดินไหว (Seismogram) กราฟแผ่นดินไหวเป็นเส้นขึ้นลงสลับกันแสดงถึงอาการสั่นสะเทือนของพื้นดินใต้เครื่องวัดแผ่นดินไหวนั้น เครื่องมือวัดแผ่นดินไหวที่มีความไวสูง สามารถรับคลื่นที่เกิดจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงได้ทุกแห่งในโลก เครื่องวัดแผ่นดินไหว สามารถคำนวนหาเวลา ตำแหน่ง และขนาดของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ณ สถานนีวัดแผ่นดินไหวแห่งใดแห่งหนึ่งได้<o>

</o> ขนาด (Magnitude) ของแผ่นดินไหวเป็นตัวเลขทางคณิตศาสตร์ที่บ่งชี้ความร้ายแรงของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นที่ระดับเป็นศูนย์ โดยกำหนดให้แผ่นดินไหวที่เกิดที่ระดับเป็นศูนย์มีค่าความสูงของคลื่น 0.001 มม. ที่ระยะทาง 100 กิโลเมตร จากศูนย์กลางแผ่นดินไหว (Epicenter)<o></o>

 

สูตรที่ใช้คำนวณคือ M = log A- log Ao
M เป็นขนาดแผ่นดินไหว
A เป็นความสูงของคลื่นสูงสุด <o></o>
Ao เป็นความสูงของคลื่นที่ระดับศูนย์
เช่น หากคลื่นแผ่นดินไหวสูงสุดมีค่าเป็น 10 มิลลิเมตร ที่วัดได้จากสถานีวัดแผ่นดินไหวที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว 100 กิโลเมตร จะหาขนาดแผ่นดินไหวได้ ดังนี้ <o></o>
M = log 10 - log 0.001 <o></o>
= 1- (-3) <o></o>
= 4 หน่วยตามมาตราริคเตอร์<o></o>
นักธรณีวิทยาจะแปรเปลี่ยนค่ามาเป็นระยะที่ 100 กิโลเมตร แล้วจะได้ค่าความสูงคลื่นแผ่นดินไหวอีกค่าหนึ่ง ทำให้หาค่า M ได้จะเห็นได้ว่า ค่าขนาดของแผ่นดินไหวจากขนาด 4 ริคเตอร์ ไปเป็น 5 ริคเตอร์ ขนาดต่างกันเพียง 1 ระดับ แต่ขนาดความสูงคลื่นจะต่างกัน 10 เท่า ดังนั้นหากขนาดต่างกัน 3 ระดับ ความสูงคลื่นจะต่างกันถึง 1000 เท่าถ้าคิด เป็นพลังงาน (มีหน่วยเป็นเอิร์ก(Erg))จะเห็นว่าพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาในแต่ละระดับริคเตอร์ จะเป็น 30 เท่า ซึ่งกันและกัน ดังนั้นถ้าต่างกัน 2 ระดับ พลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจะต่างกันถึง 900 เท่า และถ้าต่างกัน 3 ระดับ พลังงานจะมากกว่ากันถึง2,700 เท่าขนาดของแผ่นดินไหวตามมาตราริกเตอร์นี้จะบอกได้เป็นตัวเลข จำนวนเต็มและจุดทศนิยม <o></o>

<o></o>
​

มาตราวัดรุนแรงแผ่นดินไหวของเมอร์คัลลี่


​

<!--[if gte vml 1]><v:shapetype id="_x0000_t75" coordsize="21600,21600" o:spt="75" oreferrelative="t" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" filled="f" stroked="f"> <v:stroke joinstyle="miter"/> <v:formulas> <v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"/> <v:f eqn="sum @0 1 0"/> <v:f eqn="sum 0 0 @1"/> <v:f eqn="prod @2 1 2"/> <v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"/> <v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"/> <v:f eqn="sum @0 0 1"/> <v:f eqn="prod @6 1 2"/> <v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"/> <v:f eqn="sum @8 21600 0"/> <v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"/> <v:f eqn="sum @10 21600 0"/> </v:formulas> <vath o:extrusionok="f" gradientshapeok="t" o:connecttype="rect"/> <o:lock v:ext="edit" aspectratio="t"/> </v:shapetype><v:shape id="Picture_x0020_4" o:spid="_x0000_i1025" type="#_x0000_t75" alt="CartoonMercalli_scale1.jpg" style='width:5in;height:446.25pt; visibility:visible'> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.jpg" o:title="CartoonMercalli_scale1" cropbottom="2012f" gain="72818f"/> </v:shape><![endif]--><!--[if !vml]-->
ที่มา http://www.dmr.go.th/geohazard/earthquake/Homep/severity.htm<o></o>​