เรื่องเด่น รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว ถึงจะหลุดพ้นได้

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 2 เมษายน 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,380
    654023CF-256A-4CFC-AAFB-2E1911D0C758.jpeg

    ในส่วนของเราที่ทำ…ขอให้เข้าใจว่า บางท่านคิดว่าในเรื่องของการภาวนาสำคัญที่สุด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะถ้าเรานึกถึงผลลัพธ์ที่จะพึงได้ เรื่องของทานถ้าเกิดใหม่จะมีความร่ำรวย เรื่องของศีลเกิดมาใหม่มีรูปสวย มีจิตใจที่ดีงาม เรื่องของการเจริญภาวนาจะมีปัญญามาก ถ้าเราเกิดมารวยแต่ไม่มีปัญญา จะรักษาทรัพย์ไม่ได้ เกิดมาสวยแต่ว่าไม่มีเงิน แถมยังโง่อีก คนเขาก็ไม่แล หรือไม่ก็โดนเขาหลอกทั้งปี ถ้ามีปัญญาอย่างเดียวแต่หน้าตาไม่เอาไหน ยังพอเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าไม่มีเงินนี่ลำบากเลย

    เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการทำความดี ควรที่จะทำในทุกระดับ โดยเฉพาะว่าบุคคลเป็นจำนวนมากมีความเข้าใจว่า การปฏิบัติธรรมก็คือการที่เราเน้นเอาจุดสูงสุด ต้องเป็นธรรมะบริสุทธิ์เท่านั้น ลักษณะของพวกเรานี่เขาถือว่าใช้ไม่ได้ ทำแล้วยังหวังผลตอบแทน ปฏิบัติแล้วยังจะเอาพระอีก อย่างนี้เป็นต้น

    อาตมาเคยถามมาหลายคนแล้วว่า “อย่างเด็กเพิ่งหัดเดิน เราบอกว่าการเรียนปริญญาเอกดีที่สุด เด็กที่ยังไม่ได้เรียนกอไก่เลย จะเรียนปริญญาเอกไหวไหม ? หรือไม่ก็ถามเขาว่า “ฉัตรยอดเจดีย์เป็นส่วนที่สูงที่สุด สวยเด่นเป็นสง่าที่สุด ถ้าหากว่าไม่มีฐานเจดีย์ ไม่มีองค์เจดีย์ ฉัตรจะอยู่ได้ไหม ?”

    กำลังใจของคนแต่ละระดับไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้น..ถ้าเพื่อความปลอดภัยก็คือ ต้องมีสิ่งที่เป็นที่ยึดเกาะในชีวิตของเรา การปฏิบัติธรรมถ้าเข้าถึงจุดสุดท้ายจริง ๆ จะไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดข้องอยู่ในใจของตน อย่างที่อาตมาเคยสรุปสั้น ๆ ว่า “รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว ถึงจะหลุดพ้นได้” สิ่งที่เราทำยังเป็นการเกาะดีอยู่ แต่ว่าเป็นการเกาะเพื่อความปลอดภัย

    ตามที่หลวงพ่อสมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ คือ สมเด็จพระสังฆราชญาโณทัยมหาเถระ ท่านตรัสว่า “#ในเรื่องของบุญกุศลนั้น ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ตราบนั้นยังจำเป็นต้องทำ เพราะว่าบุญกุศลส่งผลให้ดีโดยส่วนเดียว”

    เพราะฉะนั้น..ถ้ายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่เมื่อไร ผลบุญนี่ก็จะส่งผลให้เรามีความสุข มีความสบายในกาลข้างหน้า แต่ถ้าเราเน้นจะเอาธรรมะบริสุทธิ์โดยส่วนเดียว อาจจะเป็นการเข้าใจผิดเสียด้วยซ้ำไป ว่าลักษณะของการปฏิบัติจะต้องเป็นอย่างนั้น ซึ่งนั่นเป็นทิฏฐุปาทาน คือการยึดมั่นในความเห็นของตนเองเป็นใหญ่

    จะว่าไปแล้วเรื่องของการปฏิบัตินั้น เหมือนกับการขึ้นที่สูง ถ้ามีสิ่งให้เรายึดเกาะก็เป็นการปลอดภัยแน่นอนกว่า ถ้าไม่มีสิ่งให้เรายึดเกาะ ท้ายที่สุดเราอาจจะพลาด แล้วก็ร่วงหล่นลงมา การที่เราเกาะราวบันไดเพื่อขึ้นไปสู่ห้องชั้นบน ถึงเวลาเราไปถึงห้องแล้ว ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่แบกราวบันไดไปด้วย หลายคนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำไปว่า ตนเองปล่อยราวบันไดตอนไหน ลักษณะการปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกันว่า ถ้าดีถึงที่สุดก็จะปล่อยดีไปเอง แล้วเราก็ก้าวล่วงเข้าสู่พระนิพพานตามที่เราต้องการ

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    โอวาทงานบวชเนกขัมมะ
    วันที่ ๕-๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๖
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...