รักษาศีลแล้วมีผลอย่างไร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 4 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    [SIZE=-1]ศีล หมายถึง การรักษากายและวาจาให้เรียบร้อย ศีล แปลได้ ๓ อย่าง คือ

    ๑. ศีล แปลว่า "ปกติ" คือทำกาย และวาจาให้เป็นปกติให้เรียบร้อย
    ไม่ทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใด

    ๒. ศีล แปลว่า "เย็น" คือทำให้คนเยือกเย็น ทำให้เย็นกาย เย็นใจ
    ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะขาดศีล

    ๓. ศีล แปลว่า "เกษม" คือปลอดภัย ทำให้เบากายเบาใจ

    ศีลมีหลายประเภท คือ

    ๑. ศีล ๕ หรือ ศีลกรรมบถ สำหรับคนทั่วไป
    ๒. ศีล ๘ หรือ ศีลอุโบสถ สำหรับอุบาสกอุบาสิกา
    ๓. ศีล ๑๐ สำหรับสามเณร
    ๔. ศีล ๒๒๗ หรือ ปาริสุทธิศีล ๔ สำหรับพระภิกษุ

    การรักษาศีลต้องมีเจตนาจึงจะเป็นศีลได้ ถ้าไม่มีเจตนาจะงดเว้นหรือจะรักษาศีลแล้ว แม้ผู้นั้นไม่ทำความชั่ว เช่น ไม่ฆ่าสัตว์หรือไม่ลักทรัพย์ เป็นต้น ก็ไม่มีศีล เหมือนเด็กที่นอนแบเบาะ แม้ไม่ทำชั่วก็ไม่ก็ไม่มีศีล เพราะไม่มีเจตนาจะงดเว้น หรือเหมือนอย่างวัวควาย แม้มันไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ก็ไม่มีศีล เพราะไม่มีเจตนาจะงดเวัน

    การที่จะมีศีลได้ก็ต้องมีวิรัติ คือมีเจตนาที่จะงดเว้นจากโทษนั้น ๆ


    วิรัติ แปลว่า การงดเว้น มี ๓ อย่าง คือ

    ๑. งดเว้นด้วยการสมาทาน เป็นวิรัติของปุถุชนทั่วไป เช่น สมทานศีล ๕
    สมาทานศีล ๘ เป็นต้น

    ๒. งดเว้นด้วยเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นจำเพาะหน้า เป็นวิรัติของผู้ที่ไม่ตั้งใจจะรักษาศีลมาก่อน คือ คนบางคนไม่ตั้งใจว่าจะรักษาศีล แต่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจำเพาะหน้าอันอาจจะให้ล่วงศีลได้ แต่ไม่ยอมล่วงศีล เกิดงดเว้นขึ้นมาในขณะนั้น

    เช่น มีโอกาสจะฆ่าสัตว์ หรือฆ่าคนได้ แต่ไม่ฆ่า หรือมีโอกาสจะลักของของคนอื่นได้แต่ไม่ลัก หรือมีโอกาสจะประพฤติผิดในกามได้ แต่ไม่ยอมประพฤติผิดในกาม โดยมาคำนึงว่า การกระทำเช่นนี้ไม่เหมาะไม่ควรแก่ฐานะ และสกุลของตนอย่างตนเอง จึงงดเว้นเสียในขณะนั้น การงดเว้นอย่างนี้ ท่านเรียกว่า สัมปัตตวิรัติ

    ๓. งดเว้นได้เด็ดขาด เป็นวิรัติของพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป คือ พระอริยบุคคลทุกจำพวกมีศีล ๕ บริบูรณ์ที่สุด ท่านงดเว้นจากเวร ๕ ได้เด็ดขาด โดยไม่ต้องสมาทาน หรือคอยพะวงรักษา เพราะท่านเห็นโทษของการประพฤติล่วงศีลอย่างแท้จริง

    แม้ใครจะมาบังคับให้ท่านประพฤติล่วงศีล ๕ ท่านยอมตายเสียดีกว่าที่จะประพฤติล่วง

    อานิสงส์ของศีล

    ศีลมีอานิสงส์เป็นอันมาก เช่น ทำให้เป็นที่รักเป็นที่เคารพของคนทั้งหลาย อยู่ในสังคมอย่างสงบสุข ไม่ก่อเวรก่อภัยต่อผู้ใด ทำให้เป็นคนสง่างาม มีผิวพรรณผ่องใส แต่กล่าวโดยสรุปอานิสงส์ของศีล มี ๓ อย่าง ดังคำพระบาลีบอกอานิสงส์ของศีลว่า

    ๑. สีเลน สุคฺตึ ยนฺติ บุคคลจะไปสู่สุคติได้ก็เพราะศีล
    ๒. สีเลน โภคสมฺปทา บุคคลจะได้โภคทรัพย์สมบัติได้ก็เพราะศีล
    ๓. สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ บุคคลจะดับทุกข์ความเดือดร้อนจนเข้าถึงพระนิพพานได้ก็เพราะศีล

    การละความชั่วในขั้นนี้ของท่านจึงเป็นสมุจเฉทปหาน คือ ละได้เด็ดขาด หรือเป็นสมุจเฉทวิรัติ คืองดเว้นได้เด็ดขาด
    เพราะฉะนั้น ทุกคนควรรักษาศีลให้บริสุทธิ์ไว้เถิด ก็จะรับอานิสงส์ดังกล่าวแล้วในที่สุดได้

    -เรียบเรียงจาก กฎแห่งกรรม โดย พระเทพวิสุทธิกวี

    [/SIZE]
     

แชร์หน้านี้

Loading...