ระดับการเข้าถึงธรรมะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย passakorner, 10 เมษายน 2011.

  1. passakorner

    passakorner เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +1,034
    เพราะธรรมะ คือ ธรรมชาติย่อมจำแนกความละเอียดการเข้าถึงต่างกัน เพราะหลักการทำหรือการฝึกฝน ตลอดจิตมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงจะเกิดปัญญาอย่างแท้จริง มีดังนี้

    ปริยัติ
    ผู้ศึกษาธรรมในพระไตรปิฎก ตลอดจนการฟังธรรมเทศนาของพระสงฆ์ สัตบุรุษทั้งหลาย แล้วจดจำไว้ในสัญญาขันธ์ เป็นผู้รอบรู้ เพียงแต่จิตย่อมไม่รู้ตาม เหมือนประหนึ่ง ผู้ศึกษาเข้าใจว่านิพพาน เป็นเช่นไร แต่จิตก็ยังมีอวิชชาอยู่

    ปฎิบัติ
    ผู้ประมวลความรู้ทางธรรมตลอดจนแนวทางการปฎิบัติที่ตนศึกษามาจาก ครูบาอาจารย์ ยกตัวอย่างเช่น มโนมยิทธิ อานาปนสติ ธรรมกาย อสุภะ10 อนุสติ 10 กสิณ 10 การถือศีล แล้วนำมาฝึกฝน ละ ทำ พากเพียร มุ่งมั่น อย่างจริงจัง จนกลายเป็นนิสัย เป็นจริต และเป็นประจำ จนทำให้เกิดกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของจิต

    ปฎิเวท
    เมื่อปฎิบัติมากๆเข้า ซ้ำกันบ่อยๆ พากเพียรพิจารณา จิตนั้น ก็ย่อมยอมรับสิ่งต่างๆที่ได้พากเพียรมา จนจิตเกิดปัญญา แม้ไม่ศึกษาเพิ่ม จิตก็รู้เอง ชอบเอง จิตเป็นผู้มีปัญญาอย่างที่สุด เหมือนกับ พระอรหันต์ผู้เข้าถึงการดับอวิชชาแล้ว จิตของท่านย่อมมีปัญญา เข้าถึงนิพพาน แม้ไม่พูด ท่านก็เป็นผู้เข้าถึงแล้ว เพราะจิตหลุดพ้นแล้ว ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์อรหันต์ พระอรหันต์สาวก ท่านทั้งหลายเหล่านี้จึงไม่กลับมาเวียนวายตายเกิดอีก เพราะจิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีปัญญาบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง นั้นเอง


    ก็ด้วยเหตุฉะนี้เอวัง



    ดังนั้นผู้ที่ศึกษาใหม่ๆ มักจะบอกว่าตนเองรู้โน้นนั้นนี้ ทำให้เกิดสภาพที่คิดว่าตนรู้แล้วตนบรรลุแล้ว ต้องพากเพียรสังเกตจิต และมั่นฝึกฝนศึกษาธรรมะของพระพุทธองค์ พระธรรม และพระสงฆ์ ตลอดจนสัตบุรุษ และ พี่ๆกัลยาณมิตรในเว็บพลังจิต ขอบพระคุณครับ ^^

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 เมษายน 2011
  2. moshininja

    moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    รู้จิต กับ จิตรู้ เป็นสิ่งที่มักสับสนกัน เช่นกันกับ ปัญญาอันแท้จริง ซึ่งไม่ได้อาศัยแค่การรู้จัก แต่เราต้องเข้าให้ถึงจึงจะเรียกได้ว่า ปัญญาอันแท้จริง สาธุในธรรมครับ
     
  3. passakorner

    passakorner เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +1,034
    รู้จิต การรู้เท่าทันจิต จัดเป็นการวิปัสนาอย่างหนึ่ง พิจารณา ความไม่เที่ยงของจิต
    จิตรู้ คือจิตที่มีปัญญาแล้ว หลุดพ้นจากอวิชชา หรือ เป็นสัมมาทิฐิ นั้น เอง
     
  4. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    หลักของพุทธศาสนานั้น เน้นถึงเรื่องจิตใจเป็นสำคัญ คือ ความพ้นทุกข์ทางใจในขณะปัจจุบันนี้แหละ
    มิใช่การมุ่งเพื่อเทพ เพื่อสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ หรืออะไรทั้งสิ้น..
     
  5. moshininja

    moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    เป็นไปตามสมควร ความพ้นทุกข์ย่อมมีอยู่ในผู้แสวงหา แต่สำหรับผู้หยุดแสวงหาได้แล้วความพ้นทุกข์ย่อมไม่มี
     
  6. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ก็เขียนๆมาเล่าสู่กันฟังนี้นั้น ข้าพเจ้าก็ได้ยินได้เห็นมาตั้งแต่ต้นแล้วเช่น

    การปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวท ก็ดีธรรมเหล่านั้นย่อมเกิดแต่ผู้ปฏิบัตินั้น

    ธรรมะเป็นเรื่องราวของสัจจธรรม หรือ อันความเป็นจริงของธรรมชาติที่จะนำไปสู่ความเจริญ

    ผู้ปฏิบัติใหม่หรือปฏิบัติมาพอสมควรแล้วก็ตาม ส่วนมากมักจะเอาธรรมะนี้นั้นมาเพื่อเจาะจงชี้ชัดกับความถูกและผิดของผู้อื่น แต่ก็ในแง่ดีก็เป็นการชี้แนะ แนะแนว แนะนำ ผู้ฟังก็มีทั้งตอบสนองโดยการยินยอมรับฟัง และต่อต้านทัศนคติต่อผู้พูดที่มีทั้งเหตและผลตลอดจนไรัเหตและผลอันสมควร แต่ผู้มีธรรมะย่อมใช้สติปัญญาในการเข้าถึงที่จะให้ธรรมที่เหมาะแก่จริตนิสัยของผู้ปฏิบัตินั้นตามสมควร
     
  7. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671
    ความละเอียดของการเข้าถึงธรรมท่านให้วัดกันที่การละกิเลสที่มีในใจตน

    แต่จะรู้อย่างไรว่าตน อยู่ในขั้นไหน ท่านให้สังเกตเวลาที่ทำสมาธิ

    หากการทำสมาธิเอาความสงบ ท่านก็อยู่ในภาวะเริ่มต้น

    หากทำสมาธิเพื่อละสังโยชน์ ก็อยู่ในระดับกลาง (ไม่ต้องถามว่าอาการอย่างไร
    ผู้ปฏิบัติพึงรู้เอง)

    หากทำสมาธิเพื่อการหลุดพ้น ก็อยู่ในระดับสูง

    ปัญหาคือเราจะรู้ได้ไงว่าเราหรื่อใครอยู่ระดับไหน

    รู้ได้โดยตัวเจ้าของเอง ตัวของผู้ปฏิบัติเอง(สนฺทิฏฺฐิโก)หากยังคุมเครืออยู่ก็ยกให้เป็นระดับต้น

    ด้วยเหตุที่ว่ายังไม่กระจ่างในใจตน

    เราทั้งหลายก็ยังสงสัยอยู่ว่าเราอยู่ระดับไหน บางคนว่าต้นถึงโสดาบันบาง สกิทาบาง

    แต่อย่างไรก็ตามก็อยู่ในขั้นละสังโยชน์อยู่ ก็จัดให้อยู่ระดับกลางซะจะได้ไม่ต้องมาถกเถียงกันให้วุ่น

    แต่คนที่คิดว่าใช่แน่ๆบางที่ก็โดนกิเลสหลอกได้เหมื่อนกัน ดั้งนั้นท่านที่ถึงจริงๆท่านก็ไม่ตั้งอยู่ในความประมาทแต่จะยิ่งเพิ่มความเพียรให้มากขึ้นเพื่อทำให้ต้นเองถึงที่สุดแห่งธรรม

    (เป็นเพียงผู้ออกความเห็น ไม่ให้ใช้อ้างอิงใดๆ เพียงแต่อัตตามันสูงเลยอยากแสดงความโง่ก็เท่านั้น)

    ผู้อ่านควรพิจารณา อนุโมทนา บุญกุศลกับทุกๆท่านที่แสดงธรรม
     
  8. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาถุ สาธุ
    -ยังยึดปัญญา อยู่ก็ยังไม่ว่าง ยังไม่ว่าง ก็ยังไม่นิพพาน ยังไม่นิพพานก็ยังไม่ใช่พระอรหันต์
    ความรู้ ปัญญาต่างๆ เกิดขึ้นเองอัตโนมัติ ณ ขณะนั้น ๆ
     
  9. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ยิ่งรู้มากก็ยิ่งรู้น้อย คือพอรู้อะไรมากก็รู้ว่ายังมีอีกมากที่ยังไม่รู้ มันก็รู้สึกเหมือนรู้
    น้อยลง ยิ่งมีความรู้สึกแบบนี้ระดับก็สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนเหมือนไม่รู้อะไรเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...