รบกวนช่วยแนะนำวิธีที่จะสื่อสารกับวิญญาณได้หน่อยค่ะ

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย Junja, 15 กรกฎาคม 2013.

  1. Junja

    Junja Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    เรื่องราวต่อไปนี้ ผู้เขียนอยากจะบอกจากใจเลยว่า ผู้เขียนมิได้มีเจตนาจะอวดอ้างแต่อย่างใด ทุกถ้อยคำที่เขียนขึ้นนี้มาจากสิ่งที่ผู้เขียนสัมผัสได้ และตอนนี้ผู้เขียนกำลังมีปัญหาต้องคำแนะนำดีๆ มาแก้ไขปัญหา เพราะจนปัญญาแล้วที่จะหาทางออกด้วยตัวเอง ใครมีจิตเมตตาก็ช่วยผู้เขียนหน่อยเถอะนะคะ รู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ

    เข้าเรื่องเลยนะคะ คือ ส่วนตัวผู้เขียนเป็นคนมีเซนส์นิดหน่อย คือ ฝันบอกเหตุ น่ะค่ะ แล้วเมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมา ผู้เขียนฝันเห็นงูตัวใหญ่มาก(ตัวเท่าเสาบ้าน)สีเงิน เลื้อยตามหลังมาติดๆคล้ายจะดูแลปกป้อง ซึ่งก็ตอนแรกก็คิดว่าคงจะเป็นเนื้อคู่ ก็แอบดีใจ เออเว้ย จะมีแฟนซักที ! แต่รอจนแล้วจนเล่าก็ไม่เห็นมีใครเข้ามาในชีวิตซักที แต่หลังจากนั้นกลับฝันเห็นว่า ตัวเองได้ไปเห็นสวนดอกไม้ กับ วิมาน ซึ่งดูจากสภาพแล้วมันเก่ามาก เหมือนถูกทิ้งร้างมานานอ่ะค่ะ หลังจากวันนั้น ก็ฝันว่า ที่นี่ตัวเองได้ไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ เป็นสถานที่ที่แปลกตา ไม่เหมือนโลกมนุษย์ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าคือที่ไหน สวรรค์ หรือ นรก เพราะผู้คนที่เห็นในฝันก็เหมือนคนบนในมนุษย์ หลายคนเป็นเพื่อนสมัยเรียน เป็นพ่อแม่พี่น้อง (แต่ส่วนตัวคิดว่า คงไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องหรอก น่าจะเป็นคนอื่นแต่ไม่ต้องการให้ผู้เขียนเห็นตัวตนจริง ๆ) และจะว่าฝัน มันก็เหมือนจะไม่ใช่แค่ฝันน่ะค่ะ เพราะ ในขณะที่ฝัน ผู้เขียนรู้สึกตัวจริงๆ เคยฝันว่า นั่งรถขึ้นไปบนเขา แล้วผู้เขียนมองเห็นเหวข้างล่าง ผู้เขียนกลัวมาก(ส่วนตัวเป็นคนกลัวความสูงอยู่แล้ว)ก็รีบเอามือปิดตา หรือ บางครั้งเคยฝันว่า ได้เห็นเครื่องลายคราม กับ ตู้ไม้โบราณ อยู่เต็มห้อง(คล้ายพิพิธภัณฑ์เก็บของโบราณ)

    นอกจากฝันแล้ว ช่วงนั้นผู้เขียนมีอาการเวียนหัวเป็นพักๆ เวียนหัวเหมือนจะเป็นลมแต่ก็พยายามฝืนเอาไว้ มีอาการหาวบ่อยทั้งๆที่ไม่ง่วง มีอาการขนลุกที่หัวบ่อยๆ (แต่ไม่ได้ขนลุกเพราะอยากเข้าห้องน้ำ หรือ หนาว) ก็รู้สึกแปลกใจจึงลองค้นหาในเน็ต กับ ไปดูดวง ก็เลยรู้ว่า ตัวเองมีองค์เทพ

    แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดว่า ผู้เขียนจะอวดว่า มีองค์เทพนะคะ องค์เทพท่านเป็นเพียงส่วนเกี่ยวข้องเล็กๆเท่านั้นเอง เพราะมันมีเรื่องที่ใหญ่กว่านี้

    เอาล่ะ พอรู้ตัวว่า ตัวเองมีองค์เทพ ก็ไม่ได้เสียใจ หรือ ดีใจอะไรนัก แต่ก็หงุดหงิดนิดหน่อย เพราะ จากที่หาอ่านในเน็ต เกี่ยวกับประสบการณ์คนมีองค์ เมื่อเทพท่านมาสื่อประมาณว่า เราจะมาขอร่วมสร้างบารมีด้วย เทพท่านจะมาปรากฏองค์ให้เห็นแบบในรูปที่เราขึ้นคุ้นเคยใช่มั้ยคะ(ส่วนใหญ่จะฝัน แต่บางคนก็เห็นกันทั้งตาเนื้อ) แต่สำหรับของผู้เขียน มันไม่ใช่ ท่านมาในรูปของพ่อแม่พี่น้อง แล้วมันทำให้ผู้เขียนคลางแคลงใจน่ะค่ะ ว่า ตกลง ท่านเป็นเทพจริงๆ หรือ ผู้เขียนอุปทานไปเอง (แต่หลังๆก็ชินไปเองและเลิกน้อยใจแล้วค่ะ)

    นอกจากเทพแล้ว ผู้เขียนก็ฝันยังฝันเห็นเจ้ากรรมนายเวรคนอื่นๆ ซึ่งส่วนมากน่าจะเป็น อดีตคนรักที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด และคอยตามขัดขวางไม่ให้ผู้เขียนมีแฟนใหม่

    อาจจะมีคนคิดว่า ผู้เขียนเพ้อเจ้อ อยากจะบอกว่า ก็อยากจะคิดว่ามันเป็นความคิดเพ้อเจ้อเหมือนกันล่ะค่ะ ถ้าไม่เจอความฝันนี้เข้าไป

    ผู้เขียนเคยฝันว่า ตัวเองสวมชุดไทยสีขาวนวล ชุดไทยบรมพิมานน่ะค่ะ แล้วในฝันก็มีผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดราชปะแตนสีขาวนวล แต่ไม่เห็นหน้า รู้แค่ว่า เป็นผู้ชายผิวสองสี แล้วผู้เขียนกับผู้ชายคนนั้นก็ไปกราบเท้าผู้ใหญ่ ที่ก็ไม่เห็นหน้าเช่นกัน ได้ยินแต่เสียง

    พอผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงพูดว่า 'ไหนๆก็แต่งงานกันแล้วให้เขาไปส่งสิ' ผู้เขียนรู้สึกตัวทันที คือไม่ใช่รู้สึกตัวตื่น แต่รู้สึกตัวเหมือนคลายจากการโดนสะกดน่ะค่ะ แล้วก็หันไปมองผู้ชายข้างๆแบบงงๆ แล้วจึงค่อยตื่นจริงๆ

    แต่ส่วนตัวก็ไม่ค่อยตกใจกับความฝันแบบนี้เท่าไหร่ เพราะพอตื่นก็จบ แต่ผู้เขียนจะกลัวกับความฝันที่บอกเหตุร้ายมากกว่า เช่นว่า งูกัด ฝันเห็นจระเข้ อะไรพวกนี้น่ะค่ะ

    ที่เล่ามายืดยาว ผู้เขียนอยากจะปูเรื่องให้เข้าใจถึงปัญหาที่ผู้เขียนอยากจะให้ช่วยแนะนำทางออกให้หน่อยน่ะค่ะ (ถ้าเล่ายืดเยื้อไปก็ขออภัยนะคะ)

    สรุปจากข้างบน คือ ผู้เขียนเคยมีสายสัมพันกับเทพท่าน และก็อยากจะกลับไปอยู่ด้วย

    แต่...แต่ ณ เวลานี้ ผู้เขียนกำลังประสบปัญหาใหม่ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นอดีตคนรักจากอดีตชาติเช่นกัน

    เขาเข้ามาสื่อกับผู้เขียนทางความฝันเหมือนกัน แต่ปัญหาคือ ผู้เขียนไม่เห็นหน้าตาของเขา

    คือ ในฝันนั้น มีผู้ชายสองคนอยู่ในห้อง คนหนึ่งเหมือนมองหาอะไรอยู่ แล้วก็บ่นคล้ายๆว่า หายไปไหนนะ ส่วนอีกคนเอาตัวบังผู้เขียนเอาไว้ เบียดเข้าซอกผนัง และพยายามจะทำมิดีมิร้าย - -* แต่ผู้เขียนตื่นก่อน

    ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่ผู้เขียนต้องการจะถาม คือ มีวิธีสื่อสารกับวิญญาณมั้ยคะ แบบทั้งเห็นตัวจริงของเขา หรืออย่างน้อยได้ยินแค่เสียงแล้วก็คุยกันก็ได้ จะได้ต่อรองเจรจากันให้รู้เรื่อง

    จริงๆผู้เขียนพยายามหาคนดูดวงที่คิดว่า เก่งและสามารถมองเห็นเจ้ากรรมนายเวรของผู้เขียนได้ แต่เท่าที่ดูมา คนที่บอกว่า แม่น(และผู้เขียนก็คิดว่าแม่น) ไม่สามารถตอบสิ่งที่ผู้เขียนอยากรู้จริงๆได้

    ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงอยากขอคำแนะนำจากผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ หน่อยน่ะค่ะ
    ใครรู้อะไรดีๆก็ช่วยบอกผู้เขียนหน่อยนะคะ ถือเสียว่า สงสาร :'(
     
  2. Jt Odyssey3

    Jt Odyssey3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +68
    สำหรับท่านแล้วความฝันไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือการที่ท่านปรุงแต่งเรื่องต่างๆ จากความฝัน ถ้าฝันบ่อยๆ มันอาจเป็นสัญญาเก่า ที่เคยเกิดขึ้นจริงกับเราก็เป็นได้ แต่ทุกอย่างมันจบไปแล้วครับ ท่านไปรื้อฟื้นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

    ความฝันเนี้ย อย่าไปเอาอะไรกับมันมากครับ ฝันดีก็เก็บไว้เป็นกำลังใจ ฝันไม่ดีก็ลืมเสีย แต่นี่ท่านเอาเรื่องฝันมาคิดเป็นตุเป็นตะ แล้วยึดถือว่าเป็นจริงเป็นจังเลย นี่แหละครับที่น่ากลัว

    เรื่องเทพ และเรื่องติดต่อกับวิญญาณ อยากจะแนะนำให้ท่านปฏิบัติเอง ถ้าท่านมีวาสนามาทางมโนมยิทธิของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ คงใช้เวลาไม่นานนัก ท่านก็จะได้คุยกับเทพ(ไม่ทราบว่าเทพจริงหรืออสุรกาย) และวิญญาณสมใจท่านแน่

    แต่ขอแนะนำให้ท่านหลีกเลี่ยงการเข้าหาบุคคลอื่นๆ บุคคลที่มีชื่อเสียง มีองค์เทพ สำนักทรงต่างๆ เพราะจิตท่านอ่อน และโดนชักจูงได้ง่าย การที่เราแสวงหาคนพวกนั้น อาจจะไปเจอคนไม่ประสงค์ดีกับเราก็เป็นได้ (ซึ่งก็มีอยู่เป็นส่วนมากเสียด้วย)


    สรุปแล้ว ฝากไว้สั้นๆ ครับ ฝึกเองและเลิกปรุงแต่้ง
     
  3. Junja

    Junja Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดี ๆนะคะ : ) อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ถ้าต้องการที่จะพิสูจน์ความจริงให้รู้ ให้ทราบ ให้เข้าใจด้วยตัวเอง พอรู้แล้วก็ละ
    ก็วางเสีย แล้วมาอยู่กับปัจจุบัน.อย่างนี้พอแนะนำได้ครับ..เอาเป็นว่าจะเล่าให้ฟัง
    อย่างนี้นะครับ..

    ปกติถ้าภูมิจิตของวิญญานที่เป็นเนื้อคู่เรา ถ้าสูงกว่าภูมิเทวดาขึ้นไปจะมีความสามารถ
    ในการปรากฏให้เราเห็นได้ด้วยตาเนื้อ.ในช่วงที่จิตเรายังคงค้างอยู่ในช่วงเป็นทิพย์
    เช่น เพิ่งลืมตาออกจากฝันใหม่ๆ หรือพอเจออะไรในนิมิตรตอนนอนแล้วลืมตาทันที
    และยังรักษาอารมย์ได้อยู่..หรือว่าอยู่ดีๆลืมตาขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุตอนกลางคืน

    และปกติการปรากฏตัวให้เห็น.จะอยู่ในระดับช่วงที่เลยเอวเราขึ้นมาบริเวณข้างๆลำตัว
    และถ้าหากเป็นเสียงก็จะเป็นเสียงเรียกในระดับที่ขนานกับหูเราทางด้านขวาฟังได้เป็น
    ประโยคชัดเจนไม่ขาดตอนหรือขาดจังหวะ..ซึ่งการสัมผัสที่กล่าวมาข้างต้นนี้

    อาศัยการที่จิตเราเข้าสู่สงบได้ชั่วคราวไม่ว่าจะเป็นแบบตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
    .และเป็นการติดต่อสื่อสารจากภายนอกหรือที่เราเรียกว่าเค้าทำให้เรา
    เห็นหรือเค้าติดต่อมาเอง นี่เป็นประเด็นแรกนะครับ...
    .
    ประเด็นต่อมาถ้าภูมิจิตเค้าสูงการมาจะสุภาพเรียบร้อย และไม่มีเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นอกุศลกรรมเลย
    ถ้ายังมีเรื่องอกุศลกรรมแสดงว่าภูมิจิตยังอยู่ในระดับต่ำกว่าภูมิเทวดา
    หรือประมาณโอปาติกะ ระดับพวกภูต อสูรกาย นางไม้
    นางตานีหรือวิญญานที่มีฤิทธิ์จากการอยู่มานานได้ครับ..
    เด่วต่อ #Rep ต่อไปนะครับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    มาฟังเรื่องเล่ากันต่อครับ
    ถ้าการปรากฏตัวให้เห็นถ้าไม่ใช่แบบดังที่กล่าวมาแล้วข้างบน..การที่เราจะสามารถติดต่อสื่อสารกับเค้าได้นั้น
    นอกจากที่จะอุทิศส่วนกุศลให้เค้าเพื่อยกระดับภูมิจิตให้ได้ก่อนในเบื้องต้น
    นอกจากต้องอาศัยช่วงสภาวะที่จิตเรามีความเป็นทิพย์แล้วยังต้องอาศัย
    การอุทิศส่วนกุศลแบบในใจตอนนั้นและต้องแปรสภาพบุญตัวนี้ให้เป็นกำลังเพื่อ
    ให้เค้าใช้ติดต่อสื่อสารกับเราร่วมด้วยนอกจากการบอกให้
    เค้าโมทนาด้วยใจที่เป็นกลางเพื่อปรับระดับภูมิจิตและรับบุญได้เต็มที่..

    เนื่องจากสภาวะความเป็นทิพย์ของจิตเค้ายังไม่มีกำลังมากพอที่จะติดต่อสื่อสารหรือว่า
    พูดคุยกับเราได้บางครั้งตรงจุดนี้เป็นเหตุให้ตัวเราเข้าใจคาดเคลื่อนได้ว่าเราติดต่อ
    เค้าไม่ได้ทั้งๆทีบางทีสภาพจิตตอนนั้นเราถึงแล้ว..

    และถ้าใช้ระดับกำลังสมาธิระดับอุปจารสมาธิจำเป็นต้องทำอย่างนี้ทุกๆประโยคที่เราจะ
    พูดคุยด้วยครับ..คือ ถามประโยคหนึ่งก็ต้องอุทิศครั้งหนึ่ง..ยกเว้นว่าจะพัฒนากำลังสมาธิ
    เราให้ถึงในระดับกำลังฌาน ๔ ที่กายกับจิตเราแยกกันได้เลยแต่อย่างนี้อาจใช้เวลาค่อน
    ข้างนานกว่าจะทำได้..

    ตัวเราเองก็ต้องหมั่นซ้อมการอุทิศส่วนกุศลในใจไว้ให้ชำนาญ ด้วยการที่ลิ้นกับปากไม่ขยับในขณะที่อุทิศส่วนกุศล
    เพื่อซ้อมดึงจิตให้มีความเป็นทิพย์ชั่วคราวและให้สังเกตุ
    ดูว่ามีวงกลมเล็กๆสีขาว สีน้ำเงิน แว๊บๆไปแว๊บมาตอนที่หลับตาหรือเปล่า
    ถ้ามีแสดงว่าใช้ได้และถ้าจะให้ดี
    ต้องรู้จักของบารมีพระก่อนแล้ว
    มารวมกับบารมีตัวเอง.แล้วถึงส่ง..และในปกติชีวิตประจำวัน
    .ก็ต้องรู้จักอุทิศส่วนกุศลให้เป็นนิสัย.
    เวลาที่เกิดสัมผัสทางจิตและทางกายอื่นๆ.เช่นรู้สึกว่ามีใครอยู่ตรงนั้นตรงนี้

    หรือขนลุกแบบไม่ทราบสาเหตุ รวมทั้งอาการหนักไหล่ไม่ทราบสาเหตุข้างใดข้างหนึ่ง
    ตลอดจนหลังจากที่ออกจากฝันในเรื่องที่เกี่ยวกับทางภพภูมิมา
    ถึงจะแก้อาการตัวร้อนแต่ไม่มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ

    หรืออาการเวียนศรีษะแบบมึนบางครั้งถึงขั้นอยากจะอาเจียรได้.
    เนื่องจากมีส่วนภพภูมิ
    ที่พอทราบว่าเราสามารถให้บุญเค้าได้แต่เราอาจคาดไม่ถึงไปมองใน
    มุมของเรื่องที่เหนือธรรมชาติมากเกินไปทำให้ลืมตรงจุดนี้
    เป็นเหตุเลยทำให้ไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แน่นอนได้.เนื่องจาก
    ยิ่งเก็บมาคิดก็จะยิ่งไม่ได้คำตอบ..ซึ่งเป็นกันได้ทุกคนโดยคาดไม่ถึง
    ให้สะสมตรงนี้ให้ได้ก่อน.ให้อุทิศส่วนกุศลในใจ

    ในเป็นนิสัยเพื่อสร้างทานบารมีตัวนี้ในทางภพภูมิให้มากๆก่อน.พอสร้างทางบารมีตรงจุดนี้
    ไปได้ซักพักหนึ่งเราจะได้ ปัญญาบารมีในทางภพภูมิเพิ่มขึ้น.จะทำให้เราสามารถทราบได้
    เองว่าถ้าเรามีสัมผัสอะไรจากทางภพภูมิไม่ว่าทางจิตหรือทางกายเราควรจะต้องทำอย่างไรได้ด้วยตัวเองในอนาคตครับ.
    ยังๆไงลองค่อยอ่านดูเรื่องที่เล่าให้ฟังไว้เป็นแนวทางก่อนนะครับ...

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
     
  6. sawok B

    sawok B เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +230
    วิญญานเป็นเพียงธาตุหนึ่ง ในขันธ์5 จะอยากสื่อสารไปทำไม

    วิญญาน ไม่มีเป็นตัวเป็นตน ไม่ได้เป็นผู้รับกรรม ท่องเที่ยวไปในภพนู้นภพนี้
    ผู้ใดกล่าวว่าวิญญานเวียนว่ายตายเกิด ในครั้งพุทธกาล ถูกพระพุทธเจ้าตำหนิอย่างหนัก หนักกระทั่งจะไล่ออกจากความเป็นภิกษุ ด้วยมีความเห็นผิดว่า วิญญานนี้นี่แหละ แล่นไป ท่องเที่ยวไป หาใช่สิ่งอื่น ดังนี้ เขาย่อมจะประสบสิ่งที่ไม่ใช่บุญเป็นอันมาก ย่อมประสบบาปด้วย ย่อมกล่าวตู่เราด้วยความไม่จริง

    เรื่องนี้มีที่มาที่ไป ไปสืบค้นต่อได้ เรื่อง ภิกษุสาติเกวตบุตร มีความเห็นผิดในเรื่องวิญญาน ในพระไตรปิฏก
     
  7. sawok B

    sawok B เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +230
    ผู้เวียนว่ายตายเกิดคือสัตว์
    สัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก
    แล่นไปอยู่ ท่องเที่ยวไปอยู่ในสังสารวัฏ

    สัตว์ไม่ใช่วิญญาน
    วิญญานไม่ใช่สัตว์
    แต่สัตว์มีวิญญาน
    วิญญานมีอยู่ในสัตว์

    วิญญานอยู่ในขันธ์ 5
    สัตว์มีขันธ์ 5 ไม่ว่าจะ สัตว์นรก เปรต มนุษย์ เทวดา
     

แชร์หน้านี้

Loading...