ยลความงาม "ชเวดากอง" เจดีย์ทองคู่เมืองพม่า

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย paang, 23 มกราคม 2006.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    มหาเจดีย์ชเวดากอง เจดีย์ทองคู่เมืองพม่า เหลืองอร่ามงดงามจับตา
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    จากตอนที่แล้วที่ฉันทวงถาม"อากวง"ไกด์นำเที่ยวว่า เมื่อไหร่จะพาไปเที่ยวที่เจดีย์ชเวดากองเสียที มาในตอนนี้ฉันและอากวงได้เดินทางมายังเจดีย์ทองแห่งนี้ด้วยกันแล้ว

    "อากวง เจดีย์ชเวดากองอยู่อีกไกลไหม" ฉันถามอากวง ขณะที่นั่งอยู่บนรถกำลังจะไปยังเจดีย์ชเวดากองกัน

    "ไม่ไกลหรอก อีกอึดใจเดียวก็ถึงแล้ว" อากวงตอบแบบลอยหน้าลอยตา ขณะที่ฉันเริ่มทำหน้ามุ่ยเพราะรู้สึกว่าทำไมยังไม่ถึงเสียที

    จู่ๆ อากวงก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง พร้อมกับชี้ให้ฉันมองไปยังด้านหน้ารถ "เห็นเจดีย์ทองใหญ่ๆ ที่อยู่ข้างหน้านั่นไหม นั่นล่ะเจดีย์ชเวดากอง ที่เธออยากมาจนใจจะขาด"

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บริเวณลานอธิษฐานเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มากราบไหว้ขอพรจากองค์พระเจดีย์+</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ฉันมองตามไปทางหน้ารถที่อากวงชี้ให้ดู แล้วก็ได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่อลังการของมหาเจดีย์ชเวดากอง ที่งดงามส่องแสงสีทองเหลืองอร่ามเสียเหลือเกิน ขนาดมองจากที่ไกลๆ

    จากตรงจุดที่ฉันมองเห็นเจดีย์อยู่ไกลๆ เพียงไม่กี่นาที อากวงก็พาฉันมาถึงยังจุดที่จะขึ้นไปบนเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งตรงจุดที่อากวงพาฉันขึ้นไปนั้น เป็นทางขึ้นที่เป็นลิฟต์ ที่มีไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวก็ต้องเสียค่าเข้าคนละ 5 ดอลล่าร์สหรัฐฯ พร้อมกับต้องติดสติกเกอร์ไว้ด้วยเพื่อเป็นเครื่องหมายว่าชำระเงินแล้ว ส่วนอากวงขึ้นฟรี โดยไม่ต้องเสียสตางค์เพราะเป็นชาวพม่า ก็เหมือนกับวัดพระแก้วบ้านเราที่ชาวต่างชาติต้องเสียเงินเข้าไปชม ส่วนคนไทยเข้าฟรี

    อากวงบอกกับฉันว่า นอกจากทางลิฟต์นี้แล้ว ทางขึ้นไปสู่องค์พระเจดีย์ด้านบนนั้น มีทางขึ้นอยู่ด้วยกันถึง 4 ทิศ มีทั้งขึ้นทางบันไดและบันไดเลื่อนที่ทันสมัยน่าดู

    ฉันกับอากวงขึ้นลิฟต์มาลงที่ชั้น 2 แล้วเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่เชื่อมไปสู่เจดีย์ชเวดากอง แล้วภาพความยิ่งใหญ่อลังการของเจดีย์ชเวดากอง ที่ทอแสงสีเหลืองทองงามอร่ามตา ก็ประจักษ์อยู่ตรงหน้าของฉัน ทำเอาฉันอึ้งไปชั่วขณะ และถึงกับอุทานออกมาว่า "โอ้!!แม่เจ้า ช่างงดงามอลังการสมคำล่ำลือจริงๆ"

    "เป็นอะไรไป มองตาไม่กระพริบเลย อย่ามัวแต่ยืนจ้องอยู่นั่น มาเร็วจะพาไปไหว้องค์พระเจดีย์" อากวงพูดกับฉัน เมื่อเห็นฉันยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขึ้นมาไหว้เจดีย์ชเวดากองแล้วอย่าลืมทรงน้ำพระประจำวันเกิด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ฉันออกเดินตามอากวงไปติดๆ แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากองค์เจดีย์ทองที่ตั้งโดนเด่นอยู่ตรงกลาง แล้วก็มีเจดีย์น้อยใหญ่จำนวนมากรายล้อมอยู่รอบองค์พระเจดีย์ แล้วอากวงก็พาฉันมาหยุดอยู่ ณ จุดหนึ่ง เป็นลานกว้างๆ พื้นปูด้วยกระเบื้องสีสันแปลกตากว่าทางที่เดินมา แล้วก็ส่งดอกไม้เครื่องบูชาให้ฉันถือไว้ในมือ ฉันออกอาการงงนิดๆ ก่อนที่จะถามอากวงว่าทำไมเราถึงต้องมาไหว้องค์พระเจดีย์กันตรงจุดนี้

    อากวงบอกว่าตรงจุดนี้ เป็นลานกว้างที่มองเห็นองค์เจดีย์ชเวดากองได้ชัดเจน ชาวพม่านิยมมานั่งกราบไหว้ขอพร แล้วตั้งจิตอธิษฐานต่อมหาเจดีย์ แล้วเชื่อว่าจะสัมฤทธิผลตามที่ปรารถนา และก็เลยเรียกลานแห่งนี้ว่า "ลานสัมฤทธิผล" หรือ "ลานอธิษฐาน" แถมยังมีเรื่องเล่ากันว่า พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองก่อนเสด็จออกรบทุกครั้ง จะต้องมาตั้งจิตอธิษฐานที่ลานแห่งนี้ บางคนก็เลยเรียกว่า "ลานบุเรงนอง"

    พอหายสงสัยฉันก็จัดแจงตรงเข้าไปด้านในลานพร้อมกับจุดธุป เทียน แล้วลงนั่งสวดมนต์ ตั้งจิตอธิษฐาน ยกเครื่องสักการะกราบขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ซึ่งฉันเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคติความเชื่อการไหว้พระธาตุประจำวันเกิดของชาวล้านนาที่ว่าหากใครเกิดปีมะเมีย (ปีม้า) ให้มาไหว้เจดีย์ชเวดากองแห่งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เกิดปีม้าก็ตามที แต่การที่ได้มีโอกาสมาไหว้เจดีย์ชเวดากองก็ถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตเป็นที่สุด

    หลังจากสักการะขอพรขากองค์พระเจดีย์เรียบร้อยแล้ว อากวงก็พาฉันไปไหว้พระประจำวันเกิดต่อ ซึ่งพระประจำวันเกิดตั้งประดิษฐานเรียงรายอยู่รอบฐานองค์พระเจดีย์ แต่สิ่งที่ทำเอาฉันฉงนอึ้งไปเลยเมื่อเห็นพระประจำวันเกิดของที่นี่คือ ไม่ได้เป็นรูปพระพุทธรูปปางต่างๆ อย่างที่ฉันเคยเห็น กลับกลายเป็นรูปพระพุทธรูปที่ดูเหมือนกันไปหมด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รอบองค์เจดีย์ชเวดากอง มีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปให้กราบไหว้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "อากวง แล้วพระองค์ไหนเป็นพระประจำวันเกิดฉันล่ะนี่ ฉันเกิดวันเสาร์ไม่เห็นมีพระพุทธรูปปางนาคปรกเลย" ฉันถามอากวงด้วยอาหารงงๆ

    "อ้อ!! ลืมบอกไปว่าการจะดูว่าเราต้องทรงน้ำพระประจำวันเกิดวันไหน ให้ดูที่สัตว์ที่อยู่ด้านล่างพระพุทธรูป เธอเกิดวันอะไรล่ะ" อากวงถามฉัน

    "วันเสาร์" ฉันสวนตอบอากวงทันควัน

    "ตามมาเราจะพาไป" อากวงบอกพร้อมกับพาฉันเดินวนไปครึ่งรอบองค์เจดีย์แล้วก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพระประจำวันเกิดวันเสาร์ที่มีรูปพญานาคเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำวัน ฉันเลยได้รดน้ำพระประจำวันเกิดเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นอากวงก็พาฉันเดินทักษิณารอบองค์พระเจดีย์

    ช่วงจังหวะที่เดินไปนั้น อากวงก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเจดีย์ชเวดากองให้ฉันฟังไปด้วยว่า เจดีย์ชเวดากององค์นี้ สร้างมาตั้งแต่ 2,500 ปีก่อน เริ่มแรกสร้างมีความสูงเพียง 27 ฟุต และด้วยแรงศรัทธาของชาวพม่าที่มีต่อองค์พระเจดีย์ต่างร่วมจิตบริจาคทรัพย์สิน เงินทอง ก่อเสริมองค์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันมีความสูงถึง 326 ฟุต กว้าง 1,355 ฟุต

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ความงดงามยามค่ำคืนขององค์เจดีย์ชเวดากองทอสีเหลืองทองเปล่งประกาย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "เห็นทองคำที่โอบหุ้มเจดีย์ชเวดากองอยู่นี้ มีน้ำหนักถึง1,100 กิโลกรัมเชียวนะ ช่างพม่าจะใช้ทองคำแท้ๆนำมาตีเป็นแผ่นเรียงปิดองค์เจดีย์ไว้ ถ้าได้เข้าไปเพ่งมองใกล้ๆ จะเห็นถึงรอยต่อของแผ่นทองที่นำมาวางเรียงกัน เวลาแผ่นทองหมองคล้ำขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็จะถอดหมุดแล้วแกะแผ่นทองออกมาขัดล้างได้ จึงทำให้มหาเจดีย์ชเวดากอง มีสีเหลืองทองสุกปลั่งงดงามอยู่ตลอด"

    "ยอดฉัตรของเจดีย์ชเวดากองประดับประดาเต็มไปด้วยเพชรพลอยอัญมณีล้ำค่า แค่เฉพาะยอดเจดีย์ก็ประดับด้วยเพชรเม็ดใหญ่ที่มีน้ำหนักถึง76.6กะรัต ในตอนกลางคืนหากเพ่งมองดี ๆ จะสามารถมองเห็นแสงระยิบระยับวับ ๆ ของเพชรที่อยู่บนปลายยอดเจดีย์ได้ชัดเจน" ฟังอากวงเล่าแล้วฉันยิ่งมองเห็นถึงความมั่งคั่งของมหาเจดีย์ชเวดากองแห่งนี้ และคิดอยู่ในใจว่า ช่างเป็นบุญบารมีแก่ตัวเองเสียจริงเชียว ที่ได้มีโอกาสขึ้นมากราบมหาเจดีย์ชเวดากอง

    หลังจากเดินวนครบองค์เจดีย์ ฉันขอร้องยังไม่ให้กาอวงพากลับ เพราะยังอยากอยู่บนนี้นานๆ อยากนั่งสัมผัสเก็บบรรยากาศ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนบนบริเวณเจดีย์ชเวดากอง ช่างคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่พากันขึ้นมาสักการระองค์พระเจดีย์อย่างไม่ขาดสาย

    ภาพของชาวพม่า ทั้งคนเฒ่าคนแก่ วัยรุ่นหนุ่ม สาว และเด็กๆ ต่างพากันมานั่งทำสมาธิ นั่งสวดมนต์กราบไหว้ขอพร บ้างก็เดินทักษิณาทำสมาธิอยู่รอบองค์พระเจดีย์ มันเป็นภาพที่สะท้อนให้ฉันเห็นได้ถึงแรงศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวพม่าที่มีต่อพระพุทธศาสนา ที่ดูแล้วทำให้ฉันรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นที่สุด และภาพเหล่านี้จะตราตรึงอยู่ในใจฉันไปตราบนานเท่านาน ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตฉันได้มาไหว้มหาเจดีย์ชเวดากอง (เรื่องราวการท่องเที่ยวในพม่าของฉันยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ ในตอนหน้า ฉันและอากวงจะเดินทางไปไหว้พระธาตุอินแขวนกัน)

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
    เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับการมาเที่ยวที่ประเทศ "พม่า"
    นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวที่ "พม่า" (Myanmar) ต้องยื่นขอทำวีซ่าเข้าประเทศพม่าก่อน เวลา-ของพม่าจะช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที การจราจร-ของพม่ารถจะวิ่งเลนขวาแบบฝรั่งเศส ฉะนั้นเวลาคิดจะข้ามถนนที่พม่าต้องมองซ้ายมองขวาให้ดี สกุลเงิน-พม่าใช้ระบบเงินตราแบบธนบัตรพม่า ที่เรียกว่าจั๊ตหรือจ๊าต อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 20 จั๊ต เท่ากับ 1 บาทไทย

    สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจมาเยือนประเทศพม่า ทางสายการบินภูเก็ตแอร์ มีบริการจัดแพ็คเกจทัวร์เที่ยวพม่า สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ ฝ่ายขายสายการบินภูเก็ตแอร์ โทร. 0-2679-8999 ต่อ 509,510, 507, 503, 351


    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...