มีฤทธิ์ แต่แพ้กฏแห่งกรรม

พี่เขาสอนว่า ให้ระวังทุกอย่างที่จะทำ แม้เรามีฤทธิ์แต่ต้องรับกรรม ตามที่เราเคยทำไว้กับคนอื่น จริงหรือเปล่า ยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆในโลกนี้ที เอาแบบฟังง่ายๆนะ

(bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower

 

พี่ไหนอ่ะ (b-ng)

 

ง่ายๆเลย พระพุทธเจ้าท่านก็หนีไม่พ้นกรรม
มีใครฤทธิ์เยอะกว่าท่านอีกล่ะ

 

เจริญพร ขนาดพระโมคคัลลานะ ยังต้องถูกพวกโจร 16 คนทุบจนกระดูกแหลกทั้งตัว
ด้วยแรงกรรมในอดีตชาติที่ได้เคยผลักบิดามารดาอันตาบอดของตนตกจากเกวียน
ทั้ง ๆ ที่ท่านก็เป็นพระอรหันต์ มีฤทธิ์ มากจนพระพุทธเจ้ายกย่อง แต่ก็ยังนั่งนิ่ง
ทนรับวิบากอันตนเองได้ก่อเอาไว้ แล้วสิ่งใดเล่า ได้ชื่อว่าอยู่เหนือกรรม
กมฺมุนา วตติโลโก
(ก็สัตว์โลก ล้วนเป็นไปตามกรรม) ฉันนี้แล

 

_/l\_

 

จะลองอธิบายดูไม่รู้ว่าเข้าใจง่ายรึเปล่านะ

คืออิทธิฤทธิ ปาฏิหารย์อะไรพวกเนี่ยเป็นสิ่งที่อยู่ในไตรภูมินี่แหละ คือ ในไตรภูมินี่จะมีวัสดุไร้รูปอยู่ พวกวัสดุไร้รูปพวกนี้ถ้ารู้วิธีใช้ก็จะสามารถทำอิทธิฤทธิปาฏิหารย์ได้ ดังนั้นการใช้ของหรืออะไรพวกนี้มากก็จะทำกฏแห่งกรรมทำงานเพราะต้องชดใช้สิ่งที่เราใช้ไป ยิ่งใช้มากก็ยิ่งติดหนี้มาก (b-green)

เรื่องนี้อธิบายง่าย ๆ ก็คือ Know how นั้นแหละ ดูอย่างการสร้างดาวเทียม เรือดำน้ำ อะไรที่มันซับซ้อนต่าง ๆ ทางโลกก็ต้องรู้วิธีและต้องมีวัสดุที่จะทำมันออกมา และวัสดุนั้นต้องมีคุณสมบัติตรงกับที่ใช้งานไม่ใช่ว่าจะใช้วัสดุอะไรก็ได้ และการใช้วัสดุต้องมีค่าใช้จ่าย

ก็เช่นเดียวกับวัสดุไร้รูปที่ใช้ทำอิทธิปาฏิหารย์ การใช้ก็มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน แต่ไม่ใช่ในรูปตัวเงินจะเป็นในเรื่องของกรรม เรื่องของสภาพ สภาวะที่ต้องประสบ (b-ahh)

ดังนั้นผู้แสวงหาความหลุดพ้น ถ้าบำเพ็ญจริง ๆ จะถูกห้ามใช้ถึงแม้จะรู้วิธีใช้ ลองสังเกตุผู้บำเพ็ญหรือพระหรือบาทหลวงสิ พวกท่านต้องอยู่อย่างเรียบง่ายใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเพื่อให้ติดค้างโลกนี้น้อยที่สุดและใช้เวลาส่วนมากกับการบำเพ็ญ

และอีกอย่างของพวกนี้ก็เป็นอนิจนัง เช่นเดียวกับวัตถุที่มีรูปจับต้องได้นั่นแหละ (ping-love


ก็ประมาณเนี่ยแหละ ไม่รู้อธิบายแล้วเข้าใจอ่ะเปล่าอ่ะนะ (b-glass)

 

อืมมมม... จะว่าไปก็ไม่ใช่นะ... แบบว่าบาปหรือไม่บาปไม่ได้ขึ้นกับว่าเราใช้อะไร แต่ขึ้นกับว่าเราใช้ยังไง ถ้าเรามีฤทธิ์เราจะใช้อิทธิฤทธิ์ก็ไม่บาปอะไรหรอก แต่ถ้าใช้ไปเพื่อกดขี่ข่มเหงคนที่ไม่มีฤทธิ์ก็จะบาปอ่ะนะ...

แล้วเรื่องที่จะทำไรมันก็ต้องจ่ายมันก็ใช่ แต่ถ้าเราไม่มีฤทธิ์แล้วเราจะมีฤทธิ์เราก็ต้องจ่ายราคาค่าอิทธิฤทธิ์นั่นอ่ะ แต่ถ้าเรามีฤทธิ์อยู่แล้วก็ไม่ต้องจ่ายอะไร ( เพราะไม่ได้เป็นการเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิอะไร ถ้ามีอยู่แล้วและคงระดับฤทธิ์นั้นไว้ก็ไม่ต้องทำบุญเพิ่ม แต่ถ้าจะเพิ่มฤทธิ์ให้มากขึ้นก็ต้องทำ... ) ส่วนการใช้ฤทธิ์นั้นไม่บาป แต่ความโลภเห็นแก่ตัวความอยากเด่นอยากดังอาจจะทำให้การใช้ฤทธิ์นั้นบาป ทำให้อะไรที่ไม่น่าจะบาปกลายเป็นบาปได้...
(bb-flower

 

อ้อ...Thanks เว็บซาโนววววว์ ที่เอา ไฟล์เสียง มาลงกระทู้นี่ (bb-flower

 

อืมมม จะว่าไปมันก็ใช่อ่ะนะ... ไม่ว่าบาปหรือบุญ ก็เป็นพันธนาการให้ดำรงอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์ทั้งนั้นแหล่ะ... แต่ว่าบาปเป็นสิ่งฉุดให้เราต่ำลง และบุญก็เป็นสิ่งดึงเราขึ้นสูง ดังนั้นถ้ามองว่ายังไงๆเราก็ต้องจมอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์เพราะความไม่รู้นี้วันยันค่ำ บุญก็เป็นสิ่งที่น่าทำกว่าบาปนะ...

และอีกอย่างหนึ่ง ความหลุดพ้นก็ไม่ใช่ของที่จะได้มาฟรี... ถึงจะแสวงหาความหลุดพ้นแต่ความหลุดพ้นนั้นๆก็เป็นสิ่งที่ยกระดับชีวิตของเราสูงขึ้น ดังนั้นถ้าอยากจะหลุดพ้นก็ต้องจ่ายราคาค่าความหลุดพ้นนั้นก็คือต้องทำบุญอ่ะนะ... การที่จะหลุดพันด้วยปัญญานั้นไม่สามารถทำได้เน่ออย่าพยายาม
(b-glass)