มิจฉาทิฐิ ความเห็นผิด มีโทษยิ่งกว่า อนันตริยกรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ยศวดี, 5 มีนาคม 2016.

แท็ก: แก้ไข
  1. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เก่า 27-02-2008, 01:14 AM #1
    ขุนไพรีพินาศ
    สมาชิก

    ขุนไพรีพินาศ's Avatar

    วันที่สมัคร: Sep 2007
    ข้อความ: 79
    Groans: 0
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 104
    ได้รับอนุโมทนา 784 ครั้ง ใน 63 โพส
    พลังการให้คะแนน: 130
    ขุนไพรีพินาศ is just really niceขุนไพรีพินาศ is just really niceขุนไพรีพินาศ is just really niceขุนไพรีพินาศ is just really nice
    ส่งข้อความผ่าน MSN ถึง ขุนไพรีพินาศ
    มิจฉาทิฐิ ความเห็นผิด มีโทษยิ่งกว่า อนันตริยกรรม

    permalink





    อันตรายร้ายแรงที่เกิดจากความเห็นผิด
    ----------------------------------------------------------------

    ในครั้งพุทธกาล มีอาจารย์ที่เรียกว่า "เดียรถีย์" (ผู้ข้ามไม่ถูกท่า) ก็ตกอยู่ในฐานะมีความเห็นผิดทั้ง ๓ ประการนี้ ได้แก่

    อาจารย์อชิตตเกสกัมพล มีความเห็นผิดชนิดที่เป็น นัตถิกทิฏฐิ เห็นว่าการเวียนว่ายตายเกิดไม่มี

    อาจารย์มักขลิโคศาล มีความเห็นผิดชนิดที่เป็น อเหตุกทิฏฐิ เห็นว่าสัตว์ทั้งหลายเป็นไปโดยมิได้อาศัยเหตุ

    อาจารย์ปูรณกัสสป มีความเห็นผิดชนิดที่เป็น อกิริยทิฏฐิ เห็นว่าการกระทำทั้งหลายไม่สำเร็จเป็นบุญหรือเป็นบาปได้

    บุคคลผู้มีความเห็นผิดชั้นอาจารย์ ย่อมมีความเห็นผิดที่หนักแน่นมากที่สุด และบรรดาศิษย์ทั้งหลายก็หนักแน่นมากบ้างน้อยบ้างรองๆ กันลงมา บรรดาอาจารย์และศิษย์ทั้งหลายผู้ไม่เปลี่ยนใจเหล่านี้จะหลีกหนี นรก ไปไม่พ้นอย่างแน่นอนภายหลังจากจุติ คือดับหรือตายโดยไม่มีอะไรมาคั่น

    แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้ทรงทรมานอาจารย์เหล่านี้ด้วยวิธีการต่างๆเพื่อจะได้ละ ได้ถอนความเห็นที่แสนร้ายนี้ ออกไปจากจิตใจเสียแต่อาจารย์เหล่านี้ก็รับไม่ได้ ยกเว้นศิษย์ของอาจารย์เหล่านี้บางคนที่มีความเห็นผิดยังไม่เข้าขั้นหนักรุนแรง

    บรรดาบุคคลผู้มีความเห็นผิดดังกล่าวนี้ นอกจากจะไม่มีหนทางเดินไปสู่ความพ้นทุกข์ เพราะขาดปัญญาในปัญหาของชีวิตแล้ว ยังขึ้นๆลงๆ นรก ดังได้กล่าวมาแล้วอีก อาจจะมากครั้งทีเดียว จึงถือว่ามีโทษร้ายยิ่งกว่า อนันตริยกรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ในอังคุตตรพระบาลีว่า
    " ปรมานิ ภิกฺขเว วชฺชานิ" แปลความว่า " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเห็นผิดชนิดที่เป็นนิยตมิจฉาทิฏฐินี้มีโทษอันยิ่งใหญ่ที่สุด"

    แม้ว่าอนันตริยกรรมที่หนักที่สุด เช่น ฆ่าพ่อ หรือ ฆ่าแม่ เป็นต้น อนันตริยกรรมจะนำไปเกิดในนรกแล้ว กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกเป็นต้น ก็คงจะไม่ได้ทำอนันตริยกรรมซ้ำๆอีก แต่ความเห็นผิดนั้นยากนักที่จะเปลี่ยนความคิดให้เป็นเห็นถูกได้ แม้จะเกิดเป็นมนุษย์หรือเกิดเป็นเทวดา ความเห็นผิดก็ยังติดตามตัวไป ดังนั้น จึงขึ้นๆลงๆ นรก ครั้งแล้วครั้งเล่าจึงน่ากลัวอย่างจะสุดพรรณา

    สมัยหนึ่ง พราหมณ์ผู้หนึ่งได้เข้ามาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วถามปัญหาเรื่องกรรม เรื่องการตายการเกิดเป็นสัตว์ในภพภูมิต่างๆ เช่น เป็นผีสางเทวดาได้ เป็นต้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงหลับพระเนตรเสียไม่ตอบ พราหมณ์ถามอยู่หลายครั้งไม่ได้รับคำตอบ จึงได้หลีกไป พระอานนท์จึงได้ถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า คำถามก็ดีๆทั้งสิ้น เหตุใดพระองค์จึงไม่ตอบเขา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสว่า อานนท์เธอยังไม่รู้ว่าพราหมณ์ผู้นี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่มีกำลังความเห็นผิดเหนียวแน่นมาก ผ่านนรกมาหลายชาติแล้ว ที่เข้ามาถามวันนี้ ก็มิได้ปรารถนาจะมาหาความรู้ หากแต่ต้องการจะมาโต้คารมแสดงความคิดเห็น จะได้ไปโอ้อวดกับคนทั้งหลายว่า ได้มาโต้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ต้องการสร้างพยานหลักฐานเพื่อจะให้คนทั้งหลายเชื่อในความคิดเห็นผิดๆ ของตน

    ความเห็นผิดชนิดที่ล่วงอกุศลกรรมบทคือ นิยตมิจฉาทิฏฐิ ๓ นั้นมีกำลังของการให้ผลมากจริงๆ ผู้ที่มิได้ศึกษาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมิได้มีความคิดพิจารณาในปัญหาของชีวิตให้ลึกซึ้งแล้วจะเข้าถึงความจริงของการให้ผลไม่ได้ เป็นเรื่องที่น่าหวั่นไหวเกรงอันตรายที่ร้ายแรงนี้เหลือเกิน เพราะความเห็นผิดที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ มันจะแสดงออกไปซึ่งความเห็นผิดนั้นอยู่เสมอในแต่ละชาติที่เกิดขึ้นมา ผลร้ายแรงที่จะได้รับจึงได้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า คือตกนรกบ่อยครั้งจนจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตแล้วจึงจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงกลับเป็นตรงกันข้ามได้ เช่น เกิดเป็นมนุษย์แล้ว เพราะความยากจนมากจึงมัวยุ่งแต่การทำมาหากิน หรือเจ็บป่วยมากอยู่เสมอ มัวแต่ยุ่งเรื่องการรักษาพยาบาลตัวเอง หรือมีเรื่องเศร้าหมองเร่าร้อนอยู่ไม่สร่างซาจนไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดถึงปัญหาชีวิตอันลึกซึ้งที่ตนมีความเห็นผิดติดมา และเมื่อได้พบบัณฑิตย์ที่มีความสามารถเสนอความรู้ให้ ทั้งได้เกิดมาหลายชาติมิได้แสดงความเห็นผิดมากมายออกไป และกุศลของตนเพิ่มขึ้นจึงได้มีโอกาสเปลี่ยนความคิดเสียใหม่

    เปรียบเหมือนเสือโคร่งหนุ่มฉกรรจ์ย่อมจะหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีของตน เพราะในป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้มิได้มีผู้ใดที่จะมีความเก่งกาจหรือมีความสามารถเท่าตนได้ จึงยืนผงาดวาดลวดลายว่าข้านี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ให้สัตว์ทั้งหลายเกรงขาม

    ครั้นในบั้นปลายของชีวิต เมื่อความชราได้เข้ามาเยือนจึงได้มีความรู้สึกสำนึกตัวว่าจะยิ่งใหญ่ต่อไปไม่ได้เสียแล้ว เพราะเขี้ยวอันแหลมคมราวกับเหล็กกล้าภายในปากนั้น บัดนี้ก็ได้หลุดถอน เล็บทุกเล็บอันทรงพลังก็โยกคลอน แม้ร่างกายก็อ่อนแอลงไปแล้วจะจับสัตว์ใหญ่กินได้อย่างไร และจะวิ่งตามสัตว์เล็กก็ไม่ไหว แล้วจะยืนผงาดโอ้อวดความยิ่งใหญ่อยู่ได้หรือ ด้วยเหตุนี้เองเพื่อจะยังชีวิตของตนให้คงอยู่ต่อไป จึงต้องค่อยๆย่องตามเสือหนุ่มสาวกัดกินสัตว์ทิ้งไว้แล้วไปนอนเฝ้าคอยอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้เพื่อจะได้กินในมื้อต่อไป เสือแก่ก็จะย่องเข้ามากินเศษอาหารที่ทิ้งไว้ ถ้าเสือหนุ่มสาวกระโชกเข้ามาขับไล่ ก็ถอยหลบไป ถ้าเสือหนุ่มสาวเผลอหรือนอนหลับ ก็จะย่องเข้าไปแทะกินใหม่ พอให้ชีวิตรอดไปได้วันหนึ่งๆจนกว่าจะตายลงไป
    Share
    ฯ ๗๑ ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
     
  2. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ๓. ตติยวรรค หมวดที่ ๓
    ๑. มิจฉาทิฏฐิกสูตร ว่าด้วยผู้มีความเห็นผิด
    {๒๔๘} [๗๐] แท้จริง พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว พระสูตรนี้ พระอรหันต์
    กล่าวไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
    “ภิกษุทั้งหลาย เราได้เห็นเหล่าสัตว์ที่ประกอบกายทุจริต วจีทุจริต และมโน-
    ทุจริต กล่าวร้ายพระอริยะ มีความเห็นผิด และชักชวนผู้อื่นให้ทำกรรมตามความ
    เห็นผิด หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
    คำที่ว่า ‘เราได้เห็นเหล่าสัตว์ที่ประกอบกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต
    กล่าวร้ายพระอริยะ มีความเห็นผิด และชักชวนผู้อื่นให้ทำกรรมตามความเห็นผิด
    หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก’ นั้น เราหาได้กล่าวเพราะ
    รับฟังมาจากสมณะหรือพราหมณ์อื่น ๆ ไม่
    ภิกษุทั้งหลาย ที่แท้แล้ว เรารู้เอง เห็นเอง ทราบเองทั้งนั้น จึงกล่าว
    คำนี้ว่า ‘เราได้เห็นเหล่าสัตว์ที่ประกอบกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต กล่าวร้าย
    พระอริยะ มีความเห็นผิด และชักชวนผู้อื่นให้ทำกรรมตามความเห็นผิด หลังจาก
    ตายแล้ว จะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก”
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น จึงตรัส
    คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
    บุคคลในโลกนี้ตั้งจิตไว้ผิด กล่าววาจาผิด
    ทำการงานทางกายที่ผิด มีความขวนขวายน้อย A
    ทำกรรมอันไม่เป็นบุญไว้ในชีวิตอันน้อยในโลกนี้
    เขามีปัญญาทราม หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในนรก
    แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล
    มิจฉาทิฏฐิกสูตรที่ ๑ จบ
    เชิงอรรถ
    A มีความขวนขวายน้อย หมายถึงไม่ทำประโยชน์สุขแก่ตนและผู้อื่น (ขุ.อิติ.อ. ๗๐/๒๕๑)
     
  3. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เอามาฝากคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    มิจฉาทิฏฐิ ยังพอแก้ได้

    แต่ถ้าเปน. นิยตมิจฉาทิฏฐิ อันนี้ เปนคำเรียก. พวกเกิดกี่ชาติ ก้สำคัญว่า

    นิพพานมีไป. มีมา. มีเข้า มีออก. เปน..... รอไปตรงนั้นแล้วปฏิบัติอย่างนี้ ..... ฯลฯ

    คือ. กล่าวไปเรื่อยเปื่อย. ไม่ได้กล่าวถึง. การกำหนดรุ้การดับไปซึ่งกิเลส ตัณหา อุปทาน
     
  5. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    จะรู้ตัวมั๊ยเนี้ยยย.....
    อันนี้
    มั่นส่ายหาเรื่อง...
    ไปแกะแผลชาวบ้านเพื่อหวังบอก...
    ว่าท่านเห็นบางอย่างพลาดนะ
    เป็นหมากที่พลาด
    เกมนี้อาจ...ล้มทั้งกระดาน
    เพรระ...ถ้าต่อผิดก็ผิดแบบผิดรูปไปเลย
    บิดเบี้ยว.....ไปเลย
    ...........

    มีประโยชน์หากเปิดใจ
    ไร้ประโยชน์
    ถ้าท่านปิดใจ
    ไม่เป็นไร....
    ไปตามกรรมคะ
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  7. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของสมาชิกในบอร์ดนี้ ยังเป็นมิจฉาทิฐิ ...

    1. หากเห็นข้อความนี้แล้วลองพิจารณาดูว่า คุณเห็นด้วยหรือไม่???

    2. หากเป็นจริงขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร จะแก้ไขได้หรือไม่ในความเห็นของท่าน? ... 2 คำถามที่รอคำตอบ
     
  8. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    มิจฉาทิฐิก็เป็นกรรมอย่างนึง(ผมคิด)
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ข้อ1 ถ้าตอบแบบชุ่ยชุ่ย ก็ เป็น การมโน เอาเอง ซึ่ง ยังไง มันก็ไม่มีคำตอบอยู่ดี ข้อ2 การ ศึกษา ภาวนา ก็ เริ่ม จาก คบสัปปุรุษ ยังให้ฟังพระสัทธรรม เกิด ศรัทธา และ โยนิโสมนสิการ:cool:
     
  10. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    เห็นด้วยกับคำตอบในข้อที่ 2 ของคุณ paetrix ขอถามต่อในคำตอบครับ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า "ใครเป็นสัตตบุรุษ" เพราะธรรมะปฏิรูปมีเยอะแยะมากมายเอาเหลือเกิน ... ถามเพื่อเป็นประโยชน์นะ มิใช่ถามลอย ๆ
     
  11. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    ส่วนคำตอบในข้อที่ 1 ของคุณนั้น หากผมนำข้อความของ สญชัยปริพาชกถามพระสารีบุตรก่อนที่จะจากกันมาให้พิจารณาเพิ่มหล่ะครับ จะออกแนวมโนรึป่าว? ... ผมว่าเข้ากันทีเดียวหล่ะ
     
  12. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ไม่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สัตว์ทั้งมีกรรมเป็นเหตุเป็นทั้งที่มาและที่ไป ท่านว่าอย่างนั้นไหมละ จะแก้ไขสิ่งใดที่เกิดขึ้นเพราะตนเองเป็นผู้ทำจักต้องทำด้วยตัวของตัวเอง แท้จริง จะมีหรือไม่มีพระอริยะบุคคลก็ตาม ธรรมชาติของสัตว์ย่อมเลือกในสิ่งที่ทำได้และมีเพื่อเพียงตนเองเท่านั้น อันนี้ก็ว่าไหม ส่วนเมื่อไหร่จะตื่นลืมตาจริงๆ คงไม่มีใครรู้แน่ แก้ไขที่ตนเองดีที่สุด
     
  13. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอบคุณในคำตอบเป็นอย่างมาก ขอแสดงความเห็นทีละประเด็นนะครับเพราะมีหลายตอนให้พิจารณาเหลือเกิน ดี ๆ ทั้งนั้นครับผม
    1. สัตว์ทั้งมีกรรมเป็นเหตุเป้นที่มาและที่ไป ... ครับ ผมว่าอย่างนั้น
    2. ธรรมชาติของสัตว์ย่อมเลือกในสิ่งที่ทำได้และมีเพื่อเพียงตนเองเท่านั้น ... อันนี้เห็นด้วยนิดหน่อย แต่ออกเชิงไม่เห็นด้วยเพราะตรงนี้แหล่ะครับที่สำคัญ *** เพราะธรรมชาติผู้มีบารมีย่อมจะไม่เหมือนเหล่าสัตว์อื่น ๆ เท่าใดนัก จะมีอุปนิสัยเฉพาะเลยทีเดียว ***

    เมื่อไหร่จะตื่นลืมตาจริง ๆ คงไม่มีใครรู้แน่ แก้ไขที่ตนเองดีที่สุด ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะดีที่สุด แต่ส่วนมากแล้วตัวกางกั้นที่จะไปเห็นสิ่งถูกก็คือ "ทิฐิมานะทั้ง 9 ประการ" คือ มีความเห็นอันถูกของตนเข้ารองรับ นี่แหล่ะครับอุปสรรคใหญ่หลวง ... ขอบคุณในความเห็นของคุณเป็นอย่างมากครับ หลับฝันดีครับผม
     
  14. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..............แล้ว ตกลง คุณ เชื่อ พี่ สัญชัย เหรอครับที่ว่ามา...ผมเลย คิดว่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะคิดแบบนั้น:cool:
     
  15. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ....................ถ้า ยัง ไม่หยุดการตามรักษาความจริง ที่ว่า อย่าคิดว่าสิ่งนี้เท่านั้นจริงสิ่งอื่นเปล่า...ก็ คง สำเร็จในเส้นทางการศึกษา :cool:
     
  16. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31
    พี่สัญชัยแกเป็นคนถามพระสารีบุตรนะ ... พระสารีบุตรท่านเป็นคนตอบ ผมว่ามีประโยชน์นะหากพิจารณาจากคำตอบของพระสารีบุตร
     
  17. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ก็ต้องหาคำตอบและทางออกของตัวเองต่อไปคับ
    ตามชะตากรรมกำหนดคับ
     
  18. นิพพิชฌน์55

    นิพพิชฌน์55 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2016
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +31

    ปัญหา คือ ผู้ที่หลงมักจะไม่ค่อยรู้ตัวว่าตนเองหลง
    ผู้ที่เป็นมัจฉาทิฏฐิไม่ค่อยรู้ตัวว่าตนเองเป็นมิจฉาทิฏฐิ

    ตรงนี้แหล่ะครับเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งก็คงเป็นไปตามกรรมดังว่านั่นแหล่ะ
    แต่ที่แน่ ๆ ผู้ที่มีกิเลสหนาแน่นอยู่ก็ย่อมรู้ว่าตนเองมีกิเลสอยู่นั่นเอง

    ส่วนที่ว่าถึงในการค้นหาคำตอบนั้น หากผู้พ้นจริง หรือเกือบพ้นนั้นไม่ค้นหาก็ย่อมเห็น
    ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านและเป็นกำลังใจให้ตนเองเช่นกันครับผม (^ ^)
     
  19. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เราเป็นกันทุกคนครับ
    จนกว่าเราจะมีปัญญาเจอธรรมคู่ปรับเพื่อเเามาหหักล้างและสร้างอุปนิสัยใหม่คับ
    โมทนา
     
  20. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ตราบใดที่จิตเราไม่บริสุทธิแล้วใสร้เขาก็จะหายากหน่อยคับ
    มันก็จะตีกกลับมาที่ศิลดังเดิมคับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...