มหัศจรรย์ “บุโรพุทโธ”

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 25 กันยายน 2011.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072

    [​IMG]
    แม้ไม่ใช่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่ มหาเจดีย์ “บุโรพุทโธ” หรือ “โบโรบูดูร์” (Borobudur) หรือ “บรมพุทโธ” ก็ จัดได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในระดับน้องๆ ของสิ่งมหัศจรรย์แห่งโลก ในขณะที่ชาวอินโดนีเซียนต่างยกให้มหาเจดีย์แห่งนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์สำคัญ ของประเทศและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอินโดนีเซีย
    [​IMG]

    จาก จาการ์ต้า เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ได้เดินทางด้วยสายการบินราคาประหยัดในประเทศ (อินโดฯ แอร์ เอเชีย) มุ่งหน้าสู่สนามบินเมืองโซโล เพื่อจะเดินทางต่อด้วยรถบัสสู่ เมืองยอกยาการ์ตา (Yogyakata) หรือยอกยา เมืองเก่าแก่ศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมชวาอันเป็นที่ตั้งของบุโรพุทโธอันลือลั่น

    [​IMG]
    แต่ว่าก่อนจะไปถึงยังบุโรพุทโธไฮไลท์สำคัญของทริปนี้ เราไปแวะเที่ยวที่ “วิหารปรัมบานัน” (Candi Prambanan) กันก่อน

    วิ หารปรัมบานัน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปรัมบานัน ทางทิศตะวันออกของเมืองยอกยา ปรัมบานันเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบุโรพุทโธ เพราะเป็น เทวสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย

    วิหาร แห่งนี้มีเทวาลัยหลักขนาดใหญ่ 3 หลังด้วยกัน คือ องค์ประธานหลังกลางที่ใหญ่ที่สุด เด่นที่สุด และสูงที่สุด (ประมาณ 47 เมตร) เป็นเทวาลัยที่สร้างขึ้นถวายแด่พระอิศวร อีก 2 หลังเล็กลงมา แบ่งเป็นเทวาลัยทิศเหนือที่สร้างถวายแด่พระนารายณ์ และเทวาลัยทิศใต้ที่สร้างขึ้นถวายแด่พระพรหม
    [​IMG]

    นอก จากนี้ปรัมบานันยังมีเทวาลัยขนาดเล็กรายรอบอีกร่วม 250 หลังเป็นองค์ประกอบ รวมไปถึงรูปปั้นรูปสลักอีกมากมาย ซึ่งด้วยความเก่า ความเก๋า ความขลัง ความงาม ความยิ่งใหญ่อลังการ และความสำคัญแห่งรอยอดีตในศาสนาฮินดู ทำให้วิหารปรัมบานันได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็น ‘มรดกโลก’ (World Heritage) ในปี ค.ศ. 1991

    หลังซึมซับความยิ่งใหญ่อลังการของวิหารปรัมบานันกันจนถึงเวลาอันควรแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปยังบุโรพุทโธในเขต Magelan ในทันที

    ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อจากนั้น ก็ได้มายืนยังบริเวณทางเข้าบุโรพุทโธที่แหงนหน้ามองขึ้นไปเห็นบุโรพุทโธที่ ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นสง่าบนเนินดินธรรมชาติอยู่ลิบๆ...เมื่อเห็นอย่าง นั้นเราก็ไม่รอช้ารีบจ้ำอ้าวก้าวเดินเข้าสู่มหาเจดีย์บุโรพุทโธอย่างไม่รีรอ

    [​IMG]
    ระหว่างทางมีคนเดินสวนขึ้น-ลงเจดีย์กันขวัก ไขว่ ดูไม่ต่างอะไรกับงานมหกรรมย่อยๆ เลย เพราะวันนั้นเป็นวันเสาร์ จึงมีนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมบุโรพุทโธกันอย่างเนื่องแน่น ซึ่งนี่ถือเป็นการการันตีความยิ่งใหญ่ของมหาเจดีย์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

    สำหรับมหาเจดีย์แห่งนี้ ไกด์ประจำบุโรพุทโธอธิบายให้ฟังว่า นี่ เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างเชิดหน้าชูตาอย่างยิ่งแห่งอินโดนีเซีย ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็น ‘มรดกโลก’ (World Heritage) ในปี ค.ศ. 1991

    [​IMG]

    ตามประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า บุโรพุทโธน่าจะสร้างขึ้นในระหว่าง ค.ศ. 778 ถึง ค.ศ. 850 โดยกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทร์

    “บุ โรพุทโธ” เป็นงานพุทธสถานแบบฮินดูชวาที่ผสมผสานศิลปะแบบอินเดียกับอินโดนีเซียให้เข้า กันได้อย่างกลมกลืนลงตัว องค์เจดีย์มีลักษณะเป็นรูปทรงดอกบัว (สื่อถึงสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา) ส่วนแผนผังนั้นเชื่อว่าน่าจะหมายถึงคติจักรวาลและอำนาจของพระพุทธเจ้า อันได้แก่พระพุทธเจ้าผู้สร้างโลกตามคติพุทธมหายาน นอกจากนี้บุโรพุทโธยังมีความลี้ลับบางประการทั้งทางการก่อสร้างและการสื่อ สัญลักษณ์ที่ ณ วันนี้ ยังรอให้นักวิชาการได้ค้นคว้าศึกษาตีความกันต่อไป

    บุโรพุทโธแบ่งเป็น 3 ชั้นหลักด้วยกัน ซึ่งเปรียบเหมือนชีวิตที่แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ กามาธาตุ (กามธาตุ) รูปธาตุ และอรูปธาตุ

    เอาล่ะ เมื่อรู้เรื่องราวคร่าวๆ ของมหาเจดีย์แห่งนี้แล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาลุยถั่วชมบุโรพุทโธกันแล้ว
    [​IMG]

    แรกก่อนขึ้นไปยังมหาเจดีย์ ได้เดินไปหามุมถ่ายรูปตามแสงบริเวณสนามหญ้ารอบๆ ก่อนเดินละเลียดสำรวจชมซุ้มพระพุทธรูปมากมาย จากนั้นจึงเดินหน้าต่อไปสู่มหาเจดีย์ชั้นแรก คือ กามาธาตุหรือขั้นตอนที่มนุษย์ยังผูกพันอย่างใกล้ชิดกับความสุขและความร่ำรวย ทางโลก ชั้นนี้เปรียบเสมือนส่วนฐานของเจดีย์ มีภาพสลักหินนูนต่ำกว่า 160 ภาพให้เดินชมได้โดยรอบ โดยภาพที่เด่นๆ ชวนชมในชั้นนี้ก็มี ภาพวิถีชีวิตประจำวันของชาวชวา ภาพแสดงถึงบาปบุญคุณโทษ กฎแห่งกรรมต่างๆ เป็นต้น

    แต่ถ้าใครอยากชมภาพสลักหินนูนต่ำอย่างหลากหลาย ขอแนะนำว่าที่ชั้น 2 หรือชั้นรูปธาตุ ที่เปรียบเสมือนขั้นตอนการหลุดพ้นจากกิเลสในทางโลกของมนุษย์เพียงบางส่วน ที่ชั้นนี้มีภาพสลักสวยๆ งามๆ บนระเบียงให้ชมกันเพียบถึง 1,400 ภาพ (ยาวทั้งหมดเกือบ 4 กม.) ภาพในชั้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นภาพพุทธประวัติที่ได้รับอิทธิพลศิลปะอินเดียใน สมัยหลังยุคคุปตะ เน้นการสลักภาพบุคคลที่ดูค่อนข้างอวบอ้วนแต่แฝงความสงบอยู่ในที
    อนึ่ง การเดินขึ้นชมบุโรพุทโธนั้นก็ว่าแค่พอเหงื่อซึมเท่านั้น ไม่ถึงกับเหนื่อยหนาสาหัส ซึ่งเมื่อเดินต่อไปก็จะสู่ชั้นไฮไลท์ในชั้น 3 หรือชั้นอรูปธาตุ ที่เปรียบเสมือนการหลุดพ้นของมนุษย์ ไม่ผูกพันใดๆ ในทางโลกอีกต่อไป
    [​IMG]

    บน ชั้น 3 มีฐานเป็นลานทรงกลม เจดีย์เล็กๆ 3 แถว 72 องค์รายล้อมรอบเจดีย์องค์ใหญ่ (แถวแรก 16 องค์, แถวสอง 24 องค์, แถวสาม 32 องค์) ซึ่งมีหลายคนตีความว่าอาจจะสื่อถึงการหลุดพ้นใน 3 ระดับคือ นิพพาน ปรินิพพาน และมหานิพพาน ส่วนเจดีย์องค์ใหญ่ยักษ์ตรงกลางนั้นน่าจะหมายถึงแกนจักรวาล
    สำหรับเจดีย์องค์เล็กๆ จำนวนมาก บนชั้น 3 นี้ หากสังเกตดีๆ จะพบว่ามีลักษณะค่อนข้างต่างไปจากเจดีย์บ้านเรา คือเป็น เจดีย์ยอดตัด (ไม่ใช่ยอดแหลมเหมือนบ้านเรา) และเป็น เจดีย์โปร่ง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย ซึ่งถือเป็นเกราะกำบังการลักลอบตัดเศียร และการทำลายพระพุทธรูปได้เป็นอย่างดี

    แต่ กระนั้นก็มีเจดีย์อยู่ 2 จุด ที่พังทลายไปเผยให้เห็นองค์พระพุทธรูปภายใน ซึ่งตอนหลังกลายเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตของนักท่องเที่ยวไป ส่วนเจดีย์อีก 1 องค์ที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ เจดีย์ที่เรียกว่า “เจดีย์พระพุทธอธิษฐาน” เพราะในเจดีย์องค์นั้นจะมีพระพุทธรูปที่ชาวอินโดฯ เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ สามารถลูบคลำอธิษฐานขอพรให้สมหวังได้ ส่วนใครเจ็บไข้ได้ป่วยตรงส่วนไหนของร่างกายก็ให้ลูบคลำตรงส่วนนั้น ซึ่งก็ทำให้พระพุทธรูปองค์นี้เริ่มเป็นมันเลื่อมๆ แล้ว เพราะมีคนมาลูบขอพรกันเป็นประจำ

    [​IMG]

    นี่แหละความเชื่อความหวัง ไม่ว่าชาติไหนในโลกก็มีเหมือนกันทั้งนั้น
    อ้อ!!! มีอย่างหนึ่งบนบุโรพุทโธที่อาจดูขัดตาชาวพุทธอย่างเราๆ ท่านๆ นั่นก็คือ การที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทั้งชาวอินโดนีเซียนและชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ชาว พุทธ ต่างปฏิบัติต่อองค์พระพุทธรูปเหมือนรูปปั้นทั่วไปไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่เรานับถือ แต่หากมองด้วยใจเป็นธรรมนั่นเป็นเพราะประชากรอินโดนีเซียนส่วนใหญ่เป็น มุสลิม (ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติก็นับถือศาสนาอื่น) นอกจากนี้หากเรานำหลักคิดแบบพุทธมาเป็นแนวทาง สิ่งที่เราเห็น ณ เบื้องหน้านี้ต่างเป็นสิ่งสมมติทั้งสิ้น

    ส่วนถ้าใครมองโลกด้วยความ เป็นจริงก็จะพบว่ามีบางสิ่งควรให้การยกย่องต่อชาวอินโดฯ ไม่น้อยเลย เพราะแม้ว่าส่วนใหญ่ชาวอินโดฯ จะเป็นมุสลิม แต่ว่าพวกเขา (เท่าที่ได้สอบถามจากนักท่องเที่ยวหลายๆ คน) ต่างก็ภาคภูมิใจในพุทธศาสนาสถานแห่งนี้ ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังได้ดูแลรักษามหาเจดีย์บุโรพุทโธให้อยู่ในสภาพที่ ค่อนข้างดี

    ในขณะที่บ้านเราที่เป็นเมืองพุทธ แต่กลับปรากฏว่านับจากอดีตถึงปัจจุบันยังคงมีข่าวการทำร้าย ทำลาย พุทธศาสนสถานและศาสนสถานอื่นๆ อยู่เสมอมา อา...เพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น!?!
    [​IMG]

    บุโรพุทโธ (Borobudur) เป็น ศาสนสถานสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ของอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในเมืองยอกยาการ์ตา อู่วัฒนธรรมแห่งชวา ที่นอกจากปรัมบานันและบุโรพุทโธแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิ ภูเขาไฟเมอร์ราพี, Kraton หรือวังสุลต่าน, วังตามันซารี ส่วนเมืองโซโลที่อยู่ใกล้เคียงนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองบาติก (ปาเต๊ะ) ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก อินโดฯ ใช้เงินสกุลรูเปีย มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 บาท ประมาณ 250-300 รูปเปีย (ตามการขึ้นลงของค่าเงิน) เทียบเวลาตรงกับเมืองไทย ทั้งนี้ผู้สนใจข้อมูลท่องเที่ยวเกี่ยวกับอินโดนีเซียสามารถสอบถามได้ที่ สถานทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย โทรศัพท์ 0-2252-3135-9

     
  2. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    กับทุกท่านที่ได้ร่วมกันทำบุญ
    สร้างพระเจดีย์บุโรพุทโธ
    เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา
    และสร้างบุญกุศลทุกอย่างไว้
    ณ ที่นี้ตั้งแต่อดีตชาติ
    จนถึงปัจจุบันชาติ
    และในอนาคตกาลด้วยครับ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ<!-- google_ad_section_end -->
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
    [​IMG]
    [​IMG]<!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2011
  3. thontho

    thontho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +612
    สมเด็จโตเล่าไว้ที่สำนักปูสวรรค์..บรมพุทโธนี้ สร้างโดยเจ้าชายคนไทย ไม่มีประวัติศาสตร์บันทึก ย่อๆคือ ดาวเด่นฟ้า โอรสของพระเจ้าอตวันธิราช สมัยโบราณก่อนสุโขทัยอีกนาน ตอนนั้น เพชรบุรีเป็นเมืองหลวงเรียกว่า เมืองพริบพลี (ยังมีวัดพริบพลีที่เพชรบุรี) ได้ยกทัพเรือไปตีอินโดนีเซีย แพ้ ถูกจับตัว แต่เจ้าหญิงที่นั่นเกิดรัก เลยอยู่ที่นั่นจนมีลูก อยู่ว่างๆไปเดินเล่น เห็นหินภูเขาไฟเยอะแยะ สร้างบรมพุทโธโดยขนหินจากภูเขาไฟ เมื่อสร้างเสร็จก็หนีกลับเมืองไทย.....มีความอัศจรรย์อย่างคิดไม่ถึงคือ รอดพ้นจากการทำลายจากมุสลิมได้อย่างไร
    แนะนำให้ไปศึกษาอะไรๆที่สำนักปู่สวรรค์ ซ 65 เพชรเกษม บางแค มหาวิทยาลัยชีวิตที่หาได้ยาก
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    น่าไปเที่ยวมากนะคะ แต่อินโดนีเซียไปช่วงไหนถึงจะไม่เจอฝนและไม่ร้อนมากคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...