พิจารณารูป-นาม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมวินัย, 2 เมษายน 2009.

  1. ธรรมวินัย

    ธรรมวินัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +40
    *พิจารณารูป-นาม*
    คิริมานนทสูตร (พระยาธรรมมิกราชสูตร) (อุบายรักษาโรค)
    ที่มา : หนังสือคิริมานนทสูตร (อุบายรักษาโรค)
    แปลจากภาษาสยามฝ่ายเหนือสู่ภาษาสยามกลางโดย พระธรรมมีรราชมหามุนี (จันทร์ สิริจนฺโท)

    "อานนฺท ดูกรอานนท์ ธรรมนี้ชื่อว่าพระยาธรรมิกราช เพราะเป็นใหญ่กว่าธรรมทั้งหลาย ข้อที่เราตถาคตได้ตรัสไว้แล้วในธรรมหมวดนี้คือได้ชี้นรก สวรรค์ พระนิพพาน กิเลสตัณหา โดยจะแจ้งสิ้นเชิง เมื่อผู้ใดได้ฟังแล้วปรารถนาสุขทุกข์ประการใด ก็จงเลือกประพฤติตามความปรารถนา"

    "ข้าแต่พระมหากัสสปะผู้มีอายุ พระสูตรนี้จะได้ชื่อว่า พระยาธรรมิกราชสูตรตามรับสั่งนั้น จักเสียนิมิตไป เพราะอาศัยพระผู้เป็นเจ้าคิริมานนท์เป็นนิมิต พระสูตรนี้ พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาที่วัดเชตวนาราม ปรารภพระคิริมานนท์เกิดอาพาธให้เป็นเหตุ จึงได้ชื่อว่า คิริมานนทสูตร มีเนื้อความดังแสดงมานี้แลฯ"

    พิจารณารูป-นาม

    วาระนี้จักแสดงพระสูตรอันหนึ่ง อันโบราณจารย์เจ้าหากกำหนดไว้ว่า คิริมานนทสูตรอ้างเนื้อความว่า ครั้งปฐมสังคายนา พระมหาสังคาหกเถรเจ้าทั้งหลาย ๕๐๐ พระองค์ หย่อนโอกาสไว้ให้พระอานนท์องค์หนึ่ง ได้สมถวิปัสสนาอยู่ ยังไม่ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ครั้งพระอานนท์ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็เข้าจตุตถฌานเอาปฐวีกสินเป็นอารมณ์ ไปปรากฏบนอาสนะท่ามกลางสงฆ์ ให้พระสงฆ์สิ้นความสงสัยในอรหัตคุณ ที่ถ้ำสัตตบรรณคูหา ปฏิญาณในอเสขภูมิด้วยประการดังนี้ พระมหาสังคาหกเถรเจ้าทั้งหลาย ปฏิญาฯตนในกัสสปะเป็นประธาน จึงได้อารธนาเชื้อเชิญให้พระอานนท์ขึ้นนั่งเหนือธรรมาสน์ แสดงพระสุตันตปิฎก ยกคิริมานนทสูตรนี้ขึ้นเป็นที่ตั้งลำดับไว้อย่างนี้ฯ พระมหากัสสปะเถรเจ้าจึงถามพระอานนท์ว่า
    อานนฺท ดูกรอานนท์ พระสูตรอันชื่อว่าคิริมานนทสูตรนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่บุคคลผู้ใด และตรัสเทศนามีวิตถารพิสดาร อย่างไรขอให้พระอานนท์เถรเจ้าจงแสดงต่อไปในกาลบัดนี้ฯ
    อถโข อายสฺมา อานนฺโท ลำดับนั้น พระอานนท์เถรเจ้าผู้นั่งอยู่บนธรรมาสน์ ได้โอกาสแต่พระสงฆ์ แล้วจึงวิสัชนาพระสูตรนี้ มีปฏิญาณในเบื้องต้นว่า เอวมฺเม สุตํ ดังนั้น ข้าพเจ้าผู้มีชื่อว่าอานนท์ หากได้สดับมาแต่พระผอบแก้ว กล่าวคือพระโอษฐ์แห่งพระพุทธเจ้า ดำเนินความว่า

    เอกํ สมยํ สมัยกาลคาบหนึ่ง พระผู้มีพระภาคสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จสำราญพระอิริยาบถอยู่ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร อันเป็นอารามของอนาถปิณฑิกเศรษฐี สร้างถวายใกล้กรุงสาวัตถี ในกาลนั้น พระผู้เป็นเจ้าชื่อว่า คิริมานนท์เถระผู้มีอายุ อาพาธิโก เกิดอาพาธหนักเหลือกำลังที่จะอดกลั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงให้เชิญข้าพเจ้าผู้ชื่อว่าอานนท์ เข้าไปยังสำนักแห่งตน แล้วจึงกล่าวว่า

    อานนฺท ดูกรอานนท์ ข้าพเจ้าผู้มีชื่อว่าคิริมานนท์นี้ บังเกิดอาพาธหนักเหลือกำลังที่จะพึงอดกลั้น ไม่สามารถจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ ขอนิมนต์ท่านอานนท์ นำเอาอาการอาพาธอันร้ายแรงแห่งข้าพเจ้า ไปกราบทูลให้สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบ เพื่อทรงพระมหากรุณาสงเคราะห์ให้ทุกขเวทนาเจ็บปวด ซึ่งเบียดเบียนอยู่ในร่างกายแห่งข้าพเจ้าผู้มีชื่อว่าคิริมานนท์นี้ ระงับอันตรธานหายเถิด ข้าพเจ้าผู้ชื่อว่าอานนท์ รับเถรวาทีแล้ว ก็ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลอาการแห่งอาพาธและทุกขเวทนา ตามคำสั่งของพระคิริมานนท์ให้ทรงทราบทุกประการฯ

    อถโข ในกาลนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงทราบอาการแห่งพระผู้เป็นเจ้าคิริมานนท์ จึงตรัสแก่ข้าฯ อานนท์ว่า
    อานนฺท ดูกรอานนท์ ท่านจงกลับไปสู่สำนักของท่านคิริมานนท์โดยเร็ว แล้วพระองค์ทรงตรัสต่อไปว่า วิสุทฺธจิตฺเต อานนฺท เทวฺตา สุตฺวโส อาพาโธค้านโส ปฏิปสฺสมฺเภยฺย ดังนี้ ดูกรอานนท์ เมื่อท่านไปถึงสำนักพระคิริมานนท์แล้ว ท่านจงบอกสัญญา ๒ ประการคือ รูป สัญญา ๑ นามสัญญา ๑ คือว่ารูปร่างกายตัวตนทั้งสิ้นก็ดี คือนามได้แก่จิตเจตสิกทั้งหลายก็ดี ก็ให้ปลงธุระเสีย อย่าถือว่ารูปร่างกายและจิตเจตสิกเป็นตัวตน และอย่าเข้าใจว่าเป็นของๆ ตนทุกสิ่งทุกอย่าง ความจริงหากเป็นของภายนอกสิ้นทั้งนั้นฯ

    ดูกรอานนท์ ถ้าหากว่ารูปร่างกายเป็นตัวเราแท้ เมื่อแก่เฒ่า ชรา ตามัว หูหนวก เนื้อหนังเหี่ยวแห้ง ฟันโยกคลอนเจ็บปวดเหล่านั้น เราก็จักบังคับมันได้ตามประสงค์ ว่าอย่าเป็นอย่างนั้น อย่าเป็นอย่างนี้ นี่เราบังคับไม่ได้ตามประสงค์ เขาจะเจ็บ จะไข้ จะแก่ จะตาย เขาก็เป็นไปตามหน้าที่ของเขา เราหมดอำนาจที่จะบังคับบัญชาได้ เมื่อตาย เราจะพาเอาไปสักสิ่งสักอันก็ไม่ได้ ถ้าเป็นตัวตนของเราแล้ว เราก็คงจะพาเอาไปได้ตามความปรารถนาฯ

    ดูกรอานนท์ ถึงจิตเจตสิกก็ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของๆ ตน หากว่าจิตเจตสิกเป็นเรา หรือเป็นของๆ เรา ก็จักบังคับได้ตามประสงค์ ว่าจิตของเราจงเป็นอย่างนี้ จงสุขสำราญอยู่ทุกเมื่อ อย่าทุกข์อย่าร้อนเลย ดังนี้ ก็จักพึงได้ตามความปรารถนา นี่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เขาจะคิดอะไรเขาก็คิดไป เขาจะอยู่จะไปก็ตามเรื่องของเขา เพราะเหตุร่างกายจิตใจเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของๆ ตน ให้ปลงธุระเสีย อย่าเข้าใจถือเอาว่าเป็นตัวตนและของๆ ตนเถิดฯ

    ดูกรอานนท์ ท่านจงไปบอกซึ่งสัญญาทั้ง ๒ ประการ คือรูปและนามนี้โดยเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน และไม่ใช่ของๆ ตน ให้พระคิริมานนท์แจ้งทุกประการ เมื่อพระคิริมานนท์แจ้งแล้ว อาพาธความเจ็บปวดและทุกขเวทนา ก็จักหากจากสรีระร่างกายแห่งพระคิริมานนท์ สิ้นเสร็จหาเศษบ่มิได้ จักหายโดยรวดเร็วด้วยฯ
    ภนฺเต อริยกสฺสป ข้าแต่พระอริยกัสสปะผู้เป็นประธานในสงฆ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแก่ข้าฯ ผู้ชื่อว่าอานนท์ ด้วยประการฉะนี้แลฯ
    ----------------------------------------------
     
  2. ธรรมวินัย

    ธรรมวินัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +40
    ขอทุกท่านจงเพียรฝึกสติ เจริญสติปัฏฐาน4 เพื่อเข้าถึงโลกุตระ ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ให้เป็นทุกข์อีกเลย....สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...