พลังจิต ในแบบต่างๆ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 19 ตุลาคม 2008.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]



    ไซ-บอล (Psi-Ball) - การสร้างบอลพลังจิต เพื่อใช้ประโยชน์ตามที่ผู้ใช้ต้องการ

    อนิมัล ไซ (Animal Psi) - ความสามารถในการพูดคุยกับสัตว์

    แอนตี้ ไซ (Anti Psi) - สามารถรับการโจมตีโดยใช้พลังจิตป้องกัน

    แอสตรัลโปรเจคชั่น (Astral Projection) - การถอดกายทิพย์

    ไบโอ คอนโทรล (Biocontrol) - สามารถควบคุมการทำงานอวัยวะภายในร่างกายได้

    เช่น ระบบการหมุนเวียนของเลือด รักษา บรรเทาอาการเจ็บปวด

    แชนเนลลิ่ง (Channeling) - ติดต่อกับวิญญาณหรือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมิติที่ละเอียดกว่าได้

    ไมนด์ชีลด์ (Mindshield) - ป้องกันการโจมตีจากพลังจิต

    พรีคอคนิชั่น (Precognition) - ความสามารถหยั่งรู้อนาคต

    ไซคิค ฮีลลิ่ง (Psychic Healing) - การรักษาด้วยพลังจิต

    ไซคิค ฮิปโนซิส (Psychic Hypnosis) - การสะกดให้นอนหลับโดยใช้พลังจิตเข้าช่วย

    ไซคิค อินวิซิบิลิตี้ (Psychic Invisibility) - การล่องหนหายตัวโดยใช้พลังจิต

    ไซคิค แวมไพริซึ่ม (Psychic Vampirism) - ความสามารถในการดูดซับพลังชีวิตของคนอื่น

    ไซโคเมทรี (Psychometry) - รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตโดยการจับต้องสิ่งของ

    เช่น การค้นหาผู้สูญ หายโดยการจับรูปถ่ายหรือของใช้ของเขา

    ไซโคพอร์เทชั่น (Psychoportation) - พลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุ/ตนเอง ไปยังจุดหมายที่ต้องการ

    ซีเนอร์จี (Synergy) - ความสามารถในการผสมผสานพลังจิตเข้าด้วยกัน

    เทเลพาธี (Telephathy) - การติดต่อผ่านทางจิต

    เอ็มพาธี (Empathy) - รับรู้ความรู้สึกของผู้อื่นได้

    เลวิเตชั่น (Levitation) - การลอยตัวโดยใช้พลังจิต

    ไมนด์คอนโทรล (Mindcontrol) - ควบคุมจิตใจผู้อื่น

    [​IMG]




    การค้นคว้าของตระกูลคิเนซิส

    เทเลคิเนซิส (Telekinesis) - การควบคุม/เคลื่อน วัตถุสิ่งของโดยใช้พลังแห่งจิต

    ไพโรคิเนซิส (Pyrokinesis) - ควบคุมเปลวเพลิง สร้างไฟขึ้นมาได้

    ครายโอคิเนซิส (Cryokinesis) - ควบคุมธาตุน้ำ ทำน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็ง

    แอโรคิเนซิส (Aerokinesis) - ควบคุมอากาศ สร้างสายลม

    โครโนคิเนซิส (Cronokinesis) - ควบคุมกาลเวลา สามารถเดินทางไปยังอดีตหรืออนาคตได้



    [​IMG]



    ข้อมูลจาก http://karness.board.ob.tc/-View.php?N=3
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เรามาศึกษาวิธีการสร้างลูกบอลพลังจิต (ไซบอล)ตามวิธีของ Peebrain โดยมีขั้นตอนดังนี้ ​
    1. กำหนดตำแหน่งว่า จะสร้างพลังที่ไหน เช่น ที่มือทั้งสองข้าง ที่ตาที่สามระหว่างคิ้ว หรือ ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เช่น เมืองจีน



    [​IMG]


    ตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่จะนิยมเลือก หรือ นิยมฝึกกัน คือ ที่มือทั้งสองข้าง

    การวางตำแหน่งมือที่นิยมทำกัน จะมี 3 แบบใหญ่ๆ ดังภาพ


    [​IMG]


    คุณสามารถที่จะเลือกท่ามือของคุณเอง หรือ จะเลือกจากภาพทั้งสามดังกล่าวกได้ จากนั้นเราจะไปสุ่ขั้นที่สองกัน
    ขั้นตอนที่สอง คือ การเลือกแหล่งกำเนิดพลังงาน


    คุณสามารถเลือกแหล่งกำเนิดพลังงานจากที่ไหนก็ได้ เช่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ โลก หรือ แม้แต่จากตัวคุณเอง
    เพียงแต่ถ้าคุณเลือกแหล่งพลังงานจากตัวคุณเอง จะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเร็ว ​
    [​IMG]
    หากคุณต้องการพลังงานที่มีความร้อน อาจเลือกแหล่งพลังงานจากดวงอาทิตย์
    หากคุณต้องการพลังงานที่มีความเย็น อาจเลือกแหล่งพลังงานจากดวงจันทร์
    หากคุณไม่สนใจอุณหภูมิ อาจเลือกพลังงานจากโลก
    สิ่งต่างๆเหล่านี้เพียงแค่ โดยใช้หลักการจากความนึกคิดเท่านั้น
    ขั้นตอนที่สาม การดึงพลังงานจากต้นกำเนิดพลังงาน



    ขั้นตอนการดึงพลังงานเป็นขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน เพียงแค่คุณใช้ความนึกคิด กำหนดจิตสร้างมโนภาพว่า พลังงานกำลังไหลจากต้นกำเนิดพลังงานมาล้อมรอบตัวคุณ หรือ เข้ามาในตัวคุณ
    บางคนอาจหลับตากำหนดภาพ บางคนอาจไม่หลับตา คุณอาจจะลองทั้งสองแบบคือทั้งหลับตาและไม่หลับตา แล้วดดูว่าแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด เช่น
    คุณอาจหลับตานึกถึงภาพว่า ​
    [​IMG]

    1. คุณกำลังยืนอยู่บนโลก โลกกลมๆ มีศูนย์กลางพลังงานที่ตรงกลางโลก
    2. จากนั้นพลังงานจากศูนย์กลางโลกไหลออกมาที่ผิวโลก ผ่านผืนดินตรงมาที่เท้าของคุณ
    3. พลังงาน ไหลเข้ามาที่ปลายเท้าคุณ และเข้าสู่ร่างกายของคุณผ่านทางเท้า
    วิธีการดึงพลังงานนั้น ไม่มีขีดจำกัด คุณสามารถจินตนาการตามที่คุณต้องการ เรามาลองดูตัวอย่างเพิ่มเติมกันต่อไป เช่น

    * กำหนดภาพว่า แหล่งพลังงานเสมือนมีช่องเสียบไฟฟ้า และตัวคุณเสมือนมีปลั๊กเสียบเข้าไป เหมือนการเสียบสายเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วดึงพลังงานจากแหล่งกำเนิดพลังงาน

    * กำหนดภาพว่า แหล่งพลังงานอยู่เหนือตัวเรา แล้วพลังงานไหลลงมาเหมือนน้ำตก ไหลเข้าสู่ตัวเรา

    * กำหนดภาพว่า แหล่งพลังงานอยู่เหนือตัวเรา คล้ายกับก้อนเมฆ แล้วเกิดแสงพุ่งออกมา เข้ามาสู่ตัวเรา

    * กำหนดภาพว่า แหล่งพลังงานกำลังส่งพลังงานก้อนใหญ่ให้คุณ และคุณกินพลังงานนั้นเข้าไป

    สรุปคือ คุณสามารถกำหนดภาพตามรูปแบบที่คุณถนัดและเหมาะสม ให้สามารถดึงพลังงานจากสิ่งนั้นได้ และได้รับพลังงานในรูปแบบต่อเนื่อง ซึ่งหากชำนาญอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที หรือ หากยังไม่ชำนาญอาจใช้เวลาหลายนาทีเพื่อให้รู้สึกว่าได้รับพลังงานจากแหล่งต้นกำเนิดอย่างต่อเนื่อง

    ขั้นตอนที่สี่ การสร้างบอลพลังจิต PSI ball

    เรายังคงพลังงานจากแหล่งกำเนิดอย่างต่อเนื่อง สร้างความรู้สึก ชักนำพลังงานที่เข้ามาสู่ร่างกายนั้น ให้ไปในตำแหน่งที่เรากำหนดไว้ตั้งแต่ขั้นตอนแรก เช่น ที่ระหว่างมือทั้งสองข้าง โดยกำหนดภาพให้พลังงานนั้นรวมตัวกันเป็นก้อนกลม


    [​IMG]
    พยายามใช้ระบบประสาทสัมผัสต่างๆประกอบกับภาพที่เราสร้างขึ้น เช่น รู้สึกถึงการไหลของพลังงานผ่านไปตามส่วนต่างๆของร่างกายไหลไปที่มือทั้งสองข้าง หรือ อาจจะสัมผัสถึงเสียง เป็นขั้นตอนเริ่มต้นในการฝึกการรับสัมผัสของพลังงาน
    ขั้นตอนที่ห้า คือ การเพิ่มพลังงานให้บอลพลังจิต

    การเพิ่มพลังงานให้บอลพลังจิตนั้นมีสองวิธี คือ
    1. การเพิ่มขนาดของบอลพลังจิต โดยยังคงความหนาแน่นเท่าเดิม


    [​IMG]
    2. การเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน ( ขนาดเท่าเดิมแต่หนาแน่นขึ้น )

    [​IMG]
    ทั้งสองวิธีนั้น สามารถทำได้โดยการกำหนดภาพตามปกติ คือ กำหนดภาพให้บอลพลังจิตขยายใหญ่ขึ้น หรือ กำหนดภาพให้บอลพลังจิตหนาแน่นขึ้น
    เมื่อคุณทำมาถึงขั้นที่ห้า เท่ากับคุณได้สำเร็จขั้นต้นของการฝึกพลังจิตแบบหนึ่ง



    ข้อมูลจาก http://palungjit.org/showthread.php?t=144598
     
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คลื่นสมอง 4 ชนิด ในสมองซีกซ้ายและขวา ก่อเกิดการเพิ่มพลังจิตให้มีระดับสูงขึ้น

    [​IMG]


    ในธรรมชาติเมื่อเราทำให้น้ำเคลื่อนไหวเช่น การโยนก้อนหินลงไป ก็จะเกิดเป็นคลื่นพลังงานในน้ำเห็นได้ชัดเป็นระลอกคลื่น

    ในร่างกายของมนุษย์ก็มีพลังงานคลื่นที่สามารถตรวจวัดได้หลายอย่าง เช่น คลื่นหัวใจ (ตรวจวัดโดย ECG , Electro Cardiograph)

    คลื่นสมอง ตรวจวัดโดย EEG ( Electro Encephalograph )
    [​IMG]


    คลื่นสมองจะมีลักษณะเคลื่อนไหว ขึ้นและลง เหมือนคลื่นทั่วไป โดยใช้หน่วยการวัดเป็น รอบต่อวินาที ในปัจจุบันวัดคลื่นสมองได้ 4 ชนิด

    คือ เบต้า Beta อัลฟรา Alpha เธต้า Theta และเดต้า Delta โดยแบ่งตามความถี่ของคลื่น (รอบต่อวินาที)

    โดย เบต้า Beta จะมีคลื่นความถี่ที่ 13 ถึง 25 รอบต่อวินาที

    ความหมายของคลื่นเบต้า คือ สมองอยู่ในภาวะการทำงานและควบคุมจิตใต้สำนึก



    เช่น กำลังทำงานทั่วไป กำลังพูด กำลังทำกิจกรรมต่างๆ

    อัลฟรา Alpha จะมีคลื่นความถี่ที่ 8 ถึง 12 รอบต่อวินาที

    ความหมายของคลื่นอัลฟรา คือ สมองอยู่ในช่วงพักผ่อนหรือกำลังทำสมาธิ

    วึ่งเป็นช่วงที่สมองสามารถคิดสร้างสรรค์หรือเรียนรู้ได้อย่างรวดเร้ว

    เธต้า Thata จะมีคลื่นความถี่ที่ 4 ถึง 11 รอบต่อวินาที

    ความหมายของคลื่นเธต้า คือ สมองอยู่ในช่วงเข้าสมาธิแบบลึก มีความเชื่อมโยงกับการเห็นภาพต่างๆ

    เดต้า Delta จะมีคลื่นความถี่ที่ 0.5 ถึง 3 รอบต่อวินาที



    เป็นช่วงที่สมองหลับอย่างเต็มที่โดยไม่มีความฝันใดๆ หรือ เป็นช่วงที่พักผ่อนอย่างเต็มที่

    ในสมองของมนุษย์ยังมีการแบ่งออกเป็น สมองซีกซ้าย และ สมองซีกขวา ซึ่งโดยปกติคลื่นสมองในด้านซ้ายและด้านขวาจะมีความถี่

    และการขึ้นลงเป็นอิสระต่อกัน จึงทำให้คลื่นสมองด้านซ้ายและขวาจะแตกต่างกัน .... แต่นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบว่าในระหว่างการทำสมาธิ

    นั้นจะเกิดการปรับความถี่ของสมองด้านซ้ายและสมองด้านขวาให้ขึ้นลงเหมือนกันเรียกว่า ซิงโคไนท์ Synchronization

    และ ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การเกิดSynchronization ของคลื่นสมองนี้ทำให้เกิดพลังจิตที่เพิ่มขึ้นในมนุษย์

    และทำให้สามารถเรียนรู้ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนเกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างยอดเยี่ยม

    ในอดีตคนเชื่อว่า คลื่นสมองและสารที่หลั่งจากสมองนั้นไม่สามารถบังคับหรือควบคุมการเกิดได้ แต่ปัจจุบันหลังจากมีการทดลอง

    และตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์กับนักฝึกจิต พบว่านักฝึกจิตสามารถควบคุมคลื่นสมองและสารที่หลั่งจากสมองได้




    ข้อมูลจาก http://www.nakusol.com/node/62
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2008
  4. นิรันตรพินทุ

    นิรันตรพินทุ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +10
    เป็นอุบายเริ่มต้นการทำสมาธิที่ดี

    แรกๆทานขนมไปก่อน พอรู้ว่ามันไม่อยู่ท้อง หรือเริ่มอ้วน เดี๋ยวก็หาอาหารหลักทานเองแหละ
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ตาที่สาม หรือตาทิพย์ แท้จริงคืออะไร และอยู่ตรงไหน

    [​IMG]



    ตาที่สาม หรือ Third Eye เป็นคำที่ผู้สนใจฝึกสมาธิทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศคุ้นเคยกันพอสมควร

    เป็นเวลานานที่นักวิทยาศาสตร์พยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับตาที่สามนี้ว่าอยู่ส่วนไหนในสมองและมีหน้าที่อย่างไร


    โดยปกติดวงตาของเราจะส่งภาพกลับหัว จากบนเป็นล่าง ส่งไปยังสมอง ซึ่งสมองจะประมวลผลและทำให้เราเห็นภาพในลักษณะปกติ

    ที่ถูกต้อง นอกจากดวงตาปกติแล้ว มนุษย์ยังมีอวัยวะอีกอย่างที่รู้จักกัน ในชื่อ ของดวงตาที่สาม

    หรือ ต่อมไพนีล. ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นพลังมหัศจรรย์หรือตาทิพย์ เป็นดวงตาภายใน





    [​IMG]



    ต่อมไพนีล Pineal Gland มีขนาดเท่าเม็ดถั่ว และอยู่ตรงกลางของสมอง หลังดวงตาปกติ

    อยู่ข้างหลังเยื้องด้านบนจากต่อมปิตูอิตารี่ ( pituitary ) บางคนได้เทียบตำแหน่งกลางสมองนี้ว่า

    คล้ายคลึงกับตำแหน่งศูนย์กลางของปิรามิดซึ่งเป็นจุดรวมแห่งพลังงานที่กล่าวกันว่าเหนือธรรมชาติ



    นักปราชญ์กรีกโบราณเชื่อว่า ต่อมไพนีล เป็นจุดเชื่อมต่อกับอาณาจักรแห่งความคิด บางคนเรียกว่า ที่สถิตของจิตวิญญาณ

    ต่อมไพนีลนี้จะถูกกระตุ้นโดยแสงสว่าง และต่อมนี้ควบคุมระบบร่างกาย ( Biorhythm) หลายอย่าง

    โดยทำงานร่วมกับต่อมไฮโปทารามัส ( hypothalamus) ซึ่งต่อมไฮโปทารามัส

    ส่งผลโดยตรงกับร่างกายในเรื่อง ความหิว ความกระหาย เรื่องเซ็กส์ และนาฬิกาชีวิตซึ่งควบคุมอายุของมนุษย์

    เมื่อต่อมไพนีลถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา จะรู้สึกถึงความกดดันที่ใต้สมอง ( ความกดดันเหมือนในลักษณะที่อยู่ใต้คลื่นความถี่สูง)

    การกระทบกระเทือนที่ศีรษะบางครั้งก็เป็นสาเหตุกระตุ้นให้ต่อมไพนีลตื่นขึ้นได้

    ถึงแม้ในอดีตจะยังไม่สามารถค้นคว้าพิสูจน์เกี่ยวกับต่อมไพนีล เพิ่งจะมาทราบในสมัยปัจจุบันไม่นานนัก แต่ในสมัยนั้นก็เชื่อกันว่า

    เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งวัตถุและโลกแห่งวิญญาณ และเป็นจุดสำคัญในการเริ่มต้นของพลังเหนือธรรมชาติในมนุษย์

    ทำให้มองเห็นเหนือกว่าคนทั่วไปได้


    ข้อมูลจาก http://www.nakusol.com/node/60
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2008
  6. jokerpalm

    jokerpalm Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +46
    อนุโมทนาครับ

    เรื่องที่ผมศึกษาทั้งนั้นเลย

    แต่คนมีพลังจิตแบบ พวก ล่องหน ลอยตัว นี่คงมีน้อย แหะ
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    Aura เป็นพลังที่ ถ่ายเทได้ ลูกบอลพลังนั้น สามารถเปลี่ยนสีตามผู้กำหนดจิต

    ถ้าจะให้ดี ให้สีที่มีคุณจะดีกว่าสีดำ ถ้าศึกษาออร่าอย่างจริงจัง จะส่งสีบำบัดได้ และใช้สีเพื่องานและชีวิตประจำวันได้ด้วย

    เมื่อปั้นบอลแล้วลองเอามือประกบตาตนเอง 2-3 นาที จะรู้สึกตาสว่างชึ้นทันที

    เวลาขับรถมานานๆ แล้วล้าสายตา ลองทำดู แล้วจะชอบ

    พลังจิตจะมีพลังมากน้อยขึ้นอยู่กับผู้ฝึกว่ามีจิตนิ่ง(สมาธิ)แค่ไหน

    และพลังปราณถ้าฝึกเป็นประจำจะทำให้ปราณเดินสมำเสมอ ย่อมเป็นผลดีแน่นอน

    นอกจากสมาธิดี จิตมีพลังแล้ว ยังทำให้ปอดและหลอดลมดีขึ้นด้วย

    ยังมีการฝึกง่ายๆอีกมากมาย ที่ทำให้ชีวิตราบรื่นขึ้น
     
  8. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การใช้พลังจิต


    การที่มนุษย์บางคนนั้นสามารถใช้พลังจิตได้นั้น ต้องอาศัยหลักการทางพระพุทธศาสนาเป็นตัวช่วยให้สามารถเข้าถึงญาณได้

    ต้องมีความตั้งใจอย่างสูงจึงสามรถเข้าถึงจุดนั้นได้ โดยข้าพเจ้าจึงอยากเผยสิ่งนี้ให้ผู้ที่สนใจและอยากลองว่า

    ตนเองนั้นสามรถทำได้หรือเปล่า ข้าพเจ้าจึงอยากแนะนำเกี่ยวกับการใช้พลังจิต ดังนี้


    การใช้พลังจิตมี ๓ ระดับ

    1. ขั้นกรรพ์มสมาธิญาณ ๑

    - นอนหงายในท่าสบาย โดยการหลับตา - หายใจออก ก่อนหายใจเข้า

    - ทำเป็นเวลา ๕ วัน


    2. ขั้นกรรพ์มสมาธิญาณ ๒

    - เดินในท่าที่สบาย โดยก้มหน้า

    - เดินเป็นวงกลม ๕ รอบ โดยที่รอบที่ ๕ หลับตาเดิน


    3. ขั้นกรรพ์มสมาธิฐาน

    - ยืนตัวตรงแล้วก้มหน้าลง โดยที่มือขวาทับมือซ้ายพร้อมทั้งหลับตา ๕ นาที

    - นั่งลง ทำเหมือนการนั่งสมาธิหลับตาแล้วท่องคำว่า“เอตฺตทนานํ สฺเคยุตานํ” ๓จบ

    - นึกถึงสิ่งที่อยากจะไปในที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากที่ท่านกำลังทำสมาธิอยู่นั้น

    - แล้วลุกขึ้นโดยที่ร่างกายท่านยังอยู่ท่านั่งเหมือนเดิม(ถ้าหันกับมาดู)

    - ถ้าทำได้ให้ก้มลงดูที่ขาตัวเองว่าเห็นอะไรที่ต้องการอยากจะเห็น

    พระ ปรฺเอติ ขุณจฺนโต
    ( ๒๕ กฺนยายน ๒๕๒๙)
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การฝึกโยคะ และนั่งสมาธิ ทุกวัน ทำให้เกิดเกราะทอง (รัศมี ออร่า)

    ซึ่งสามารถป้องกัน อันตรายทั้งปวงได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บ หรือ สิ่งชั่วร้ายต่างๆ

    หลังจาการนั่งสมาธิ จะเกิดบุญกุศลอย่างสูง ควรแผ่เมตตา (สัพเพ สัตตา.....สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ)

    ให้ทุกผู้คน ทั้งมิตรและศัตรู ศัตรูก็จะกลายเป็นมิตร มิตรก็จะได้รับส่วนบุญนั้นๆ ด้วย ทุกข์ภัยทั้งหลายก็ไม่อาจกล้ำกลาย

    ยิ่งคิดว่ามีคนสาปแช่ง ยิ่งต้องทำคุณงามความดี ให้อภัย สงสาร แผ่ส่วนบุญกุศลให้ผู้ที่สาปเรา

    เพราะคำสาปแช่งต่างๆ จะเข้าตัวผู้กระทำเอง เราจึงควรสงสารเขาให้มากขี้น

    การทำความดี และแผ่เมตตา จะทำให้น้ำมันทองเพิ่มขึ้น เกราะทองขยายออกกว้างขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ไม่ต้องกลัวสิ่งชั่วร้ายใดๆ
     
  10. Siamese Wizard

    Siamese Wizard Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +42
    ฝึกมาจะ3เดือนแล้วสำหรับ Psi-ball ปัจจุบัน จากคำแนะนำของหลายๆท่านในเว็บพลังจิตนี้

    ผมรู้สึกแล้วครับ มันมาแล้ววววว

    แต่!!! หลังจากที่มันคงตัวได้ประมาณ2วิฯ

    มันก็ไหลจากมือเหมือนน้ำตกลงพื้น หายไปเลย-*-

    เกิดอะไรขึ้น?!?!
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การก่อพลัง หรือ การคิดสร้างในจินตนาการ

    พลังของลูกบอลเกิดขึ้นจริง เเต่ เราต้องทดลองฝึกตามความรู้ต่อ

    ตอนนี้ ยังไม่รู้จุดประสงค์ว่า ฝึกเพื่ออะไร ที่นี้ ข้างบน

    เป็น ตัวเเนะเเนวว่า จะ ทำอย่างไร กับ ลูกบอล ก็ ให้ลองดูคะ

    คนไทย ส่วนมาก จะเน้นการใช้พลังจิต ในการแผ่เมตตา

    หากอาฆาต นั้นเรียกว่า ส่งพลังทำลาย ส่งไปหา บุคคลผู้นั้นคะ

    ในเมื่อฝึกได้เเล้วเราก็ต้องระวังจุดประสงค์ ของ อุปทานของเรานะคะ
     
  12. Siamese Wizard

    Siamese Wizard Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +42
    ลงเนื้อหาต่อเลยครับ จะได้เป็นแนวทางไปปั้นบอลต่อ
     
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สมาธิช่วยให้เกิดพลังจักรวาลได้อย่างไร

    โดย พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน

    การปฏิบัติสมาธิวิปัสสนาในทางพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ตามที่รู้กัน ก็เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน ความจริงการปฏิบัติสมาธิวิปัสสนา

    นอกจากจะมีเป้าหมาย เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานที่กล่าวแล้ว ยังช่วยให้มีสุขภาพพลานามัยดี มีผิวพรรณวรรณะดี มีชีวิตอยู่เป็นสุขทั้งกายและใจ


    สมาธิและวิปัสสนาเป็นที่รู้จักกันว่า "ภาวนา" หมายถึง การอบรม หรือการทำให้เกิด มีขึ้น การพัฒนา

    ซึ่งมีองค์ประกอบคือ การนั่ง การยืน การเดิน การนอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด ด้วยการมีสติสัมปชัญญะ ตั

    ดความกังวลต่างๆ แสวงหาบุคคลที่ช่วยเหลือได้ หรือกัลยาณมิตร มีสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นต้น

    หน้าที่ของสมาธิ คือ เพื่อช่วยข่มนิวรณ์ ได้แก่กาม ฉันทะ พยาบาท ถินมิทธะ อุทธัจจะ และวิจิกิจฉา ซึ่งหมายถึงความหลงผิดในกามคุณ

    ความอาฆาตพยาบาท ความง่วงเหงาหาวนอน ความฟุ้งซ่านรำคาญ ความลังเลสงสัย เมื่อข่มนิวรณ์ ได้จิตใจจะเกิดปิติ ความสุข ใจมั่นคง

    อดทน อดกลั้น ยับยั้งชั่งใจ เป็นต้น


    คำว่า "สมาธิ" จะต้องประกอบด้วย สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ วิธีการก็คือ เอาจิตไปกำหนด หรือเพ่งสิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์อย่างต่อเนื่อง

    จนกระทั่งสามารถ ข่มนิวรณ์ได้ ใจจึงจะมีปิติ มีความสุข และมั่นคง

    วิปัสสนา หมายถึงการฝึกอบรมให้เกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริงการและใจ แยกแยะออกเป็นขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ

    แยกแยะออกเป็น อายตนะ 6 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ให้รู้ สภาพความเป็นจริงของมันว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตน

    ไม่มีสาระที่จะไปยึดมั่น วิธีการก็คือ ใช้สติสัมปชัญญะพิจารณาให้เห็นความจริงใน ตัวเราว่ามันมีการเกิดขึ้น ดำรงอยู่ ดับไป เพื่อไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น

    เมื่อรู้ว่ามันทุกข์ มันร้อน มันหนัก มันมีพิษ มีภัย จะยึดมันไว้ทำไม ? เมื่อมันไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่หนัก ไม่มีพิษ ไม่มีภัย แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2008
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พระอาจารย์ได้ให้ข้อคิดไว้ว่า ...

    การชนะด้วย เล่ห์เพทุบาย อันฉ้อฉล ก็มีผลทำให้ผู้ชนะ ยิ้มย่องผ่องใส ตราบใดที่บาปกรรม ความชั่วยังไม่ให้ผล เข้าจะรู้สึกว่ากรรมนั้น มีผลก่อให้เกิดความทุกข์ เดือดร้อนร้ายแรงเพียงใด สำหรับผู้มีธรรม แม้ถูกกระทำต่อ ด้วยวิธีใดก็ตาม เขาก็คงสภาพเป็น ตัวของตัวเอง รักษาตัวเองให้อยู่รอด ปลอดภัยด้วยสติ และสัมปชัญญะ ทุกขณะจิต คนอื่นอาจเข้าใจว่า เข้าได้รับความทุกข์เดือดร้อน ท้อแท้หมดกำลังใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตามความเป็นจริงแล้ว ผู้มีธรรมที่แท้จริง ย่อมไม่หวั่นไหวใน เหตุ การณ์ที่เกิดขึ้น ธรรมย่อมชนะอธรรม คนที่มีธรรม ย่อมมีความมั่นใจ ระลึกตรึกตรองอยู่เสมอว่า ชนะตนเองนั่นแล เป็นความชนะที่แท้จริง จงรักษาความชนะนั้น ด้วยความไม่ประมาท ระวังการกระทำ การพูด การคิด ไม่ให้เป็นบาป ทุจริตอกุศล ย่อมอยู่เป็นสุขเสมอ อยู่อย่างมีสง่าราศรี เหมือนกับการที่มีใคร เอาอะไรมาให้ ถ้าไม่รับเอามา เป็นของเรา สิ่งนั้นก็คงอยู่อย่างนั้น หรือเจ้าของอาจรับกลับไปเอง เมื่อรู้ว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี จะรับไว้เพื่อประโยชน์ อะไรกันเล่า ยิ่งเมื่อเข้าใจหลัก อนิจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว ยิ่งใจสลาย เมื่อทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับสลายไปในที่สุด ไม่มีอะไรจะคงทนอยู่ ชั่วกาลนิรันดร์ มันไม่สามารถ จะทนอยู่ได้ตลอดไป จะไปบังคับ ไม่ให้คนอื่น นินทาว่าร้าย ให้รักเรา ชื่นชมเรา ตามที่เราต้องการ ก็ทำไม่ได้ แม้แต่ตัวเราเอง ก็ยังบังคับให้เป็นไปตาม ที่เราปรารถนาไม่ได้

    การศึกษาให้เข้าใจเกี่ยวกับศูนย์พลังที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์จะช่วยให้อวัยวะ ทุกส่วนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อวัยวะทุกส่วนเมื่อถูกฝึกและใช้งานย่อมมี พลัง ตรงกันข้ามหากไม่มีการฝึกและใช้งานมันจะฝ่อไปหรือใช้งานไม่ได้ หากเข้า ใจศูนย์พลังที่มีความสัมพันธ์กับอวัยวะทุกส่วนก็จะช่วยให้เราพัฒนาตัวเราเอง อย่างได้ผล เป็นการช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทางกาย ทางอารมณ์ ทางสังคม ทางใจ ทางกาย ทางจิตวิญญาณและอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี



    สิ่งที่จำเป็นจะต้องรู้เกี่ยวกับจักระ หรือศูนย์พลังต่าง ๆ นั้น มีดังต่อไปนี้

    1. จุดที่ตั้งของศูนย์พลัง
    2. ธาตุของศูนย์พลัง
    3. หน้าที่เฉพาะของแต่ละศูนย์พลัง
    4. ต่อมและอวัยวะที่เกี่ยวข้อง
    5. อัญญมณีและแร่ธาตุที่มีประโยชน์
    6. อาหารที่มีประโยชน์
    7. เมื่อได้รับการพัฒนาแล้วมีคุณภาพและมีพลังอย่างไร
    8. เมื่อไม่ได้รับการพัฒนาแล้วจะเป็นอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2008
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ศูนย์พลังทั้ง 7

    จักร์มงกุฏ

    ศูนย์พลัง : สีม่วง
    ที่ตั้ง : กระหม่อม
    ธาตุ : รู้ , เจตน์จำนงค์
    หน้าที่ : ให้ชีวิตชีวา ช่วยสมองส่วนบน
    ต่อมอวัยวะ : ต่อมไพนีล ศุนย์รวมระบบประสาทตาข้างขวา
    อัญมณี , แร่ธาตุ : เพชร , พลอย สีม่วง
    อาหาร : ผลไม้ พืชผักสีม่วง

    ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้ : จะสามารถสัมผัสกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น เช่น

    วิญญาณในภพภูมิต่าง ๆ เชื่อเกี่ยวกับเทพและวิญญาณระดับต่าง ๆ และสามารถติดต่อได้ มีเอกภาพ

    มีอุดมคติ เสียสละ เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และชีวิตนอกโลกว่ามีจริง

    ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย : จะขาดความกระตือรือร้น สับสนวุ่นวาย มีความลังเล ทำตัวแปลก

    เหินห่างสังคม แก่เกินวัย ไม่เชื่อเกี่ยวกับศาสนา

    จักร์หน้าผาก

    ศูนย์พลัง : สีน้ำเงิน
    ที่ตั้ง : หน้าผากหรือเหนือระหว่างคิ้ว
    ธาตุ : แสงสว่าง
    หน้าที่ : เป็นตาที่สาม ใช้ชีวิตชีวาแก่สมองส่วนล่างและระบบประสาทให้เกิดญาณทัศนะ
    ต่อมอวัยวะ : ต่อมพิจูอิทารี ต่อฐานสมองเกี่ยวกับตาข้างซ้าย จมูกและหูทั้ง 2 ข้าง
    อัญมณี , แร่ธาตุ : อัญมณีสีน้ำเงินแก่และแร่ธาตุสีน้ำเงินแก่
    อาหาร : ผลไม้ พืชผักสีน้ำเงินแก่

    ถ้ามีคุณภาพหรือ ได้เรียนรู้ : จะสามารถเข้าสมาธิได้ง่าย เกิดวิปัสสนาญาณ มีตาทิพย์ จิตใจสงบสุข

    มีความจงรักภักดี สัมผัสกับสิ่งที่สัมผัสได้ยาก มีจินตนาการในทางที่ดี

    ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย : ขาดสมาธิ มีความกลัว ชอบเยาะเย้ย ถากถาง เครียด ปวดหัว สายตามีปัญหา

    ฝันร้าย เบื่อหน่ายโลกอย่างไม่มีเหตุผล

    จักร์ลำคอ

    ศูนย์พลัง : สีน้ำเงินอ่อน หรือสีฟ้า
    ที่ตั้ง : ลำคอ
    ธาตุ : อากาศ
    หน้าที่ : เกี่ยวกับการแสดงออกทางคำพูด เสียง การสื่อความหมาย
    ต่อมอวัยวะ : ต่อมไธรอยด์ พาราไธรอยด์ ลำคอ ปาก
    อัญมณี , แร่ธาตุ : เพชร พลอย สีน้ำเงินอ่อน
    อาหาร : ผลไม้ พืชผัก สีน้ำเงินอ่อนหรือสีฟ้า

    ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้ : มีความสามารถในการแสดงวาทะศิลป์ สื่อความหมายได้ชัดเจน พูดแบบถ่อมตน

    สร้างสรรค์ มีความเมตตา เชื่อถือได้ ให้เกียรติผู้อื่น สุภาพอ่อนโยน

    ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย : ไม่สามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน มีปัญหาในหารพูด ใช้ความรู้อย่างไม่ฉลาด

    ขาดการใช้วิจารณญาณ มีความหดหู่ ไม่ร่าเริง มีปัญหาเกี่ยวกับไธรอยด์

    จักร์หัวใจ

    ศูนย์พลัง : สีเขียว
    ที่ตั้ง : ทรวงอก
    ธาตุ : ลม
    หน้าที่ : รับพลังมาจากจักรวาล เทพ หรือวิญญาณชั้นสูง ทำให้เกิดพลังชีวิตที่สมบูรณ์ โลหิตไหลเวียนดี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
    ต่อมอวัยวะ : หัวใจ ต่อมไร้ท่อ ที่อยู่ข้างกระดูกเต้านมขึ้นไปถึงบริเวณต่อมไธรอยด์ คือต่อมไร้ท่อ 2 พู ที่อยู่ข้างหลอดคอ
    ช่วยระบบหมุนเวียน แขนทั้งสองข้างและมือทั้งสองและปอด
    อัญมณี , แร่ธาตุ : หยก เพชร พลอย สีมรกต
    อาหาร : ผลไม้ ผัก พืชสีเขียว

    ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้ : มีความรักที่แท้จริง มีอัปปมัญญาธรรม สงสารเพื่อนมนุษย์ ให้อภัย ยอมรับความคิดเห็นของเพื่อนมนุษย์

    เปิดเผย อยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์อย่างมีความสุข ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่เห็นแก่ตัว

    ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย : จะผิดหวังเรื่องความรัก เอาแต่ใจตัวเอง ควบคุมตัวเองไม่ได้ โรคหัวใจ การไหลเวียนโลหิตไม่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2008
  16. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    จักร์สุริยประสาท

    ศูนย์พลัง : สีเหลือง
    ที่ตั้ง : กลางหัวใจกับสะดือ
    ธาตุ : ไฟ
    หน้าที่ : ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดี ช่วยระบบขับย่อย ช่วยการสันดาบ ( metabolism ) ควมคุมอารมณ์
    ต่อมอวัยวะ : ตับอ่อน ต่อมหมวกไต ท้อง ตับ ถุงน้ำดี ระบบประสาท กล้ามเนื้อ
    อัญมณี , แร่ธาตุ : อัญมณีสีเหลือง แก้วตาเสือ ทองคำ แร่ธาตุสีเหลือง
    อาหาร : ผลไม้ ผัก พืชสีเหลือง

    ถ้ามีคุณภาพหรือ ได้เรียนรู้ : จะสามารถมีความมั่นใจในตัวเอง มีเจตน์จำนงค์แน่วแน่ ควบคุมความต้องการของตนเองได้ ตื่นตัวเสมอ
    มีอารมณ์ขัน มีความร่าเริงแจ่มใส เชื่อในความเป็นอมตะ
    ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย : เป็นคนที่มีความหวาดระแวง ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง มักมีความโกรธ เกลียด มีปัญหาระบบขับถ่ายและย่อยอาหาร

    จักร์สะดือ

    ศูนย์พลัง : สีส้ม
    ที่ตั้ง : สะดือ
    ธาตุ : น้ำ
    หน้าที่ : ให้เกิดความรู้สึกทางเพศ นำอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้มีชีวิตชีวา
    ต่อมอวัยวะ : รังไข่ ลูกอัณฑะ ต่อมลูกหมาก อวัยวะสืบพันธุ์ ม้าม มดลูก กระเพาะปัสสาวะ
    อัญมณี , แร่ธาตุ : อัญมณีสีส้ม โกราล แร่ธาตุสีส้ม
    อาหาร : ส้มและน้ำส้ม ผลไม้ ผัก พืชสีส้ม

    ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้ : จะสามารถรู้จักให้และรับ ควบคุมอารมณ์ได้ดี ชอบความเปลี่ยนแปลง

    ยอมรับความคิดใหม่ ๆ แปลก ๆ รู้จักยอมตัวอยู่ร่วมกับครอบครัวได้ดี มีความคิดในทางสร้างสรรค์ร่วมกับเพื่อนมนุษย์

    ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย : มักมากในกามคุณ มีปัญหาเรื่องทางเพศ สับสน วุ่นวาย เห็นแก่ตัว อิจฉา ริษยา

    ต้องการที่จะครอบครองทั้งที่ไม่สามารถ มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะ ไร้สมรรถภาพทางเพศ


    จักร์ฐาน

    ศูนย์พลัง : สีแดง
    ที่ตั้ง : กันกบ
    ธาตุ : ดิน
    หน้าที่ : ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีชีวิตชีวา มีสัญชาตญาณในการต่อสู้เพื่อตัวเอง มีภูมิต้านทานดี
    ต่อมอวัยวะ : หมวกไต ไต กระดูกสันหลัง ลำไส้ใหญ่ ขาทั้งสอง กระดูกทั้งหมด
    อัญมณี , แร่ธาตุ : อัญมณีสีแดง แร่ธาตุสีแดง
    อาหาร : โปรตีนสีแดง เช่น พวกเนื้อแดงต่าง ๆ ผลไม้ ผัก พืชสีแดง

    ถ้ามีคุณภาพหรือ ได้เรียนรู้ : จะสามารถมีสุขภาพพลานมัยที่ดี แข็งแรง มีความสำเร็จในทางวัตถุ แบบนักวัตถุนิยมที่มีความสำเร็จ

    มีความมั่นคงทั้งทางกายและจิตใจ มีความอดทน มีความกล้าหาญในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

    ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย : โลภ เป็นคนเห็นแก่ตัว มีความอ่อนแอ มักโกรธ มีความเครียด ท้องผูกเสมอ ปวดตามกระดูกสันหลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2008
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    หลักปฏิบัติเพื่อสร้างพลัง

    1. ตั้งใจแผ่เมตตา กรุณา มุฑิตา ความกตัญญู การให้อภัยและความคิดที่ดีไปยังสรรพสัตว์ทุกถ้วนหน้า


    2. ขณะภาวนาสร้างจินตนาการถึงรังสีประจำจักระหรือศูนย์พลังต่าง ๆ ให้เกิดความสมดุลย์แก่อวัยวะร่างกายทุกส่วน เพ่งสร้างรัศมีทุกจักระ

    จากจักระมงกุฎลงมาโดยลำดับ แล้วเวียนขึ้นไปข้างหลัง คือ จักระฐาน จักระสะดือ จักระสุริยประสาท จักระหัวใจ จักระลำคอ จักระท้ายทอย

    และจักระมงกุฎแล้วเวียนลงไปข้างหน้าอีกหลาย ๆ รอบ จนเกิดความสมดุลย์ของรัศมี


    3. มีชีวิตอยู่อย่างซื่อสัตย์ต่อตัวเองแลัเพื่อนมนุษย์ ให้เกิดเอกภาพ เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน


    4. ใช้ประโยชน์ของการสร้างระบบความสั่นสะเทือนโดยการใช้เสียง เช่นการทำวัตรสวดมนต์ สวดสรภัญญะ หากเป็นฆราวาส การร้องเพลง

    การใช้เสียงดนตรีประกอบก็มีส่วนช่วยได้ดี


    5. รับประทานอาหารผลไม้ตลอดจนผักสดสีต่าง ๆ ตามรัศมีของจักระ แต่ควรระวังเรื่องสารเป็นพิษ


    6. ใส่พวกอัญมณี,แร่ธาตุที่มีประกายในน้ำดื่มจะช่วยให้น้ำมีคุณภาพและยังจะช่วยให้ศูนย์พลังได้รับการกระตุ้น อันจะก่อให้เกิดพลังจิตขึ้นมา


    7. ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยใจจริงจะเป็นการเปิดศูนย์พลังให้เป็นไปตามธรรมชาติแบบค่อยเป็นค่อยไป


    8. ขณะที่นอน วางหินแร่ธาตุที่มีประกายสีต่าง ๆ ตามจักระต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับจักระนั้น ๆ จะเป็นการช่วยเพิ่มพลังทั่วร่างกาย

    ทั้งจิตใจก็จะได้รับผลด้วย จะช่วยผ่อนคลายและระบายอารมณ์ที่ตกค้างได้ดี


    9. ใช้พลังที่เกิดขึ้นจากการสวดมนต์ภาวนา สร้างจินตนาการในทางบวกด้วยความมั่นใจ

    10. อดอาหารในระยะสั้น (เก็บอารมณ์) ซึ่งแพทย์ที่รักษาแบบธรรมชาตินิยมกัน ในวิธีที่ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า กระตุ้นจิตสำนึกให้เกิด

    ญาณทัศนะรู้แจ้งสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง


    11. อยู่ในอิริยาบทที่ผ่อนคลาย ขณะที่หายใจเข้าออก สร้างมโนภาพขึ้นมาว่าหายใจผ่านศูนย์พลังหรือจักระต่าง ๆ รับพลังจากธรรมชาติ

    หากทำสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วจะเป็นการช่วยบรรลุพลังจักระต่าง ๆ พร้อมกับอวัยวะใกล้เคียง ทำให้มีพลัง มีชีวิตชีวาขึ้น แต่ต้องทำทุกจักระ


    12. นอนในที่กลางแจ้งบนพื้นดิน หรือสนามหญ้า (ที่ปลอดจากยาฆ่าแมลง) ที่เป็นธรรมชาติ เวลานอนให้หันศรีษะไปทางทิศเหนือ

    เพื่อเป็นการปรับพลังและรับพลังไฟฟ้าจากโลกหรือจักรวาล ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีพลังงานอยู่ในจักรวาล ซึ่งสามารถถ่ายทอดกันได้จากโลก

    เราและดาวนพเคราะห์ต่าง ๆ ที่โคจรอยู่


    13. ฝึกโยคะ ไม่ว่าจะหัตถะโยคะ มันตะโยคะ หรือโยคะอื่น ๆ จะช่วยให้จักระต่าง ๆ ได้รับพลังเพิ่มขึ้น มีโยคะบางท่าที่จะช่วยเปิดจักระได้ดีเป็นพิเศษ


    14. ขณะที่หายใจ จงหายใจอย่างมีสติสัมปชัญญะ ปรับกายใจให้สงบสุข ให้มีจิตสำนึกในทางที่ดี เป็นบุญเป็นกุศล เป็นสุจริต หรือที่เรียกว่าอย่างมีสปิริต


    15. สร้างมโนภาพที่เป็นประโยชน์เป็นไปในทางบวกเสมอ มันเป็นเครื่องมือพิเศษ ที่ทรงคุณค่าที่จะช่วยสร้างสรรค์มโนภาพนั้นให้เป็นจริงขึ้นมา

    อย่างเป็นรูปธรรม สิ่งเป็นจริงจะปรากฎขึ้นมาก็ต่อเมื่อเราพยายามคิดทบทวนสร้างมโนภาพให้เป็นจริงขึ้นมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2008
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    วิธีที่จะเปิดจักระ กระตุ้นให้ จักระมีพลัง ให้มีความสมดุลย์ ให้ร่างกาย และจิตใจ มีบูรณภาพ มีพลังสมบูรณ์นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด

    ต้องรักษา ตัวเราเอง และรักเพื่อนมนุษย์ อย่างแท้จริง โดยไม่หวัง ผลตอบแทน ใด ๆ ไม่มีข้อแม้ใด ๆ วิธีการดังกล่าว มองอย่างผิวเผิน

    อาจไม่เป็นวิธีการ ที่สอดคล้อง กับหลัก วิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม เป็นที่ยอมรับกันว่า ความรัก ที่แท้จริง เป็นสิ่งที่ มีพลังที่ยิ่งใหญ่

    ที่ช่วยได้ อย่างแท้จริง ในแทบทุกกรณี ความรัก ที่แท้จริง ทำให้มีชีวิตชีวา บำรุงเลี้ยง รักษาพลังไฟฟ้า ที่มีประโยชน์ ต่อชีวิต

    เมื่อเรารักตัวเราเอง พร้อมที่จะ มอบความรักให้เพื่อสรรพสัตว์ ก็เป็นเสมือนหนึ่งว่า เราได้ประจุพลังกระแสไฟฟ้าอันเป็นทิพย์เข้าไปในตัว

    ทำให้มีพลังวังชาขึ้น มีความกระปรี้กระเปร่าขึ้น การที่จะรักตัวเองและสรรพสัตว์ไปพร้อม ๆ กัน ดูคล้าย ๆ จะทำได้ยาก แต่มันก็เป็นไปได้

    โดยหลักธรรมชาติ ความรักชนิดไม่มีข้อแม้มันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้จริง ๆ เราสามารถทำให้มันเกิดขึ้นในตัวเราได้อย่างแท้จริง

    ในทันทีทันใด ตัวเราทั้งกายและใจ กับทุกสิ่งในสากลจักรวาล มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบสนิท เราแต่ละคนมีความเกี่ยวดองกันทั้งหมด

    หากเราอยู่ร่วมกันด้วยความรักที่แท้จริงอย่างใช้ปัญญาและเหตุผลที่มีพลัง ก็เหมือนกับเราได้มอบพลังให้แก่สรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลก

    หากคนใดคนหนึ่ง รู้ตัวเองว่าเป็นเช่นเดียวกันทั้งหมด มีมนุษยธรรมต่อกัน จะมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน จะต้องตระหนักอยู่เสมอว่า

    เราจะต้องมีความรู้สึกรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำลงไป พร้อมกับปลุกจิตสำนึกในทางที่ดีแก่เพื่อนมนุษย์ ให้มี มนุษยธรรมร่วมกัน

    ความรักที่แท้จริงสามารถช่วยได้ทุกกรณี นั้นคือรักซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง ไม่มีอะไรแอบแฝง มีพลังช่วยได้อย่างแท้จริง



    ภายในร่างกายมนุษย์เรา มีศูนย์พลังอยู่มากมายเพื่อสอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์

    ศูนย์พลังจึงลดลง เหลือเพียง ๗ และ ภาษาที่ใช้กันแต่เดิมเป็นภาษาสันสกฤต

    ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดวิชานี้ ใช้ชื่อเรียกว่า จักระ หมายถึง วงล้อที่หมุนไป จะทำให้เกิดพลัง ศุนย์พลังทั้ง ๗ สามารถรับพลังจากจักรวาล

    หรือจากธรรมชาติภายนอกตัวเราแล้วยังสามารถ ส่งพลังออกไปได้ด้วยคือ แต่ละศูนย์พลังสามารถรับและส่งอกกพลังที่มีพอจะส่งได้ด้วย


    แต่ละศูนย์พลัง จะช่วยให้เกิดพลัง ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ หรือทั้งทางอารมณ์ ทางจิตวิญญาณ และอื่น ๆ แต่ละศูนย์พลัง

    มีองค์ประกอบ หลาย ประการ ที่ควรจะศึกษา เพื่อที่จะได้ รับประโยชน์ อย่างสมบูรณ์ ในการใช้มัน ซึ่งมีความสัมพันธ์ กับต่อมต่าง ๆ

    ที่มีอยู่ทั่วอวัยวะ ของมนุษย์ เรามีรัศมีหรือรังสีแบบ รุ้งกินน้ำ ครบทั้งหมด ๗ สี ที่เรียกกันว่า Rainbow Spectrum


    เป้าหมาย ในการเรียนรู้ เกี่ยวกับศูนย์พลัง จะช่วยเสริมสร้าง ทุกส่วนของร่างกาย และจิตใจ จะช่วยให้เกิด จิตสำนึก ในทางที่ดี ทุกระบบ

    ที่มีอยู่ในตัวเรา และสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าร่างกาย อารมณ์ สังคม จิตใจ จะมีปฏิกริยาต่อกัน ทำงานประสานกัน อย่างเป็นระบบ

    ก่อให้เกิดความยอมรับ ทุกสิ่งทั้งหมด ชนิดที่จะต้อง อาศัยซึ่งกันและกัน ว่าเราอยู่ในโลก เดียวกัน


    การที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับจักระ หรือศูนย์พลังจะเปิดเผยให้เรา รู้ว่าแต่ละจักระ เป็นประตูเข้าออกของพลังที่มีอยู่ในจักรวาล

    ไม่ว่าทาง กาย อารมณ์ จิตใจและอื่น ๆ มันจะเป็นประตูเข้าออกที่จะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ เนื้อเยื่อต่าง ๆ อวัยวะทุกส่วนได้รับพลังอย่างแท้จริง

    จาก http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=575
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2008
  19. โอซารัน

    โอซารัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +91
    ;aa20 ขอบคุณ คุณครูจอยครับ

    ข้อมูลสมบูรณ์เหมือนเช่นเคยเลยนะครับ

    ผมชอบ ธาตุ4มากครับ จะลองปฏิบัติดูนะครับ
     
  20. sunan

    sunan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +35
    อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ

    .....มีหลักการบวกด้วยวิชาการ มั่กๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...