เรื่องเด่น พรานป่าเผยเรื่องเล่าอาถรรพ์เหรียญบาทตราครุฑ ปี ๒๕๑๗ และเหตุผลที่จะไม่นิยมแขวนพระเข้าป่า!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์, 4 พฤษภาคม 2017.

  1. โพธิสัตว์

    โพธิสัตว์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    113
    กระทู้เรื่องเด่น:
    92
    ค่าพลัง:
    +734
    บรรดาพรานป่าจะไม่นิยมแขวนพระเข้าป่า เพราะเชื่อว่า พระเครื่องมีคุณทางเมตตาหรือแคล้วคลาด หากแขวนพระเข้าป่าจะไม่ได้เจอสัตว์ป่าเลย จะแคล้วคลาดไปหมด ด้วยเหตุนั้น พรานป่าจึงไม่คล้องพระเข้าป่า

    tnews_1493777823_3290.jpg

    พรานสุขเล่าว่า…จะพกถุงพลาสติกใส ซึ่งข้างในบรรจุด้วยยาสูบขี้โย ใบตองอ่อนตากแห้ง เปลือกมะขามไว้บดผสมยาสูบ และมีสิ่งหนึ่งที่พรานสุขใช้เป็นเครื่องราง พกติดตัวเข้าป่าโดยเก็บไว้ในซองยาสูบของแก นั่นคือ…”เหรียญบาทพญาครุฑ” ลักษณะตามภาพประกอบเรื่อง เป็นเหรียญที่แกพกเข้าป่าเป็นประจำ

    “แล้วลุงสุขใช้เป็นเครื่องรางยังไงครับ”

    การเข้าป่าและพักค้างคืนในป่านั้น พรานลุงสุขบอกว่าเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับ ตามคำเล่าขานของพรานป่าและคนตัดไม้ จากปากต่อปากของพรานป่าและคนตัดไม้ เล่าขานสืบต่อกันมาว่า หากจะนอนในป่า ไม่ว่าบริเวณใดก็ตาม ให้ตอกตราครุฑ โดยตอกให้ด้านที่เป็นรอยครุฑติดไว้เหนือบริเวณที่เราจะนอน ตอกเสร็จแล้วเก็บเหรียญพกไว้เหมือนเดิม เช่นเดียวกับพรานสุข ในค่ำคืนแห่งการเผชิญกับผีป่านางไม้ พรานสุขเอง ได้ขูดเปลือกโคนไม้ใหญ่ ขูดให้เรียบ แล้วตอกตราครุฑประทับติดไว้ เพื่อป้องกันสิ่งลี้ลับตามคำพรานและคนตัดไม้บอก และก็ได้ผลเป็นที่ปรากฏ…จากเผชิญกับ “ผีป่า..นางไม้..”

    “เหรียญบาทพญาครุฑ” จึงเป็นเครื่องรางที่ผู้เดินป่า พรานไพร คนตัดไม้ พกติดตัวเข้าป่าเพื่อป้องกันสิ่งลี้ลับ…แค่เหรียญบาทตราครุฑเท่านั้น ไม่ต้องผ่านพิธีกรรมการปลุกเสกแต่อย่างใด

    021488308516.jpg

    บทสรุป….กระผมเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหรียญบาทตราครุฑ ซึ่งผมขออนุญาตเรียกว่า “เหรียญบาทพญาครุฑ” ก็แล้วกัน เป็นการเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์และความยิ่งใหญ่ของ “พญาครุฑ” ซึ่งผู้เฒ่าท่านหนึ่งเคยเล่าให้ผมฟังว่า สมัยที่ท่านเคยตัดไม้และล่องไม้ไปตามแม่น้ำปิง ไม้บางท่อนไม่ยอมไหลไปตามกระแสน้ำ บางท่อนอยู่นิ่งลักษณะคล้ายการไหลทวนน้ำ ผู้เฒ่าท่านนี้ จึงเอา “เหรียญบาทตราครุฑ” ตอกลงไปที่หัวไม้ท่อนนั้น ปรากฏว่า ไม้ท่อนนั้นพลิกตัวหมุนกลิ้งไปมาอย่างน่าแปลกประหลาด ก่อนจะไหลไปตามกระแสน้ำ เช่นเดียวกับหมอผีบางท่านหากตรวจพบว่า “ผีสัมภเวสี” เข้ามาสิงสู่ในเสาบ้าน ทำให้คนในบ้านอยู่ไม่เป็นปกติสุข “หมอผี” ก็จะตอกเหรียญตราครุฑให้จมหายไปในเนื้อไม้ทั้งเหรียญ เป็นการสะกดภูตผีให้อยู่ในภพในภูมิ ไม่ให้ออกมารบกวนใคร…และยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์เหรียญบาทตราพญาครุฑ ในส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับจากแนวป่าดิบหรือจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวันอยู่อีกมาก แล้วแต่นักนิยมป่าหรือท่านใด จะได้พบได้เจอ “เหรียญบาทตราพญาครุฑ” จึงนับว่าเป็นวัตถุที่มีความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองมากมายนัก
    021488308518.jpg

    ตำนานพญาครุฑ

    ในตำนานเมืองฟ้าป่าหิมพานต์นั้นมีเรื่องราวของสัตว์ที่มีอิทธิฤทธิ์มากมายหลายชนิดเช่น ราชสีห์ คชสีห์ อันมีลำตัวเป็นสิงห์แต่มีศีรษะเป็นช้าง กินรี กินนรและสัตว์แปลก ๆ อีกมากมาย ในบรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้นมีสองอย่างที่นับว่าเป็นเทพเดรัจฉานมีฤทธิ์มากคือ หนึ่งเป็นพญานาคราชจ้าวแห่งบาดาล และอีกหนึ่งคือพญาครุฑจ้าวแห่งเวหา

    นาคและครุฑต่างเป็นสัตว์ที่คู่กันตามตำนาน มีเรื่องราวเล่ากันว่าสัตว์กายสิทธิ์ทั้งสองนี้มีบิดาเดี่ยวกันคือมหาฤาษีกัสยปะเทพบิดรแต่คนละแม่โดยพญาครุฑนั้นมีมารดาเป็นภรรยาหลวง ส่วนนาคนั้นมีแม่เป็นภรรยาคนรอง นางทั้งสองนี้ไม่ถูกกันมีเรื่องกันตลอดจนในที่สุดความผิดใจกันนี้ลามไปถึงลูกของตน จึงเป็นเหตุให้นาคและครุฑไม่ถูกกันในเวลาต่อมา



    พญานาคนั้นมีวิมานอันเป็นทิพย์อยู่ในบาดาล ส่วนครุฑก็มีวิมานทิพย์อยู่ที่เชิงเขาไกรลาส กล่าวว่าองค์พญาครุฑนั้นมีนามว่าท้าวเวนไตย เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ท้าวสุบรรณ มีกายเป็นรัศมีสีทองมีเดชอำนาจมากที่สุดในหมู่ครุฑทั้งหลายอาศัยเกาะอยู่ตามต้นงิ้ว อาศัยผลงิ้วและน้ำดอกไม้จากต้นงิ้วเป็นอาหารทิพย์ ลูกพญาครุฑจะโตขึ้นนับเวลาอายุเป็นข้างขึ้นข้างแรมตามจันทรคติ เติบโตด้วยบุญกุศลที่เคยทำมา หากลูกครุฑตนใดที่มีบุญญาธิการมามาก อำนาจบุญจะบันดาลให้เกิดผลงิ้วทิพย์และน้ำหวานจากดอกไม้มาบำเรอลูกครุฑตนนั้น ๆ และลูกครุฑตนดังกล่าวจะจำเริญวัยได้อย่างรวดเร็ว

    ครุฑเป็นสัตว์กึ่งโอปปาติกะ หรือกึ่งพวกกายทิพย์คล้ายชาวลับแลและพวกพญานาคอยู่อีกมิติหนึ่งจากโลกของเรา ผู้ที่จะสามารถพบเห็นครุฑได้ต้องเคยมีบุญร่วมกับพวกเขามาจึงสามารถรับรู้ถึงกันและกันได้ เหมือนกับผู้ที่สามารถติดต่อกับพญานาคได้ก็เช่นกันล้วนต้องเป็นผู้ที่มีวาสนาต่อกันมาตั้งแต่อดีตทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องสาธารณะที่จะรู้กันได้ทั่วไปเช่นเรื่องสามัญ

    เรื่องของครุฑเป็นเรื่องราวที่มีความอัศจรรย์โลดโผนยิ่งกว่าเรื่องราวของพญานาคเสียด้วยซ้ำไป แต่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้กันเพราะไม่ได้ศึกษาและอาจไม่ค่อยสนใจเท่าใดนัก ความเป็นจริงแล้วเรื่องครุฑเป็นเรื่องที่น่าศึกษามาก เพราะทางฮินดูเขานับถือครุฑว่าเป็นเทพเจ้าสำคัญพระองค์หนึ่ง แม้ในทางไทยเราเอง ทางไสยศาสตร์ก็ให้ความนับถือเกี่ยวกับครุฑนี้มาก ดูอย่างตราแผ่นดินเองก็มีรูปลักษณะเป็นครุฑ จึงน่าสนใจว่า ?ครุฑ? นั้นคงมีอานุภาพบางอย่างและน่าจะเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในอีกมิติหนึ่งเช่นเดียวกันกับพญานาค ถ้าท่านเชื่อว่าพญานาคมีจริง พญาครุฑก็ย่อมมีจริงเช่นกัน

    พลังอำนาจที่เทียบเท่า พระผู้เป็นเจ้า

    อำนาจของพญาครุฑนั้นท่านว่าลึกลับมากนัก ในตำนานของฮินดูกล่าวว่าตั้งแต่แรกเกิดมานั้นพญาครุฑก็มีรัศมีกายที่สว่างไสวเป็นที่ อัศจรรย์ ส่อให้รู้ว่าเป็นผู้ที่มีบุญญาธิการ มีอานุภาพเป็นอเนกอนันต์ มีฤทธิ์วิชาผาดโผนพิสดารทั้งนี้มีเรื่องกล่าวไว้อีกว่าครั้งหนึ่งพญาครุฑเคยลองฤทธิ์กับองค์พระนารายณ์มหาเทพหนึ่งในสามของทางศาสนาพราหมณ์ การรบกันนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั้งสามโลกธาตุ พญาครุฑสามารถต่อสู้ด้วยความสามารถ รบกันไปเท่าใดก็หาแพ้ชนะกันไม่ จนในที่สุดพระนารายณ์และพญาครุฑจึงตกลงกันว่าขอให้เสมอกันในการรบระหว่างเราและท่าน พระนารายณ์อนุญาตให้พญาครุฑสามารถอยู่เหนือเศียรตนได้ และพญาครุฑก็นอบน้อมโดยการยินยอมให้พระนารายณ์สามารถนำตนเป็นพาหนะไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้เช่นกัน

    จึงถือกันในหมู่ครูบาอาจารย์กันต่โบราณว่า “พญาครุฑ” เป็นเทพเดรัจฉานที่มีอานุภาพอิทธิฤทธิ์เทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าอย่างพระนารายณ์ อานุภาพของครุฑจึงเป็นที่อัศจรรย์ของทั่วโลกธาตุ นอกจากนี้ยังมีประวัติอีกว่ารพระอินทร์เองก็เคยลองฤทธิ์กับพญาครุฑใช้วัชระฟาดพญาครุฑ แต่องค์พญาครุฑเป็นกายสิทธิ์หาได้เป็นอันตรายแต่อย่างใดไม่ พระอินทร์พยายามอยู่หลายทางก็ไม่สามารถทำอันตรายแก่องค์ครุฑได้ จนพระอินทร์มีความเคารพในอานุภาพของพญาครุฑว่ามีฤทธิ์เดชเทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าจริงในที่สุดพญาครุฑจึงได้สลัดขนตนเองออกมาหนึ่งเส้นให้แก่พระอินทร์เพื่อเป็นเกียรติแก่พระอินทร์ด้วยเช่นกัน

    จะเห็นได้ว่าตามตำนานที่กล่าวมา “พญาครุฑ” เป็นเทพเดรัจฉานที่มีฤทธิ์ที่ไม่ธรรมดา ๆ เลยมีอานภาพมาก ด้วยเหตุนี้ครูบาอาจารย์ที่รู้จักศาสตร์ของครุฑเป็นอย่างดีจึงนำเอาสัญลักษณ์เกี่ยวกับครุฑ รูปครุฑต่าง ๆ มาทำสมาธิบูชาเพื่อให้เกิดอิทธิพลังงานอันลี้ลับ ทั้งนี้เพื่อการปกป้องคุ้มครองบ้าง เพื่อความเจริญรุ่งเรืองบ้าง ดังที่เราจะได้เล่าให้ท่านทราบต่อไป

    สัญลักษณ์ครุฑ สัญลักษณ์แห่งแผ่นดิน

    โดยสรุปจากตำนานแล้วครุฑคือสัตว์หิมพานต์อย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่สัตว์สามัญธรรมดา เพราะพยาครุฑเป็นสัตว์กึ่งเทพ เรียกว่า ?เทพเดรัจฉาน? ซึ่งมีอำนาจเทียบเท่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นพาหนะของพระนารายณ์อย่างหนึ่งในเมืองไทยเรานับถือว่าพระมหากษัตริย์เป็นสมมติเทพ เป็นองค์นารายณ์อวตารจึงมีการใช้ธงรูปครุฑ และมีครุฑเป็นสัญลักษณ์ประจำแผ่นดิน สามารถพบเห็นรูปครุฑได้จากเอกสารต่าง ๆ ของทางราชการ และนับว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นเอกสารศักดิ์สิทธิ์ หากราชการผู้ที่ทำหน้าที่ผู้ใดมีความสุจริตจงรักภักดีต่อแผ่นดิน องค์พระมหากษัตริย์ และหน้าที่ของตน องค์พญาครุฑก็จะส่งพลังปกป้องให้มีความสุข ความเจริญในหน้าที่

    นอกจากนี้ยังมีเกร็ดความเชื่อว่าหากที่ใดมีอาถรรพ์แรงท่านให้นำเอาตราครุฑไปติดจะทำให้อาถรรพ์นั้นเสื่อมสลายไปในที่สุด ตราครุฑล้างอาถรรพ์ได้จึงเป็นที่เชื่อถือกันมาตลอดและได้รับความเคารพบูชาว่าเป็นของสูง เสมือนหนึ่งตัวแทนแห่งองค์พระประมุข ผู้ใดมีสัญลักษณ์ครุฑ รูปครุฑบูชาไว้ย่อมได้อานิสงส์มาก อาทิ มีความเจริญแก่ตัวเองและครอบครัวเป็นต้น ดังนี้แล้วครุฑจึงเป็นของสูงที่เราควรรู้ควรบูชาอย่างหนึ่ง



    คนโบราณมีความเชื่อสืบกันมาว่า “ครุฑ” นั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง มหาอำนาจ อย่างเด็กผู้ใดที่เกิดมาแล้วมีลักษณะปากคล้ายพญาครุฑท่านว่าคนผู้นั้นจะเป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด ภายภาคหน้าจะได้เป็นใหญ่เป็นโต สมเด็จเจ้าแตงโม พระสังฆราชพระองค์หนึ่งท่านก็มีลักษณะปากดังครุฑปรากฏว่าเป็นผู้มีปัญญาดี และได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชในที่สุด เรื่องครุฑนี้คนโบราณจึงเชื่อถือกันมาก แม้เครื่องรางที่เกี่ยวกับครุฑก็เป็นเครื่องรางที่มีความหมายมีอานุภาพโดดเด่นหลายประการดังจะได้กล่าวต่อไป

    พญาครุฑเครื่องหมายแห่งสิทธิอำนาจและความเป็นมงคล

    ครุฑนั้นเป็นเครื่องหมายของทางราชการอยู่แล้ว เอกสารทางราชการฉบับใด ๆ ก็ล้วนต้องมีเครื่องหมายพญาครุฑประทับอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่าเป็นเครื่องสำคัญเป็นตราแผ่นดิน เป็นตราของเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เชื่อว่าหากข้าราชการผู้ใดให้ความเคารพนับถือในองค์พญาครุฑ และซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของตนเอง ข้าราชการผู้นั้นจะมีความสุขความเจริญทั้งชีวิตและหน้าที่การงานสืบไป คุณไสย์อันตรายใด ๆ ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้เพราะเครื่องหมายของพญาครุฑนี่สำคัญมากผู้ที่รู้เขาจะไม่ข้ามไม่เหยียบย่ำ ไม่นำไว้ที่ปลายเท้าเลยเพราะเป็นของสูง ของศักดิ์สิทธิ์ หากเคารพนับถือให้ดีอำนาจพญาครุฑที่มีอยู่ในเอกสารราชการจะคุ้มครองผู้นั้นไม่ให้มีวันอับจน แต่คนสมัยนี้ไม่ใคร่เชื่อถือกันเท่าใดนัก เรื่องพญาครุฑจึงดูล้าสมัยไปเสีย ไม่เหมือนในสมัยก่อนที่ไหนว่ากันว่าผีแรง ผีเฮี้ยน เอาตราพญาครุฑไปติดไว้ความอาถรรพ์ของสถานที่นั้น ๆ ก็จะหายไปในทันที

    อำนาจพญาครุฑ

    สิทธิอำนาจพญาครุฑสัตว์กายสิทธิ์ที่ไม่มีผู้ใดสามารถฆ่าให้ตายได้มีอายุยืนเสมือนว่า เป็นอมตะนั้น นับเป็นเรื่องลี้ลับที่ผู้รู้พยายามค้นคว้า และเสาะหาที่มาแห่งพลังอำนาจดังกล่าว จนเกิดการสร้างเครื่องรางต่าง ๆ ขึ้น อำนาจพญาครุฑสามารถจำแนกได้ถึง ๘ ประการ โดยนับเอาอำนาจหลัก ๆ ได้ดังนี้คือ
    ๑. เป็นมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ เป็นสิทธิอำนาจอันเฉียบขาด
    ๒. สามารถลบล้างอาถรรพ์และคุณไสย์ทั้งปวง ภูติผีปิศาจกลัวไม่กล้าเข้าใกล้
    ๓. เป็นสื่อนำความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์มาสู่ชีวิตหน้าที่การงาน
    ๔. ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันภัยเป็นคงกระพัน
    ๕. เป็นเมตตามหานิยม
    ๖. นำความร่มเย็นเป็นสุขมาให้
    ๗. ทำมาค้าขายดีเป็นสื่อนำโชคลาภนานาประการ
    ๘. สัตว์ร้าย เขี้ยวงาสารพัด งูเงี้ยวเขี้ยวขอ อสรพิษไม่กล้ากล้ำกรายเข้าใกล้ เพราะเกรงตบะบารมีขององค์พญาครุฑเป็นที่สุด

    อำนาจพญาครุฑยังมีมากกว่านี้อีกมาก แล้วแต่ท่านใดจะรู้จักใช้ ในตำราทางไสยเวทพุทธาคมมีทั้งการใช้ยันต์ครุฑให้ผลดีในทางคงกระพันชาตรี มีนะพญาครุฑใช้ลงตบเข้าหน้าผากเป็นคงกระพันชาตรีกันเขี้ยวงาอสรพิษได้ ทั้งนะพญาครุฑนี้เมื่อประสิทธิ์ลงไปยังตัวคนผู้ใดแล้วยังสามารถทรหดอดทน เดินไกลไม่เหนื่อย เป็นวิชาตัวเบาชั้นยอด และเป็นเมตตามหานิยมชั้นสูงอีกด้วย ยังมีคาถาพญาครุฑซึ่งเมื่อกล่าวพระคาถานี้งูพิษรวมไปจนถึงตะขาบแมงป่องและสัตว์ร้ายต่าง ๆ ทั้งหลายจะหลบหนีไปสิ้นโดยพระคาถาพญาครุฑท่านว่าดังนี้

    “โอม…พญาครุฑจะเห็นผล หลีกไปให้พ้น พญาหนจะเดินทาง เคาะงอ เคาะงอ”

    ก่อนว่าพระคาถานี้ให้นมัสการพระรัตนตรัยเสียก่อนด้วยนะโม ๓ จบและท่องพระคาถานี้ก่อนออกเดินทางตั้งสติส่งจิตไปถึงพญาครุฑจะปลอดภัยทุกประการ…

    ที่มา:
    Hotnewshotclip

    เรียบเรียงโดย

    อุทัย เลิกสันเทียะ : สำนักข่าวทีนิวส์



     
  2. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,433
    เหรียญพยาครุฑ มีหลายท่านที่มีประสบการณ์เป็นที่น่าอัศจรรย์
    แต่มีข้อสงสัยว่า ที่อัศจรรย์นั้นเป็นเพราะสมัยก่อน ก่อนจะทำเหรียญบาทครุฑ มีการทำพิธีบวงสรวงรึเปล่า ??? ถึงทำให้เหรียญสมัยก่อนศักดิ์สิทธิ์มาก
     
  3. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    คิดว่าเป็นเพราะแสดงสัญลักษณ์ตัวแทนพระมหากษัตริย์ ตราครุฑคือตราแผ่นดิน พระมหากษัตริย์คือพระเจ้าแผ่นดิน คนที่มีครุฑเลยน่าจะเป็นผู้ที่ถูกคุ้มครองจากพระเจ้าแผ่นดิน

    อันนี้เป็นความเข้าใจของข้าน้อยคิดเองล้วนๆ ถูกผิดยังไงก็ขออภัยค่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...