พระไตรปิฎก สำหรับมือใหม่ ปัญญาที่มาเป็นตัวหนังสือ

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD class=headline-normal>

​

</TD></TR><TR vAlign=top align=left><TD class=messageblack>เมื่อพูดถึงหนังสือธรรมะ ต้องนับคนส่ายหน้าถึงจะสร้างกำลังใจให้กับผู้จัดทำได้ดีกว่าการนับคน พยักหน้าตอบรับด้วยความสนใจ...

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือที่ได้ชื่อว่า “พระไตรปิฎก” ที่เปรียบเสมือนของหายาก มักพบเห็นได้เฉพาะที่ และด้วยความคิดที่ว่า เป็นเรื่องของทางธรรมไม่ใช่ทางโลก พระเท่านั้นที่ควรศึกษาและให้ความสนใจ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถศึกษาและเข้าใจกันได้

เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงคัมภีร์พระไตรปิฎกได้ง่ายขึ้น การจัดทำพระไตรปิฎกสำหรับผู้เริ่มศึกษาจึงเกิดขึ้น กลายเป็นพระไตรปิฎกเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2547 ที่ผ่านมา
พระไตรปิฎกสำหรับผู้เริ่มศึกษานี้ใช้เวลาเกือบ 5 ปีนับตั้งแต่ต้นปี 2543 จนถึงปี 2547 จึงเสร็จสมบูรณ์ อุทัย บุญเย็น เจ้าของนามปากกา สร้อยรวงข้าว หนึ่งในคณะผู้เขียน เกริ่นถึงพระไตรปิฎกให้ฟังว่า ประเทศไทยมีหนังสือแนวย่อพระไตรปิฎกที่ครอบคลุมเนื้อหาของทั้ง 3 ปิฎกมากที่สุดคือ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน โดย อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ แต่เดิมเป็นหนังสือ 5 เล่ม ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยจัดพิมพ์เป็นเล่มใหญ่เล่มเดียว อีกชุดหนึ่งคือ พระไตรปิฎกสำหรับเยาวชน พิมพ์เป็น 9 เล่ม เรียบ เรียงโดยคณะอาจารย์ของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย หนังสือชุดนี้บรรจุเนื้อหาพระไตรปิฎกตามลำดับ โดยวิธีย่อและคัดสรรเอาเฉพาะเนื้อหาที่เยาวชนพอจะอ่านเข้าใจได้
“ในครั้งนี้ จัดทำขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่า คนทั่วไปเกิดความสงสัยว่า มีพระไตรปิฎกหลายฉบับ ไม่รู้ว่าจะต้องศึกษาฉบับใด โดยเฉพาะฉบับใหญ่ อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง จึงต้องทำความเข้าใจว่า ในฝ่ายเถรวาท ไม่ว่าจะเป็นพระไตรปิฎกเล่มใด ชุดใด ล้วนแต่มาจากพระไตรปิฎกบาลีชุดเดียวกัน เพราะออกมาจากการสังคายนาแหล่งเดียวกัน ถ้าจะมีอะไรที่ไม่ตรงกันบ้างอาจจะเป็นเรื่องของตัวอักษรเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนเนื้อหาย่อมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดมา หากจะมีความแตกต่างกันก็อยู่ที่ภาษา และยิ่งมีการถ่ายทอดพระไตรปิฎกเป็น ภาษาเรียบเรียง ก็ยิ่งเกิดอรรถ รสที่ต่างกันไป”
พระไตรปิฎกสำหรับผู้เริ่มศึกษา เป็นงานเรียบเรียงจากพระไตรปิฎกฉบับบาลี 45 เล่ม ที่ลำดับความตามพระไตรปิฎกบาลีตั้งแต่ต้นจนจบ ทำระบบเนื้อหาให้เทียบเคียงกัน จึงสามารถตามไปสืบค้นในฉบับบาลีได้ ไม่ได้ มุ่งจะย่อความให้สั้น แต่มุ่งจับประเด็น แสดงใจความให้เข้าใจได้ จึงใช้ทั้งวิธีย่อความ สรุปใจความรวมทั้งเสริมคำอธิบายในส่วนที่จำเป็นเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น
อีกทั้งมีการขยายความ โดยอาศัยคัมภีร์อรรถกถาเป็นแหล่งอ้างอิง ให้ผู้ศึกษามั่นใจว่าจะไม่เกิดความวิปริตผิดเพี้ยนได้ง่าย ๆ จัดทำจากฉบับบาลีในส่วนที่เป็นพระวินัยปิฎก 8 เล่ม ให้เหลือ 4 เล่ม ในส่วนที่เป็นพระสุตตันต ปิฎก 25 เล่ม ให้เหลือ 12 เล่มในส่วนที่เป็นพระอภิธรรมปิฎก 12 เล่ม ให้เหลือ 2 เล่ม ทำให้หนังสือชุดนี้มีจำนวน 18 เล่ม
มีคณะที่ปรึกษาทางวิชาการ 4 ท่าน คือ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (วัดมกุฏฯ) อธิบดีการมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย พระธรรมโกศาจารย์ (วัดประยุรวงศาวาส) อธิการบดีมหา วิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยา ลัย และราชบัณฑิต 2 ท่าน คือ ศาสตราจารย์พิเศษ จำนงค์ ทองประเสริฐ และศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุนทร ณ รังษี

“เรื่องราวและคำสอนในพระไตรปิฎก เป็นเรื่องราวของชีวิต เป็นบันทึกประสบการณ์ชีวิตในแง่มุมต่างๆ มีบทเรียนแห่งชีวิตหลากหลาย ทั้งบทเรียนของชีวิตปุถุชน ทั้งบทเรียนของผู้เป็นอริยะ มีเรื่องลี้ลับมหัศจรรย์ที่ชาวโลกทั่วไปนึกไม่ถึงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนรก สวรรค์ อบายภูมิ ต่าง ๆ ตลอดจนถึงเรื่องของอานุภาพแห่งฌานสมาบัติและการบรรลุธรรม อันล้วนแต่ต้องการคำอธิบายให้เป็นที่เข้าใจทั้งสิ้นจึงมีการจัดทำภาพและกราฟ ประกอบ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น”
แม้จะใช้คำว่า สำหรับผู้เริ่มศึกษา แต่สำหรับพระไตรปิฎกแล้ว ก็มิใช่จะเขียนให้เข้าใจง่ายได้ทั้งหมด ผู้เขียนออกตัวไว้ในคำนำตอนหนึ่งว่า

“คำสอนของพระพุทธเจ้านั้น มีความลาด ลุ่ม ลึก ตามลำดับ คือ เข้าใจได้ง่ายก็มี พอเข้าใจได้ก็มี เข้าใจได้ยากหรือยากยิ่งที่จะเข้าใจก็มี ส่วนที่พอเข้าใจได้นั้น ยังพอจะพินิจพิเคราะห์ด้วยความรู้ทางวิชาการได้ แต่ก็ยังอาจคลาดเคลื่อนได้อยู่นั่นเอง ส่วนที่ยากจะเข้าใจนั้นอาจจะเกิดจากความยากของภาษา หรืออาจเกิดจากความยากของคำสอนจริง ๆ ซึ่งความยากนั้น ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยความคิดนึกตรึกตรองธรรมดา และความแหลมคมทางวิชาการก็อาจเจาะเข้าไม่ถึง เพราะเป็นเรื่องของการเข้าถึงด้วยการปฏิบัติทางจิต”

เรามีพระไตรปิฎกไว้ตามวัดวาอารามมานานแล้ว แต่เป็นพระไตรปิฎกที่อ่านไม่ออก ไม่เข้าใจ เพราะเป็นภาษาบาลี ถ้าแปลเป็นไทยก็เป็นภาษาแปลสำหรับคนเรียนบาลี ไม่ใช่ภาษาที่พระเณรทั่วไปและชาวบ้านทั่วไปจะเข้าใจได้เลย พระไตรปิฎกในตู้สีทองจึงกลายเป็นของสูง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าจะเข้าไปสัมผัสได้ ทั้งที่พระพุทธเจ้าสอนให้คนคิดตามได้ ให้ปฏิบัติตามได้ ให้บรรลุตามได้ ไม่ใช่ให้เชื่อว่าคำสอนของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ให้รวบรวมคำสอนของท่านเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ พระไตรปิฎกจึงเป็นหนังสือสำหรับให้อ่านไม่ใช่สำหรับให้กราบไหว้เอาบุญเท่านั้น
ชาวพุทธทั่วไปมักมองว่า พระไตรปิฎกอ่านยาก จึงหาไปถวายพระอ่าน เพื่อท่านจะได้ศึกษาธรรมะในพระไตรปิฎกแล้วนำมาสั่งสอนคน วันนี้เมื่อพระไตรปิฎกที่พอจะอ่านได้เองแล้ว ก็ควรจะอ่านให้เห็นแจ้งแก่ตัวเอง เพราะถ้าเราไม่รู้ ไม่เข้าใจคำสอน ของพระพุทธเจ้าตามแนวพระไตรปิฎกแล้ว จะทำให้จิตใจหันเหไปลุ่มหลงวัตถุหรือสิ่งของที่ได้รับการยอมรับว่าศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเราไม่รู้ถึงแก่นของธรรมะ เราก็จะสอนกันผิด ๆ ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดจะไม่มีใครเข้าใจถึงหลักธรรมที่แท้จริง
สิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้และเข้าใจการเป็นชาวพุทธได้ คือ การอ่าน การศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวกับศาสนา คำสอน ธรรมะของพระพุทธเจ้า ถึงจะปวารณาตนว่าเป็นชาวพุทธได้อย่างเต็มปาก และจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

“เวลานี้พุทธศาสนารุ่งเรืองที่สุดอยู่ที่เมืองไทย เป็นศูนย์กลางของชาวพุทธทั่วโลก แต่ในความเป็นจริงยังมีบางส่วนที่เข้าใจศาสนาแบบผิดเพี้ยน ในลักษณะของการงมงาย ถ้าเราไม่เน้นให้คนเข้าใจธรรมะที่ถูกต้องตาม พระไตรปิฎก ความน่ากลัวและอันตรายจะเกิดขึ้น คนจะเข้าใจและปฏิบัติตนอย่างผิด ๆ โดยคิดว่าตนปฏิบัติถูกแล้ว สิ่งที่จะทำให้เข้าใจกันอย่างถูกต้อง คือ สำหรับคนทั่วไป ต้องรู้ ต้องศึกษาพระไตรปิฎกให้เข้าใจ สำหรับพระ ต้องศึกษาให้แตกฉาน จะได้นำมาเทศน์สอนคนได้อย่างถูกทางตามคำสอนของพระพุทธเจ้า หวังว่าพระไตรปิฎก 18 เล่มนี้ จะช่วยให้คนเข้าใจในหลักธรรมะที่ถูกต้องอย่างถ่องแท้ขึ้น” อุทัย บอกความในใจให้ฟัง

สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลงมือทำ

แล้วจะรู้ว่า...ธรรมะเข้าถึงได้ไม่ยาก!?.

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle bgColor=#fbe5f2 height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle bgColor=#fbe5f2 height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle bgColor=#fbe5f2 height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>


ที่มา : http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?Newsid=120478&NewsType=1&Template=2

คุณจุฑานันทน์ บุญทราหาญ/เรื่อง​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

(verygood) อยากทราบว่าราคาชุดละเท่าไร ครับ และสนใจจะสั่งซื้อได้ที่ไหน

 

พระพุทธเจ้าสอนให้คนคิดตามได้ ให้ปฏิบัติตามได้ ให้บรรลุตามได้ ไม่ใช่ให้เชื่อว่าคำสอนของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ให้รวบรวมคำสอนของท่านเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

นี่คือสิ่งหนึ่งที่ชาวพุทธ(แค่ในบัตรประชาชน) ยังเข้าใจผิดกันอยู่มากครับ

 

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ยินดีอย่างยิ่งที่คนธรรมดาจะได้เข้าถึงพระไตรปิฎกอย่างง่ายดาย
อนุโมทนา กับผู้ริเริ่ม และผู้ที่ทำให้สำเร็จ และเป็นแรงใจส่งเสริม

 

สนใจครับ ชุดละเท่าไร หาซื้อได้ที่ใหนครับ
มนตรี ภูนาหลวง
081 647 3228