เรื่องเด่น พระโอวาท “พระสังฆราช” พระราชทานวิสุงคามสีมา

เมื่อวันพุธที่ 14 มี.ค.2561 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นประธานในพิธีประทานประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานวิสุงคามสีมา ครั้งที่ 1 ประจำปี 2561 ที่อาคารหอประชุมพุทธมณฑล ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม

มีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักพุทธฯ, คณะข้าราชการในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ถวายการรับเสด็จ



วิสุงคามสีมา คือ เขตที่พระราชทานแก่สงฆ์เพื่อใช้เป็นที่สร้าง พระอุโบสถ (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554) การขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมามีวิธีดำเนินการตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2507) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ซึ่งกำหนดไว้ว่า “วัดที่สมควรได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ต้องปรากฏว่าได้สร้างขึ้นหรือได้ปฏิสังขรณ์เป็นหลักฐานถาวรและมีพระภิกษุอยู่ประจำไม่น้อยกว่าห้ารูปติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี แต่ระยะเวลาห้าปี มิให้ใช้บังคับแก่วัดที่ได้สร้างอุโบสถเสร็จเรียบร้อยแล้ว”



วัดที่ได้รับวิสุงคามสีมา มีฐานะเป็นนิติบุคคลอย่างสมบูรณ์ สามารถประกอบสังฆกรรมได้ทุกอย่าง เช่น การบรรพชาอุปสมบท ส่วนสำนักสงฆ์บางแห่งยังไม่ได้สร้างโบสถ์หรือบางแห่งสร้างโบสถ์เสร็จแล้ว แต่ไม่สามารถให้การบรรพชาอุปสมบทได้ เพราะยังไม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา



วัดที่จะขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมาต้องเสนอรายงานผ่านเจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับ แล้วเสนอสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อจัดทำบัญชีขอรับพระราชทานโปรดเกล้าฯ

นายสุวพันธุ์กราบทูลรายงานว่า วัดที่ได้รับวิสุงคามสีมาในครั้งนี้ เป็นวัดที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในกฎกระทรวง การขอพระราชทานวิสุงคามสีมาต้องเป็นวัดที่มั่นคงถาวร และสามารถกระทำสังฆกรรมได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความสมบูรณ์ทั้งด้านพระธรรมวินัยและกฎหมายทุกประการ



การจัดพิธีประทานประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ มีวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา งวดที่ 2 ประจำปี 2560 จำนวน 75 วัด งวดที่ 3 จำนวน 54 วัด งวดที่ 4 จำนวน 85 วัด และงวดที่ 5 จำนวน 55 วัด รวมทั้งสิ้น 269 วัด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ เจ้าอาวาสและพุทธศาสนิกชนในการพัฒนาวัด อันเป็นการสืบต่อพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป

ในการนี้ พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวเบิกตัวเจ้าอาวาส ผู้เข้ารับประทานประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานวิสุงคามสีมา ตามลำดับแล้ว



สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาทว่า ขอเน้นย้ำต่อเจ้าอาวาสถึงพระราโชบายที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้กับคณะสงฆ์ว่า พัฒนาความรู้และคุณภาพของพระสงฆ์ให้เป็นหลักทางใจของประชาชน ให้พระมีความสำนึกและเป็นประโยชน์ในสังคมไทย พระราโชบายนี้เป็นคติเตือนใจที่สำคัญมาก ทั้งยังสอดคล้องกับหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาในเรื่องอัตถะ 3 คือ

1.อัตตัตถะ ประโยชน์ตน 2.ปรัตถะ ประโยชน์ผู้อื่น และ3.อุภยัตถะ ประโยชน์ ทั้งสองฝ่าย หรือประโยชน์ร่วมกัน หวังว่าท่านทั้งหลายจะมีปณิธานร่วมกันในการสนองพระราโชบายดังกล่าว ด้วยการบำเพ็ญตนให้ถึงพร้อม พากเพียรพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพ หนักแน่นมั่นคงในพระธรรมวินัย กฎหมาย และจริยาของเจ้าอาวาส ปกครองดูแลบรรพชิตและคฤหัสถ์ในอาณัติให้สมัครสมานสามัคคีและประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในพระธรรมวินัย รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด

ขณะเดียวกันต้องรู้จักเกื้อกูลประโยชน์ชุมชนและสังคมส่วนรวม ทำหน้าที่อบรม สั่งสอน ชี้หนทางแห่งสติปัญญาแก่ผู้ที่อยู่ ในปกครอง รวมไปถึงคนทั่วไป ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย จะส่งผลให้อยู่ท่ามกลางศรัทธาปสาทะของชาวโลกสืบไป

ขอขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/amulets/news_896504