พระโพธิสัตว์ แบ่งได้.2 .....อนิยตโพธิสัตว์ กับ นิยตโพธิสัตว์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย wonderisland, 25 กันยายน 2007.

  1. wonderisland

    wonderisland เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +8,009
    การจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านั้น อย่างน้อยต้องปฏิบัติตนอย่างนี้
    ๑.ตั้งความปรารถนาในใจ เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้ามาแล้ว อย่างน้อย ๗ อสงไขย
    ๒.เปล่งวาจาประกาศความมุ่งมั่น ที่จะเป็นพระพุทธเจ้า อย่างน้อย ๙ อสงไขย
    ๓.เปล่งวาจาและแสดงออกด้วยกาย( บำเพ็ญบารมี) เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า อย่างน้อย ๔ อสงไขยแสนกัป
    ผู้ตั้งใจบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้านั้น เรียกท่านว่า พระโพธิสัตว์
    อนิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ ที่ยังไม่ได้รับพยาการณ์จากรพะพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระองค์ใดว่า จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
    นิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ ที่ได้รับพยาการณ์จากรพะพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระองค์ใดว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน
    การที่พระโพธิสัตว์จะได้รับพยากรณ์ หรือไม่ได้รับพยาการณ์จากพระพุทธเจ้าในอดีตนั้น นอกจากความเด็ดเดี่ยวและความตั้งมั่นของพระโพธิสัตว์ท่านนั้นแล้ว ยังจะต้องมีธรรมอีก ๘ ประการ ที่เรียกว่า อัฏฐธรรมสโมธาน คือ
    ๑. มนุสสัตตัง ต้องเป็นนมุษย์ เป็นอย่างอื่นไม่ได้
    ๒. ลิงคสัมปัตติ ต้อง มีเพศที่สมบรูณ์ คือ ต้องเป็นบุรุษทุกส่วน จะเป็นเพศหญิง หรือ บุรุษที่ไม่สมประกอบ หรือเป็น คน ๒ เพศไม่ได้
    ๓. เหตุ ต้องมีอุปนิสัยสามารถสำเร็จพระอรหันต์
    ๔. สัตถารทัสสน ต้องได้พบพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระองค์ใดและได้ทำความดีถวายแด่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
    ๕. ปัพพัชชา ต้องเป็นบรรพชิตประเภทใดประเภทหนึ่ง จะเป็น ดาบส หรือ ปริพาชกก็ได้ แต่ต้องเป็นสัมมาทิฏฐิ
    ๖. คุณสัมปัตติ ต้องสมบูรณ์ด้วยคุณ คือ อภิญญษ ๕ สมาบัติ ๘
    ๗. อธิกาโร ต้องได้ทำความดียิ่ง คือได่ให้ชีวิต หรือ ลูกเมียเป็นทาน โดยเจตนาหวังโพธิญาณมาแล้ว
    ๘. ฉันทตา ต้องมีความพอใจอย่างแรงกล้า ในการเป็นพระพุทธเจ้า คือ ไม่ต้องการสิ่งอื่น ถึงจะต้องเหนื่อยยากลำบากเพียงใด ที่จะต้องสร้างบารมีอยู่นานเท่าใดก็ตาม ต้องไม่กลัว ไม่เปลี่ยนความคิดไปทางอื่นเป็นอันขาด
    ขณะจิตของพระโพธิสัตว์ที่ตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าครั้งแรกกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ อย่างนับชาติไม่ถ้วนด้วยจิตที่คิดว่า
    "เราตรัสรู้แล้ว จะให้ผู้อื่นตรัสรู้ด้วย
    เราพ้นแล้ว จะให้ผู้อื่นพ้นด้วย
    เราข้ามได้แล้ว จะให้ผูอื่นข้ามด้วย""
    "ขึ้นชื่อว่า พุทธการกธรรม อื่น อันเป็นเหตุให้ตัรสรู้เป็นพระพุทธเจ้า นอกเหนือจากบารมีธรรมทั้ง ๑๐ ประการนี้แล้วย่อมไม่มี"
    ๑.ทานบารมี พระโพธิสัตว์จะตั้งใจว่า ต่อไปนี้เราพึงบำเพ็ญ ทานบารมี เหมือนอย่าง หม้อน้ำที่มีน้ำเต็มคว่ำลง หม้อน้ำย่อมคายนำออกจนหมดสิ้น ฉันใด เราก็พึงให้ทานแก่ยาจก โดยไม่มีส่วนเหลือ ฉันนั้น
    ๒.ศีลบารมี พระโพธิสัตว์จะตั้งใจว่า ต่อไปนี้เราพึงบำเพ็ญ ศีลบารมี เหมือนอย่าง จามรี ชื่อว่า จามรีย่อมไม่อาลัยแม้ชีวิต เพื่อรักษาพวงหางของตน ฉันใด เราก็พึงรักษาศีล โดยไม่อาลัยแม้ชีวิต ฉันนั้น
    ๓.เนกขัมมบารมี พระโพธิสัตว์จะตั้งใจว่า ต่อไปนี้เราพึงบำเพ็ญ เนกขัมมบารมี เหมือนอย่าง นักโทษ ที่ถูกขังและได้รับทุกข์ทรมานในเรือนจำเป็นเวลานาน เขาผู้นั้นย้อมไม่อยากอยู่ในเรือนจำ ต้องการพ้นออกไป ฉันใด เราก็พึ่งเห็นภพทั้งปวงเป็นเสมือนเรือนจำ อยากพ้นไปจากภพทั้งปวงด้วยการมุ่งสู้ เนกขัมมะ ฉันนั้น
    ๔.ปัญญาบารมี พระโพธิสัตว์จะตั้งใจว่า ต่อไปนี้เราพึงบำเพ็ญ ปัญญาบารมี เหมือนอย่าง พระภิกษุผู้ออกบิณฑบาตโดยไม่เลือดตระกูลว่า จะมีฐานะ สูง ต่ำ หรือปานกลาง ย่อมได้อาหารเพียงพอแก่อัตภาพ ฉันใด เราก็พึงเข้าหาบัณฑิตทุกท่าน เพื่อถามปัญหา ฉันนั้น
    ๕.วิริยะบารมี พระโพธิสัตว์จะตั้งใจว่า ต่อไปนี้เราพึงบำเพ็ญ วิริยะบารมี เหมือนอย่าง พญาราชสีห์ ชื่อว่าพญาราชสีห์ย่อมมีความเพียรไม่ย่อหย่อนในอิริยาบถทุกเมื่อ ฉันใด เราก็พึงมีความเพียรอันมั่นคงในภพทั้งปวง ฉันนั้น
    ๖.ขันติบารมี พระโพธิสัตว์จะตั้งใจว่า ต่อไปนี้เราพึงบำเพ็ญ ขันติบารมี เหมือนอย่าง แผ่นดิน ชื่อว่าแผนดินย่อมทนได่ต่อสิ่งของที่มีผู้ทิ้งลงไม่ว่าจะสะอาด หรือสกปรก ฉันใด เราก็พึงเป็นผู้อดทนต่อการยกย่องและการดูหมิ่นของคนทั้งปวงได้ ฉันนั้น
    ๗.สัจจบารมี พระโพธิสัตว์จะตั้งใจว่า ต่อไปนี้เราพึงบำเพ็ญ สัจจบารมี เหมือนอย่าง ดาวประกายพรึก(ดาวพระศุกร์) ชื่อว่าดาวประกายพรึกย่อมไม่หลีกออกไปทางอื่น โคจรอยู่เฉพาะในทางของตน ฉันใด เราก็พึงไม่ก้าวล่วงจากวิถีในสัจจะ พูดแต่ความจริง ฉันนั้น
    ๘.อธิษฐานบารมี พระโพธิสัตว์จะตั้งใจว่า ต่อไปนี้เราพึงบำเพ็ญ อธิษฐานบารมี เหมือนอย่าง ภูผาหิน ชือ่ว่าภูผาหินย่อมตั้งมั่นอยู่ได้ ไม่ไหวด้วยลมแรง ฉันใด เราก็จงเป็นผู้ตั้งมั่นไม่คลอนแคลนในอธิฐานบารมี ฉันนั้น
    ๙.เมตตาบารมี พระโพธิสัตว์จะตั้งใจว่า ต่อไปนี้เราพึงบำเพ็ญ เมตตาบารมี เหมือนอย่าง น้ำ ชือ่ว่าน้ำ ย่อมทำใหรู้สึกฉ่ำเย็นและชำระฝุ่นผงทั้งคนดีและคนไม่ดีเสมอกัน ฉันใด เราก็พึงเมตตาทั้งแก่คนที่ทำประโยชน์และคนที่ไม่ได้ทำประโยชน์เสมอกัน ฉันนั้น
    ๑๐.อุเบกขาบารมี พระโพธิสัตว์จะตั้งใจว่า ต่อไปนี้เราพึงบำเพ็ญ อุเบกขาบารมี เหมือนอย่าง แผ่นดิน ชื่อว่าแผนดินย่อมทนได่ต่อสิ่งของที่มีผู้ทิ้งลงไม่ว่าจะสะอาด หรือสกปรก ฉันใด เราก็พึงเป็นผู้วางเฉย มีใจเสมอกันทั้งในความสุขและความทุกข์ ฉันนั้น

    อนึ่งในการบำเพ็ญบารมี จะต้องบำเพ็ญธรรมที่เป็นฝักฝ่ายหรือเกื้อกูลต่อการตรัสรู้ ซึ่งเรียกว่า โพธิปักขิยธรรม ๓๗ แบ่งเป็น ๗ หมวด คือ
    สติปัฏฐาน
    สัมปปธาน ๔
    อิทธิบาท ๔
    อินทรีย์ ๕
    พละ ๕
    โพชฌงค์ ๗
    มรรค ๘
    บารมี ๑๐ และ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ รวมกันเรียกว่า พุทธการกธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • life20new..jpg
      life20new..jpg
      ขนาดไฟล์:
      37 KB
      เปิดดู:
      963
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2007
  2. Bill PEA31

    Bill PEA31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +417
    กว่าจะได้เป็นมนุษย์ก็แสนยากแล้ว โพธิสัตย์ช่างห่างไกลเราเหลือเกิน ตั้งมั่น อดทนปฏิบัติดีกันต่อไปครับ รักดีทำดีได้ดีแน่นอน.........อนุโมทนาครับ
     
  3. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
     
  4. wonderisland

    wonderisland เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +8,009
    พระโพธิสัตว์ที่คุณว่า คงเป็นพระโพธิสัตว์แบบเถรวาทมากกว่า ครับผมคือบุคคลธรรมดาที่ใฝ่ในพระโพธิญาณ อันนี้ ขอให้แยกจากฝ่ายมหายานครับ ส่วนพระโพธิญาณนั้นยังแยกออก เป็น 3แบบ
    -ศัทธาธิกะ
    -ปัญญาธิกะ
    -วิริยะธิกะ
    ดังที่ทุกคนรู้มาเรื่องส่วนเรื่อง
    อนิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ ที่ยังไม่ได้รับพยาการณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระองค์ใดว่า จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
    นิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ ที่ได้รับพยาการณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระองค์ใดว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน
    อันนี้เป็นเรื่องที่เกิดหลังจากการรู้ว่าตัวเองเป็นพระโพธิญาณประเภทไหนใน 3 ประเภท
     
  5. a5g1

    a5g1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +384
    :d ขอเป็นโสดาบันในชาตินี้ก็พอแล้วครับ. จะนิกายมหายานหรือเถรวาทก็ได้ สาธุๆๆ(^) (^) (^)
     
  6. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    [​IMG]



    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนไตยที่เคารพบูชาเป็นสรณะสูงสุด
    จงอำนวยอวยชัยให้พรแก่ทุกๆ ท่านที่คิดดี พูดดี ทำดี
    อยู่ในศีล อยู่ในธรรม และหมั่นเจริญพระกรรมฐาน
    ขอให้ท่านเจริญ ซึ่งอายุ วรรณะ สุขะ พละ

    " ท่านที่หวังพระนิพพานก็ดี
    ขอให้ท่านได้สมดั่งความตั้งใจ
    ท่านที่หวังพระสัมมาสัมโพธิญาณก็ดี
    ขอให้ท่านได้สมดั่งความปรารถนา "


    อนุโมทนาบุญนะครับ สาธุ ๆ ๆ
     
  7. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    หาทางตัดภพชาติดีกว่าครับ
    ขนาดหลวงปู่มั่นท่านยังลาพุทธภูมิเลย
    ที่รู้ ๆ กันนะครับ พระโพธิสัตว์นั้นนั่งยิ้มอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตกันเป็นแสน
    ...นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง...
     
  8. พระนอกเมือง

    พระนอกเมือง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +29
    ความเชื่อของมหายานแตกต่างจากเถรวาทในหลายส่วน เพราะมีการปรับบางอย่างเพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าหาธรรมได้ง่ายตามคติของมหายาน บางอย่างก็กำหนดขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่ได้มาจากพุทธพจน์ หรือพระอรหันต์สาวกในครั้งสมัยพุทธกาลเลย

    จากความคิดเห็น ของคุณใบไม้นอกกำมือว่า...
    พระกษิติครรถ์โพธิสัตว์ - " ตราบใดนรกยังไม่สาบสูญ ไม่ขอบรรลุนิพพาน จะไม่ยอมทิ้งสัตว์แม้เพียงตัวเดียว และจะขอบรรลุนิพพานเป็นคนสุดท้าย"

    ส่วนพระอวโลกิเตศวร ท่านตั้งปณิธานว่า

    " หากยังมีสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่ จะไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ "

    คำปณิธานของพระโพธิสัตว์ทั้ง 2 ที่แย่งกันอยู่หลังสุด พวกท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าสอนใครกันล่ะครับ????

    ขอแสดงความเห็นว่า...ถึงต้องมีการจัดลำดับพุทธวงศ์ เพื่อการอุบัติขึ้นตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นลำดับๆไปไงครับ และก็ไม่ได้มีแค่ ๒ ท่านนี้หรอก มีหลายท่านเลยครับที่ปรารถนาอย่างนี้ เมื่อถึงวาระของท่าน ท่านก็ต้องตรัสรู้โปรดเวไนยสัตว์แน่แท้ทีเดียว ตรัสรู้องค์สุดท้ายมีได้พระองค์เดียวแน่ๆ เพียงแต่ท่านใดจะเป็นผู้อยู่ลำดับนี้เท่านั้นเอง

    ส่วนถ้ายังปรารถนาบำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า คุณธรรมสูงขนาดไหน กำลังใจของท่านหล่านั้นก็จะไม่ตัดเข้าความเป็นพระอริยหรอกครับ ยิ่งเป็นพระอรหันต์แล้ว มีนิพพานอย่างเดียว ถ้ากลับมาเกิดอีกเมื่อไหร่ก็ได้ พระพุทธเจ้านับล้านพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้าอีกนับไม่ถ้วน คงลงมาสร้างกองธรรมธรรมที่ครอบคลุมจักรวาลไปแล้วล่ะครับ พวกเราคงได้พบพระพุทธเจ้า และฟังธรรมจากพระองค์ ได้บรรลุธรรมไปตามๆกันภายในชาตินี้แน่ๆเลย
     
  9. amm.

    amm. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +613
    การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้นใช่ว่าจะมีในโลกเพียงองค์เดียวในระยะหนึ่ง...บางยุคสมัยมีพร้อมกันหลายพระองค์คราวดียวกัน...และการจุติมาเพื่อตรัสรู้นั้นต้องบำเพ็ญบารมีถึงพร้อมก่อนตามจิตที่ตนเคยปราถนาไว้...และจะเป็นไปตามบารมีแห่งจิตนั้น...ฉะนั้นหากจิตยังสร้างบารมีไม่เต็มเปี่ยมดังที่จิตเคยปราถนาไว้...ก็จักยังไม่เข้านิพพานแน่เทียว...ส่วนที่ถกกันว่าพระโพธิสัตว์องค์ใดจะสำเร็จองค์สุดท้ายนั้น...หากเมื่อถึงคราวที่สรรพสัตว์พ้นทุกข์กันเสียสิ้นแล้ว...เหล่าพระโพธิสัตว์จะลงมาจุติพร้อมกันเพื่อธรรมรงพระศาสนายุคสุดท้ายและตรัสรู้สำเร็จธรรมเข้าสู่พุทธภูมิพร้อมกัน...
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    *** ค้นคว้าสัจจะธรรม ****

    หลักสัจจะธรรม...ปรากฏแล้ว
    จะมีมนุษย์กี่คน....สนใจศึกษาพิจารณา
    มองเห็น...การกระทำเป็นที่พึ่ง
    เมื่อ ดวงตาเห็นธรรม....ก็จะเข้าใจ "สัจจะ คือผู้นำพ้นทุกข์"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. ภูติอาคเนย์

    ภูติอาคเนย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    724
    ค่าพลัง:
    +1,327
    อยากเป็นพระพุทธเจ้าไปทำไมในเมื่อใจ ยังมีความอยากจะเด่น อยากจะเก่ง อยากจะดัง อยากจะสมบูรณ์แบบ
    ตั้งกำลังใจกันผิดไปเปล่าๆ ใจของผู้บำเพ็ญโพธิเขาไม่สนใจหรอกว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรจะได้เป็นนั่นเป็นนี่เป็นนู่นเมื่อไหร่ลำดับไหน เท่แค่ไหน เก่งแค่ไหน สง่างามแค่ไหน
    เขาสนใจถึงการรู้แจ้งทุกอย่างเพื่อเอาไปสอนสรรพสัตว์ รู้ถึงวิธีทำให้ดับทุกข์ทุกรูปแบบเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ แล้วก็ช่วยสรรพสัตว์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก็แค่นั้นเอง
     
  12. uncle jing

    uncle jing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +219
    อนุโมทนา สาธุ

    ขอผลบุญในการเผยแพร่ธรรมะนี้จงเป็นปัจจัยให้ท่าน wonderisland

    และท่านทั้งหลายที่ร่วมอนุโมทนา

    ได้ถึงซึ่งพระนิพานในชาตินี้ด้วยเถิด
     
  13. เดี่ยว7

    เดี่ยว7 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2008
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +10
    คนไทยเรียกเกลือ
    คนอังกฤษเรียกSalt
    จะเรียกอะไรก็คือเกลือ
    มีลักษณะคือความเค็มเหมือนกัน
    ไม่มีโพธิสัตว์ของเถรวาทหรือของมหายาน
    มีแต่ผู้หลงกับผู้ไม่หลงเท่านั้น
    หลงเข้าใจว่าท่านจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    ตามทิฎฐิตามความเชื่อของตัวเรา..เราศึกษามา
    ว่าใช่..ว่าถูกต้อง...เราถูก
    เขาผิด...เราถูก
    มีเรามีเขา มีฝักมีฝ่าย..ก็มีอัตตาตัวตนทั้งนั้น
    เกลือเขาเค็มอยู่อย่างนั้น
    ใครจะว่าเกลืออย่างไร...เกลือก็ไม่เป็นทุกข์กับใคร
    ผู้ใดอยากเป็นทุกข์แทนเกลือ..ก็จงแบกเอา..รับเอา
    ประเดี๋ยวก็เค็มกันพอดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...