พระโพธิสัตว์ แบบ ศรัทธาธิกะ ปัญญาธิกะ และ วิริยะธิกะ นี้เป็นยังไงและแตกต่างกันอย่างไร

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย boombb, 17 ธันวาคม 2006.

  1. boombb

    boombb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +127
    พระโพธิสัตว์ แบบ ศรัทธาธิกะ ปัญญาธิกะ และ วิริยะธิกะ

    นี้เป็นยังไงและแตกต่างกันอย่างไรครับ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ธันวาคม 2006
  2. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ต่างกันในระยะเวลาการสร้างบารมี และ ธรรม ที่ใช้นำในการสร้างบารมี

    เช่นปัญญาธิกะใช้ ปัญญาเป็นตัวนำ

    ศรัทธาธิกะใช้ ศรัทธาเป็น ตัวนำ

    วิริยะธิกะ ใช้ วิริยะเป็นตัวนำ

    ระยะเวลาในการสร้างบารมีของแต่ละแบบต่างกัน

    ปัญญาธิกะพุทธเจ้า 20 อสงไขยเศษแสนมหากัป เป็นพระพุทธเจ้าได้ไว แต่โปรดสัตว์ไปสู่พระนิพพานน้อยกว่า ศรัทธา หรือวิริยะธิกะ

    ศรัทธาธิกะพุทธเจ้า สร้างบารมี 40 อสงไขยเศษแสนมหากัป โปรดสัตว์ได้มากกว่า ปัญญาธิกะ แต่น้อยกว่า วิริยะธิกะ

    วิริยะธิกะพุทธเจ้า สร้างบารมี 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีมากที่สุด โปรดสัตว์ได้มากที่สุด รองจากสมเด็จองค์ปฐม ที่ประมาณกันว่าท่านสร้างบารมีถึง 120 อสงไขย (ท่านเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก)

    แต่สุดท้ายพระพุทธเจ้าแต่ละแบบแม้สร้างบารมีมาต่างกันแต่เมื่อได้ตรัสรู้พระโพธิญาณแล้ว ก็ เข้าถึงความรู้ตัวเดียวกัน มิได้แตกต่างกัน
     
  3. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    พระพุทธเจ้าคือผู้ที่เป็นศาสดาเอกในพุทธศาสนา แบ่งพระพุทธเจ้าออกเป็น 3 ประเภท

    1.ปัญญาพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ
    ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 7 อสงไขย
    หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 9 อสงไขย รวมเป็น 16 อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์
    ได้รับพุทธพยากรณ์ ครั้งแรกเหลืออีก 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัปเป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย
    และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้าจนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน
    2. ศรัทธาพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 14 อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 18 อสงไขยรวมเป็น 32
    อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเหลืออีก 8 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อยและได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน
    3. วิริยะพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากับล์
    คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 28 อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 36 อสงไขยรวมเป็น 64
    อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเหลืออีก 16 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อยและได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน
    ซึ่งพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ มีพระนามว่า พระศรีศากยมนีโคดมพุทธเจ้า พระองค์ทรงสร้างบารมีมาทางปัญญาพุทธเจ้า

    พระโพธิสัตว์คือบุคคลที่ปรารถนาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แบ่งเป็น 2 ประเภท
    1.พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาเลยเรียกว่าอนิยตะโพธิสัตว์ความหมายคือยังไม่แน่นอนว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าเพราะอาจจะเลิกล้มความปรารถนาเมื่อไรก็ได้
    2.พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาแล้วเรียกว่านิยตะโพธิสัตว์
    ตามความหมายคือจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นนอนเพราะถ้าถึงนิพพานต้องดำรงค์ฐานะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียว
    แต่ถ้าบารมีและเวลายังไม่สมบูรณ์แม้ว่าจะพยายามปฏิบัติอย่างยิ่งยวดบังเกิดปัญญาอย่างเยียมยอดก็ไม่สามารถถึงนิพพานก่อนได้
    แม้จะทุกข์ท้อแท้ จนคิดว่าเลิกที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้วแต่แล้วในที่สุดมหากุศลที่เป็นอนุสัย
    ก็จะพุ่งกระจายขึ้นมาให้ตั้งมั่นและบำเพ็ญบารมีกันต่อจนกว่าบารมีและเวลาสมบูรณ์<O:p</O:p
    จากบทความข้างบน ผู้อ่านคงได้อ่านคำว่า อสงไขย และ กัป มาแล้ว ผู้เขียนจะอธิบายสั้นๆให้ทราบดังนี้
    - กัปเป็นหน่วยวัดเวลา ในเชิงประมาณ คือทุกๆ โลก ทุกๆ จักรวาลที่อยู่ในอาณาบริเวณพุทธเขต บังเกิดขึ้นมาหนึ่งครั้ง และตั้งอยู่ เเละดับไปสลายไป1 ครั้งเรียกว่า 1 กัป
    - อสงไขย เป็นหน่วยวัดเวลาที่มากกว่ากัป คือจำนวณกัป ที่นับไม่ถ้วน เท่ากับ 1 อสงไขย
    *** ตามที่เคยคำนวณมา 1 อสงไขย เท่ากับ จำนวน กัป ที่เอาเลข 1 ตามด้วยเลข 0 ถึง 140 ตัว
    - ต่อไปคำว่าสูญกัปหมายถึงกัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ธันวาคม 2006
  4. เถรี

    เถรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +6,511
    ถาม : แล้วพระพุทธเจ้าที่ต่างกัน .....(ไม่ชัด)....?
    ตอบ : อันนั้นอยู่ที่บริวารท่าน คือพระพุทธเจ้าที่เป็นปัจเจกพุทธ คือว่าเป็นผู้ที่ต้องการรู้เอง ท่านจะสร้างบารมีอย่างน้อย ๒ อสงไขยกับแสนมหากัป มีความสามารถคล้ายพระพุทธเจ้าทุกอย่างยกเว้นขาดสัพพัญญุตญาณอย่างเดียว แล้วพระพุทธเจ้าที่เป็นปัญญาธิกะ ต้องสร้างบารมี ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป อันนี้บริวารของท่านจะประเภทมีดี มีเลว มีรวย มีจน มีสวยงาม มีอัปลักษณ์ปนเปกันไปหมด พระพุทธเจ้าที่เป็นศรัทธาธิกะสร้างบารมี ๘ อสงไขยกับแสนมหากัป อันนี้บริวารท่านจะดี สวย รวยเสมอกันหมด ในเขตที่ท่านประกาศศาสนาคนชั่วจะเข้ามาไม่ได้ ส่วนพระพุทธเจ้าที่เป็นวิริยาธิกะ สร้างบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนมหากัปเป็นอย่างน้อยนั้น บริวารท่านนอกจากจะดี สวย รวยเสมอกันหมดแล้ว โลกยุคนั้นคนชั่วเกิดไม่ได้ ท่านทำเพื่อบริวารตัวเองถึงได้ยอมลำบากขนาดนั้นจริง ๆ ถ้าสำหรับตัวท่านเอง ๔ อสงไขยกับแสนมหากัปก็สบายมาก ๆ แล้ว
    ถาม : แล้วถ้าเป็นสมัยพระพุทธเจ้าวิริยาธิกะคนเหมือนกับเทวดามั้ยครับ
    ตอบ : ก็คล้าย ๆ กันเลยตามที่เขากล่าวในอนาคตวงศ์ที่สมัย พระศรีอาริยเมตไตรย์ คนจะเดินทาง ถ้าไปทางน้ำจะไม่มีทางทวนน้ำนะ พอลงเรือปั๊บคว้าพายน้ำมันก็พาไหลไปเลย พอถึงเวลาจะกลับมันก็พาไหลกลับ เพราะปกติแล้วมันต้องทวนกลับใช่มั้ย ? อันนี้ไม่หรอก น้ำมันพาไหลกลับอันนั้นมันเป็นกำลังบุญของเขา อยากได้อะไรไปสอยเอาจากต้นกัลปพฤกษ์ ๔ มุมเมืองก็ไม่ต้องเสียเวลาไปหากิน ขาดเสื้อก็ไปสอยเอา ขาดอาหารก็ไปสอยเอา


    จาก กระโถนข้างธรรมมาสน์ ฉบับที่ ๑๖
     
  5. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    พระพุทธเจ้ารู้อริยสัจสี่เหมือนกันหมด
     
  6. ผู้หญิงธรรมดา

    ผู้หญิงธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +536
    เราจะรู้ได้รึป่าว ว่าเป็นพุทธภูมิแบบไหนกัน
     
  7. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    ถึงเวลาจิตเราก็รู้เอง
     
  8. Gearknight

    Gearknight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2008
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +234


    อันนี้ผมเคยเป็นครับ ลาพุทธภูมิแล้ว กะว่าจะไปในชาตินี้ แต่ยังไงไม่รู้ครับต้องทำให้ผม ลาไม่ขาด ลาไม่ได้ครับ เลยต้องมาบำเพ็ญต่อไปครับ วิริยะธิกะสู้ๆ
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ทั้งสองสิ่งต้องควบคู่กันเสมอ ของผู้ปฏิบัติ

    เเต่การเริ่มต้น ควรเริ่มด้วย ศรัทธา เพื่อ เป็นกำลังใจ ในการเดินทาง

    เรียกว่า ศรัทธา คือ บารมี เมื่อ บารมีเต็มจึง มีเเรงที่จะศึกษา ทั้ง ทางโลกและทางธรรม

    จึงเกิดเป็นปัญญา เเห่งศรัทธาของตนเอง

    การจะเริ่มต้นสิ่งใดก็ตาม หากเราไม่เชื่อ

    เราย่อมปฏิเสธที่จะเดินทางไปสู่ทางที่เราต้องการ ค้นหาคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2008
  10. มาร-

    มาร- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +487
    สาธุ สาธุ สาธุ

    อีกกี่ล้าน อสงไขย์ข้าพระพุทธเจ้าก็จะรอ
    _____________________


    บุญกุศลเหล่าใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจัก จำได้ก็ดี จำไม่ได้ก็ดี ร้อยชาติก็ดี หมื่นชาติก็ดี อสงไขย์ชาติก็ อนันตชาติก็ดี ..........................

    ข้าพระพุทธเจ้าขอนอบน้อมอำนาจพระพุทธคุณอันไม่มีประมาณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทั่วทั้งอนันตจักวาลที่มิได้มีประมาณ ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมี ภันเต ภควา องค์พระสิริมิตร องค์พระธรรมสามี พระธรรมราชา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิขี ทศพล ญาณที่1 สมเด็จองค์พระปฐม เป็นสมเด็จองค์พระประธาน แห่งองค์พระพุทธคุณ

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจคุณพระธรรม พระสัจธรรมคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อันไม่มีประมาณ เป็นองค์พระธรรมคุณ

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งองค์พระปัจเจกพุทธคุณ แห่งองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ ทั่วทั้งอนันตจักวาล ทุกกาล ทุกกัปป์ ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็น องค์พระปัจเจกพุทธคุณ

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจ แห่งคุณพระสงฆ์ พระสาวกแห่งพระผู้มีพระภาค องค์ภันเต ภควา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ทั่วทั้ง อนันตจักวาล อันไม่มีประมาณ อันหาที่สุด มิได้ เป็น พระสังฆคุณ

    ข้าพระพุทธขอน้อมอำนาจ คุณบิดา คุณมารดา พระอรหันต์แห่งบุตรของสรรพสัตว์ทั้งหลาย และของข้าพเจ้าทุกๆชาติ ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ เป็น คุณแห่งบิดาและมารดา

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณพระอาจารย์ ทุกๆรูป ทุกๆนาม ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ ตลอด อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่ได้ประสิทธิประสาท วิชา สั่งสอนในคุณความดี ตั้งมั่นใน มรรค มีองค์ 8 เป็น คุณแห่งครูบาอาจารย์

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณของ พระพรหม และเทพ เทวดา พระยายมราช ทุกรูป ทุกนาม ทุกๆชั้นฟ้า ทั้วทั้ง อนันตจักวาล สากลพิภพ อันไม่มีประมาณ จงร่วมกันบันดาล ปกป้องรักษาและอนุโมทนา

    ขออำนาจแห่งพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระปัจเจกพุทธคุณ พระสังฆคุณ คุณแห่งบิดา มารดา คุณแห่งครูบาอาจารย์ และ ทวยเทพเทวดาทั้งหลายโปรดดลบันให้....
    กุศลผลบุญ เหล่าใด ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ทำมา ได้บำเพ็ญมาโดยชอบ จำได้ก็ดี จำมิได้ก็ดี ข้าพระพุทธเจ้าขออุทิศกุศลเหล่านั้น แด่ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกรูป ทุกนาม ทุกภพ ทุกภูมิ ขอให้ได้ร่วมอนุโมทนา ขอให้มีส่วนร่วมในกองกุศลของข้าพเจ้า เพื่อยังผลให้ที่สุดแห่งกองทุกข์ จงหมดสิ้นไปด้วยเทอญ....
     
  11. ปัจเจกพุทธะ

    ปัจเจกพุทธะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +121
    แล้ววิสัยในการคิดการปฏิบัติในการสั่งสมบารมี ของพระพุทธเจ้าแต่ล่ะประเภทต่างกันอย่างไรล่ะครับ ตั้งแต่เริ่มปรารถนาจนถึงพระชาติสุดท้ายก่อนที่จะได้ตรัสรู้ สงสัยจัง
     
  12. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    อนุโมทนาสาธุครับ

    แล้ว สมัยของปัญญาพุทธเจ้านี้ มักเป็นช่วงที่มนุษย์มีอายุขัยสั้นหรือเปล่าครับ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...