พระโพธิสัตว์.....พิจารณาทานบารมีของท่านอย่างไร?

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 24 สิงหาคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

    ๑. ไทยธรรมมี ผู้ขอมี.......แต่ไม่ให้
    เพราะเมื่อก่อน......เราไม่ได้สะสมเรื่องการให้

    หากพระโพธิสัตว์ท่านเจอยาจก ผู้ขอ จิตคิดไม่ให้เกิดขึ้น ท่านจึงพิจารณาว่าเพราะ
    เมื่อก่อน......เราไม่ได้สะสมเรื่องการให้เป็นแน่ ดังนั้นบัดนี้เราจะสละวัตถุจะน้อยหรือ
    มากก็ตาม เราจะสละ สะสมการให้ให้เกิดขึ้น

    ๒. ไทยธรรมมีน้อย

    เพราะเมื่อก่อน......เราไม่เป็นผู้ให้ จึงขาดแคลนไทยธรรม

    พระโพธิสัตว์เมื่อรู้ว่าของที่ให้มีน้อยและไม่ดี ท่านย่อมพิจารณาว่าเพราะท่านไม่ได้ให้
    ในกาลก่อนเป็นแน่ พระโพธิสัตว์จึงพิจารณาด้วยปัญญา จึงบริจาควัตถุ จะน้อยหรือ
    มาก แม้จะเบียดเบียนตนเองก็ตามท่านก็บริจาคครับ

    ๓. เสียดายไทยธรรม
    ก็จงคิดว่า.......เราปรารถนาการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมหรือการสะสมวัตถุ

    ทรัพย์สมบัติติดตัวไปไม่ได้เลย และทรัพย์สมบัติไม่สามารถทำให้สิ้นกิเลสและสิ้น
    ทุกข์ได้ พระโพธิสัตว์จึงพิจารณาว่าโพธิญาณคือการตรัสรู้นั้นประเสริฐสูงสุด หากท่าน

    เสียดายของที่จะให้ ไม่สละแล้วจะถึงการตรัสรู้ได้อย่างไร ท่านจึงสละ มีมือสะอาด ให้
    กับผู้ขอ เป็นต้น

    ๔. เห็นความสิ้นเปลืองแห่งไทยธรรมเพราะการให้

    ก็จงคิดว่า.......แม้ไทยธรรมนั้นก็ย่อมสิ้นไปเสื่อมไปเป็นธรรมดา แม้ไม่ให้
    พระโพธิสัตว์หากเกิดความคิดที่จะไม่ให้เพราะกลัวของจะหมด ท่านย่อมพิจารณาว่า
    ตามธรรมดา สภาพธรรมทั้งหลายมีความเกิดขึ้นและดับไป เสื่อมไป เป็นธรรมดา แม้
    ทรัพย์ สมบัติก็มีความเสื่อม หมดไปเป็นธรรมดา แม้จะให้หรือไม่ให้ก็ตาม คนผู้มีทรัพย์
    เองก็ต้องจากทรัพย์สมบัติไปเช่นกัน และทรัพย์สมบัติถึงความหมดไปเพราะการไม่ให้
    เช่นกัน เพราะฉะนั้น เราจะให้แม้มีน้อยก็ตาม ท่านจึงสละความคิดของการที่จะไม่ให้
    เพราะกลัวของจะหมดได้ครับ


    จะเห็นได้ว่า พระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมี ท่านก็มีจิตคิดไม่ให้เกิดขึ้นในบางครั้ง
    หากแต่ว่าท่านสะสมปัญญามา จึงพิจารณาว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร ควรจะให้หรือไม่
    ให้ จึงเป็นเรื่องของปัญญา บารมี 10 มีปัญญาเป็นหัวหน้าเป็นประธาน ขาดปัญญาไม่
    ได้เลย หากไม่มีปัญญาก็ต้องเป็นเรื่องยากในการคิดที่จะให้ ให้โดยไม่ได้หวังลาภ
    สักการะ หรือให้เพื่อเป็นที่รัก แต่ให้เพื่อเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสจึงเป็นทานบารมี
    ดังเช่นพระโพธิสัตว์ จึงเป็นเรื่องของปัญญาอย่างแท้จริงครับ อาศัยการฟังพระธรรม
    ด้วยความแยบคาย เมื่อปัญญาเจริญขึ้น กุศลประการต่างๆก็เจริญขึ้น รวมทั้งกุศลขั้น
    ทานด้วยครับ พระโพธิสัตว์ผู้มีปัญญาย่อมให้โดยไม่เลือกว่าเป็นบุคคลใด ไม่เลือก
    กว่าคนนี้เราให้ คนนี้เราไม่ให้ คนนี้ให้น้อย คนนี้ให้มากเพราะนั่นเป็นความเศร้าหมอง
    ของทานบารมีและไม่เลือกของที่จะให้ด้วยครับ จึงเป็นเรื่องของปัญญาอันเกิดจากการ
    ฟังพระธรรมนั่นเอง ยากไม่ยากจึงเป็นเรื่องของปัญญาครับ ปัญญาน้อยก็ยาก ปัญญา
    มากก็ไม่ยากครับ

    ข้อความจาก


    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 658

    แม้ว่าการบำเพ็ญทานของเราจะไม่เท่ากับพระโพธิสัตว์ก็ตาม แต่ท่านเริ่มที่จะสละ ละคลาย

    ในโลภะที่ยังยึดติดในไทยธรรม หรือทรัพย์สินเงินทองบ้างหรือยัง

    ถ้ายัง ก็แสดงว่ายังอยู่ห่างไกลจากการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมนัก


     
  2. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    อยากให้ก็ให้ ไม่อยากก็แสดงว่ามันไม่อยาก จะไปคิดมากทำมัย
     
  3. เทพบัญชา

    เทพบัญชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2006
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +212
    ข้าพเจ้าได้สัมผัสบารมีท่านแล้วครับท่านผู้เมตตาไม่เคยแบ่งชนชั้นวรรณะไม่ยึดติดกับเงินทองทรัพย์สมบัติลาภสักการะเลยครับท่านเป็นผู้ให้จริง ๆ พร้อมทั้งเมตตาบารมีและที่น่าแปลกใจท่านรู้วาระจิตในสิ่งที่ผ่านมาว่าก่อนที่จะมาพบท่านเราได้กระทำสิ่งใดและท่านไม่ได้บอกตามตรงหรืออวดอ้างสิ่งใดเลยแต่ท่านได้ให้ปริศนาธรรมให้ทราบเป็นที่น่าอัจศจจรรย์ใจจริง

    ข้าพเจ้าเป็นครูอยู่วิทยาลัยการอาชีพลอง ได้ไปอบรมที่จังหวัดเชียงรายและได้ตั้งสัจบารมีว่าถ้ามีบุญขอให้ได้พบพระโพธิสัตว์ครูบาเจ้าและแล้วข้าพเจ้ากับเพื่อนก็ได้เดินทางโดยรถโดยสารประจำทางเหมือนนักท่องเที่ยวไม่เคยรู้จักแม้แต่จังหวัดเชียงรายเป็นครั้งที่แรกที่มาเชียงแสนและได้สอบถามมาตลอดทางเพื่อขอชมบารมีและแล้วก็มาจอดรอรถเพื่อเข้าสำนักปฎิบัติธรรมและได้แวะซื้อดอกบัวพวงมาลัยสังฆทานที่เป็นบาตร ผ้าไตร 1 ชุด และก็โบกรถ สามล้อเครื่องลุงคนหนึ่งไปยังสำนักท่าน ครูบาและแล้วก็ไม่พบท่านและได้เข้าไปพบคนในสำนักฯบอกว่าครูบา พึ่งออกไปเมื่อก่อนหน้านี้ 10 นาที จึงได้แต่ทำใจและปรึกษากันจะเอาอย่างไรดีจึงได้ตกลงว่าถ้าไม่พบพรุ่งนี้เราจะมาใหม่และแล้วรอนาน จน 3 ชั่วโมงข้าพเจ้ากับเพื่อนซึ่งนับถือหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า จึงได้สวดพระคาถาจักรพรรดิ์และขอให้เทวดาเทพพรหมได้โปรดเมตตาไปบอกกล่าวท่านครูบา ถ้าข้าพเจ้ามีบุญบารมีก็ขอให้ได้พบ และก็ สัพเพพุทธา จากนั้นไม่นานฝนตกมาอย่างหนักทั้งลมและฝน และก็หยุด นานประมาณ 1 ชั่วโมง ข่าวจากลูกศิษย์ ครูบา บอกว่าครูบากำลังจะกลับ สร้างความดีใจจนขนลุกข้าพเจ้าเกิดความปิติบอกไม่ถูกและแล้วเทวดาก็ป็นใจให้ข้าพเจ้าได้พบท่านพ่อครูบาพร้อมกับเพื่อน และพบคร้งแรกข้าพเจ้ากม้กราบท่านมองหน้าบอกว่าเราไม่เคยพบกันแต่เราพบในในความฝันทั้ง 2 คน สร้างความงงเพราะพ่อครูบารู้ได้อย่างไร ข้าพเจ้าฝันจริง ๆ และท่านเมตตาบอกว่าให้นอนค้างที่นี่และตอนเช้าเราคอยคุยกันบังเอิญตรงกับที่ข้าพเจ้ากับเพื่อนคุยกันว่าถ้าท่านชวนนอนที่นี่เราจะนอนท่านยื่น นม ขนมให้ด้วยความเมตตาสั่งลูกศิษย์เตรียมอาหารเย็น ที่นอนให้ โดยการพบกันในฝันหรือครั้งแรกที่พบกันท่านไม่รังเกียจเลย และแล้วสิ่งอรรศจรรย์ก็เกิดขึ้นตอนถวายผ้าไตร และสังฆทานฝนได้กระหนำอย่างหนักเหมือนฟ้ากำลังรั้วจนทุกคนต้องหันไปมองว่าฝนตกลงมาข้างหน้าต่างที่ข้าพเจ้าและเพื่อนนั่งถวายสังฆทานท่านบอกว่าเทพพรหมมาเยอะและพญานาคก็มาและท่านก็ไม่พูดอะไรท่านได้มอบกาน้ำสำหรับกรวดน้ำและกระเป๋าผูกข้อมือให้ เป่า กระหม่อมให้และท่านหยิบแบงค์ร้อยบาท ใหม่มาจากย่ามท่านเขียนยันต์ให้ท่านบอกว่า กระเป๋าใส่ตังค์ไม่ควรใส่กางกางควรใส่กระเป่าเสื้อเพราะมีพระบรมฉายลักษณ์อยู่ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ปฏิบัติมาถึงปัจจุบัน และที่อัศจรรย์คือท่านได้เอาเงินแบงค์ 1,000 บาท มายื่นให้ข้าพเจ้า เงินแบงค์ 500 บาทให้เพื่อนข้าพเจ้างงว่าทำไมท่านยื่นให้ท่านบอกว่ารู้ไหมข้าพเจ้างงอยู่นานก็นึกได้คือก่อนมาข้าพเจ้าเอาเงิน 1000 บาท ซื้อสังฆทาน เพื่อนเอาแบงค์ 500 ให้ จากนั้นเราก็เอาคืนท่านบอกเราไม่เอาเราอยากทำบุญกับท่านท่านก็ไม่เอาท่านหยิบแบง๕ 20 บาทใหม่ มาให้อีก และแล้วก็กลับไปนออนปรึกษาว่าพรุ่งนี้เราจะคืนให้ท่านและเราจะให้อีก 100 เป็น 1600 บาทแต่แล้วท่านไม่เอาท่านได้เอาแต่แบงค์ 100 ใบเดียวและได้ให้พระ ลูกประคำและเกศาหลวงปู่ใหญ่ด้วยความเมตตา มีอีกหลายเรื่องข้าพเจ้าไม่อาจเขียนบรรยายได้หมด

    ท่านคือพ่อครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสังวโร
    ท่านอยู่จังหวัดเชียงแสน ตอนนี้ท่านจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำพระโพธิสัตว์ อำเภองาวจังหวัดลำปาง ใครอยากชมบารมีตอนท่านออกพรรษาควรหาโอกาสไปกราบโดยสนิทใจไม่ต้องลังเลสงสัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...