"พระเสตังคมณี" 711 ปี คู่ อาณาจักรล้านนา

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 12 เมษายน 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,896
    [FONT=Tahoma,]
    <table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#f8b8cb"><td>[​IMG]
    (บน) พระแก้วขาวองค์จริง

    (ล่าง) เจดีย์ช้างล้อมที่สร้างคร่อมทับที่ประทับของพระเจ้ามังรายมหาราช

    </td></tr></tbody></table>12 เมษายน 2550 จังหวัดเชียงใหม่ จะมีอายุครบ 711 ปี นับจากพระเจ้ามังรายมหาราช ผู้สถาปนาอาณาจักรล้านนา ทรงดำริสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้น ในปีพุทธศักราช 1839

    *โดยให้ชื่อว่า..นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่*

    โดยในระหว่างการสร้างบ้านสร้างเมืองนั้น *พระเจ้ามังรายมหาราช* โปรดให้สร้างที่ประทับชั่วคราวที่ตำบลเชียงมั่น ซึ่งต่อมาได้สร้างพระเจดีย์รูปทรงสถาปัตยกรรมล้านนาฐานช้างล้อมคร่อมทับตำแหน่งหอนอน

    พร้อมทั้งสร้าง.."วัดเชียงมั่น" วัดแรกของนครเชียงใหม่ขึ้นถวายแก่พระรัตนตรัย

    ในครั้งนั้นพระเจ้ามังรายมหาราชทรงอัญเชิญ "พระเสตังคมณี" หรือ พระแก้วขาว พระพุทธรูปประจำพระองค์มาประดิษฐานไว้ที่วัดเชียงมั่น

    ซึ่งชาวล้านนาต่างเคารพและศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเชื่อว่าสามารถคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายจากไฟ

    *พระแก้วขาว* เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างจากแก้วผลึก (ศิลา) สีขาว หน้าตักกว้าง 4 นิ้ว สูง 6 นิ้ว ลักษณะประติมากรรมจากช่างฝีมือสกุลละโว้ (ลพบุรี) ประทับนั่งบนฐานไม้หุ้มแผ่นทองคำสลักลวดลาย ซึ่งใต้ฐานมีแผ่นทองคำจารึกอักษรล้านนา พร้อมฉัตรทองคำแท้ประดับเพชรพลอย

    *พระครูสันติธรรมวัฒน์* เจ้าอาวาสวัดเชียงมั่น เล่าว่า ตำนานเก่าแก่ระบุว่าพระแก้วขาวสร้างขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว 700 ปี ในวันเพ็ญเดือน 7 หรือราว 1,800 ปี โดยพระสุเทวฤาษีได้นำดอกจำปา 5 ดอก ขึ้นไปบูชาพระจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และได้พบปะสนทนากับพระอินทร์ ว่า ในเดือนวิสาขะเพ็ญที่เมืองละโว้จะมีการสร้างพระพุทธปฏิมากรด้วยแก้วขาว

    "เจ้าเมืองละโว้กับพระกัสสปเถระเจ้ากำลังจะสร้างพระแก้วจริงๆ ด้วยมีพระอรหันต์ไปได้แก้วขาวบริสุทธิ์บุษยรัตน์มาจากจันทเทวบุตร และขอให้พระวิษณุกรรมเนรมิตองค์พระพุทธปฏิมากร มีการบรรจุพระบรมธาตุ 4 องค์ ไว้ในพระเมาลี (กระหม่อม) พระนลาฏ (หน้าผาก) พระอุระ (หน้าอก) และพระโอษฐ์ (ปาก)
    <table align="right" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#f8b8cb"><td>[​IMG]
    ขบวนแห่อัญเชิญพระแก้วขาวจำลอง

    </td></tr></tbody></table>

    ต่อมาพระนางจามเทวี พระราชธิดาเจ้าเมืองละโว้ อัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองหริภุญไชย (ลำพูน) ในคราวเสด็จขึ้นครองเมือง จนกระทั่งปีพุทธศักราช 1835 พระเจ้ามังรายมหาราชยกทัพเข้าตีเมืองลำพูน ระดมพลธนูเพลิงเกิดไฟไหม้เมืองเสียหาย

    *ยกเว้น..หอพระ ซึ่งพระแก้วขาวประดิษฐาน พระเจ้ามังรายมหาราชจึงอัญเชิญสู่นครเชียงใหม่นับแต่นั้นมา*

    *พระแก้วขาว หรือ พระเสตังคมณี ถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองนครเชียงใหม่โดยแท้*

    แม้ต่อมาจะถูกโจรกรรมและตกไปอยู่กับอาณาจักรล้านช้าง 225 ปี แต่ที่สุดพระแก้วขาวก็ถูกอัญเชิญกลับมาประดิษฐาน ณ วัดเชียงมั่น จนกระทั่งปัจจุบัน

    โดยปกติชาวเชียงใหม่และพุทธศาสนิกชนจะได้มีโอกาสเคารพและสักการะพระแก้วขาวได้ที่ภายในพระวิหารจตุรมุข ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัดเชียงมั่น แต่ก็ต้องมองผ่านลูกกรงเหล็กที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันความปลอดภัย

    และจะได้เห็นองค์จริงชัดเจนวันที่ 12 เมษายนของทุกปี ในขบวนแห่พระพุทธรูปสำคัญเพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำพระเนื่องในวันมหาสงกรานต์..

    แต่ด้วยจิตอันเป็นกุศล เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าอาวาสวัดเชียงมั่น อนุญาตเป็นกรณีพิเศษอัญเชิญ พระแก้วขาว ออกมาให้กราบสักการะ..

    "..เสตังคมณีพุทธะพิมพัง มหาเตชัง มหิทธิกัง โย เว พุทธัง นะมัสสันโต สัคคะติง โส คะมิสสะติ เตเนตัง พุทธพิมพัญจะ อะหัง วัทามิ สัพพะทา.."

    ด้วยชมรมอาสาชาวพุทธร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ พร้อมใจกันจัดสร้างองค์จำลองพระแก้วขาวขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2550

    *ยุวดี บุญครอง* ประธานชมรมอาสาสมัครชาวพุทธ บอกว่า เป็นความโชคดีมากที่เจ้าอาวาสวัดเชียงมั่นไว้วางใจให้ตนได้ทำบุญครั้งใหญ่ แม้จะไม่ใช่ชาวเชียงใหม่หรือคนล้านนา แต่ด้วยศรัทธาอันแรงกล้าและความปรารถนาให้ชาวไทยได้มีโอกาสร่วมบูรณะพระวิหารจตุรมุข และจัดสร้างภูมิทัศน์ภายในวัดเชียงมั่นให้มีความสวยงามสมกับการเป็นวัดแรกของนครเชียงใหม่

    "ลำบากมากกว่าจะสามารถดำเนินการได้ เพราะหาคนออกแบบจำลองไม่ได้เหมือนองค์จริง จึงไปตั้งจิตอธิษฐานขอกับพระนางเจ้าจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย ขอให้ดลใจช่างที่มีฝีมือได้มีโอกาสมาร่วมงานที่ทรงคุณค่า เพียง 7 วัน ก็ได้พบและได้แบบที่งามสมบูรณ์ที่สุด ล่าสุด มีนักธุรกิจในกรุงเทพมหานครติดต่อจองไว้แล้ว 2 องค์ เพราะศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของพระแก้วขาว"

    *ไพฑรูย์ เจริญสุข* นายช่างกรมศิลปากร ระบุว่า ค่อนข้างมีปัญหามากเกี่ยวกับวัสดุที่จะนำมาแกะสลัก เพราะหินอ่อนที่นำมาจากพม่ามีขนาดไม่ใหญ่พอ เนื้อมีผลึกที่กร่อนง่ายต่อการแตกหัก แต่เราต้องนำมาทำเป็นหุ่นตามต้นแบบ หากจะบอกว่าเหมือนองค์จริงเลยคงไม่ใช่ เพียงแต่จะมีความละม้ายคล้ายองค์จริงมากกว่า

    "ที่ทำได้คือ จำลองความงามออกมาให้ได้มากที่สุดเท่านั้น ถือเป็นคุณค่าทางศิลปกรรม เป็นพุทธศิลป์ คือองค์พระแก้วผลึกไม่ต่างไปจากอัญมณี หรือวัตถุธาตุที่เกิดจากธรรมชาติสร้าง ดังนั้น คุณลักษณะของแต่ละองค์จะต่างกัน เพราะลวดลายหรือผลึกไม่เหมือนกัน"

    ไพฑูรย์บอกอีกว่า ทุกองค์แกะด้วยมือทั้งหมด ทำตามขั้นตอนครบถ้วนคือ เริ่มทำหุ่น แกะลายละเอียดจนใสเป็นองค์พระ ใช้เวลาต่อองค์ 3-4 สัปดาห์ โดยทีมงานจากกรมศิลปากรจะแบ่งออกเป็น 3 ชุด ทำครั้งละ 50 องค์

    *บุญเลิศ บูรณุปกรณ์* นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนชาวเชียงใหม่ขอเริ่มบูชาพระแก้วขาวเป็นคนแรก และอยากเชิญชวนประชาชนให้มีส่วนร่วมในการสร้างบุญกุศลครั้งใหญ่กับพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวล้านนา

    "แม้จะเป็นองค์จำลอง แต่เมื่อผ่านพิธีพุทธาภิเษกโดยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ก็จะยิ่งทรงคุณค่าสูงมาก เพราะตามตำนานระบุว่าเป็นพระพุทธรูปป้องกันไฟ ให้คุณทางการประกอบธุรกิจ อำนวยความสุขและเป็นสิริมงคลแก่ผู้เคารพสักการะเทียบเท่าพระแก้วมรกต พระพุทธสิหิงค์ และพระศิลา"

    ประวัติและความเป็นมาของพระแก้วขาว อาจเป็นตำนานที่เล่าขานผ่านกาลเวลาที่เนิ่นนานกว่า 1,800 ปี องค์จริงอาจชำรุดทรุดโทรมลงไปบ้าง เพราะน้ำผสมเครื่องหอมและน้ำส้มป่อย ที่ประชาชนใช้สรงน้ำพระในวันสงกรานต์เป็นประจำทุกปี ได้ทำให้เนื้อไม้บริเวณฐานพระเสื่อมสภาพ แม้จะมีการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์แล้วก็ตาม

    แต่การจำลองพระแก้วขาวเพื่อให้ประชาชนได้นำไปสักการะบูชาอย่างใกล้ชิด ก็น่าจะเป็นสิ่งดีงามทางด้านจิตใจในแง่วัตถุมงคล

    *พระแก้วขาวเท่ากับเป็นองค์ตัวแทน หรือสัญลักษณ์เพื่อการดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา..ให้คงอยู่สืบไป*

    [/FONT] จินตนา กิจมี

    http://www.matichon.co.th


     

แชร์หน้านี้

Loading...