พระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 17 มีนาคม 2011.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    พระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น



    เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด

    เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๘

    สมัยพุทธกาลพระท่านชอบเที่ยวอยู่ตามป่าหาความสงัดอยู่ตลอดเวลาเมื่อได้รับพระโอวาทจากพระพุทธเจ้าแล้วต่างท่านก็เสาะแสวงหาที่วิเวกสงัดอันเป็นที่เหมาะสมแก่การประกอบความเพียรโดยความสะดวกกิริยาความเคลื่อนไหวภายในภายนอกของท่านเป็นที่น่าเลื่อมใสยิ่งทุกอาการเป็นผู้มุ่งหน้าต่อการอบรมศึกษาเพื่ออรรถเพื่อธรรมแม้จะคิดทางใจก็คิดเพื่อถอดถอนกิเลสอาสวะจะพูดออกมาทางวาจาเกี่ยวกับการสนทนาปราศรัยซึ่งกันและกัน ก็มีสัลเลขธรรมเป็นเส้นบรรทัดเพื่อดัดกายวาจาใจให้เป็นไปตามแนวแห่งสัลเลขธรรมนั้นคำว่าสัลเลขธรรมแปลว่าธรรมเป็นเครื่องซักฟอกกายวาจาใจให้สะอาดผ่องใสเป็นลำดับรวมแล้วมีอยู่๑๐ข้อด้วยกันคือ


    อัปปิจฉตาความเป็นผู้มักน้อยในปัจจัยเครื่องอาศัยของพระเช่นเดียวกับนกที่มีเพียงปีกกับหางของมันเท่านั้นจะบินไปมาทางไหนก็สะดวกฉะนั้นนักบวชผู้มีอัปปิจฉตาธรรมภายในใจแม้สิ่งอาศัยจะมีมากก็ยินดีเพียงเล็กน้อยพอดีกับอัธยาศัยและเพศสมณะซึ่งเป็นเพศที่ไม่พะรุงพะรังด้วยการแบกหามและหอบหิ้วทั้งไม่เป็นการห่วงหน้าห่วงหลังในการไปการมาและการเก็บรักษาสมกับเป็นเพศที่อาศัยชาวโลกเป็นอยู่โดยความเป็นผู้เลี้ยงง่ายและเป็นผู้เบากายเบาใจทั้งตนและผู้บำรุง


    สันโดษเป็นธรรมขัดเกลากิเลสรองลำดับกันลงมาคือความยินดีตามมีตามเกิดแห่งปัจจัยสี่คือยินดีเท่าที่เกิดมีและเหมาะสมกับฐานะและเพศของสมณะจะบริโภคใช้สอยไม่ก่อความกังวลใส่ตนเองและผู้ให้ความสนับสนุนให้มากไปจนเกิดความหนักใจแก่ผู้อุปถัมภ์ดูแล


    อสังสัคคณิกาเป็นผู้ไม่ชอบคลุกคลีมีนิสัยชอบอยู่โดยลำพังตามกาลอันควรไม่ชอบมั่วสุมกับหมู่ชนทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตโดยไม่เลือกกาลชอบปลีกตนอยู่คนเดียวเป็นปกตินิสัยทั้งกลางวันกลางคืนเป็นผู้เดียวในอิริยาบถทั้งสี่คือยืนเดินนั่งนอนไม่ชอบคลุกคลีทั้งทางกายและพยายามไม่ให้คลุกคลีกับอารมณ์ทั้งทางใจชอบฝึกตนให้อยู่โดดเดี่ยวและกล้าหาญต่อความเพียร


    ปวิเวกกตาชอบแสวงหาความสงัดวิเวกอยู่ตลอดเวลาแสวงหาที่หลบซ่อนเพื่อความเพียรในสถานที่ไม่พลุกพล่านด้วยฝูงชนเช่นร่มไม้ชายเขาในป่าในถ้ำเป็นต้นบำเพ็ญตนอยู่ในที่เช่นนั้นเพื่อความสงัดทางใจอันเป็นจุดสำคัญของธรรมทุกประเภทสถิตอยู่มีความสนใจอย่างแรงกล้าในสมาธิคือความเยือกเย็นและมั่นคงภายในใจมีความระมัดระวังไม่ให้คลุกเคล้ากับอารมณ์ที่เคยเป็นข้าศึกต่อตน


    วิริยารัมภาปรารภความเพียรไม่ขาดวรรคขาดตอนมีความเพียรเป็นเพื่อนสอง จะก้าวไปและถอยกลับเหลือบซ้ายมองขวามีสติคอยระวังใจอยู่ตลอดเวลาไม่ให้มีทางรั่วไหลเข้ามาแห่งกิเลสเครื่องโสมมต่างการเห็นการได้ยินและการรับสัมผัสจากสิ่งต่างๆมีสติปัญญาคอยกลั่นกรองอยู่เสมอมีใจมุ่งหวังต่อธรรมอย่างแรงกล้าทั้งด้านศีลสมาธิปัญญาวิมุตติและวิมุตติญาณทัสสนะอันเป็นธรรมสุดสิ้นแห่งกิเลสอาสวะและกองทุกข์ทั้งมวลเช่นเดียวกับน้ำไหลลงสู่ช่องเดียวย่อมมีกำลังแรงฉะนั้น


    เมื่อมีข้อข้องใจเกิดขึ้นในด้านปฏิบัติ ก็เข้าเฝ้าและทูลถามสมเด็จพระผู้มีพระภาคให้ทรงเมตตาสั่งสอนพอได้รับความแจ่มแจ้งจากพระโอวาทแล้วก็ทูลลาเข้าหาที่สงัดวิเวกตามเดิมประกอบความพากเพียรติดต่อสืบเนื่องกันเป็นลำดับโดยไม่กำหนดว่ากลางวันกลางคืนยืนเดินนั่งนอนเว้นแต่หลับเท่านั้นเป็นผู้มีสติกับจิตติดต่อกับความเพียรตลอดสายไม่ขาดวรรคขาดตอนถ้ามีข้อข้องใจเกิดขึ้นจากการภาวนา ก็เข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้าทุกครั้งที่สงสัยขอให้โปรดธรรมานุเคราะห์และได้รับความเข้าใจเป็นลำดับศีลก็เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์สมาธิก็นับวันก้าวขึ้นสู่ความสงบเยือกเย็นเป็นชั้น


    ปัญญาก็ทำการพิจารณาอยู่เสมอตามสถานที่และโอกาสอันควรมีความฉลาดรอบรู้ในเรื่องของตัวที่แสดงอยู่ภายในใจตลอดเวลาพร้อมกับสิ่งแวดล้อมที่มาเกี่ยวข้องกับใจให้เป็นความรู้สึกชนิดใดชนิดหนึ่งขึ้นมาปัญญาจะวิพากษ์วิจารณ์ไปตามสภาพของสิ่งที่มาเกี่ยวข้องสัมผัสและสิ่งที่รับสัมผัสคือใจตลอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสนั้นว่าจะเป็นไปในทางดีหรือชั่วเป็นไปในทางถอดถอนหรือสั่งสมกิเลสขึ้นพอกพูนใจสติปัญญาตามสอดส่องมองดูโดยรอบคอบใจที่ได้รับการระวังรักษาอยู่รอบด้านย่อมมีความปลอดภัยจากอารมณ์เครื่องรังควานและนับวันเจริญก้าวหน้าขึ้นเป็นระยะไม่มีวันเสื่อมถอยจนมีปรีชาสามารถบรรลุมรรคผล นิพพานและปรากฏนามว่าสาวกอรหันต์อันเป็นสรณะที่สามของโลกขึ้นมาอย่างเปิดเผย


    ทั้งนี้โปรดสังเกตดูสถานที่อยู่และวิธีดำเนินของท่านที่เดินตามร่องรอยของพระศาสดาพาดำเนินมาสิ่งที่สำเร็จรูปขึ้นมาจึงเป็นความบริสุทธิ์เช่นเดียวกับองค์ศาสดาจิตที่ได้รับการบำรุงรักษาด้วยสติปัญญาศรัทธาความเพียรโดยถูกต้องย่อมจะเป็นไปเพื่อความเยือกเย็นแก่ตนเป็นลำดับและยังจะมีอุบายวิธีแก้ไขกิเลสบาปธรรมที่เคยเป็นข้าศึกแก่ใจออกได้เป็นตอนกิเลสค่อยหมดหนทางสั่งสมตนเองเข้ามาเป็นลำดับเพราะอำนาจของสติปัญญามีกำลังต้านทานพอ

    จนสามารถหยั่งทราบฐานที่เกิดที่อยู่ของกิเลสอาสวะโดยตลอดทั่วถึงพร้อมทั้งการถอดถอนให้สิ้นสุดลงได้โดยสิ้นเชิงไม่ว่าใจของสาวกและใจของท่านของเรามีทางเป็นไปได้ในทำนองเดียวกัน


    วันนี้ได้อธิบายเรื่องของพระพุทธเจ้าและสาวกซึ่งเป็นองค์แห่งสรณะอันประเสริฐของพวกเราโปรดน้อมเข้ามาพิจารณาว่าเหตุใดพระพุทธเจ้ากับสาวกท่านจึงมีความแปลกต่างจากพวกเราแปลกต่างเพราะเหตุใดทั้งนี้เพราะข้อปฏิบัติและความสนใจธรรมเป็นความสม่ำเสมอไม่เคยลำเอียงต่อผู้ใดตลอดมาจนบัดนี้เมื่อการปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักธรรมผลที่จะพึงได้รับก็เป็นความเสมอภาคไปตามเหตุเพราะเหตุกับผลในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าไม่เคยขัดแย้งกันฉะนั้นจึงมีนามว่ามัชฌิมา


    ครั้งพุทธกาลท่านดำเนินถูกต้องตามหลักมัชฌิมาผลที่ปรากฏจึงรู้สึกว่าเป็นที่เจริญใจทั้งท่านผู้ได้รับผลทั้งพวกเราผู้ได้ยินได้ฟังตามประวัติของท่านตลอดมาจนถึงสมัยปัจจุบันท่านที่มีความสนใจต่อหลักธรรมน้อมนำเอาการดำเนินและวิธีดำเนินของท่านมาปฏิบัติย่อมเป็นเหมือนตามเสด็จท่านอย่างใกล้ชิดติดกับองค์ของศาสดาท่านถึงไหนเราก็พลอยถึงนั่นไปด้วยเพราะธรรมกับศาสดาเป็นอันเดียวกันไม่มีการแยกแยะไว้เลยตรงกับบทธรรมว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา


    สมัยปัจจุบันครูอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติดีจนปรากฏชื่อลือนามก็มี
    องค์คือพระอาจารย์เสาร์และพระอาจารย์มั่นแต่เวลานี้ท่านมรณภาพเสียแล้วพระอาจารย์ทั้งสององค์นี้ปรากฏว่าเป็นผู้เด็ดเดี่ยวอาจหาญในทางความเพียรมากจนปรากฏเป็นคติตัวอย่างแก่บรรดาศิษย์รุ่นหลังได้ถือเป็นปฏิปทาอันดีตลอดมาท่านพระอาจารย์ทั้งสองนี้ชอบแสวงหาที่สงัดวิเวกแต่เริ่มอุปสมบทตลอดมาจนถึงวาระสุดท้ายไม่เคยลดละผลความดีของท่านที่บำเพ็ญมาจึงแสดงออกให้โลกได้ทราบกิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรไปทุกหนทุกแห่งว่าท่านพระอาจารย์เสาร์และท่านพระอาจารย์มั่นเป็นพระสำคัญทั้งด้านปฏิบัติและความรู้ภายในใจคุณสมบัติทั้งนี้ฟุ้งขจรมาให้ประชาชนได้ยินทั่วถึงกันในสมัยปัจจุบัน


    เฉพาะองค์ของท่านพระอาจารย์มั่นตามที่ได้ไปศึกษาอบรมและอาศัยอยู่กับท่านตามกาลอันควรรู้สึกว่าปฏิปทาและความรู้ทางภายในของท่านเป็นที่น่าเลื่อมใสยิ่งนักสมกับท่านเป็นผู้ปรากฏชื่อลือนามในที่ทั่วไปในความรู้สึกที่ไปเกี่ยวข้องกับท่านว่าไม่มีอะไรจะสงสัยว่าท่านอาจจะยังตกค้างอยู่ในภพใดภพหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารเช่นเดียวกับสัตว์และสามัญชนทั่วไปเพราะปฏิปทาที่ท่านปฏิบัติมาและความรู้ที่เกิดจากปฏิปทานั้นท่านไม่เคยปิดบังบรรดาศิษย์ผู้ไปอบรมศึกษาในวงใกล้ชิดยังเมตตาเปิดเผยให้ฟังอย่างถึงใจไม่มีวันลบเลือนและจืดจางทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนใจบรรดาศิษย์ให้มีความอิ่มเอิบในผลที่ท่านได้รับและแสดงให้ฟังแล้วน้อมนำมาเป็นเครื่องเชิดชูใจเพื่อจะได้บำเพ็ญตามด้วยความขยันหมั่นเพียรเผื่อผลจะพึงได้รับจะเป็นอย่างท่านบ้างหรืออย่างน้อยก็เป็นคนประเภทศิษย์มีครู


    พระอาจารย์ทั้งสองนี้รู้สึกว่าท่านชอบในความสงัดวิเวกประจำนิสัยไม่ค่อยจะไปเกี่ยวข้องกับใครแม้กับพระท่านก็ไม่ทำความเกี่ยวข้องและสนใจเท่าไรนักคงจะคิดว่าการสั่งสอนก็เป็นภาระหนักและเป็นความกังวลผู้รับฟังจะปฏิบัติตามก็คงจะเป็นความลำบากไม่กล้าทำตามท่านได้แต่กิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรออกมาจากความดีเด่นของท่านในเวลานั้นเป็นเหตุให้ทั้งพระและประชาชนมีความสนใจใคร่ต่อการอบรมศึกษากับท่านอย่างใกล้ชิดจึงต่างก็ไปอบรมศึกษาและขออยู่อาศัยกับท่านประกอบกับท่านผู้มีธรรมขนาดนั้นแล้วก็ย่อมปราศจากความเมตตาไม่ได้จำต้องเมตตาสั่งสอนตามภูมิสติปัญญาความสามารถของผู้ไปศึกษาบำเพ็ญด้วย


    จากนั้นมาท่านพระอาจารย์เสาร์และท่านพระอาจารย์มั่น รู้สึกจะเป็นแหล่งใหญ่ของบรรดาศิษย์ทั้งพระและประชาชนในภาคอีสานและภาคอื่นที่เข้าไปขออาศัยและศึกษาอบรมกับท่านเพราะภูมิลำเนาเดิมของท่านพระอาจารย์ทั้งสองอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานีปรากฏว่าท่านพระอาจารย์ทั้งสองนี้มีลูกศิษย์มากมายทั้งนักบวชและประชาชนในภาคต่างๆเมื่อถึงมรณกาลของท่านก็ไม่ทิ้งลวดลายของนักปฏิบัติวาดภาพอันดีเด่นไว้แก่หูแก่ตาของบรรดาศิษย์ผู้เข้าใกล้ชิดในเวลานั้นอย่างเปิดเผยคือขณะจะมรณภาพก็เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยเป็นที่น่าเลื่อมใสยิ่งนัก


    ท่านพระอาจารย์เสาร์พอมรณกาลจวนตัวเข้ามาจริงท่านตั้งใจจะมรณภาพที่นครจำปาศักดิ์ซึ่งเวลานั้นเป็นของฝรั่งเศสแต่บรรดาลูกศิษย์ทั้งพระและประชาชนจำนวนมากต่างก็ขออาราธนานิมนต์ท่านให้กลับมามรณภาพที่ฝั่งไทยเราเมื่อคณะลูกศิษย์ที่มีจำนวนมากอาราธนาวิงวอนท่านทนไม่ไหวท่านจำต้องรับคำการทอดอาลัยในชีวิตซึ่งปลงใจจะปล่อยวางสังขารลงที่นครจำปาศักดิ์ก็ได้ถอดถอนล้มเลิกไปจำต้องปฏิบัติตามความเห็นและเจตนาหวังดีของคนหมู่มากยอมรับปากคำและเตรียมลงเรือข้ามฝั่งลำแม่น้ำโขงมาฝั่งไทยเราพอมาถึงท่าวัดศิริอำมาตย์จังหวัดอุบลราชธานีเขาก็อาราธนาท่านขึ้นบนแคร่แล้วหามท่านขึ้นไปสู่วัดนั้นพอก้าวขึ้นสู่วัดและปลงท่านลงที่ลานวัดเท่านั้นเขากราบเรียนท่านว่าบัดนี้มาถึงวัดศิริอำมาตย์ในเขตเมืองไทยเราแล้วท่านอาจารย์


    เวลานั้นท่านนอนหลับตาและพยายามพยุงธาตุขันธ์ของท่านมาตลอดทางท่านก็ลืมตาขึ้นแล้วถามว่าถึงสถานที่แล้วหรือ?” เขาก็กราบเรียนถวายท่านว่าถึงที่แล้วครับท่านก็พูดขึ้นมาว่าถ้าเช่นนั้นจงพยุงผมลุกขึ้นนั่งผมจะกราบพระพอเขาพยุงท่านลุกขึ้นนั่งแล้วท่านก็ก้มกราบพระสามครั้งพอจบครั้งที่สามแล้วเท่านั้นท่านก็สิ้นในขณะนั้นเองไม่อยู่เป็นเวลานานขณะที่ท่านจะสิ้นก็สิ้นด้วยความสงบเรียบร้อยและมีท่าทางอันองอาจกล้าหาญต่อมรณภัยมีลักษณะเหมือนม้าอาชาไนยไม่มีความหวั่นไหวต่อความตายซึ่งสัตว์โลกทั้งหลายกลัวกันยิ่งนักแต่ท่านที่ปฏิบัติจนรู้ถึงหลักความจริงแล้วย่อมถือเป็นคติธรรมดาว่ามาแล้วต้องไปเกิดแล้วต้องตายจะให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้เพราะสติปัญญาที่ฝึกหัดอบรมมาจากหลักธรรมทุกแขนงก็ฝึกหัดอบรมมาเพื่อรู้ตามหลักความจริงที่มีอยู่กับตัวก็เมื่อการไปการมาการเกิดการตายเป็นหลักความจริงประจำตัวแล้วต้องยอมรับหลักการด้วยปัญญาอันเป็นหลักความจริงฝ่ายพิสูจน์เช่นเดียวกัน


    เพราะฉะนั้นท่านที่เรียนและปฏิบัติรู้ถึงขั้นนั้นแล้วจึงไม่มีความหวั่นไหวต่อการไปการมาการเกิดการตายการสลายพลัดพรากจากสัตว์และสังขารทั้งของท่านและของผู้อื่นจึงสมนามว่าเรียนและปฏิบัติเพื่อสุคโตทั้งเป็นคติตัวอย่างอันดีแก่คนรุ่นหลังตลอดมาจนบัดนี้นี่เป็นประวัติของท่านพระอาจารย์เสาร์ที่วาดภาพอันดีและชัดเจนไว้แก่พวกเราเพื่อยึดเป็นคติเครื่องสอนตนต่อไปไม่อยากให้เป็นทำนองว่าเวลามามีความยิ้มแย้มแต่เวลาไปมีความเศร้าโศก


    ส่วนท่านพระอาจารย์มั่นในเวลาต่อมาตอนท่านเริ่มป่วยจำได้แต่เพียงว่าเดือนขึ้น๑๔ค่ำ.. ๒๔๙๒เป็นวันท่านเริ่มป่วยท่านเล่าให้ฟังตอนไปเที่ยวกลับมากราบนมัสการท่านท่านเริ่มป่วยคราวนี้ไม่เหมือนกับคราวใดซึ่งแต่ก่อนเวลาท่านป่วยถ้ามีผู้นำยาไปถวายท่านท่านก็ฉันให้บ้างมาคราวนี้ท่านห้ามการฉันยาโดยประการทั้งปวงแต่ขั้นเริ่มแรกป่วยโดยให้เหตุผลว่าการป่วยคราวนี้ไม่มีหวังได้รับประโยชน์อะไรจากยาเช่นเดียวกับต้นไม้ที่ตายยืนต้นอยู่เท่านั้นใครจะมารดน้ำพรวนดินทะนุบำรุงเต็มสติกำลังความสามารถต้นไม้นั้นจะไม่มีวันกลับมาผลิดอกออกผลใบและแสดงผลต่อไปอีกได้เลยเพียงสักว่ายังยืนต้นอยู่เท่านั้นไม่แน่ว่าจะล้มลงจมดินวันใด


    ธาตุขันธ์ที่แก่ชราภาพขนาดนี้แล้วย่อมมีลักษณะเช่นเดียวกันเพราะฉะนั้นหยูกยาจึงไม่เป็นผลอะไรกับโรคประเภทนี้ที่เขาเรียกว่าโรคคนแก่ท่านว่าแม้ท่านจะห้ามยามิให้นำมาเกี่ยวข้องกับท่านแต่ก็ทนต่อคนหมู่มากไม่ไหวคนนั้นก็จะให้ท่านฉันยานั้นคนนี้ก็จะให้ท่านฉันยานี้คนนั้นจะฉีดคนนั้นจะให้ฉันหนักเข้าท่านก็จำต้องปล่อยตามเรื่องมีคนมากราบเรียนถามเรื่องยาถูกกับโรคของท่านหรือไม่ท่านก็นิ่งไม่ตอบโดยประการทั้งปวงเมื่ออาการของท่านหนักจวนตัวเข้าจริงท่านก็บอกกับคณะลูกศิษย์ทั้งพระและญาติโยมว่าจะให้ผมตายในวัดป่าหนองผือนี้ไม่ได้เพราะผมน่ะตายเพียงคนเดียวแต่ว่าสัตว์ที่ตายตามเพราะผมเป็นเหตุจะมีจำนวนมากมายเพราะฉะนั้นขอให้นำผมออกจากที่นี้ไปจังหวัดสกลนครเพื่อให้อภัยแก่สัตว์ซึ่งมีจำนวนมากอย่าให้เขาพลอยทุกข์และตายไปด้วยเลยที่โน้นเขามีตลาดซึ่งมีการซื้อขายกันอยู่แล้วไม่มีทางเสียหายซึ่งเนื่องจากการตายของผม


    พอท่านพูดและให้เหตุผลอย่างนั้นทุกคนต้องยอมทำตามความเห็นของท่านจึงเตรียมแคร่ที่นอนมาถวายและอาราธนานิมนต์ท่านขึ้นนอนบนแคร่แล้วพร้อมกันหามท่านออกไปในวันรุ่งขึ้นพอมาถึงวัดป่าบ้านภู่อำเภอพรรณานิคมจังหวัดสกลนครแล้วก็พาท่านพักแรมคืนอยู่ที่นั้นหลายคืนท่านก็คอยเตือนเสมอว่าทำไมพาผมมาพักค้างคืนที่นี่ล่ะผมเคยบอกแล้วว่าจะไปจังหวัดสกลนครก็ที่นี่ไม่ใช่สกลนครท่านว่าเมื่อจวนตัวเข้าจริงในสามคืนสุดท้ายท่านไม่ค่อยจะพักนอนแต่คอยเตือนให้รีบพาท่านไปสกลนครเสมอเฉพาะคืนสุดท้ายไม่เพียงแต่ไม่หลับนอนเท่านั้นยังต้องบังคับว่าให้รีบพาผมไปสกลนครในคืนวันนี้จงได้อย่าขืนเอาผมไว้ที่นี่เป็นอันขาดท่านพูดย้ำแล้วย้ำเล่าอยู่ทำนองนั้นแม้ที่สุดท่านจะนั่งภาวนาท่านก็สั่งว่าให้หันหน้าผมไปทางจังหวัดสกลนคร


    ที่ท่านสั่งเช่นนั้นเข้าใจว่าเพื่อให้เป็นปัญหาอันสำคัญแก่คณะลูกศิษย์จะได้ขบคิดถึงคำพูดและอาการที่ท่านทำอย่างนั้นว่ามีความหมายแค่ไหนและอย่างไรบ้างพอตื่นเช้าจะเป็นเพราะเหตุไรก็สันนิษฐานยากเผอิญชาวจังหวัดสกลนครซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านพร้อมกันเอารถยนต์มารับท่านคันแล้วอาราธนานิมนต์ให้ท่านไปจังหวัดสกลนครท่านก็เมตตารับทันทีเพราะท่านเตรียมจะไปอยู่แล้วก่อนจะขึ้นรถยนต์หมอได้ไปฉีดยานอนหลับให้ท่านจากนั้นท่านก็นอนหลับไปตลอดทางจนถึงวัดสุทธาวาสจังหวัดสกลนครเวลา.๐๐. ท่านก็เริ่มตื่นพอตื่นจากหลับแล้วจากนั้นท่านก็เริ่มทำหน้าที่เตรียมลา ภาราหเวปญฺจกฺขนฺธา ขันธ์ห้าเป็นภาระหนักจะมรณภาพจนถึง.๒๓นาฬิกาก็เป็นวาระสุดท้าย


    ก่อนหน้านี้ประมาณสองชั่วโมงเศษท่านนอนท่าตะแคงข้างขวาแต่เห็นว่าท่านจะเหนื่อยมากเพราะนอนท่านี้มานานจึงพากันเอาหมอนที่หนุนอยู่หลังท่านถอยออกเลยกลายเป็นท่านอนหงายไปพอท่านทราบก็พยายามขยับตัวหมุนกลับจะนอนท่าตะแคงข้างขวาตามเดิมพระเถระผู้ใหญ่ซึ่งเป็นศิษย์ของท่านก็พยายามเอาหมอนหนุนหลังท่านเข้าไปอีกท่านเองก็พยายามขยับๆ เช่นเดียวกันเมื่อเห็นอาการของท่านอ่อนเพลียมากและหมดเรี่ยวแรงก็เลยหยุดไว้แค่นั้นดังนั้นการนอนของท่านจะว่านอนหงายก็ไม่ใช่จะว่านอนตะแคงข้างขวาก็ไม่เชิงเป็นอาการเพียงเอียงๆอยู่เท่านั้นทั้งเวลาของท่านก็จวนเข้ามาทุกทีบรรดาศิษย์ก็ไม่กล้าแตะต้องกายท่านอีกจึงปล่อยท่านไว้ตามสภาพคือท่านนอนท่าเอียงจนถึงเวลาซึ่งเป็นความสงบอยู่ตลอดเวลา


    ในวาระสุดท้ายนี้ต่างก็นั่งสังเกตลมหายใจของท่านแบบตาไม่กะพริบไปตามกันการนั่งของพระที่มีจำนวนมากในเวลานั้นต้องนั่งเป็นสองชั้นคือชั้นใกล้ชิดกับท่านและชั้นถัดกันออกมาชั้นในก็มีพระผู้ใหญ่มีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์เป็นต้นชั้นนอกก็เป็นพระที่มีพรรษาน้อยแล้วถัดกันออกไปก็เป็นพระนวกะและสามเณรบรรดาพระทั้งพระเถระและรองลำดับกันลงมาจนถึงสามเณรในขณะนั้นรู้สึกจะแสดงความหมดหวังและหมดกำลังใจไปตามกันแต่ไม่มีใครกล้าปริปากออกมานอกจากมีแต่อาการที่เต็มไปด้วยความหมดหวังและความเศร้าสลดเท่านั้นเพราะร่มโพธิ์ใหญ่มีใบหนาซึ่งเคยเป็นที่อาศัยและร่มเย็นอย่างยิ่งมาเป็นเวลานานกำลังถูกพายุจากมรณภัยคุกคามจะหักโค่นพินาศใหญ่ขณะนั้นอยู่แล้วการทำหน้าที่ของท่านก็กำลังเป็นไปแบบมองดูแล้วหลับตาไม่ลงทั้งท่านผู้อื่นและเรา


    ขณะที่ท่านจะสิ้นลมจริงรู้สึกว่าอาการทุกส่วนของท่านอยู่ในความสงบและละเอียดมากจนไม่มีใครจะสามารถทราบได้ว่าท่านสิ้นลมไปในขณะใดนาทีใดเนื่องจากลมหายใจของท่านละเอียดเข้าเป็นลำดับจนไม่ปรากฏว่าท่านสิ้นไปเมื่อไรเพราะไม่มีอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งแสดงอาการในวาระสุดท้ายพอให้ทราบได้ว่า ท่านสิ้นไปในวินาทีนั้นแม้จะพากันนั่งสังเกตอยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่มีใครรู้ขณะสุดท้ายของท่านท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ซึ่งเป็นประธานอยู่ในที่นั้นเห็นท่าไม่ได้การจึงพูดขึ้นว่านี่ไม่ใช่ท่านสิ้นไปแล้วหรือจากนั้นท่านก็ดูนาฬิกาเป็นเวลา.๒๓. จึงได้ยึดเอาเวลานั้นเป็นเวลามรณภาพของท่าน


    เรื่องที่พรรณนามาทั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่ง
    ในชีวิตนี้ก็ปรากฏมีครั้งเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นอาการความสงบเรียบร้อยของท่านผู้ปฏิบัติดีและทำการสั่งสอนบรรดาศิษย์จากความรู้จริงเห็นจริงของท่านมรณภาพให้ดูด้วยความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มหูเต็มตาแม้ก่อนหน้าที่ท่านจะมรณภาพมาเป็นเวลาปีก็เคยพูดล่วงหน้าไว้เสมอในที่ประชุมสงฆ์วันอุโบสถบ้างวันประชุมธรรมตามปกติบ้างโดยให้อุบายสั่งสอนศิษย์ไม่ให้นิ่งนอนใจว่าใครจะตั้งใจปฏิบัติบำเพ็ญก็จงรีบเร่งอย่านอนใจเวลาที่ผมยังมีชีวิตอยู่ถ้าใครมีข้อข้องใจเกิดขึ้นจะได้ช่วยแก้ไขกันให้ทันท่วงทีผมจะมีชีวิตต่อไปอีกไม่นานอย่างไรก็ไม่เลย ๘๐ ปีนะทุกท่านจงทราบเสียว่าร่างกายนี้ไม่เคยเชื่อฟังและอยู่ใต้อำนาจของผู้ใดทั้งนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วต้องตายด้วยกันทุกราย


    เฉพาะร่างกายปัจจุบันนี้ก็ไม่น่ากลัวอะไรเพราะเรามองเห็นและรู้กันอย่างเต็มใจอยู่แล้วว่าร่างกายนี้เป็นร่างของมนุษย์ไม่เป็นอย่างอื่นในอัตภาพนี้และไม่ค่อยจะมีสิ่งเบียดเบียนและทำลายมากนักนอกจากโรคภัยและความชราความตายซึ่งเป็นของธรรมดาประจำขันธ์แต่กลัวภพหน้าชาติหน้านั่นซิไม่ทราบว่าจะมาท่าไหนเพราะจิตที่จะไปสวมร่างต่างนั้นเป็นจิตที่ยังมิได้รับความแน่นอนพอจะเชื่อตนเองได้จิตอาจจะไปสวมร่างเปรตร่างผีร่างสัตว์นรกหรือร่างสัตว์ดิรัจฉานอันมีประเภทต่างจนนับไม่ถ้วนเข้าก็ได้นั่นซิเป็นร่างที่น่ากลัวมากถ้าไม่รีบเร่งดัดแปลงให้ถูกร่องรอยเสียแต่บัดนี้ตายไปแล้วไม่มีโรงหรือสถานที่ดัดแปลงจิตใจและร่างกายให้เข้าถูกทางได้นะ


    จิตเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในคนๆหนึ่งพวกท่านเรียนปฏิบัติธรรมไม่เรียนและปฏิบัติต่อจิตจะหวังเอาความดีจากอะไรธรรมของพระพุทธเจ้าท่านสอนจิตทั้งนั้นถ้าจิตดีแล้วอาการอื่นซึ่งเป็นเครื่องใช้ของจิตก็ค่อยไปตามจิตไม่มีอาการใดจะมีอำนาจฝืนจิตไปได้การเกิดการตายก็คือการท่องเที่ยวของจิตทั้งนั้นถ้าพวกท่านไม่เข้าใจเรื่องจิตคือนักท่องเที่ยวจะจัดว่าเข้าใจธรรมได้อย่างไรนี่ท่านสอนพระในที่ประชุมท่านสอนอย่างนี้


    การกล่าวมาทั้งนี้
    จึงขออภัยจากท่านผู้ฟังผู้อ่านมากเพราะผู้แสดงไม่แน่ใจอาจจะเป็นการโอ้อวดครูอาจารย์ไปบ้างก็ได้ถ้าส่วนใดรู้สึกขัดข้องไม่สบายใจกรุณาผ่านไปหาเลือกเอาส่วนที่เห็นว่าจะเป็นคุณแก่ตนและผู้อื่นถ้าไม่นำเรื่องของท่านมาแสดงแก่ท่านผู้ฟังก็ไม่ทราบจะนำเรื่องอะไรมาแสดงเพราะเรื่องส่วนตัวไม่มีความดีพอจะนำมาแสดงให้เป็นมงคลแก่ท่านผู้ฟังผู้อ่านได้จึงรู้สึกจนใจอย่างจะเรียนอะไรไม่ถูกต่อจากนี้ก็ยังจะมีเรื่องของท่านพระอาจารย์ทั้งสองแทรกลงอีกเพราะยังไม่จบเรื่องในสำนวนที่แสดงกัณฑ์นี้


    เวลาท่านพระอาจารย์เสาร์และท่านพระอาจารย์มั่นมรณภาพแล้ว ก็ยังแสดงความแปลกประหลาดไว้ในอัฐิของท่านพระอาจารย์ทั้งสองอีกวาระหนึ่งคืออัฐิของท่านพระอาจารย์เสาร์ก็ดีของท่านพระอาจารย์มั่นก็ดีที่ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านไปแล้วยังเหลือเพียงชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อพระและประชาชนผู้เลื่อมใสในท่านได้รับแจกอัฐิของท่านนำไปเป็นที่เคารพบูชาและเก็บไว้ในสถานที่ต่างได้กลายเป็นพระธาตุขึ้นมาเช่นเดียวกับพระธาตุของพระอรหันต์ในครั้งโน้นคือแปรรูปจากอัฐิขึ้นมาเป็นเม็ดคล้ายกับเม็ดข้าวโพดทั้งขนาดและลักษณะเกลี้ยงเกลา คล้ายคลึงกับเม็ดข้าวโพดเป็นส่วนมากหากจะเล็กหรือโตกว่าก็ไม่มีจำนวนมากนักและยังมีการขยายตัวจากเม็ดเล็กขึ้นไปถึงขนาดเม็ดข้าวโพด


    ทั้งนี้เราจะทราบได้ตอนเก็บรักษาไว้นานจะเป็นเพราะเหตุใดก็สันนิษฐานยากอยู่เมื่อได้เห็นอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุเช่นนั้นก็ยิ่งแสดงเป็นสักขีพยานให้เห็นชัดในวาระสุดท้ายมากขึ้นจากการได้รับโอวาทของท่านมาอย่างถึงจิตถึงใจแล้วนับว่าได้เห็นความแปลกประหลาดและอัศจรรย์จากท่านพระอาจารย์มั่น ๓ กาลคือกาลที่ท่านยังมีชีวิตอยู่สั่งสอนธรรมเป็นของอัศจรรย์กาลมรณภาพของท่านเป็นของอัศจรรย์และวาระสุดท้ายได้เห็นอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุอย่างอัศจรรย์ทั้งสามกาล


    ปัญหาเรื่องอัฐิของท่านพระอาจารย์มั่นท่านพระอาจารย์เสาร์กลายเป็นพระธาตุรู้สึกจะกระจายไปแทบทุกหนทุกแห่งบางท่านก็เกิดข้องใจสงสัยมาถามก็มีว่าอัฐิของพระอรหันต์ก็ดีของสามัญชนก็ดีต่างก็เป็นอัฐิของธาตุดินในธาตุสี่เช่นเดียวกันเหตุใดอัฐิของสามัญชนจึงไม่กลายเป็นพระธาตุได้ส่วนอัฐิของพระอรหันต์เหตุใดจึงกลายเป็นพระธาตุได้ทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างก็ได้เรียนให้ท่านผู้ถามทราบเพียงย่อตามกำลังว่าเรื่องอัฐินี้ปัญหาส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับใจเป็นของสำคัญกว่าอัฐิคำว่าจิตแม้จะเป็นจิตเช่นเดียวกันก็ตามแต่จิตอำนาจและคุณสมบัติต่างกันคือจิตของพระอรหันต์เป็นอริยจิตเป็นจิตที่บริสุทธิ์จิตของสามัญชนเป็นสามัญจิต เป็นจิตที่มีกิเลสโสมมเมื่อจิตผู้เป็นเจ้าของเข้าครองอยู่ในร่างใดและจิตเป็นจิตประเภทใดร่างนั้นอาจจะกลายไปตามสภาพของจิตที่เป็นเจ้าเรือนพาให้เป็นไป


    เช่นจิตอรหันต์เป็นจิตที่บริสุทธิ์อาจจะมีอำนาจซักฟอกธาตุขันธ์ให้เป็นธาตุที่บริสุทธิ์ไปตามส่วนของตนฉะนั้นอัฐิของพระอรหันต์จึงกลายเป็นพระธาตุได้แต่อัฐิของสามัญชนแม้จะเป็นธาตุดินเช่นเดียวกันส่วนจิตผู้เป็นเจ้าของเต็มไปด้วยกิเลสไม่มีอำนาจซักฟอกธาตุขันธ์ให้เป็นของบริสุทธิ์ไปตามส่วนของตนได้อัฐิจะกลายเป็นธาตุที่บริสุทธิ์ได้อย่างไรก็ต้องเป็นสามัญธาตุไปตามจิตของคนมีกิเลสอยู่ดีหรือจะเรียกไปตามภูมิของจิตภูมิของธาตุว่าอริยจิตอริยธาตุและสามัญจิตสามัญธาตุก็คงจะได้เพราะคุณสมบัติของจิตของธาตุระหว่างพระอรหันต์กับสามัญชนต่างกันอัฐิจำต้องต่างกันอยู่โดยดี


    วันนี้ได้อธิบายประวัติของพระพุทธเจ้าและสาวกที่ท่านปฏิบัติและรู้ธรรมแบบอัศจรรย์กว่าการรู้ทั่วไปของสามัญชนตลอดครูอาจารย์ที่ท่านพยายามดำเนินตามแนวของพระพุทธเจ้าและสาวกที่ได้พาดำเนินมาจึงปรากฏเป็นที่เลื่องลือระบือไปทุกหนทุกแห่งมีกิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรไปทั่วทิศ ให้คนทั้งหลายได้เห็นได้ยินเป็นขวัญหูขวัญตาเป็นที่ซาบซึ้งถึงใจเกิดความเชื่อเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามีแก่ใจที่จะปฏิบัติตนให้เป็นไปตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าชื่อว่าท่านผู้ดีปรากฏขึ้นในโลกแม้จะเพียงจำนวนน้อยแต่ก็สามารถทำประโยชน์ให้แก่โลกได้มากมายและกว้างขวางเช่นพระพุทธเจ้าของเราเบื้องต้นก็เป็นพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียวเป็นคนศักดิ์สิทธิ์วิเศษเพียงพระองค์เดียวแต่ก็ทรงสามารถเสกสรรคนธรรมดา ให้กลายเป็นคนศักดิ์สิทธิ์วิเศษตามขึ้นมาเป็นลำดับนับจำนวนไม่น้อย


    นอกจากนั้นยังคงสั่งสอนประชาชนพลเมือง ให้กลายเป็นพลเมืองดีถึงพระไตรสรณาคมน์ได้อีกมากมายรู้จักบาปบุญคุณโทษมีสุคติเป็นที่หวังแม้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ก็สมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติยิ่งกว่านั้นก็เป็นสวรรค์สมบัติเมื่อบารมีสมบูรณ์เพราะอำนาจการบำเพ็ญไม่ลดละก็สามารถบรรลุถึงนิพพานสมบัติทั้งนี้เป็นผลไปจากการเสกสรรแห่งพระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น


    ดังนั้น
    โปรดทำความสนใจต่อธรรมอันเป็นเหมือนเรือใหญ่ขี่ข้ามมหาสมุทรทะเลหลวงจะเป็นคนมีสุคโตไปภพหน้าก็สมหวังย้อนกลับมาเกิดในภพหลังก็สบายใจตลอดเวลาโดยนัยแห่งธรรมที่แสดงมาก็สมควรแก่เวลาจึงขอยุติเพียงเท่านี้เอวํ

    คัดลอกจาก Luangta.Com - ��ǧ����Һ�� �ҳ���ѹ�
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2011
  2. จันทรเพ็ญ

    จันทรเพ็ญ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +2
    อ่านหัวข้อกระทู้แล้วเอ๊ะใจ เพราะหลวงปู่มั่นฯและหลวงปู่เสาร์ฯ ท่านมรณะภาพแล้ว หลวงตาฯ ท่านจึงสร้างวัดป่าบ้านตาด เข้าไปอ่านตาม Link จึงเข้าใจ เป็น หลวงตาฯ ท่านเทศน์เรื่องของหลวงปู่มั่นและหลวงปู่เสาร์ ที่วัดป่าบ้านตาด ขออภัยนะคะที่ทักท้วง :cool:
     
  3. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    แก้ไขให้แล้วครับ ขออภัยด้วย
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,049
    อนุโมทนาด้วยครับ..กับคำสอนดีๆ..ขอบคุณเจ้าของกระทู้ด้วยครับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...