พระอริยคุณาธาร(ปุสโส เส็ง)นาม"อริย"แต่ยังข้ามไม่พ้นฝั่งฝัน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 5 พฤษภาคม 2010.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,175
    พระอริยคุณาธาร(ปุสโส เส็ง)นาม"อริย"แต่ยังข้ามไม่พ้นฝั่งฝัน

    25 เมษายน 2553 เวลา 13:10 น.

    <!-- end articleDetailPanel --><SCRIPT type=text/javascript> var TWEETMEME_URL = 'http://www.posttoday.com/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%83%E0%B8%88/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0/24356/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%AA-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%87%E0%B8%87-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99'; tweetmeme_url = window.location; tweetmeme_service = 'digg.com'; tweetmeme_source = ""; </SCRIPT><SCRIPT src="http://tweetmeme.com/i/scripts/button.js" type=text/javascript></SCRIPT><IFRAME src="http://api.tweetmeme.com/button.js?url=http%3A//www.posttoday.com/%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0-%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%2588/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%259C%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0/24356/%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2593%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3-%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25AA-%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2587-%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1-%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A2-%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%259D%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%259D%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599&style=normal&service=digg.com" frameBorder=0 width=50 scrolling=no height=61></IFRAME>
    <!-- end tweetmeme_button --><SCRIPT>var fbShare = {url: 'http://bit.ly/axk2Gy' }</SCRIPT><SCRIPT src="http://widgets.fbshare.me/files/fbshare.js"></SCRIPT><IFRAME src="http://widgets.fbshare.me/files/fbshare.php?size=large&url=http://bit.ly/axk2Gy&title=พระอริยคุณาธาร(ปุสโส เส็ง)นาม" frameBorder=0 width=53 scrolling=no height=69 allowTransparency อริย?แต่ยังข้ามไม่พ้นฝั่งฝัน?></IFRAME>
    <!-- end facebook-share -->
    <!-- end main-sns --><!--end articleDetailPanel-->ชาตินี้ศิษย์กับอาจารย์ต้องจากกันที่ทางแยก แต่สักวันหนึ่งด้วยบุญกุศลที่สั่งสมมาในอดีตชาติก็คงมีสักวันที่ท่านจะบรรลุซึ่งฝั่งฝัน
    โดย...ภัทระ คำพิทักษ์
    15 ปีผ่านมา พระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง) จึงพิสูจน์ได้ว่าพระอาจารย์สีทัตถ์กลับชาติมาเกิดเป็น ด.ช.ถวัลย์ หรือ ด.ช.บุญติด จริง ท่านจึงเอ่ยปากขอเด็กจากคุณนายสายบัวมาอุปการะตามที่เคยรับปากพระอาจารย์สีทัตถ์เอาไว้ โดยมีรายละเอียดซึ่งท่านบันทึกเอาไว้เองดังนี้
    ข้าพเจ้าจึงพูดกับคุณนายสายบัวว่า “จะขอรับเอาไปเป็นบุตรบุญธรรม แต่ยังเล็กอยู่ เกรงเด็กจะลำบาก ขอให้คุณนายเลี้ยงไปก่อนจนกว่าจะมีวัยอันสมควร”
    พ.ศ. 2496 ออกพรรษาแล้วข้าพเจ้าไปบ้านสงเปลือยอีกครั้งหนึ่ง พักอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน คุณนายสายบัวก็พาเด็กชายคนนี้มาต้อนรับ
    ข้าพเจ้าอยากจะพิสูจน์ให้แน่อีกครั้งหนึ่งว่า จะเป็นพระอาจารย์สีทัตถ์แน่หรือไม่ จึงถามว่าเมื่อก่อนนั้นตัวชื่อสีทัตถ์หรือไม่?
    เขาตอบทันทีว่า “ใช่”
    แล้วข้าพเจ้าก็ยุติไว้เพียงนั้น ไม่เล่าเรื่องอาจารย์สีทัตถ์ให้เขาได้ยิน เพราะเพื่อจะสังเกตความเป็นไปต่อไป
    [​IMG]
    เมื่อคุณนายสายบัวพากลับบ้านแล้ว คุณนายสายบัวกลับมาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เด็กนั้นเมื่อกลับถึงบ้านได้เล่าเรื่องราวครั้งเป็นอาจารย์สีทัตถ์ในชาติก่อนให้คุณนายสายบัวฟัง แต่ทว่าไม่ติดต่อกัน เล่าเฉพาะเรื่องสำคัญของชีวิตเป็นท่อน เป็นตอน พอรู้ได้ว่าเขาระลึกชาติได้
    กลางปี พ.ศ. 2497 คุณนายสายบัวนำเด็กชายถวัลย์มาให้ข้าพเจ้าที่วัดป่าเขาสวนกวาง ข้าพเจ้าเอารูปถ่ายของพระอาจารย์สีทัตถ์ให้ดู แล้วถามเด็กว่า นี่รูปของใคร? เด็กตอบว่ารูปของเขาในตอนปลาย
    (ตั้งแต่พระอาจารย์สีทัตถ์มรณภาพ จนถึงเด็กชายคนนี้เกิดประมาณ 10 ปีกว่าๆ เมื่อตอนท่านทำนายนั้น พระอาจารย์สีทัตถ์อายุ 71 ปี)
    ต่อมาข้าพเจ้ามีธุระไปที่อุดรธานี พาเด็กชายคนนั้นไปด้วย
    วันหนึ่งข้าพเจ้าไปเยี่ยมพระยาอุดรธานีศรีโขมสาครเขตร์ พอขึ้นไปบนบ้านเห็นเจ้าคุณอุดรฯ กำลังนั่งโต๊ะรับประทานอาหารเย็น เด็กชายคนนี้ก็ตรงรี่เข้าไปหา และทำท่าจะรับประทานอาหารร่วมด้วย เจ้าคุณอุดรฯ มีความเมตตาจึงจัดอาหารให้รับประทาน
    ข้าพเจ้ามานั่งรอคอยเจ้าคุณอุดรฯ อยู่ที่โต๊ะรับแขกใต้ซุ้มกล้วยไม้ เมื่อเด็กชายนั้นรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าถามว่าไม่กลัวท่านหรือ ท่านเป็นพระยา
    เขาตอบว่าไม่กลัว เพราะเคยรู้จักกับท่าน
    ข้าพเจ้าถามว่า รู้จักท่านที่ไหน?
    เขาตอบว่า รู้จักเมื่อครั้งก่ออุโมงค์คร่อมพระพุทธบาทที่ อ.บ้านผือ
    พอเจ้าคุณอุดรฯ มานั่งกับข้าพเจ้าเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าถามเจ้าคุณอุดรฯ ว่า เมื่อครั้งพระอาจารย์สีทัตถ์ก่ออุโมงค์คร่อมพระพุทธบาทที่บ้านผือนั้น ท่านเจ้าคุณเคยไปและเคยรู้จักสนิทกันกับพระอาจารย์สีทัตถ์หรือไม่?
    ท่านเจ้าคุณอุดรฯ ตอบว่าเคยไป และรู้จักกันสนิทสนมกันมาก
    ตั้งแต่ พ.ศ. 2497 จนถึงปัจจุบันนี้ เด็กคนนี้ได้มาอยู่กับข้าพเจ้าที่เขาสวนกวาง เมื่อคนต่างถิ่นมาเยี่ยม ถ้าคนนั้นเคยรู้จักกับพระอาจารย์สีทัตถ์ แม้เขาจะไม่รู้จัก ก็แสดงอาการสนิทสนมเหมือนกับคนที่เคยรู้จักกันมาช้านานแล้ว แต่ถ้าคนนั้นไม่เคยรู้จักพระอาจารย์ สีทัตถ์ แม้จะแนะนำให้เขารู้จัก เขาก็ไม่แสดงอาการสนิทสนม แสดงอาการอย่างคนธรรมดาที่เพิ่งรู้จักกัน
    เด็กคนนี้เมื่อมาอยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องการทดลองว่าเขาจะเคยบวชในชาติก่อนหรือไม่ จึงตัดสบงจีวรและย่ามเล็กๆ ให้ ทำทีบรรพชาให้เป็นสามเณร เขาแสดงอาการดีใจชื่นบานหรรษา ส่อว่ามีอุปนิสัยในการบวชมาแล้ว เมื่อบวชแล้วอดข้าวเย็นไม่ได้ ต้องสึกกินข้าวเย็นในวันนั้น (อายุ 5 ขวบ กับ 7 เดือน เกิดวันอังคาร แรม 5 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล วันที่ 7 ก.พ. ปี พ.ศ. 2493 เวลา 05.00 น. เศษ)
    จึงตั้งชื่อล้อเลียนเขาว่า “เซียงโมง” คนที่บวชเณรไม่ข้ามวันแล้วสึก ทางภาคอีสานเรียกผู้สึกจากเณรนั้นว่า “เซียง”
    เมื่อเหตุการณ์ตรงกับคำพยากรณ์ของพระอาจารย์สีทัตถ์ทุกประการดังที่เล่ามาตลอดถึงพฤติการณ์ของเด็ก ข้าพเจ้าจึงปลงใจ เชื่อว่าอาจารย์สีทัตถ์มาเกิดและระลึกชาติได้จริง
    ข้าพเจ้าจึงขอรับรองด้วยเกียรติยศและศีลธรรมว่า เป็นความจริงดังนี้กล่าวมามิได้เสกสรรปั้นแต่งขึ้น
    ขอส่งเรื่องนี้แก่ยุวพุทธิกะ เพื่อเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกลับชาติมาเกิดใหม่ของคน
    ท่านจบบันทึกเรื่องราวการกลับชาติมาเกิดของพระอาจารย์สีทัตถ์ไว้แต่เพียงเท่านั้น เรื่องราวจากนั้นคือ เซียงโมงอยู่กับท่าน 2 ปี หลังจากนั้นก็กลับไปอยู่กับคุณแม่สายบัว เติบใหญ่นาม ถวัลย์ อินทรกำแหง ตามสกุลคุณแม่สายบัว อินทรกำแหง พอเรียนจบมัธยมปีที่ 3 แล้ว ได้ไปรอทำงานอยู่ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก แต่ก็ไม่ได้งาน จึงกลับมาบวชเณรเมื่อปี 2512 ที่วัดจอมสี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี โดยมีท่านพระครูชิโนวาทธำรงค์เป็นอุปัชฌาย์ แล้วก็ไปอยู่วัดเขาสวนกวางกับท่านเจ้าคุณเส็ง พออายุครบอุปสมบทก็บวชเป็นพระภิกษุ โดยมีท่านพระครูอินทรโสภณเป็นอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า โชติธัมโม
    ท่านว่า เจ้าคุณเส็งได้สอนให้ปฏิบัติกรรมฐานและสอนให้เร่งความเพียรให้หนัก พร้อมกับบอกว่า “ให้เพียรทำสมาธิเรื่อยๆ แล้วของเก่าจะกลับมา” แต่อยู่มาไม่กี่พรรษาก็หมดบุญออกมามีครอบครัว สุดท้ายก็กลับไปบวชอีกครั้ง
    หลายสิบปีก่อนโน้น พระถวัลย์ โชติธัมโม จำพรรษาอยู่ที่วัดวงศ์สนิทเมตตาราม อ.เมือง จ.ระยอง ก่อนจะเงียบหายไป
    สำหรับเจ้าคุณเส็งนั้น ถ้าได้ศึกษางานเขียนเกี่ยวกับเรื่องการบำเพ็ญภาวนาแล้ว เป็นที่ยอมรับกันว่าท่านเป็นนักปฏิบัติช่ำชองในเรื่องทิพยอำนาจ มีญาณรู้เห็นอะไรแปลกๆ
    หลวงพ่อพุธหนึ่งในผู้มีอดีตชาติวาสนาร่วมมากับท่านได้เล่าไว้ว่า เมื่อท่านนำหลวงพ่อพุธแต่ครั้งเป็นเณรมาจาก อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร มาถึง จ.อุบลราชธานี เป็นเหตุให้ได้พบและฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล แล้วนั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2483 พระอาจารย์เสาร์ได้พาสามเณรพุธธุดงค์จากอุบลราชธานีเข้ามายัง กทม. ไปฝากตัวกับ ท่านเจ้าคุณปัญญาพิศาลเถระ (หนู) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม แล้วพำนักอยู่ ณ อารามแห่งนี้ จนอายุได้ครบบวชในปี พ.ศ. 2485 จึงได้รับการได้รับฉายาว่า “ฐานิโย”
    2 ปีถัดมา ปี 2487 เกิดสงครามเอเชียมหาบูรพา พระพุธจึงกลับอีสาน 2 ปีจากนั้นก็อาพาธรักษาตัวไม่หาย จนปี 2490 จึงได้กลับไปอยู่กับเจ้าคุณเส็งที่เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ณ ที่นี่เองที่เจ้าคุณเส็งได้เล็งเห็นด้วยญาณแล้วบอกกับศิษย์รูปนี้ว่า “คุณอย่าประมาท รีบเร่งปฏิบัติเข้าให้มันได้ภูมิจิตภูมิใจ อนาคตคุณจะไปนั่งเทศน์ในพระบรมมหาราชวัง”
    เจ้าคุณเส็งสอนอะไรหลายอย่างแก่ท่าน เช่น สอนมโนมยิทธิ ให้ไปนั่งดูนรก สวรรค์ ฯลฯ แต่หลวงพ่อพุธท่านว่า การปฏิบัติสมาธิ ปฏิบัติธรรมที่เป็นไปเพื่อพอกพูนกิเลส เป็นไปเพื่ออิทธิฤทธิ์นั้นเป็นมิจฉาสมาธิ ไม่ใช่สัมมา สมาธิตามหลักของพุทธศาสนา สัมมาสมาธินั้นจิตประชุมพร้อมลงสู่อริยมรรคแล้ว จิตจะดำเนินไปเพื่อความหมดกิเลสเท่านั้นไม่ได้พอกพูนกิเลส
    ทางแยกเช่นว่านี้ทำให้วิถีแห่งจิตและวิถีแห่งชีวิตของเจ้าคุณเส็งและหลวงพ่อพุธหรือเจ้าคุณชินวงศาจารย์ในกาลต่อมาแยกออกจากกัน
    ร่องรอยเช่นนั้นปรากฏมาตั้งแต่ปี 2490 แล้ว

    หลวงพ่อพุธ เล่าว่า วันหนึ่งในปีนั้น เจ้าคุณเส็งสั่งให้ท่านเอาของไปเซ่นศาลเจ้าปู่ผึ้ง เจ้าปู่ที่ว่านี้คือ ผีที่มาสิงคนที่นั่งสมาธิไปดูนรกสวรรค์แล้วบอกว่าอยากมาอยู่ใกล้ๆ เจ้าคุณเส็งเลยไปสร้างลูกศาลให้ ผีเจ้าปู่ก็สั่งว่าให้หลานผู้นี้คือ หลวงพ่อพุธเอาโอวัลติน ขนมปัง หมาก บุหรี่ไปส่งทุกวัน เจ้าคุณเส็งก็บัญชาให้ท่านทำตามนั้น เมื่อทำหลายวันเข้า หลวงพ่อพุธก็ว่า เอาไปวางไว้มดมันขึ้นเสียเปล่าๆ วันสุดท้ายท่านก็ว่า เห็นแต่มดมันกิน สู้เรากินมิได้กว่ารึ ว่าแล้วท่านจัดการเสียเรียบวุธ จากนั้นเก็บใบไม้ หญ้าแห้งเอาน้ำมันเบนซินมาราด แล้วจุดบุหรี่ไปวางไว้เหนือลม พอลมกระพือมา ไฟติดพรึ่บ ศาลวอดไม่เหลือ
    พอเจ้าคุณเส็งสั่งให้เอาเครื่องไว้ไปไหว้ศาลอีกในวันต่อมา หลวงพ่อพุธก็เรียนท่านว่า “หลวงปู่ท่านนิพพานไปแล้ว ผมฌาปนกิจ ถวายพระเพลิงท่านตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว”
    ข้างพระอาจารย์ฟังแล้วได้แต่อึ้ง พอฉันจังหันเสร็จก็เดินไป พอได้เห็นกับตาถึงกับอุทานว่า “เฮ้ย มึงไปเผาบ้านเจ้าปู่วอดวายหม๊ด”
    จุดเริ่มที่ทำให้ท่านทั้งสองมาพบกันคือ เส้นทางธรรม ผู้มาก่อนพร่ำสอนให้ผู้ตามหลังได้รู้จักธรรมะ ผู้อยู่หลังสำนึกในบุญคุณนี้ไม่รู้วาย
    หลวงพ่อพุธเองพูดอยู่บ่อยครั้งว่า “พระคุณของท่านเจ้าคุณพระอริยคุณาธารนี้ เลิศล้ำภายในจิตใจของอาตมาเสมอ เพราะท่านเป็นพระองค์แรกที่พาให้รู้จักทางธรรม ซึ่งเป็นทางที่สงบระงับ และเป็นทางเดินของจิตจริงๆ” (โลกทิพย์ ฉบับที่ 21 ปีที่ 2 เดือน พ.ย. 2526) แต่ก็น่าเศร้าที่เมื่อมาถึงทางแยกต่างก็ต้องจากกัน เพราะพลัดพรากกันในทางธรรม
    ผู้เป็นอาจารย์เจริญในธรรมมามากก็จริง เจริญในลาภได้เป็นถึงเจ้าคุณ มีสมณศักดิ์เป็นพระอริยคุณาธารก็จริง แต่สุดท้ายท่านก็ต้องสึกออกไป การสึกหาลาเพศของเจ้าคุณเส็งเป็นเรื่องใหญ่ราวแผ่นดินไหวในวงกัมมัฏฐาน เพราะเป็นพระผู้ใหญ่ของฝ่ายกัมมัฏฐาน |เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นซึ่งลือลั่นว่า สำเร็จมรรคผลนิพพาน
    สาเหตุที่ทำให้ท่านมาถึงทางแยกนี้อาจจะพิจารณาได้จากคำบอกเล่าของหลวงพ่อพุธถึงแนวทางการปฏิบัติของเจ้าคุณพระอาจารย์ว่า “จริตนิสัยท่านไปในทางทิพย์อำนาจ ท่านติดฤทธิ์เดช ติดนิมิต เอานิมิตมาเป็นเรื่องจริง จิตท่านแปลกมาก สามารถรับรู้อะไรๆ ที่คนอื่นไม่รู้ และท่านก็ชอบเล่าเรื่องอดีตชาติ เรื่องเทวบุตร เทวดา...”
    ผู้เป็นพระอาจารย์หลงขนาดไหน หลวงพ่อพุธได้เล่าไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า “ท่านไปติดในเรื่องการระลึกชาติ ท่านไปติดว่าท่านเป็นเจ้า ทีนี้ความรู้อดีตกับปัจจุบันมันตัดกันไม่ขาด มันก็เลยสัมพันธ์เป็นอันเดียวกัน ท่านบอกว่าแม่ของท่านทุกวันนี้ไม่ใช่แม่ เขามาฝากเลี้ยงไว้เฉยๆ เราก็สงสัย พอแม่ท่านมาก็ถาม “ท่านเจ้าคุณฯ ท่านว่าไม่ใช่แม่ใช่มั้ย เขาเอามาฝากเลี้ยงไว้” แม่ท่านก็บอกว่า “ออกมาจากท้องแม่นี่แหละ” หลวงพ่อไม่ไปอยู่ใกล้ๆ ท่าน เวลาท่านพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องอดีตที่เราไม่รู้ไม่เห็นด้วย ตอนนั้นอยู่วัดเขาสวนกวางพรรษาเดียว ที่ไม่อยากอยู่นั่นก็เพราะท่านชอบพูดเรื่องลึกลับที่ชาวบ้านไม่เห็น แล้วเราก็ไม่อยากให้ท่านพูด ทิฏฐิมันขัดกัน”
    ถึงกระนั้นหลวงพ่อพุธก็ยืนยันว่า “ท่านก็ให้วิชาความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติเยอะแยะ ถ้าพูดถึงว่าธัมมะธัมโมของท่านนี่ละเอียดสุขุมมาก”
    ความรู้ที่เจ้าคุณเส็งรู้ก็ใช่ว่า ไม่ใช่เพ้อหรือเรื่องประสาทๆ หากแต่เป็นทางผ่านซึ่งต้องพ้นด้วยกำลังสติปัญญาอันบริสุทธิ์
    “เรื่องรู้วาระจิต ท่านรู้จริงๆ อันนี้มันไม่ใช่ความบริสุทธิ์ มันเสื่อมได้ เพราะมันเป็นส่วนเกินอันหนึ่งในการภาวนาเท่านั้น พอท่านไปสนใจกับมันมากๆ ก็ทำให้หลงได้เหมือนกัน เหมือนกันกับสมาธิ สมาธิไม่ใช่ความบริสุทธิ์ สมาธิมันก็สามารถเสื่อมๆ ได้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นทางเดินไปเพื่อความหลุดพ้น ใครจะเดินไปก็ต้องผ่านทางนี้ แต่จะติดจะหลงหรือไม่เท่านั้น ถ้าผู้มีวิจัยธรรมใคร่ครวญพินิจพิจารณามีสติรอบด้าน มีปัญญารอบด้านก็จะไม่ติดสิ่งเหล่านี้...”
    ผู้มาก่อนหลงทาง ขณะผู้มาหลังผ่านพ้นไปได้
    เมื่อท่านเจ้าเส็งสึกแล้วก็พำนักที่เขาสวนกลาง และยังถือศีลภาวนาต่อไป เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย หลวงพ่อพุธก็จะคอยเฝ้าดูแลไม่ทอดทิ้ง แต่การดูแลรักษาก็เป็นไปในลักษณะเดียวนั่นคือ พอเอาตัวมารักษาดีขึ้นแล้ว หลานของท่านก็จะมารับไปรักษากับหมอจีนแล้วอาการก็ทรุดลงอีก หลวงพ่อพุธก็รับมารักษาอีก แล้วหลานก็มารับไปรักษาอีก แล้วก็ทรุดลงอีก
    ครั้งสุดท้ายที่เข้าโรงพยาบาล แพทย์ก็สั่งไม่ให้ออกโรงพยาบาลอีกแล้ว
    “ครั้งสุดท้ายก็เลยตายในโรงพยาบาล ท่านป่วยเชิงๆ จะเป็นอัมพาต ไปเยี่ยมทีไรร้องไห้ทุกที ถามว่า ‘ร้องไห้ทำไม’ ท่านบอกว่า ‘อายท่านเจ้าคุณฯ’ เราก็นึกถึงคำพูดของท่านสมัยที่ท่านเอาเรามาทิ้งไว้ที่วัดบูรพาฯ ก่อนที่ท่านจะจากไป ท่านบอกว่า ‘ถ้าตัวเป็นคนดีเขาจะทิ้งหรือ’ ไหนว่าจะฝากไว้เรียนหนังสือหนังหา ที่แท้ก็ทิ้งกัน ทิ้งก็ทิ้ง เราก็ตั้งใจอยากอยู่อยู่แล้ว เราก็เลยมาคิดว่าท่านคงคิดถึงคำพูดของท่านเองสมัยที่ท่านทิ้งเราไว้ที่วัดบูรพาราม...”
    เมื่อเจ้าคุณเส็งซึ่งสึกไปเป็นฤาษีถือศีลสิ้นชีวิต ศิษย์กตัญญูผู้นี้ได้ฌาปนกิจศพ และก่อเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุไว้ที่เขาสวนกวาง
    ชีวิตของพระพระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง) เป็นชีวิตพิสดาร แต่ก็เป็นคติธรรมให้กับเราๆ ท่านๆ ได้เป็นอย่างดี
    ชาตินี้ศิษย์กับอาจารย์ต้องจากกันที่ทางแยก แต่สักวันหนึ่งด้วยบุญกุศลที่สั่งสมมาในอดีตชาติ ก็คงมีสักวันที่ท่านจะบรรลุซึ่งฝั่งฝัน
    พระอริยคุณาธาร(ปุสโส เส็ง)นาม"อริย"แต่ยังข้ามไม่พ้นฝั่งฝัน
     
  2. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    satu satu satu
     
  3. นักรบโบราณ

    นักรบโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +973
    เพราะหน้าที่เป็นเหตุ เป็นข้อผูกพัน

    ทำให้คนเป็นคน ทำให้เทพเป็นเทพ

    ทำให้พรหมเป็นพรหม ทำให้พระโพธิสัตว์ตรัสรู้

    "อันพระธรรมนั้น.....กว้างใหญ่ไพศาล เกินจะรู้ทั่ว"
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    อนุโมทนา....สาธุ กับ จขกท. ด้วยนะครับ

    เท่าที่ทราบจากผู้ติดตามเรื่องนี้ มีผู้บอกว่าท่านสำเร็จเป็นพระอนาคามี ครับ
     
  5. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,766
    สรรพสัตว์ เป็นมาและเป็นไป ตามแรงแห่งกรรม

    แต่ด้วยคุณความดีที่ท่านได้ฝากไว้หลายอย่าง แน่ใจว่าส่งผลให้ท่านสู่สุคติภูมิ

    เช่น ท่านเป็นบรรณาธิการใหญ่ในการรวบรวมคำสอนหลวงปู่มั่น เพื่อพิมพ์แจกพระเณรในงานวันประชุมเพลิงหลวงปู่มั่น เมื่อ 20 มกราคม 2493

    ท่านได้แต่งหนังสือ ทิพย์อำนาจ ที่เป็นตำราเล่มแรกๆที่อธิบายเรื่องพลังจิต
    เป็นต้น

    แนวการปฏิบัติที่ท่านถ่ายทอดบอกสอนผู้อื่นเช่นหลวงพ่อพุธเอง เป็นต้น

    แม้ท่านยังไม่ได้ข้ามพ้นก็จริงอยู่ แต่ก็มีส่วนในการช่วยให้พระหลายองค์ข้ามพ้นไปได้

    อานิสงส์มากประการนี้ คงคอยเกื้อหนุนให้ท่านพ้นฝั่งไปด้วยในที่สุด
    แม้จะมีวิบากอยู่บ้าง ก็เป็นไปตามธรรมดาของสัตว์โลกนั่นเอง

    แล เป็นบทเรียนที่สำคัญยิ่งยวดให้พวกเรา เร่งความเพียรขึ้นไปอีก
    แสดงให้เห็นถึงอนิจจัง ว่าไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ
    อย่าประมาทแม้ชั่วขณะ

    แม้ขนาดท่านที่เล่าเรียน ทั้งปริยัติ และปฏิบัติมากกว่าหลายคน
    ท่านก็ยังต้องผจญวิบากอยู่นั่นเอง ไม่มีข้อยกเว้น

    เอวัง
     
  6. ใต้แสงดาว

    ใต้แสงดาว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +80
    เท่าที่ทราบ ท่านปราถนาพุทธภูมิครับ
     
  7. โพธิภูมิ

    โพธิภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +112
    เท่าที่ได้พอรับรู้ข้อมูลมาท่านปราถนาโพธิญาณ แต่จะสำเร็จเปนพระพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้านี่แหละไม่แน่ใจในข้อมูล ที่นี้การปราถนาโพธิญาณนี้มันต้องศึกษาลองผิดลองถูกด้วยจิตของตัวเอง ก้อถือว่าท่านตั้งจิตมาเรียนรู้สั่งสมบารมีด้วยตัวท่านเอง เราจะเห็นได้จากพุทธประวัติ เช่นสมัยพระโพธิสัตว์บารมียังออ่นพลาดสร้างกรรมในส่วนที่เปนอกุศลทำให้ต้องเสวยผลวิบากในทุคคติภูมิได้ หรือดั่งกรณีพระเทวทัตซึ่งอนาคตจะมาตรัสฯเปนพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ยังพลาดสร้างกรรมลงไปสูนรกภมูิ แต่วิสัยโพธิภูมิทั้งหลายท่านก็อาศัยการเวียนว่ายตายเกิด ลองผิดลองถูกเรียนรู้ไว้สอนพวกเราทั้งหลายนี้แหละ ก็เพราะพระมหาเมตตากรุณาอันไม่มีประมาณ ถึงจะทุกข์ขนาดไหนก็ยอม
     

แชร์หน้านี้

Loading...