พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น จัดเป็นบุรุษ ๔ คู่ นับได้ ๘ บุคคล

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย guitargun, 9 ธันวาคม 2008.

  1. guitargun

    guitargun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +137
    มรรค ๔ ผล ๔ + นิพพาน ๑ = ๙<O:p</O:p

    *** พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น จัดเป็นบุรุษ ๔ คู่ นับได้ ๘ บุคคล<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ธรรมทั้งเก้าประการนี้เป็นโลกุตรธรรม (คือธรรมอันยอดยิ่ง) นี่คือธรรมที่กล่าวถึง เมื่อสวดมนต์ว่า ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ<O:p></O:p>
    ธรรมของพระพุทธองค์ เมื่อปฏิบัติตามแล้วย่อมได้ผลต่อผู้ปฏิบัตินั้น เปรียบเหมือนรสอาหารผู้ชิมย่อมรู้รส หรืออาหารที่รับประทาน ผู้รับประทานจึงอิ่มท้อง ไม่สามารถรู้รส หรือว่าอิ่มแทนกันได้<O:p></O:p>
    เมื่อปฏิบัติตาม นวโลกุตรธรรม แล้ว (นว = ๙) ผู้ปฏิบัติย่อมบรรลุผล คือ บรรลุธรรม อันเป็นเครื่องทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ พ้นจากการเวียนว่ายในวัฏสงสารนี้ไปได้ ตามลำดับขั้น ดังนี้<O:p></O:p>
    ขั้นแรก คือ โสดาปัตติมรรค (ทางปฏิบัติที่ทำให้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน) ผู้ปฏิบัติแล้วได้โสดาปัตติผล (ธรรมที่พระโสดาบันได้บรรลุ) ผู้บรรลุธรรมถึงขั้นนี้ได้เรียกว่า พระโสดาบัน<O:p></O:p>
    โสดาบัน = ผู้ถึงกระแสธรรม หรือกระแสพระนิพพาน เป็นผู้แน่นอนว่าจะได้เป็น พระอรหันต์ในอนาคตกาล พระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลชั้นแรกใน ๔ ชั้น<O:p></O:p>
    ขั้นที่สอง คือ สกทาคามีมรรค และ สกทาคามิผล ผู้บรรลุธรรมในขั้นนี้ได้เรียกว่า พระสกทาคามี หรือ สกิทาคามี<O:p></O:p>
    สกิทาคามี = ผู้จะมาเกิดอีกเพียงครั้งเดียว ต่อจากนั้นจะนิพพาน เป็น พระอริยบุคคลขั้นที่ ๒ ใน ๔ ชั้น<O:p></O:p>
    ขั้นที่สาม คือ อนาคามิมรรค และ อนาคามิผล ผู้บรรลุธรรมถึงขั้นนี้ได้เรียกว่า พระอนาคามี<O:p></O:p>
    อนาคามี = ผู้ไม่มาสู่กามธาตุอีก แต่ยังไม่บรรลุถึงนิพพาน จะไปบังเกิดเป็น พรหมในสุทธาวาส ภูมิ ๕ แล้วจะนิพพานในสุทธาวาสพรหมโลกนั้น<O:p></O:p>
    พระอนาคามี เป็นพระอริยบุคคลชั้นที่ ๓ ใน ๔ ชั้น<O:p></O:p>
    ขั้นที่สี่ คือ อรหัตตมรรค และ อรหัตตผล ผู้บรรลุธรรมถึงขั้นนี้ได้เรียกว่า พระอรหันต์<O:p></O:p>
    อรหัต = ความเป็นพระอรหันต์<O:p></O:p>
    อรหันต์ = ผู้ไกลจากข้าศึก คือ กิเลส ผู้ไม่มีกิเลส พระอริยบุคคลชั้นสูงสุดใน ๔ ชั้น<O:p></O:p>
    บุคคลทั้ง ๔ ประเภทนี้ นับเป็นอริยบุคคล คือบุคคลผู้ประเสริฐ ถ้าเป็นผู้ที่อยู่ในเพศบรรพชิต เรียกว่าเป็นอริยสงฆ์<O:p></O:p>
    เมื่อรวมทั้งหมดข้างต้นนี้ จะได้ มรรค ๔ และ ผล ๔ โดยมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ หรือเป็นจุดหมายปลายทางในการปฏิบัติ<O:p></O:p>
    ในเมื่อพระอริยบุคคลข้างต้น เรานับได้เพียง ๔ เหตุใดจึงนับเป็น ๘ คือ นับ มรรค ๔ ผล ๔ ดังใน บทสวดสรรเสริญพระสังฆคุณภาษาบาลีที่กล่าวว่า “จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลาฯ พระสงฆ์สาวก - จัดเป็นบุรุษ ๔ คู่ นับได้ ๘ บุคคล”<O:p></O:p>
    คำอธิบาย คือ ในปรมัตถธรรม (ธรรมขั้นสูง) ไม่มีบุคคล มีแต่รูปกับนาม บุคคลเป็นเพียงสมมุติ และสิ่งที่จะรู้ธรรมะได้ก็คือ จิต ซึ่งเป็นนาม ในที่นี้จัดแยกเป็น ๘ คือ โสดาปัตติมรรคจิต โสดาปัตติผลจิต สกทาคามิมรรคจิต สกทาคามิผลจิต อนาคามิมรรคจิต อนาคามิผลจิต อรหัตตมรรคจิต อรหัตตผลจิต เรียงเป็นลำดับไป จึงได้มรรคจิตกับผลจิตรวมที่สี่คู่ นับเรียงทั้งหมดเป็น ๘ บุคคล<O:p></O:p>

    ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...