พระราชา ผู้ไม่เชื่อนรก สวรรค์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย กุศโลบาย, 30 สิงหาคม 2017.

  1. กุศโลบาย

    กุศโลบาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,608
    เรื่องราวของนรกสวรรค์ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันไม่รู้จบสิ้นว่า มีจริงหรือไม่ จะพิสูจน์ได้ด้วยวิธีการใด
    ไม่เฉพาะแต่คนในปัจจุบันนี้หลายคนเท่านั้นที่สงสัย แม้แต่คนบางคนในสมัยพุทธกาลก็มีความสงสัยเช่นเดียวกัน ดังเรื่องราวของพระเจ้าปายาสิ ที่จะนำมาเล่าให้พังต่อไปนี้
    ย้อนหลังไปในสมัยพุทธกาล หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว 100 ปี มีพระราชาองค์หนึ่ง นามว่า พระเจ้าปายาสิ พระองค์เป็นผู้มีความคิดเห็นว่า นรกสวรรค์ นั้นไม่มีจริง โดยได้พิสูจน์ตามวิธีการของพระองค์เองมาหลายวิธี จนสามารถสรุปเป็นผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของพระองค์ได้ อยู่มาวันหนึ่ง พระองค์ได้พบพระกุมารกัสสปะ ซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา พระองค์จึงเข้าไปสนทนาด้วย

    พระราชา : ข้าพเจ้าเห็นว่านรกสวรรค์ โลกนี้โลกหน้านั้นไม่มีจริง

    พระกัสสปะ : พระอาทิตย์ กับพระจันทร์นั้น ท่านเห็นว่า อยู่ในโลกนี้หรืออยู่ในโลกหน้า

    พระราชา : พระอาทิตย์ กับพระจันทร์ ไม่ได้อยู่ในโลกนี้

    พระกัสสปะ : ถูกต้องแล้ว ท่าน ดังนั้น โลกหน้าจึงมีอยู่ กฏแห่งกรรมจึงมีจริง

    พระราชา : ข้าพเจ้าเคยพิสูจน์ โดยไปบอกญาติที่กำลังป่วยใกล้ตาย ซึ่งญาติเหล่านั้นล้วนประพฤติผิดศีล ชั่วช้า บอกเขาว่า ถ้าตายแล้วไปเจอนรก ช่วยกลับมาบอกด้วย แต่ไม่เห็นมีใครกลับมาบอกเลย

    พระกัสสปะ : หากนักโทษของพระราชา ที่ถูกผู้คุมควบคุมตัวไว้ ขออนุญาตผู้คุมว่า ขอกลับไปบอกที่บ้านก่อน แล้วค่อยกลับมาเป็นนักโทษใหม่ ท่านจะให้ผู้คุมปล่อยเขาไปหรือไม่

    พระราชา : ย่อมไม่ปล่อยแน่นอน

    พระกัสสปะ : อย่างนั้นแหละ ผู้ที่อยู่ในนรก ถูกรับโทษอยู่ ก็จึงกลับมาบอกท่านไม่ได้

    พระราชา : ข้าพเจ้ายังพิสูจน์อีก โดยบอกให้ญาติที่ทำแต่คุณงามความดี ที่กำลังป่วยใกล้ตาย บอกว่า ถ้าตายแล้วช่วยกลับมาบอกด้วยว่า สวรรค์มีจริงหรือไม่ แต่ไม่เห็นมีใครมาบอกเลย

    พระกัสสปะ : หากท่านตกลงไปในหลุมอุจจาระ แล้วมีใครมาช่วยท่านให้ขึ้นจากหลุมอุจจาระได้ ถ้าเขาขอให้ท่านลงไปในหลุมอุจจาระอีกครั้ง ท่านยินดีลงไปหรือไม่

    พระราชา : ย่อมไม่ลงไปในหลุมอุจจาระแน่นอน

    พระกัสสปะ : อย่างนั้นแหละท่าน เพราะบนสวรรค์นั้นสวยสดงดงามวิจิตร หากนำสภาพของโลกมนุษย์ ไปเปรียบเทียบกับสวรรค์ ก็เปรียบได้กับหลุมอุจจาระ จึงไม่มีใครในสวรรค์อยากกลับลงมาที่โลกมนุษย์

    พระราชา : แล้วใครเล่าจะไปเห็นเทวดาเหล่านั้น ข้าพเจ้าไม่อาจเชื่อได้หรอก

    พระกัสสปะ : คนที่ตาบอดแต่กำเนิด ไม่เห็นสีสรรต่างๆ ไม่เห็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ จึงเที่ยวบอกคนตาดีว่า สิ่งเหล่านี้ ไม่มีอยู่ในโลก คำพูดเขาเชื่อได้หรือเปล่า


    พระราชา : ย่อมเชื่อไม่ได้ เพราะคนตาดี ย่อมเห็นว่า สิ่งเหล่านี้มีอยู่

    พระกัสสปะ : อย่างนั้นแหละท่าน ในการมองโลกนี้โลกหน้า คนธรรมดานั้นก็เปรียบเหมือนคนตาบอด แต่สมณะผู้มีตาทิพย์ ย่อมสามารถเห็นโลกนี้ โลกหน้า นรกสวรรค์และกฏแห่งกรรมได้

    พระราชา : แต่ถ้าสมณะท่านเห็นโลกหน้า เห็นสวรรค์ที่สวยงามจริง ทำไม่ท่านไม่รีบตายเพื่อไปสวรรค์ล่ะ อยู่ต่อเป็นมนุษย์ทำไม

    พระกัสสปะ : สมมุติมีหญิงนางหนึ่ง ท้องแก่ใกล้คลอด หากสามีบอกว่า จะยกสมบัติให้ ต่อเมื่อ ลูกเป็นชายเท่านั้น หญิงคนนี้อยากรู้เร็วๆ ว่าจะลูกเป็นชายหรือไม่ จึงตัดสินใจผ่าท้องดูว่าลูกเป็นหญิงหรือชาย ผลก็คือ นางและลูกต้องตายและไม่ได้สมบัติ เพราะใจร้อนด่วนได้ เช่นเดียวกับ คนพาลที่ไม่รู้จักรอเวลาย่อมถึงความพินาศ ส่วนสมณะผู้มีศีล ท่านรู้จักจังหวะเวลาที่เหมาะสม ยิ่งท่านอยู่นานเท่าใด ท่านยิ่งได้บุญมากขึ้นเท่านั้น เป็นประโยชน์แก่โลกมากขึ้นเท่านั้น

    พระราชา : ข้าพเจ้า ยังเคยทดลอง ประหารโจรผู้หนึ่ง โดยค่อยๆ ทรมาณให้ตายอย่างช้าๆ แล้วให้คนรายล้อมเฝ้าดูว่าจะมีวิญญาณ ออกมาในทิศทางใดหรือไม่ ก็ไม่เห็นมีวิญญาณ หรือแม้แต่เขี่ยๆดู พลิกคว่ำพลิกหงาย ก็ไม่เห็นมีวิญญานออกจากร่างเลย

    พระกัสสปะ : มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง เขาไม่เคยรู้จักสังข์เลย ครั้งหนึ่งชาวบ้านกลุ่มนี้ได้ยินเสียงสังข์ จึงพากันมาดูต้นเสียง เห็นชายคนหนึ่ง วางสังข์อยู่กับพื้น ชาวบ้านถามว่า เสียงมาจากไหน ชายคนนั้นบอกว่า เสียงมาจากสังข์ ชาวบ้านก็พากันไปดูว่าเสียงมาไหน จับสังข์พลิกคว่ำพลิกหงายก็ไม่เห็นมีเสียงเลย เอามือถูๆ สังข์ไปมาก็ไม่เห็นมีเสียงเลย จนคนเป่าสังข์รำคาญคว่ำสังข์ไปเป่าให้ดู เสียงก็ออกมา การหาเสียงจากสังข์ที่ผิดวิธีย่อมไม่พบเสียงฉันใด การหาวิญญานที่ผิดวิธีย่อมไม่พบวิญญาณฉันนั้น

    พระราชา : ข้าพเจ้า ยังเคยทดลอง ประหารโจรผู้หนึ่ง โดยชั่งน้ำหนักก่อนตาย และหลังตาย ปรากฏว่า หลังตายมีน้ำหนักมากกว่า ข้าพเจ้าจึงไม่เชื่อว่า มีวิญญาณออกจากร่างไป หลังจากตายแล้ว

    พระกัสสปะ : เวลาที่นำก้อนเหล็กมาตีดาบ เมื่อนำก้อนเหล็กไปเผาไฟ เคยชั่งน้ำหนักหรือไม่ว่า เหล็กที่เผาไฟอยู่กับเหล็กเย็นสนิท อย่างไหนน้ำหนักมากกว่า

    พระราชา : เหล็กที่เผาไฟ น้ำหนักน้อยกว่า เหล็กที่เย็นสนิท น้ำหนักมากกว่า

    พระกัสสปะ : อย่างนั้นแหละท่าน ร่างกายที่ประกอบไปด้วยไออุ่นและวิญญาณ ย่อมเบากว่า ร่างกายที่ไร้วิญญาณแล้ว ดังนั้น นรกสวรรค์ กฎแห่งกรรม ย่อมมีจริง

    พระเจ้าปายาสิ ได้เห็นคำเปรียบเทียบที่เป็นเหตุเป็นผล เช่นนี้ จึงทรงเชื่อว่า นรกสวรรค์ มีจริง และเริ่มสร้างบุญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...