พระพุทธศาสนา ตลาดแห่งมรรคผลนิพพาน

"พระพุทธศาสนา ตลาดแห่งมรรคผลนิพพาน"
ประโยคคำพูดนี้ เป็นส่วนหนึ่งในเทศน์หลายต่อหลายครั้งของหลวงตามหาบัว ซึ่งหากเราพิจารณาด้วยสติปัญญาตาม จะพบว่าเป็นความจริง ไม่มีข้อโต้แย้งประการใด เมื่อได้ยินได้ฟังหลวงตาเทศนาทีไร เมื่อผู้ฟังนำไปปฏิบัติตามจะเห็นผลเอง ไม่ต้องไปถามใคร ...



มีครั้งหนึ่ง กระผมเดินทางไปใส่บาตรหลวงปู่แบน ธนากโร ที่สำนักสงฆ์เขาคิชฌกูฎ-พระภาวนา จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของหลวงปู่ ผมได้ฟังเทศนาเรื่อง "ราคาผลไม้ที่ถูกลง" เนื่องจากที่จันทบุรี ผู้มาทำบุญส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ชาวสวนผลไม้ หลวงปู่กล่าวว่า "หากเราค้าขาย โดยมุ่งหวังกำไรเป็นผลตอบแทนอย่างเดียว เมื่อมันได้กำไรมามันก็ดีไป แต่ยามได้กำไรน้อย มันก็เป็นทุกข์ วิธีแก้ที่ถูกก็คือ ชาวสวนมันต้องเปลี่ยนวิธีคิดที่จะขายแต่ฝ่ายเดียว มาเป็นการให้บ้าง เป็นการสละความตระหนี่ถี่เหนียวในตนเองไปด้วย ข้อนี้เมื่อปฏิบัติลงไปแล้ว เราจะได้กำไรมากหรือน้อยก็ตาม เราจะไม่ทุกข์ แต่เราจะสุขใจมากขึ้น ว่าเราได้ให้ สิ่งที่งอกเงยขึ้นคือ บุญกุศล จากเจตนาที่ให้ไป เราก็จะได้ทั้งเงิน ทั้งบุญ คืนกลับมา ดีขนาดไหนล่ะ.. หรือจะเอาแต่เงินกันอย่างเดียว! คนฉลาดก็ต้องเอาทั้งบุญ ทั้งเงินสิ จริงไหม?"
สำหรับผู้ที่ยังสงสัยในพระพุทธศาสนาอยู่ จะมากบ้าง น้อยมากก็ตาม ขอให้คุณนำธรรมะไปปฏิบัติดูเอาเองก่อน ผลจากการปฏิบัติเกิดขึ้นอย่างไร คุณก็รู้เอง เห็นเอง ต่อไปเรื่องที่คุณสงสัยนั้นจะได้ไม่ต้องไปถามใคร
ในอดีตผมก็เป็นผู้หนึ่งที่สงสัยในพระพุทธศาสนา ว่า นรก สวรรค์ บุญ บาป มีจริงหรือปล่าว? ผมก็ศึกษา ค้นคว้า พิสูจน์ทั้งในตำรา ครูบาอาจารย์ ฯลฯ จนผ่านไปหลายต่อหลายปี จนวันนี้ผมรู้เอง เห็นเองไปแล้ว สิ่งที่สงสัยหมดไป สิ่งที่พระพุทธศาสนาสั่งสอน ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ ไม่ใช่เรื่องลี้ลับ แต่เป็นเรื่องที่มีเหตุและผล ขอให้คุณเอาจริงเอาจัง เมื่อสร้างเหตุสร้างปัจจัยขึ้น ผลก็เกิดขึ้น เป็นธรรมดา
ขอให้ทุกท่านหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ยามสิ้นอายุขัย คุณจะรู้เอง เห็นเอง โดยไม่ต้องไปถามใคร ...
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ หากมีคำพูดใดตกหล่นไป ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอให้เจริญในธรรมกันทุกท่านครับ

 

ท่านคงได้ทราบชัดกับใจแล้วว่า กายนี้ไม่ใช่ของเราอีกต่อไป เป็นแต่เพียงมาอาศัยอยู่แค่ชั่วคราว เมื่อหมดวาระของเขา ใจก็ไปตามเรื่องตามราวต่อไป