พระพุทธศาสนาเสื่อมได้อย่างไร โดยหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย แดนโลกธาตุ, 8 กันยายน 2006.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,977
    พุทธศาสนาเสื่อมสูญได้อย่างไร
    โดยพระราชนิโรชรังสีคัมภีร์ปัญาวิศิษย์
    ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี )
    วัดป่าหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
    --------------
    เมื่อเรามาถึงต้นตอบ่อเกิดของพระพุทธศาสนาและการเผยแพร่คำสอนนั้นแก่ปวงชน ตลอดถึงความเชื่อมั่นของผู้ที่ได้รับการอบรมแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะทำให้พุทธศาสนาของพระองค์สูญสิ้นไปได้ ไม่ว่าศาสนาและลัทธิใดๆก็ตาม ย่อมสอนให้คนเข้าใจและนำไปปฏิบัติตาม ก็เรียกว่าบริษัทของลัทธิและศาสนานั้นๆ ภายหลังหากผู้นั้นมาพิจารณาถึงคำสอนของศาสนาและลัทธินั้นๆแล้ว เห็นว่าเป็นของไม่มีสาระควรจะถือหรือเลื่อมใสเอาไปปฏิบัติตามได้ แล้วเขาไม่ยอมรับเอาไปปฏิบัติตาม ก็เรียกว่าเขาผู้นั้นเสื่อมเสียจากศาสนาและลัทธินั้นๆ
    พุทธศาสนาสอนหลักข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง ซึ่งมีในคำสอนของพระองค์ที่ว่าให้เชื่อกรรมเชื่อผลของกรรมบุคคลผู้ทำกรรมดีไม่ว่าจะเป็นทางกายทางวาจาและทางใจก็ตาม ย่อมได้รับผลดีมีความสุขด้วยกรรมนั้น ตรงกันข้ามบุคคลผู้ทำกรรมชั่วไม่ว่าทางกายทางวาจาและทางใจก็ตาม ย่อมได้รับผลชั่วมีความทุกข์ด้วยกรรมนั้น หาได้มีบุคคลอื่นมาประสิทธิ์ประสาทให้ไม่ ผู้ที่เชื่อในใจของตนด้วยการปฏิบัติจนเห็นผลด้วยตนเองแล้ว ได้ชื่อว่าพระพุทธศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้าหยั่งลึกลงไปในน้ำใจของผู้นั้นแล้ว ผู้นั้นได้เป็นพุทธศาสนิกชนโดยแท้จริง ความเชื่อ (คือน้ำใจ) ของบุคคลนั้นไม่ต้องพูดถึงจะไปกระชากเอาออกมาแม้แต่จะมองของกันก็ไม่สามารถเห็นได้ แล้วใครเล่าจะมาลบล้างความเชื่อของเขาให้สูญสิ้นไปจากใจได้เล่า บางทีคำสอนและระเบียบแนวปฏิบัติของศาสนาและลัทธิอันไร้สาระและตรงกันข้ามกับความเชื่อมั่นของเขาที่เขาเชื่ออยูแล้วนั้น เมื่อเขาได้ยิน ได้เห็นเข้าแล้ว เขาอาจทำความมั่นในความเชื่อของเขาให้ทวีขึ้นอีกเสียซ้ำไป "ของไม่ดีไม่มีสาระย่อมเป็นเครื่องสนับสนุนผู้ที่เจอของดีมีสาระแล้วให้มั่นใจในความดีของเขายิ่งขึ้นไปอีก"
    ฉะนั้นผู้ที่เชื่อมั่นใจในพุทธศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้าจนถึงข้อเท็จจริงแล้ว จึงไม่มีความหวั่นเกรงว่าใครและลัทธิอะไรก็ตาม จะมาทำลายพระพุทธศาสนาของตนให้เสื่อมสูญลงไปได้ ที่พากันกลัวว่าลัทธิการเมืองบางลัทธิไม่ให้มีศาสนานั้น เพราะเขาผู้นั้นไม่เข้าใจหลักของพระพุทธศาสนา แล้วปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ยังเข้าไม่ถึง เห็นพระพุทธศาสนาเพียงตื้น ๆ เผิน ๆ ยึดเอาวัดเอาโบสถ์เอาวิหาร แม้แต่พระภิกษุสามเณรที่ประพฤติตนเลว ๆ ว่าเป็นศาสนา เมื่อสิ่งเหล่านั้นเสื่อมสลายหรือบุคคลเหล่านั้นทำตนเป็นคนเหลว ๆ ก็หาว่าศาสนาเสื่อมสูญเสียแล้ว แท้จริงสิ่งเหล่านั้นมิใช่ศาสนา เป็นแต่สัญลักษณ์ของพุทธศาสนาเท่านั้น พุทธศาสนาก็แปลว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าบ่งชัดอยู่แล้ว พุทธบริษัทหรือพุทธสาวกก็แปลว่าผู้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า เข้าใจแล้วและเสื่อมใสแล้วยอมปฏิบัติตาม พระสมณโคดมก็เป็นผู้ตรัสรู้สัจธรรมของจริง แล้วนำเอาธรรมของจริงนั้นมาบอกสอนคนอื่น คำสอนของพระองค์นั้นต่างหากคือพระพุทธศาสนา ถ้าหากสิ่งเหล่านั้นหรือท่านเหล่านั้นเป็นศาสนาแล้ว วัดและสิ่งเหล่านั้นตลอดถึงท่านเหล่านั้นนิพพานหรือตายไปแล้วศาสนาก็มิเสื่อมสูญไปหมดหรือ แต่นี่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ วัดเชตวันที่พระองค์ประทับตรัสเทศนาก็ดี พระพุทธองค์ก็ดี พระอสีติมหาสาวกก็ดี อนาถบิณฑิกมหาอุบาสกก็ดี นางวิสาขามหาอุบาสิกาก็ดี สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นสลายไปแล้ว แม้พระพุทธองค์ผู้ทรงเป็นพระบรมครู พร้อมทั้งพระสาวกและอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายดังกล่าว แล้วนิพพานและถึงแก่อนิจกรรมไปแล้วก็ตาม แต่พุทธศาสนาคำสอนของพระองค์ก็ตั้งมั่นอยู่ในใจของพุทธบริษัทจนตราบเท่าทุกวันนี้ หาได้เสื่อมสูญสิ้นไปแต่อย่างไรไม่ พระพุทธองค์ตรัสว่า " เราตถาคตเป็นแต่ผู้บอกผู้สอนเท่านั้น ท่านทั้งหลายฟังแล้วปฏิบัติตามคำสอนของเราก็จักพ้นทุกข์ได้ด้วยตนเอง " ดังนี้ ก็แสดงว่าพุทธศาสนาคือคำสอนของพระองค์นั้นต่างหาก มิใช่ตัวของพระองค์เป็นศาสนา พระพุทธองค์เป็นแต่ผู้นำเอาความรู้ที่ได้ทรงรู้เองและเห็นในสัจธรรมนั้นออกมาสอนแก่ผู้อื่น เรียกว่า " พระบรมครู "
    คำว่า เสื่อม กับคำว่า สูญ มีลักษณะต่างกัน เสื่อม มีลักษณะแปรจากสภาพของเดิมให้เลวลงกว่าเก่า เช่นรถเครื่องเคยเดินคล่องใช้ไปนานเข้ามักติดขัด เรือนอยู่นานไปหลังคารั่วพื้นผุ คนอายุมากเข้าอ่อนกำลังเรี่ยวแรงลง เป็นต้น สูญ หมายถึงของมีอยู่แล้วสูญหายไปไม่ปรากฏ เช่น นาฬิกาหาย สตางค์หาย โคกระบือหาย เขาไปขายให้เป็นกรรมสิทธ์ของคนอื่น แม้คนที่เป็นไข้ฉีดยาแล้วไข้หายไปก็เรียกว่า หาย - สูญ ความเสื่อมของพระพุทธศาสนา ถ้าจะพูดถึงความเสื่อมก็เสื่อมมาพร้อมกับความเจริญนั่นเอง ไม่ว่าอะไรทั้งหมดในโลกนี้ เมื่อมีเจริญแล้วก็ต้องมีเสื่อมติดตามมาด้วย ที่เราพูดว่าความเจริญ ๆ นั้น เราพูดแต่เฉพาะในปัจจุบันและมองดูข้างเดียว เช่น บ้านเมืองเจริญหรูหราไปด้วยการก่อสร้าง ตึกรามบ้านช่องถนนหนทางตรอกซอยต่าง ๆ ดูที่ไหนก็สะอาดงามตาหรูหราใหม่ ๆ แปลก ๆ ทั้งนั้น แต่แล้วเราลืมมองดูป่าดงพงพีตัดเอาไม้มาก่อสร้าง ภูเขาหินทรายและเหล็กที่ไปขุดเอามาประกอบกันขึ้นบ้านเป็นตึกสิบชั้นยี่สิบชั้นก็ดี มันเตียนโล่งราบเป็นหน้ากลองไปเราไม่มองดูและไม่พูดถึง แม้บ้านเรือนเป็นต้นไม้ที่เราปลูกสร้างขึ้นมานั้น ยังไม่ทันเสร็จเลย ล่วงเวลาวันสองวันไปก็เรียกว่าเก่าแล้ว ( คือเสื่อม )
    พระองค์ประกาศศาสนาครั้งแรกมีผู้ได้รับฟังการอบรมแล้วได้สำเร็จมักผลเป็นอันมาก พระวินัยสิขาบทก็ไม่ได้บัญญัติ เพราะต่างก็พากันระวังสังวรอยู่ในสมณสารูปเรียบร้อยดีอยู่แล้ว เมื่อกาลนานมามีผู้เข้ามาบรรพชาอุปสมบทในพระศาสนามากขึ้น ที่เป็นพระอรหันต์และพระอนาคามีพระสกิทาคาพระโสดาตลอดถึงปุถุชนเป็นที่สุด ท่านเหล่านั้นย่อมกิเลสและวินัยไม่เหมือนกัน จึงได้ประพฤติไปต่าง ๆ นานาจนเลยขอบเขตของสมณสารูป พระองค์จึงได้ทรงบัญญัติระเบียบพระวินัยเพื่อเป็นเครื่องบริหารหมู่คณะเป็นลำดับมา ถ้าจะพูดถึงเรื่องความเสื่อมคือพระสงฆ์สาวกของพระองค์ประพฤตินอกรีตนอกรอยอันไม่เหมาะสมแก่สมณศากยบุตร จึงเรียกว่า เสื่อม มาตอนหลังถึงพระเทวทัตซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระองค์แท้ ๆ คิดจะปฏิวัติพระองค์เอาดื้อ ๆ หลังจากพระองค์นิพพานไปแล้วก็มีการทำสังคายนากันหลายครั้ง อันหมายถึงการแก้ไขความเสื่อมในพระธรรมวินัยนั่นเอง แล้วในปัจจุบันนี้เล่า เมื่อเรามาหวนระลึกถึงเหตุความเสื่อมของพุทธศาสนาทีท่านยกมาเป็นเครื่องอ้าง ในสมัยที่ทำสังคายนาทุก ๆ ครั้งแล้ว เราจะเห็นได้ว่าบางเรื่องบางกรณีที่พุทธบริษัทแท้ของพวกเราทำลงไปขณะนี้นั้น มันรุนแรงและร้ายแรงไปกว่าเหตุที่ท่านยกขึ้นมาเป็นเครื่องอ้างในการทำสังคายนาครั้งกระโน้นเป็นไหน ๆ แล้วพวกเรากลัวกันนักหนาว่า ลัทธิหรือการเมืองนั้น ๆ จะมาลบล้างพระพุทธศาสนาให้ไปจากแผ่นดินไทย แต่พุทธบริษัทเองกลับทำให้ศาสนาเสื่อมเสียก่อนที่ลัทธิและการเมืองที่เรากลัวอยู่นั้นยังไม่ทันจะเข้ามาถึงเลย
    เมื่อจะพูดถึงด้านความเจริญก็คือคำสอนของพระองค์ได้เผยแพร่ไปทั่วสารทิศโดยรวดเร็ว มีผู้เลื่อมใสแล้วยอมตนเข้ามารับเอาไปปฏิบัติตาม จนเป็นปึกแผ่นแน่นหนาสามารถลบล้างลัทธิและความเห็นที่ผิด ๆ ของเดิมได้ ฉะนั้นความเสื่อมของผู้มีกิเลสอยู่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตรงกับเป้าหมาย จึงมีมาพร้อม ๆ กันกับความเจริญของพระพุทธศาสนา แต่เนื้อแท้คำสอนของพระองค์เป็นสัจธรรมยังมีประสิทธิภาพคงที่ตามเดิมอยู่ คือ พระองค์สอนว่า ทำดีย่อมได้ดีมีความสุข ถึงแม้คนอื่นเขาจะไม่เห็นแต่ตนเองย่อมเห็นและรู้ได้ด้วยตนเอง ทำชั่วย่อมได้รับความชั่วมีผลเป็นทุกข์ คนอื่นใครจะเห็นด้วยแต่ตนเองย่อมเห็นและเป็นทุกข์เดือดร้อนด้วยตนเอง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ ย่อมเป็นทุกข์แก่ผู้ยังมีอุปาทานอยู่ ผู้ไม่มีอุปาทานแล้วหาได้เป็นทุกข์ไม่ ดังนี้เป็นต้น ธรรมของจริงนี้ใครจะรู้และไม่รู้ก็ตาม ใครปฏิบัติและไม่ปฏิบัติตามก็ช่าง ของจริงเหล่านั้นย่อมเป็นจริงอยู่ตามเดิมคำสอนของพระพุทธเจ้าย่อมสอนของจริงตามความเป็นจริง ฉะนั้นคำสอนของพระองค์จึงยังคงมีเป็นสัจธรรมปกติอยู่ ไม่ได้สูญหายไปไหน เป็นแต่พุทธบริษัทที่ไม่เข้าใจและปฏิบัติผิดจากหลักพุทธศาสนา ปฏิบัติตามอำนาจกิเลสของตน แหวกแนวไม่ถูกทางไม่ถูกเป้าหมายของพระพุทธศาสนา เรียกว่านำเอาคำสอนของพระองค์มาทำลายให้เข้ากิเลสของตน จนคนอื่นเขามองเห็นว่านำเอาศาสนามาทำลาย คือเสื่อม .
     

แชร์หน้านี้

Loading...