พระบรมสารีริกธาตุ : ท่านพ่อลี ธัมมธโร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย จำปาพร, 2 พฤศจิกายน 2015.

  1. จำปาพร

    จำปาพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    64
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +209
    [​IMG]

    พระอาจารย์ลี ธัมมธโร
    วัดอโศการาม
    อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

    ...


    อีกอย่างหนึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานครบ ๗ วันแล้ว
    เมื่อเวลาที่พวกมัลลกษัตริย์ได้เชิญพระพุทธสรีระไปถวายพระเพลิงนั้น
    รู้สึกว่า "พระเกสา" (ผม) ของพระองค์สักเส้นหนึ่ง หรือ "พระโลมา" (ขน)
    ของพระองค์สักเส้นหนึ่งก็ดีซึ่งกำลังถูกไฟเผาอยู่นั้น
    มิได้มีรอยไหม้เกรียมหรือเศร้าหมองไปจากเดิมเลย
    "พระนขา" (เล็บ) ของพระองค์ก็ยังขาวสะอาดสดใส
    ไม่แสดงความเหี่ยวแห้งอะไรสักอย่างเดียวตลอดจนพระสรีระ
    ส่วนอื่นๆบางส่วน เช่น กระดูกก็กลายเป็น "แร่ธาตุอันศักดิ์สิทธิ์"
    ซ้ำยิ่งสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเก่าเสียอีกและยังสามารถทรงตัวมา
    ได้ถึงถึง ๒๔๙๙ ปี* โดยยังมี "พระบรมสารีริกธาตุ" ปรากฏอยู่จนทุกวันนี้
    "พระเขี้ยวแก้ว" ของพระองค์นั้นถึงกับเทวดาเสด็จลงมา
    เก็บเอาไปประดิษฐานไว้ในดาวดึงส์ก็มีองค์หนึ่ง
    ส่วนที่เหลือนอกนั้น พวกกษัตริย์ในแคว้นต่างๆก็มาขอ
    แบ่งตวงไปด้วยทะนานทองถึง ๑๖ ทะนาน


    นี่แหละ.."อำนาจของสมาธิ" เป็นอย่างนี้
    "พระอัฏฐิ" ของพระองค์ก็เป็นของวิเศษ
    แม้แต่เทวดาก็ไม่รังเกียจ มนุษย์ก็มีแต่จะแย่งกัน

    ถ้าในครั้งนั้นไม่มีคนคอยปกปักรักษาแล้วก็คงจะแย่งกัน
    ถึงรบราฆ่าฟันเป็นแน่ เมื่อคนมาก่อนได้แย่งส่วนที่ดีๆไปหมดแล้ว
    ส่วนคนที่มาไม่ทันก็โกยเอาขี้เถ้าซึ่งเรียกว่า "พระอังคารธาตุ"ไปบูชาก็มี

    นี่แหละ..ธรรมดาของ "มนุษย์ที่ดีแล้ว" ก็ย่อมเป็นอย่างนี้
    ไม่ว่าอะไรๆใครๆก็อยากได้ แล้วก็น่าจะคิดว่า
    "คนดีๆอย่างนี้นั้นมาจากไหน? " ถ้าจะตอบ..
    ก็ตอบว่า "ก็มาจากการปฏิบัตินี่เอง"
    เพราะท่านได้ซักฟอกธาตุขันธ์อายตนะของพระองค์
    ให้ดีขึ้นด้วย "ศีล สมาธิ ปัญญา" จนบริสุทธิ์แล้ว
    ธาตุของพระองค์จึงกลายเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์
    ดวงจิตก็บริสุทธิ์ มีคนอยากได้ไปกราบไหว้บูชา


    ส่วนคนเราที่ไม่มีคุณงามความดี ไม่ได้ทำบุญกุศล
    ไว้แจกจ่ายให้ใครๆเลยนั้น พอตายหมดลมหายใจ
    ก็อ้าปากค้างแห้ง ไม่มีใครเหลียวแล ทั้งพากันเกลียดกลัว
    ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นคนที่มีความชั่วร้ายมากๆแล้ว
    เขาก็แทบจะให้เอาศพลงจากเรือนไม่ทันเสียอีก


    *พระธรรมเทศนานี้แสดงในปี พ.ศ ๒๔๙๙

    ...

    คัดลอกจาก
    หนังสือแนวทางปฏิบัติ วิปัสสนา-กัมมัฏฐาน เล่ม ๒
    พระอาจารย์ลี ธัมมธโร
    . มกราคม, ๒๕๕๓.หน้า ๒๗๐-๒๗๒


     

แชร์หน้านี้

Loading...