พระธาตุเขี้ยวแก้ว

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย รักพระพุทธ, 28 กันยายน 2013.

  1. รักพระพุทธ

    รักพระพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +497
    รบกวนท่านผู้มีมโนมยิทธิหรือมีญาณหยั่งรู้ อยากถามว่า พระเขี้ยวแก้วองค์จริงอยู่ที่ใดกันแน่ ตอนโปรตุเกสยึดศรีลังกา ก้อ้างว่าทำลายไปแล้ว ศรีลังกาก้บอกว่าของจริงยังอยู่ ที่โปรตุเกสทำลายเป็นของปลอมทว่าลักษณะพระเขี้ยวแก้วปัจจุบันคล้ายๆงาช้าง ส่วนพม่าก้ว่าส่งทองคำมหาศาลไปแลกเอาพระเขี้ยวแก้วมา แต่ก้ลือว่าโปรตุเกสทำขึ้นมาเป็นของปลอมและแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทางศรีลังกาทราบก้ส่งสานส์มาบอกกับทางพม่าว่าเสียทีโปรตุเกส สรุปคือ พระเขี้ยวแก้วองค์จริงถูกทำลายไปหรือยังแล้วอีก33ซี่เห็นว่าพระภควัปติท่านย้ายมา ผมพอสรุปแบบ งง ได้แค่นี้อ่ะครับ แล้วที่วัดสระเกตุล่ะครับ ช่วยคลายความสงสัยให้ผมหน่อย ขอคำตอบนะครับ เพราะว่า ผมรู้ว่าจริงหรือปลอมถ้าเราเชื่อมั่นและศรัทธาสิ่งนั้นก้จะเป็นของจริง อยากทราบจริงๆครับ ไม่รู้ว่าถามถูกห้องหรือเปล่า
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    คุณ รักพระพุทธ หมายถึงพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วด้านซ้ายเบื้องต่ำหรือเบื้องบน.
    หรือพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วด้านขวาเบื้องต่ำหรือเบื้องบนของพระพุทธองค์ครับ..
    ถ้าพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วด้านขวาเบื้องบนไปดูได้
    ที่พระจุฬามณีบนชั้นดาวดึงส์

    และถ้าพระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำซ้ายถ้าสามารถผ่านประตู
    เมืองพยานาคเข้าไปได้ก็จะเห็นครับจะมีพยานาคที่สีต่างกันท่านเฝ้าอยู่
    ส่วนตามตำราพระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวา ประดิษฐานที่แคว้นกลิงคะ (บางตำราเรียก กลิงครัฐ)
    แล้วจึงถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ลังกา (วัดพระเขี้ยวแก้ว ในปัจจุบัน)

    และพระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย ประดิษฐาน ณ แคว้นคันธาระ
    แล้วเชื่อว่าถูกอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่เมืองฉางอัน ประเทศจีน (ซีอาน)
    โดยพระภิกษุฟาเหียนเมื่อคราวจาริกไปสืบพระศาสนายังอินเดีย ปัจจุบัน
    พระเขี้ยวแก้วองค์นี้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระมหาเจดีย์ ณ วัดหลิงกวงกรุงปักกิ่ง

    .อยากเห็นชิ้นส่วนไหนนั่งสมาธิแบบขอบารมีพระ
    ไปดูเองให้หายสงสัยดีกว่าครับ สถานที่เราไปปรากฏจะบอก
    ได้ด้วยครับว่าคือพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วชิ้นส่วนไหน.

    จะได้เห็นทั้งพรหม ทั้งเทวดา ที่ท่านดูแลรักษาอยู่ที่นั้นด้วย
    .และถ้าลอยอยู่รอบๆได้จะเห็นเทวดาที่ท่านดูแลอยู่ข้างนอกด้วย
    และถ้าไปโผล่พระจุฬามณีจะเห็นอีกส่วนของพระพุทธองค์ด้วยครับ
    ถึงไม่มองก็เห็นเด่นชัดคับ

    .คนอื่นบอกหรือใครเล่าให้ฟังบอกว่าด้านซ้าย
    ด้านขวาอยู่นี่อยู่นั่น.สู้เราพิสูจน์ด้วยตัวเราเองดีกว่าครับ.
    อย่างน้อยก็ฝึกพัฒนาความสามารถเราไปในตัว
    .และถ้าตั้งใจทำได้ทุกคนครับไม่ต้องกังวล

    คุณลองใช้เหตุผลเพื่อพิสูจน์ความเชื่อมั่นและศรัทธาดูก็ได้ครับ
    ลองดูว่าพระท่านจะสงเคราะห์ให้คุณได้เห็นและทราบหรือเปล่า​
     
  3. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ป๋ารู้ละเอียดจัง ผมเองก็เพิ่งรู้นะครับ

    ป๋านพของผมเทพสุดในสามโลก อิอิอิ
     
  4. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    ยังมีพระเมาลี และพระบรมสารีลิธาตุอื่นๆด้วยครับที่พระจุฬามณี
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ที่ปลายยอดหรือครับ..(^_^)
     
  6. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    ไมัทราบครับเพราะใส่พานมาให้ดูเลยไม่ทราบว่าประดิษฐานอยู่ส่วนใดบ้าง
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    จริงๆคนที่ชอบอยู่นานๆในนั้นนะและไปบ่อยๆคือ หัวหน้าผี นั่นหละ. ๕๕๕.
    ส่วนตัวมิใช่สายตรงทางนั้น ตํ่าแหน่งนั้นเป็นจุดเริ่มต้น...ผ่านไปอีกที่ครับ
    ต่อให้ไม่มองก็เห็นครับ ถ้าลอยอยู่ข้างปลายยอดได้
    ยังมีอีกหลายๆท่านใน ๓๓ ท่านที่ดูแลทั้งข้างใน และดูแลที่ปลายยอด
    ปัญหาคือผมไม่รู้จักท่านเหล่านั้นครับ ๕๕๕. ประมาณนี้หละครับ
    ปล.ขำๆเน้อ
     
  8. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    ผมว่าของผมพลาดแล้วแหละเจอแต่เทวดาเป็นแก้วใส เวลาไม่ตรงกันใช่มั้ยครับเทวดาถึงทราบหวยว่าออกอะไร
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    แหมๆ.ถ่อมตัวเหมือนกันนะครับ.ที่คุณเจอ.เลยเทวดาแล้วมั่ง.คริคริ
    แบบนั้น.เคยเจอครั้งหนึ่ง.ที่วัดมีชื่อ จ.อุทัยฯ แบบกรณีพิเศษ..
    และที่เราพลาดองค์อื่นๆ.อาจเป็นเพราะเราไม่ได้สนใจที่จะทราบมากกว่าครับ..
    แต่ถ้ามีโอกาสให้เปลี่ยนคำภาวนา เป็นโสตัสตะภิญญา
    จะได้ไม่ต้องเสียเวลามองและรอการปรากฏเหมือน ภาวนา นะมะฯ
    หรือว่าต้องรอให้ผ่านสายตามาถึงเห็นแบบ ภาวนา พุทฯ...

    ส่วนตัวที่่สังเกตุ เทวดา และพรหม ท่านก็มีสีต่างๆ
    กันและสีคล้ายกันก็มี หรือกรณีแบบท่านที่มีชื่อเสียง
    ผิวก็คล้ายที่คุณบอกได้...ต่างที่ใสมองทะลุได้กับมองทะลุไม่ได้.
    .แบบคุณน่าจะสีใสและมองทะลุได้.ท่านเจตนามาหาเองหรือเปล่าครับ
    เอาเป็นว่าพอรู้ๆกันเนาะ

    .ส่วนท่านทราบได้อย่างไรเรื่องหวย.ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน
    แต่ถ้าภูมิเทวดา.ท่านบอก ตัวไม่ต้องกลับแต่ไม่บอกบนล่างถ้าไม่ฝันก็หูด้านขวา.
    .ส่วนภูมิสูงกว่านี้ยังไม่เคยมีปรากฏเรื่องตัวเลข
    ส่วนใครเจอเลขมากกว่านี้.ถ้าไม่เพราะคาถาที่รู้ๆกัน.ก็ต้องภูมิอื่นๆที่สงเคราะห์
    และถือว่าเป็นโชควาสนาของเค้า..ประมาณนี้ครับ

    .
     
  10. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    ผมคิดว่าวันเวลาไม่ตรงกันซะอีกเลยรู้ก่อนว่าหวยออกอะไรครับ ตั
    ปลอมเป็นยายแก่มานั่งข้างเตียงแล้วเขียนหวยใส่มือ

    ถูกเขียนใส่มือ 2 ครั้ง 3 ตัว1ครั้ง 2 ตัว 1 ครั้งครับ

    ปฏิเสธไม่ได้เลยเรื่องพวกนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2013
  11. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    โสตัสตะภิญญา คำนี้ปรากฏขึ้นขณะที่ผมนั่งภาวนาครับ ซึ่งคำที่ผมใช้ปกติ จะใช้ พุท-โธ , นะมะพะทะ, สัมปจิตฉามิ แต่หลักๆจะภาวนา พุท-โธ เพราะทำให้เป็นสมาธิง่าย แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งเกืือบๆเดือนไม่ว่าจะใช้ พุท-โธ , นะมะพะทะ หรือ สัมปจิตฉามิ (ใช้อยู่แค่นี้) เวลาภาวนาแล้วหายใจไม่ออกใจจะขาด ซึ่งผมแปลกใจมากว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ผมก็เลยอธิฐานว่า หากคำภาวนาใดที่เหมาะสมกับผม ขอให้คำภาวนานั้นปรากฏเข้ามาในจิต หลังจากนั้นผมก็ภาวนา พุท-โธ ไปเรื่อย มารู้ตัวอีกทีมันเป็นโสตัสตะภิญญา ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่ามีคำภาวนานี้ ผมเลยสงสัยว่า คำว่า โสตัสตะภิญญา มันมีด้วยเหรอ ตอนนี้ไม่นั่งแล้วครับเพราะสงสัยถึงคำนี้ พอเช้ามาไป serch หาข้อมูลถึงกับอึ้งไปเลย เพราะคำนี้หลวงพ่อฤๅษี ท่านเคยเล่าไว้ พอหายสงสัยก็เลยลองนั่งภาวนาไปเรื่อย นั่งไปนานน่าจะประมาณชั่วโมงได้ รู้สึกเย็นซู่ (คล้ายๆเราเอายานวดกล้ามเนื้อสูตรเย็นมานวด แต่มันรู้สึกเย๊อะกว่ามาก) ที่กระหม่อมเหมือนมีลมพุ่งออก จากนั้นก็เป็นทั้งตัว ถึงแม้เลิกจากนั่งสมาธิแล้วก็ยังไม่หาย เป็นอยู่ประมาณ 3 วันถึงหาย เคยให้เพื่อนหลายคนลองภาวนา บอกว่าภาวนาคำนี้ไม่ได้ภาวนาแล้วปวดหัวครับ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    คุณ btme คำภาวนาที่คุณใช้และทั่วๆไป มาแบบเดียวกับผมเลยครับ..
    ส่วนที่คุณเขียนเคยลอง ภาวนามาหมดแล้วครับ.และไปดูเทียบความแตกต่าง
    ในโหมดที่คำภาวนาเป็นผลด้วยครับ..ยังมี คำภาวนาอีกชุด คือ พูทธัง เฆขนิมิตร
    จิตตัง มะอะอุ
    ธัมมัง เฆขนิมิตร จิตตัง อุอะมะ และ สังฆัง เฆขนิมิตร จิตตัง อะมะอุด้วยครับ

    ถ้าจะให้ไล่เทียบนะครับ..ทุกคำดีหมดครับ.ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์เราด้วยครับ..
    พูดแบบสรุปนะครับ
    พุทโธ เป็นวงกลมดูและเห็นเท่าทีจำเป็นต้องรู้
    นะมะพะธะ สี่เหลี่ยม..รู้ถ้าหันไปมอง
    สัมปะจิตฉามิ สี่เหลี่ยมรู้เห็นเท่าที่มีตอนนั้น
    โสตัสตะภิญญา.สี่เหลี่ยมแม้ไม่อยากดูไม่อยากรู้ ก็ได้เห็นได้รู้..ถ้าหันไปมอง..
    พุทธังฯ ธัมมังฯ สังฆังฯไม่มีขอบคล้ายๆอยู่ในอากาศ แม้ไม่อยากไป.ถ้าเค้าก็จะไปก็ห้ามได้ยาก.และหาเค้าใช่ว่าหาได้ง่าย..

    ส่วนอาการต่างๆที่กระทบกับร่างกายถ้าเคยมีฐานหรือเคยเกี่ยวข้องกับพวกกสิณ
    หรือพวกวิชาเดินธาตุมาก่อนบ้างและพอมีกำลังสมาธิสะสมและกำลังสติทางธรรมในระดับที่สามารถควบคุมจิตได้..
    จะไม่มีผลอะไรต่อร่างกายครับ.เหมือนเราภาวนาทั่วๆไปครับ
    .และไม่ใช่ประเด็นหลักอะไรฝึกกันได้ทุกคนครับ

    ปล.ประมาณนี้ครับ..​
     
  13. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    อนุโมทนาครับ คุณ nopphakan
    ได้เคยเทียบเคียงอย่างที่คุณบอกมาแล้วครับ ผลในรายละเอียดต่างกันครับ แต่หลักๆก็คือทำให้มีสมาธิ ถ้าเป็นกสินผมชอบ ไฟ แสงสว่าง สีขาว แล้วก็ลมครับ
    ครั้งแรกที่รู้จักสมาธิ เพราะไฟจากเทียนเมื่อ 24 ปีที่แล้วครับ เมื่อก่อนไม่สนใจในการฝึกสมาธิไม่รู้ว่าฝึกยังไง พอดีได้ฟังเทปของหลวงพอพุทธว่าให้ภาวนาพุท-โท ตลอดจนอุบายต่างๆก็เลยทำตาม แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่เคยฝึกไม่เคยรู้เรื่องการทำสมาธิ นั่งฟังไปมาก็ทำไม่เป็นนึกทำตามที่หลวงพ่อท่านสอนก็ทำไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าจะต้องใช้อารมณ์ยังไง พอดีมองเห็นไฟจากเทียนอยู่ไกลๆ ก็เลยนั่งมองเล่นไปหูก็ฟังเสียงหลวงพ่อเทศน์สอนไป ไปๆมาๆรู้สึกเหมือนเห็นไฟจากเทียนมาอยู่ข้างหน้าก็เลยตกใจ ก็เลยตั้งใจดู ดูได้ซักพักแสบตา ก็เลยนั่งหลับตาแต่ใจก็ยังคิดถึงไฟนั้น หลังจากนั้นก็รู็สึกเหมือนไฟจากเทียนมาอยู่ข้างหน้าเราอีก ก็จับอยู่กับไฟนั้น จนสว่างจ้า จนไปถึงรู้สึกว่าจิตเราเป็นดวงคล้ายๆกับดวงดาว อยู่ในที่ที่สว่างหาขอบเขตไม่ได้ ในตอนนั้นมันไม่ได้คิดอะไรนะครับ มาคิดว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ตอนที่เรารู้สึกถึงร่างกายเราแล้ว ตอนนั้นไม่รู้จักในเรื่องกสิน นั้นเป็นครั้งแรกที่รู้จักเกี่ยวกับสมาธิ กสินเพิ่งรู้จักไม่กี่ปีนี้เองครับ หลักๆเลยชอบที่มันนิ่งสงบ แต่ปรากฏการณ์อื่นๆมันเป็นของมันเองครับ ไม่ได้มุ่งไป
     
  14. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    เพิ่มเติมครับในเรื่องกสิน จากที่เคยฝึก ไฟ แสงสว่าง สีขาว โดยส่วนตัวจากที่ฝึกมานะครับ อารมณ์ ตอนที่มีนิมิต กสินจะคล้ายๆกัน คือสีขาวแล้วจึงสว่างจ้า แต่ลม แรกๆเลย มันจะคล้ายกับไอน้ำ แล้วเหมือนหมอก แล้วจึงสว่างจ้า แต่สุดท้ายเหมือนกันครับ ไม่ทราบว่าคุณ nopphakan พอจะอธิบายได้มั้ยครับ จริงงเคยฟังหลวงพ่อฤๅษีท่านเทศน์มากบ้าง แต่อยากฟังจากท่านที่เคยปฏิบัติแล้วบ้าง คืออย่างรู้ว่าอาการของแต่ละท่านเป็นยังไง ไม่ได้อยากลองภูมิอะไรครับ ขอบคุณมากนะครับ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    พออธิบายได้ครับตั้งแต่เริ่มต้นถึงขั้นเทคนิควิธีการนำมาใช้งานได้ทั้งแบบลืมตา หลับตา
    ทั้งแบบส่งไปที่ไหนๆก็ได้ครับในโลกนี้ขอแต่คุณเพียงแค่นึกเป้าหมายออก
    จะให้แนะนำถึงไหนครับเขียนทิ้งไว้ได้เลยคับ
    ตลอดจนข้อควรระวังต่างในการใช้งาน
    รวมทั้งลักษณะนิมิตรที่เกิดในขณะที่ฝึกว่าคืออะไรคับ
    ไม่ต้องห่วงคับ
    เรื่องลองภูมิผมเห็นข้อความที่เขียนก็อ่านออกครับ
    ผมห่วงแต่หาคนตั้งคำถามและอ่านแล้วเข้าใจมากกว่าคับ๕๕๕
    คือไม่ได้เก่งนะคับ ต้องยกคุณความดีทั้งหมดให้ครูอาจารย์
    ที่ท่านมาสอนให้คับ.บางคนได้ฟังที่ท่านเทศน์ แต่ผมแค่โชคดี
    กว่าหน่อย.คริ คริ เด่วไว้เคลียร์หน้าที่ทางสมมุติก่อนนะครับ.
    ซักวันสองวันจะมาเล่าฟังครับ.คุณอ่านจากที่ผมเขียนจะรู้เองหละคับ
    ตอนนี้อยากรู้อะไรเพิ่มเติมลองนึกๆแล้วทิ้งคำถามเพิ่มเติมไว้ก่อนได้คับ

     
  16. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    ที่ต้องการคือคนที่ปฏิบัติมาจริง รู้จริงจากการปฏิบัติไม่ได้คิดเอาเองหรือคิดแบบปรัชญา หรือรู้เพียงแค่ว่าตามเขาว่า ไอ้รู้ตามเข้าว่านะผมก็ศึกษามาเย๊อะ แต่มาศึกษาหลังจากที่ปฏิบัติ แต่ผมว่ามันเทียบกันไม่ได้กับผลการที่ปฏิบัติจริง แค่เห็นข้อความก็รู้แล้วครับ ว่ารู้จริง หรือรู้ตามเขาว่า คุณ nopphakan มีอะไรแนะนำผมก็ชี้แนะมาได้เลยครับ ไม่ว่าจะแปลกประหลาดหรือพิสดาร ขนาดไหนก็ว่ามาได้เลยครับ ขอบคุณครับ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    พอเข้าใจครับ.ว่าจะอีกซัก ๒-๓ วันแต่จัดให้ก่อนนะครับลองอ่านดูก่อนเล่นๆนะครับ..
    .กิริยาของนิมิตรตรงนี้.ความจริงอีกนิดเดียวจะสามารถถึง
    จุดที่จะสร้างกำลังใจจิตได้แล้วครับ..แต่เราพลาดตรงที่ว่าเราเอาจิตเข้า
    ไปใกล้นิมิตรมากเกินไปครับ..พวกระยะห่างตรงนี้ ต้องรักษาช่วงให้ดีครับ
    ถ้าเราไกลนิมิตรมากไป.กำลังจะไม่พอในการสร้างกำลังจิตหรือว่าทำให้นิมิตร
    กสิณในปฏิภาคนิมิตรเปลี่ยนรูปร่างครับ..ถ้าเราเข้าใกล้มากเกินไปเราจะโดน
    นิมิตรกสิณดูดแบบบังคับไม่ได้เพราะว่ามันจะเร็วมาก..กรณีของคุณ
    ต้องดูว่าท้องฟ้าที่สว่างจร้าไร้ขอบเขตนั้น ต้องไม่มีพระอาทิตย์ และเรามีแต่อารมย์สุขหรือปิติอย่างเดียวเท่านั้นหรือไม่
    .
    ปกติถ้ามีแต่ปิติอย่างเดียวจะมองไม่เห็นดวงดาว.และมักจะพบกับ
    พระปัจจเจกพุทธเจ้าด้วยครับ หรือพบพระพุทธด้วยครับ ถ้าคุณอยู่ในสภาวะนี้แสดงว่าตอนนั้นจิตคุณถึงระดับ
    โตตรภูฌานได้โดยไม่ตั้งใจครับ.แต่ไม่เกิดขึ้นอีกครั้งง่ายๆแน่นอนครับ.
    และอีกในสภาวะหนึ่งก็คือโดนดูดไปในส่วนอรูปฌานครับ.
    คือลักษณะเหมือนเราอยู่ในจักรวาลหรือบนท้องฟ้านั้นหละครับ.ถึงพยายามจะคิดอะไรนะตรงนั้นก็จะคิดไม่ออกครับและจะมีดวงดาวเม็ดเล็กๆเต็มไปหมด.
    สภาวะนี้หละครับที่บรรดาพระฤาษีหลายๆท่านเข้าใจเอาเองว่าเป็นสภาวะนิพพาน.แต่สภาวะนี้สังเกตุได้ว่ามันจะอารมย์ไม่มีปิติอะไรเลย.ท้องฟ้าไร้ขอบเขต และเราจะคล้ายๆเหมือนๆกับคิดอะไรไม่ได้เลย.คือเป็นเฉยๆ บางคนเลยเข้าใจว่าเป็นนิพพาน แต่จริงๆไม่ใช่

    ถ้าเราฝึกอาปาฯหรือสมถะ มีโอกาสที่จะหลุดเข้าสภาวะนี้ได้หมดครับ.
    แท้จริงแล้วระดับสมาธิเรามันเป็นแบบลักษณะพรวดพราด ทำให้วิปัสสนาก็ไม่ได้.และ
    ความจริงที่เราคิดอะไรไม่ได้เลยเพราะเราไม่ได้รักษาอารมย์
    เรื่องที่จะพิจารณาไว้ครับ มันเลยนึกไม่ออกและเราไม่เคยเจอสภาวะนี้เฉยๆครับ
    ไม่มีอะไร มีโอกาสเป็นกันได้ทุกคนครับ..

    และต่อไปจะยังสามารถโดนดูดไปในส่วนมิติที่จะมีคนคอยแกล้งเราทันทีที่เรา
    ไปปรากฏหรือไม่ก็หลงไปในป่า.พวกนี้คือเป็นตัวขวางการฝึกกสิณเราทั้ง
    นั้นครับ..มักจะมาตอนที่เรากำลังจะสร้างกำลังจิตได้นี่หละครับ
    เพราะอีกแค่นิดเดียวเราจะใช้กำลังกสิณได้แล้วจริงๆครับ
    .หลายๆคนจอดป้ายตรงนี้.เพราะไปยึดติดในส่วนภพภูมิที่โดนดูดไปนั้นเอง เลยทำให้ไม่ก้าวหน้าทางด้านกสิณครับ
    .และก็เบื่อๆเลิกๆไปเลยต่อถ้าเจอตรงนี้ต้องระวังให้ดีๆครับ.อย่าไปไกลมากและต้องรีบบังคับปฏิภาค
    นิมิตรให้ได้แม้จะบังคับได้ในเวลาไม่นานแต่จะสร้างกำลังใจจิตได้ทันทีและ
    กำลังจิตพวกนี้จะไม่เสื่อมตามสภาพร่างกายด้วยครับนี่เป็นข้อดี.
    .​

    กสินไฟ กสิณแสงสว่าง หรือคุณมองวัตถุอะไรก็ตามที่เป็นสีขาวแต่ว่ามีแสงสว่าง
    อุคหนิมิตรเริ่มต้นมันเหมือนกันอยู่แล้วครับตามที่คุณเข้าใจถูกต้องแล้วครับ
    .ลองสังเกตุดูได้ครับ.หรือลองมองพระอาทิตย์แป็บเดียวหรือหลอดไปดูก็
    ได้ครับอุคหนิมิตรบล็อกเดียวกันหมดครับ..ตอนที่คุณฝึก
    ถ้าคุณฝึกแบบหลับตาพวกไอน้ำลอยๆขึ้นมาแล้วหาย จะมาจากทางด้านล่างใต้ระดับตาคุณแล้วจะลอยออกไปตรงๆข้างหน้า
    ถ้าคุณฝึกแบบลืมตาไอหรือควันแบบนี้จะมาพร้อม
    กันจากทางด้านซ้ายและขวาครับ บางทีเราอาจจะนึกว่าไฟไหม้ก็ได้ครับ ๕๕๕

    ..พวกนี้เป็นนิมิตรกสิณไฟของเก่าที่เราเคยทำได้มาก่อนในอดีตชาติครับ..
    มักจะทำให้หลงไปมองหรือมาเพื่อทำให้เราเสียเวลาครับ.คือฝึกกสิณลมอยู่.
    แล้วไอพวกนี้ปรากฏขึ้นเพื่อเป้าหมายให้เราหลงทางทางและไม่สงสัย
    กับนิมิตรนั่นหละครับ..แสดงว่าคุณกำลังจะฝึกกสิณลมถึงขั้นที่จะสร้าง
    อุคหนิมิตรกสิณลมได้แล้วมันถึงมาครับ.
    .นิมิตรกสิณลมกับกสิณอากาศก็จะคล้ายๆกันคือถ้าหลับตาและลืมตา
    จะเป็นแผ่นกลมใสๆใสๆแต่ว่ามันจะไม่เรียบ
    คล้ายๆว่าดูยับๆมีรอยแต่ไม่ฟอง..
    ซึ่งกสิณสองกองนี้แยกค่อนข้างยากนะครับ.
    ไม่ว่าในโหมดที่สามารถใช้งานได้ มันจะมีจุดต่างกันแค่นิดเดียวเพราะลักษณะพลังงานเริ่ม
    ต้นจะคล้ายๆกัน แม้เราเรียกเป็นพลังานขึ้นมาได้ต้องอาศัยจังหวะเวลาเล็กน้อย
    ถึงจะแยกได้ว่าเป็นอากาศหรือลม

    ..แต่ถ้าเป็นกสิณลมหรืออากาส ถ้าคุณโดนดูดไปในนิมิตรจะเป็นลักษณะที่คุณนั่งอยู่เฉยๆ
    แล้วพวกสถานที่ต่างๆมันจะเข้ามาอยู่ข้างๆตัวคุณเอง
    ไม่เหมือนกรณีกสิณไฟ หรือพวกกสิณน้ำนะครับ
    จุดนี้ก็ต้องระวังครับ..บอกไว้ก่อนล่วงหน้าครับ.

    อีกกรณีถ้าคุณโดนดูดไปนะครับ.แล้วต้องการสร้างกำลังจิตให้ได้
    ต้องตัดและไม่สนใจเรื่องสภาพแวดล้อมต่างๆได้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม คุณจะสามารถไปฝึกบังคับปฏิภาคนิมิตรได้ครับ
    .เพียงแต่ว่าลักษณะนิมิตรที่ปรากฏจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่ข้างบนและข้างล่างก็จะยังมีสิ่งล่อให้เราหลงไปมองอยู่ครับ...
    เอาสองประเด็นนี้ก่อนนะครับ.ถือว่าเล่าประสบการณ์ให้ฟังแล้วกัน..
    ส่วนเทคนิคที่เล่าให้คุณฟัง.ไม่ใช่ว่าผมรู้เองจากการทดลองครับ ถ้าผมรู้เองคงน่าจะซักสิบปีมั่งคับ ๕๕๕.
    อาจารย์ท่านที่คุณชอบฟังเสียงท่านมาสอนให้ครับ ณ ตรงจุดนี้
    ประมาณนี้หละครับ.ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นช่วงระหว่างการฝึกเท่านั้นครับ.
    ยังไม่ใช่ช่วงสร้างกำลังจิตและช่วงฝึกรวมกสิณเพื่อการใช้งาน
    และดึงพลังงานขึ้นมาให้สัมผัสได้ครับ
    ยังมีขั้นตอนต่อจากนี้พอสมควรครับ..
    แต่เอาประมาณนี้ก่อนนะคับ.
    .​
     
  18. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    เคยเจอกับตา แต่เห็นเป็นตัวเลขลอยขึ้นมาเหนือพื้นถนนตอนกลางคืนในที่มืดประมาณ 1คืบ เลยไปซื้อล๊อตเตอร์รีมา 1 คูถูกเฉยเลย 3 ตัว (มีหลายคู่เลขนั้นแต่ไม่เอา ไม่ชอบเล่นหวยแค่อยากพิสูจน์ ว่าแล้วก็เสียดายคู่ที่เหลือ 555+)
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ๕๕๕ ตัวเลขเป็นแท่งใสๆหรือเปล่าครับ..ถ้าสามตัวท้ายตรงโดยไม่ต้องเพิ่มนะครับ
    ถือว่าใช้ได้เลยครับ.แต่ส่วนมากจะต้องกลับครับ..๕๕๕
    นี่เป็นจุดเริ่มต้นครับที่ออกให้ลุ่มหลงอย่างหนึ่ง.ซึ่งก็หลงแล้วครับ
    และก็ชอบลองซื้อดูนะครับ.๕๕๕
    ความจริงมีอีก ประมาณ ๕ - ๖ ปรากฏการณ์นะครับที่จะเป็นตัวเลขแต่ขอคิด
    ก่อนว่าจะเล่าให้ฟังดีไหม ๕๕
     
  20. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319

    "กิริยาของนิมิตรตรงนี้.ความจริงอีกนิดเดียวจะสามารถถึง
    จุดที่จะสร้างกำลังใจจิตได้แล้วครับ..แต่เราพลาดตรงที่ว่าเราเอาจิตเข้า
    ไปใกล้นิมิตรมากเกินไปครับ..พวกระยะห่างตรงนี้ ต้องรักษาช่วงให้ดีครับ
    ถ้าเราไกลนิมิตรมากไป.กำลังจะไม่พอในการสร้างกำลังจิตหรือว่าทำให้นิมิตร
    กสิณในปฏิภาคนิมิตรเปลี่ยนรูปร่างครับ..ถ้าเราเข้าใกล้มากเกินไปเราจะโดน
    นิมิตรกสิณดูดแบบบังคับไม่ได้เพราะว่ามันจะเร็วมาก..กรณีของคุณ
    ต้องดูว่าท้องฟ้าที่สว่างจร้าไร้ขอบเขตนั้น ต้องไม่มีพระอาทิตย์ และเรามีแต่อารมย์สุขหรือปิติอย่างเดียวเท่านั้นหรือไม่[/COLOR].
    ปกติถ้ามีแต่ปิติอย่างเดียวจะมองไม่เห็นดวงดาว.และมักจะพบกับ
    พระปัจจเจกพุทธเจ้าด้วยครับ หรือพบพระพุทธด้วยครับ ถ้าคุณอยู่ในสภาวะนี้แสดงว่าตอนนั้นจิตคุณถึงระดับ
    โตตรภูฌานได้โดยไม่ตั้งใจครับ.แต่ไม่เกิดขึ้นอีกครั้งง่ายๆแน่นอนครับ.
    "
    ทีรู้สึกมันไม่ใช่ดวงดาวครับ แต่ความรู้สึกมันบอกว่าดวงที่คล้ายดาวนั้น มันเป็นจิตของเรา และมีแค่เราดวงเดียว ส่วนที่ว่าสว่างจ้านั้น ไม่ได้มีดวงอาทิตย์หรือแหล่งกำเนิดแสงครับ ที่สว่างจ้าจะเป็นทุกครั้งที่ทำสมาธิทีเข้าแบบลึกๆ ถึงแม้จะไม่ได้จับนิมิตกสิน จะต่างกันคือที่มีดวงจิตคล้ายกับดวงดาวกับไม่มี ถ้าจับกสินจะมี ส่วนปีติหรือสุขนั้น เรียกแบบนั้นก็น่าจะถูก มันเป็นอารมณ์สบายๆอิ่มเอิบ บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ เคยพบพระอยู่ครั้งนึงครับ

    "และอีกในสภาวะหนึ่งก็คือโดนดูดไปในส่วนอรูปฌานครับ.
    คือลักษณะเหมือนเราอยู่ในจักรวาลหรือบนท้องฟ้านั้นหละครับ.ถึงพยายามจะคิดอะไรนะตรงนั้นก็จะคิดไม่ออกครับและจะมีดวงดาวเม็ดเล็กๆเต็มไปหมด.
    สภาวะนี้หละครับที่บรรดาพระฤาษีหลายๆท่านเข้าใจเอาเองว่าเป็นสภาวะนิพพาน.แต่สภาวะนี้สังเกตุได้ว่ามันจะอารมย์ไม่มีปิติอะไรเลย.ท้องฟ้าไร้ขอบเขต และเราจะคล้ายๆเหมือนๆกับคิดอะไรไม่ได้เลย.คือเป็นเฉยๆ บางคนเลยเข้าใจว่าเป็นนิพพาน แต่จริงๆไม่ใช่"

    อาการนี้เคยเป็นตอนนั่งทำงานอยู่ ลืมตาครับ มันเป็นเหมือนฟ้าแลปแว๊บนึง แต่มันปรากฏเหมือนว่าเราลอยอยู่ในจักวาลเห็นดวงดามเต็มไปหมด ไม่แน่ใจว่าจะใช่อาการที่คุณบอกรึเปล่า

    "กสินไฟ กสิณแสงสว่าง หรือคุณมองวัตถุอะไรก็ตามที่เป็นสีขาวแต่ว่ามีแสงสว่าง
    อุคหนิมิตรเริ่มต้นมันเหมือนกันอยู่แล้วครับตามที่คุณเข้าใจถูกต้องแล้วครับ
    .ลองสังเกตุดูได้ครับ.หรือลองมองพระอาทิตย์แป็บเดียวหรือหลอดไปดูก็
    ได้ครับอุคหนิมิตรบล็อกเดียวกันหมดครับ..ตอนที่คุณฝึก
    ถ้าคุณฝึกแบบหลับตาพวกไอน้ำลอยๆขึ้นมาแล้วหาย จะมาจากทางด้านล่างใต้ระดับตาคุณแล้วจะลอยออกไปตรงๆข้างหน้า
    ถ้าคุณฝึกแบบลืมตาไอหรือควันแบบนี้จะมาพร้อม
    กันจากทางด้านซ้ายและขวาครับ บางทีเราอาจจะนึกว่าไฟไหม้ก็ได้ครับ ๕๕๕"
    ที่บอกว่ามีลักษณะเป็นไอน้ำ นั้นเป็นตอนฝึกกสินลมครับ จริงๆจะว่าฝึกก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะตอนนั้น บังเอิญว่ามันจับความรู้สึกว่ามีลมมากระทบตัวได้ชัดเจน จึงจับเอาอารมณ์นี้ครับ ไอน้ำหรือหมอกควันที่ว่า มันเกิดขึ้นตรงกลางเลยครับไม่ได้มาจากด้านใดด้านหนึ่ง แล้วแผ่ออกไป มันมีลักษณะเป็นริ้วคล้ายคลื่น มันเริ่มจากไปไอน้ำ แล้วเปลี่ยนเป็นเหมือนหมอกควัน แล้วเริ่มใสจนสว่างจ้าครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันใช่นิมิตของกสินลมรึเปล่า

    ขอบคุณ คุณnopphakan มากครับ อาจารย์ที่ว่า ผมฝันว่าท่านมาบอกให้ผมฝึกสมาธิครับ ฝันนะครับ ตอนนั้นยังไม่รู้จักท่านไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร และยังฝันว่าท่านมาสอน มโนฯ ให้ด้วย และยังฝันว่ามีอีกหลายท่านครับมาสอน ซึ่งผมไม่รู้จัก มีบางท่านที่ผมกราบถามชื่อท่านแต่ท่านไม่บอก ผมถามท่าน 3 ครั้งเลยเลิกถาม ครั้งแรกท่านตอบว่า จะรู้ไปทำไม ครั้งที่สองท่านตอบว่าชือมันแค่สมมุติบัญญัติ ครั้งที่สามท่านตอบว่า ชื่อมันแค่สมมุติบัญญัติขึ้นมาไม่ได้มีความสำคัญอะไร แต่ท่านบอกว่าให้เรียกว่า ตะ ถึงตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร ก็เลยคิดว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรฝันก็คือฝัน โดยมากที่ฝันท่านจะมาสอนเรื่องสมาธิ การวางอารมณ์ว่าใช้อารมณ์ประมาณไหน ยังไง ส่วนวิปัสนา ท่านไม่ได้สอนอะไรมาก ท่านบอกแค่ร่างกายให้พิจารณาร่างกายเป็นสำคัญ สมาธิที่ผมฝึกโดยมากก็มาจากอาจารย์ในฝัน พอฝึกแล้วมีปรากฏการณ์ต่างๆเกิดขึ้นกับตัวจึงเกิดความสงสัย จึงไปศึกษาตำราตามเขาว่าบ้างเย๊อะแยะไปหมด แต่ถ้าเป็นตำราครูอาจารย์ที่เรารู้จักกันดีคำตอบไม่แตกต่างจากที่ฝันครับ เพียงแต่คำที่ใช้อาจจะต่างกันบ้าง ยังไงผมขอรบกวนคุณnopphakan ช่วยชี้แนะด้วยครับหาคนคุยด้วยยาก มีแต่มีความรู้มากคุยกับเขาไม่ได้ เพราะผมมีความรู้น้อยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...