พระธรรมที่ทรงแสดง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย รสมน, 28 เมษายน 2010.

  1. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ธัมมารมณ์ คืออารมณ์ที่รู้ได้เฉพาะทางมโนทวาร มี ๖ ประเภท มีทั้งรูปและนาม
    และบัญญัติ ปสาทรูป สุขุมรูป เป็นรูปธรรม จิต เจตสิก นิพพาน เป็นนามธรรม
    ส่วนบัญญัติไม่ใช่ทั้งรูปและนาม ดังนั้นในขณะที่สภาพธรรมใดเกิดขึ้นปรากฏแก่
    สติและสัมปชัญญะ สภาพธรรมนั้นย่อมเป็นจริงตามสภาพของธรรมนั้นๆ ไม่ใช่ว่า
    รูปปรากฏ กำหนดเป็นนาม นามปรากฏกำหนดเป็นรูป ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เบื้องต้น
    สติสัมปชัญญะรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏโดยความเป็นธรรมะ ครับ
    ในการเริ่มต้นศึกษา "พระสัทธรรม"
    ก็คือ ฟังสิ่งที่ "ผู้รู้" ตรัสรู้...........?

    .

    ผู้ที่พูดให้ฟังนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
    ผู้พูด จะรู้หรือไม่รู้
    ผู้ฟัง จะรู้ว่า สิ่งที่ได้ฟังนั้น ถูกหรือไม่
    ก็ควรพิจารณาว่า ถ้าพูดถูก ก็หมายความว่า ผู้พูด รู้ตามที่พูด.

    ถ้าผู้พูด พูดเหมือนกับว่ารู้
    แต่เมื่อฟังไปเรื่อย ๆ ก็ย่อมรู้ได้ว่า ผู้พูดไม่ได้รู้จริง ๆ

    เช่น ถ้าบอกว่า
    "ขณะนี้ เป็น ธรรมะ"
    "พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรมะ"

    แล้วผู้ฟัง จะ รู้ อะไร.?
    ก็ต้อง "รู้ธรรมะ" ที่กำลังปรากฏ ในขณะนี้.?

    ถ้าสิ่งที่มีจริง แต่ไม่ได้กำลังปรากฏ ในขณะนี้
    หรือถ้าสิ่งที่มีจริง ปรากฏแล้ว ดับไปหมดแล้ว
    ก็ไม่สามารถที่จะ "รู้ลักษณะของสิ่งนั้น" ได้.

    เพราะฉะนั้น
    "ความรู้" จะมีได้ ก็ต่อเมื่อมีสิ่งที่กำลังปรากฏ.!

    การพูดในสิ่งที่จริง ต้อง "รู้เจตนา" ด้วย ว่า พูดทำไม
    พูด ให้เกิดความเห็นถูก หรือว่า พูด ให้เข้าใจผิด.

    จะผิด หรือ ถูก ก็ไม่ใช่ใคร
    เพราะเป็น "ธรรมะ"

    "ธรรมะ" ที่เป็นความเห็นผิด ก็มี
    "ธรรมะ" ที่เป็นความเห็นถูก ก็มี.

    เพราะฉะนั้น
    การพูด เพื่อให้เกิดความเห็นถูก
    ว่า สิ่งใดที่ผิดไปจากความเป็นจริง ก็ต้องผิด
    จะเปลี่ยนสิ่งที่ผิด ให้เป็นถูกนั้น เปลี่ยนไม่ได้
    จะเปลี่ยนสิ่งที่ถูก ให้เป็นผิด ก็เปลี่ยนไม่ได้เช่นกัน
    เพราะเป็น "ธรรมะ"
    โลกที่กำลังปรากฏขณะนี้
    เต็มไปด้วย "ความไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง"
    หรือเปล่า
    ขณะที่กำลังเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส คิดนึก
    ซึ่งเกิดขึ้นตามปกติ ในชีวิตประจำวันอยู่แท้ ๆ
    ก็ยังไม่รู้ตามความเป็นจริงเลย
    ว่า แท้จริงแล้ว เป็น "ธาตุ" (ธรรมะ) ซึ่งมีปัจจัยที่ทำให้เกิด-ดับ-สืบต่อ
    และต้องเป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย.

    ซึ่งไม่มีวันที่จะสิ้นสุด ถ้า " ปัญญา" ไม่เกิดขึ้น
    ก็ไม่สามารถที่จะ "ดับ-ธาตุรู้"
    ซึ่งเป็นปัจจัยให้สภาพธรรมเกิด-ดับ-สืบต่อ-ตามเหตุ ตามปัจจัย
    ซึ่งก็หมายถึง "สังสารวัฏฏ์"

    ผู้ที่บรรลุเป็นพระโสดาบัน
    ด้วยความไม่รู้ ไม่ประจักษ์สภาพธรรม ตามความป็นจริงนั้น เป็นไปไม่ได้.!
    และ "หนทาง" ในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อการประจักษ์สภาพธรรม
    คือ การเจริญสติปัฏฐาน หรือ มรรคมีองค์ ๘.

    "สติปัฏฐาน"
    จะเกิดขึ้น รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้
    ตามปกติ ตามความเป็นจริง
    โดยไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจอะไรเลยนั้น...ไม่ได้.!

    ขณะที่ "สติ" กำลังรู้สภาพธรรมใด ๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ๆ
    ก็เป็นสิ่งที่ "เลือกไม่ได้เลย" เพราะเป็นอนัตตา
    คือ ต้องเป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย ซึ่งบังคับบัญชาไม่ได้.

    สติปัฏฐาน ก็เป็น อนัตตา
    เพราะฉะนั้น
    ความรู้ ความเข้าใจ ที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จากการฟัง "พระสัทธรรม"
    แล้ว ละความต้องการ (ว่าเมื่อไรสติปัฏฐานถึงจะเกิด)
    สติปัฏฐาน จึงจะมีปัจจัย ที่จะเกิดขึ้นได้.

    เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน
    ได้อนุโมทนาบุญกับผู้ใส่บาตรตามถนนหนทาง กรวดน้ำอุทิศบุญ
    เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน
    รักษาศีล อาราธนาศีล เจริญวิปัสสนา ได้ปฏิบัติธรรม
    ได้ถวายข้าวพระพุทธรูป สักการะพระธาตุ
    ทำงานบ้านช่วยพ่อแม่ทุกวัน
    และเจริญอาโปกสิน
    ฟังธรรมศึกษาธรรม
    ศึกษาการรักษาโรค
    วันนี้มีงานบุญนิมนต์พระไปที่เนินตะปูนและได้ฟังเทศ บารมี 30 ทัศ
    และมีผู้คนเยอะมากวันนี้คุณแม่ได้ร่วมถวายเจดีย์ทราย ถวายค่าภัตราหาร
    และมีการถวายสังฆทาน หลายร้อยชุด
    และสร้างบารมีครบทั้ง 10 อย่าง ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญสร้างวัด ธรรมเจดีย์(ดอยโตน) ต.บ่อทอง อ.เมืองเชียงราย เพื่อ สร้างเป็นวัด ถวายเป็น พระราชกุศล แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    บริจาคเงินได้ที่
    315 - 2 - 54816 - 4
    ชื่อบัญชี นายณรงค์ พงเกตุ
    ประเภทบัญชี ออมทรัพย์
    ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเชียงราย

    ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิจงบรรลุมรรคผลนิพพานเทอญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...