พระตถาคตสอนให้รู้จัก กฏแห่งกรรม ไม่ใช่ แก้กรรม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 19 พฤษภาคม 2008.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    กฎแห่งกรรม คือ กฎที่แสดงให้เห็นถึงเหตุและผลของการกระทำใดๆของมนุษย์

    [​IMG]

    กล่าวคือ ใครกระทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม บุคคลผู้กระทำนั้นจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นๆเสมอ

    มิได้เกิดจากการดลบันดาลจากอำนาจของพระเจ้าองค์ใด และ ไม่มีใครมารับผลของกรรมแทนบุคคลอื่นได้


    พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ในพระสูตรหนึ่ง ชื่อว่า “ปุพพังคสูตร” ปรากฏอยู่ในพระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสกนิบาต ว่า

    “ดู ก่อน ภิกษุทั้งหลาย ...ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะส่องสว่างเหนือโลกหล้าย่อมมีแสงเงินแสงทองจับขึ้นที่ขอบฟ้า

    เป็นนิมิตเบื้องต้นให้เห็นก่อน ฉันใดก่อนที่กุศลธรรมทั้งหลายจะบังเกิดขึ้น ย่อมมีสัมมาทิฏฐิ เป็นนิมิตเบื้องต้นให้เห็นก่อน ฉันนั้น”

    สัมมาทิฏฐิที่เป็นเบื้องต้นของกุศลธรรมนั้น มี ๑๐ ประการ ได้แก่
    1. ทานที่ให้แล้วมีผล
    2. การสงเคราะห์กันมีผล
    3. การยกย่องบูชาบุคคลที่ควรบูชามีผล
    4. ผลแห่งกรรมดีและกรรมชั่วมีจริง
    5. โลกนี้มี (ที่มา)
    6. โลกหน้ามี (ที่ไป)
    7. แม่มี
    8. พ่อมี
    9. สัตว์ที่เกิดแบบโอปปาติกะมี
    10. พระอรหันต์ผู้หมดกิเลสแล้วมี
    สัมมาทิฏฐิทั้ง ๑๐ ประการนี้ โดยเนื้อแท้ คือเรื่องของ “กฎแห่งกรรม”

    ซึ่งการที่พระพุทธองค์ตรัสสอนเรื่องสัมมาทิฏฐิ ๑๐ ประการนี้ก่อนอย่างอื่น ก็เพราะว่า สัมมาทิฏฐิทั้ง ๑๐ ประการนี้

    เป็นเบื้องต้นของความดีทุกประการของคนเรา การประพฤติกรรมดีหรือชั่ว หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่าการกระทำความดี

    และความชั่วของคนเรานั้น ทำได้ ๓ ทาง คือ ทางกาย (กายกรรม) วาจา (วจีกรรม) และใจ(มโนกรรม)

    และไม่ว่าเราทำอะไรไว้ทั้งกรรมดีและชั่วก็ตาม ราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นเสมอจะให้ใครมารับผลกรรมแทนเราไม่ได้ !!!

    เมื่อทำความเข้าใจพื้นฐานตรงนี้แล้ว ความตระหนักในความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองก็จะเกิดขึ้นตามมา

    มีผลที่ทำให้ใจของเขาสว่างพอที่จะมองออกต่อไปว่า พระธรรมคำสอนต่างๆ ที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนานี้

    แท้จริงทุกคำสอนล้วนเป็นการสอนให้เกิดความเข้าใจถูกในเรื่อง กฎแห่งกรรมดี และ กฎกรรมชั่ว

    ถ้าเราแยกไม่ออกว่าเส้นทางไหนคือเส้นทางแห่งความดีและความชั่ว เราก็จะมีโอกาสพลาดไปทำความชั่ว

    แล้วผลทุกข์แห่งความชั่วก็ย่อมตกมาถึงตัวเรา เมื่อความเข้าใจของใครก็ตามที่มีใจสว่างมาถึงระดับนี้

    ความซาบซึ้งในเรื่อง “กฎแห่งกรรม” ของเขาก็จะยิ่งทับทวีแก่กล้าขึ้นไป

    และจะส่งผลให้ตัดสินใจเลือกทำแต่กรรมดีได้อย่างถูกต้อง เช่น เริ่มตั้งแต่เลือกคิดในเรื่องดีๆ เลือกพูดในเรื่องดีๆ เลือกทำในสิ่งที่ดีๆ

    เลือกประกอบอาชีพที่ไม่ก่อบาปก่อเวร พากเพียรทำความดีเพิ่มยิ่งขึ้นไป มีสติระมัดระวังตนไม่ให้พลาดพลั้งกลับไปทำความชั่ว

    และมีสมาธิที่แน่วแน่มั่นคงในการทำความดี ไม่หวั่นไหวกับอุปสรรคใดๆ ที่มาขวางกั้นทั้งสิ้น ในที่สุด ความดีที่เขาทำผ่านกาย วาจา ใจ

    รอบแล้วรอบเล่านี้ ก็ได้กลายเป็น “นิสัยดีๆ” ประจำตัวเขาขึ้นมา แล้วก็ทำให้เขาสามารถทำความดีต่างๆ ให้สูงยิ่งขึ้นไป

    ในทางตรงกันข้าม ถ้าสัมมาทิฏฐิทั้ง ๑๐ ประการนี้ ไม่เกิดขึ้น แล้วอะไรจะเกิดขึ้นแทน คำตอบ ก็คือ ความเห็นผิดเป็นชอบจะเกิดขึ้นแทน

    เมื่อเห็นผิดเป็นชอบจึงทำความชั่ว เมื่อทำความชั่วบ่อยเข้านิสัยเลวๆ ก็เกิด การสั่งสมอาสวะก็เกิด

    ผลทุกข์ที่เดือดร้อนแสนสาหัสที่ยาวนานก็เกิด และกลายเป็นความทุกข์ที่ไม่สิ้นสุด จนกว่าจะคิดได้ในวันใดวันหนึ่ง

    วันนั้นจึงจะเริ่มทำความเข้าใจกฎแห่งกรรม แต่ถ้าในยุคนั้น ไม่มีพระพุทธศาสนามาบังเกิดขึ้น ก็จะต้องทุกข์ต่อไป

    วันใดเข้าใจในสัมมาทิฏฐิเบื้องต้น ๑๐ ประการ วันนั้น คือวันที่จะได้มีโอกาสพ้นทุกข์ ดังนั้น สัมมาทิฏฐิเบื้องต้นทั้ง ๑๐ ประการนี้

    จึงเป็นเหมือนกับฐานรากของความดีทุกประการในโลกนี้ อุปมาเหมือนการสร้างตึกสูง ๑๐๐ ชั้น ถ้าฐานรากของตึกไม่แข็งแรงมั่นคง

    ตึกก็ย่อมต้องพังถล่มลงมาเป็นซากอิฐซากปูน ฉันใด ความดีของคนเราก็เช่นกัน จะพัฒนาสูงขึ้นไปได้เรื่อยๆ

    ไม่ดีแตกเสียกลางทาง ก็ต่อเมื่อเขามีสัมมาทิฏฐิเบื้องต้น ๑๐ ประการ เป็นฐานรากที่แข็งแรงมั่นคง ฉันนั้น

    ด้วยเหตุที่การศึกษาเรื่องสัมมาทิฏฐิเบื้องต้น ๑๐ ประการ เป็นเรื่องใหญ่ของมวลมนุษยชาติเช่นนี้ พระพุทธองค์จึงได้ตรัสว่า

    สัมมาทิฏฐิเบื้องต้น ๑๐ ประการนี้ เป็นเบื้องต้นของกุศลกรรมทั้งหลายของมนุษย์

    เพราะฉะนั้น เพื่อให้เราดำเนินชีวิตในโลกนี้ได้อย่างปลอดภัย

    เราจึงต้องศึกษาสัมมาทิฏฐิทั้ง ๑๐ ประการนี้ให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้


    ข้อมูลจาก http://www.dmc.tv/pages/guide/page21.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2008
  2. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    สัมมาทิฏฐิทั้ง ๑๐ ประการนี้
    เอาอะไรมาชี้ ต้องเชื่อ หรือว่า ต้องพิสูจน์ก่อนเชื่อ
    นี่ก็เป็นหลัก กาลามสูตร ถ้าเชื่อตามๆกันจะเป็นสัมมาทิฎฐิหรือ
     
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%"><TABLE class=contentpaneopen style="WIDTH: 466px; HEIGHT: 289px"><TBODY><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2></TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>ให้เรียนรู้เพื่อนำไปเป็นปัญญา ในการพิจารณาธรรมตามการณ์


    สัมมาทิฐิ ที่เป็นอริยมรรค ๘ หมายถึง ความเห็นในอริยสัจ 4 หรือ


    เห็นตามจริง คือ เห็นทุกข์ เห็นสมุทัย เห็นนิโรธ เห็นมรรค


    สัมมาทิฐิ ที่เป็นมโนสุจริต หมายถึง ความเห็นถูกต้อง ๑๐ อย่าง คือ

    เห็นว่า การให้ทานมีผลจริง การบูชามีผลจริง การเคารพบูชามีผลจริง

    ผลวิบากของกรรมดีกรรมชั่วมีจริง โลกนี้มีจริง โลกหน้ามีจริง

    คุณของมารดามีจริง คุณของบิดามีจริง พวกโอปปาติกะมีจริง

    สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนบรรลุมรรคผลนิพพาน

    รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเองแล้วสอนให้ผู้อื่นรู้ตามได้ด้วยมีจริง



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    กาลามสูตร มีหลายสิ่งหลายอย่างหรือหลายเหตุการณ์

    ทำให้เราสงสัยว่าจริง ไม่จริง ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง มีโทษ ไม่มีโทษ

    ควรที่เราจะเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด

    แต่ในส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยจะได้คิดกัน หรือสงสัยกัน

    จะเชื่อถือหรือรับเอามาปฏิบัติโดยทันทีที่เขาบอกว่าดี ถูกต้องแล้ว

    ถ้าเป็นอย่างนี้ก็บอกได้เลยว่าสังคมเรากำลังอ่อนแออย่างมาก

    ถูกปั่นหัวได้โดยง่าย ยิ่งทุกวันนี้การสื่อสารมีประสิทธิภาพสูงมาก

    เมื่อมีเหตุการณ์อะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นมุมไหนของโลก

    เพียงชั่วครู่ก็สามารถกระจายข่าวให้รับรู้กันได้ทั่วโลก

    ในแต่ละวันเราได้รับข่าวสารมากมาย

    และมันก็ไม่เป็นที่แน่นอนว่าจะถูกต้องดีงามไปทั้งหมด
     
  5. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    กระทู้นี้ดีครับ แต่เกี่ยวกับวิทย์ทางจิตหรือไม่ครับ
     
  6. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    ที่กล่าวมา ต้องมีโยนิโสไหม หรือ ศรัทราเป็นตัวนำ
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พระองค์ทรงตรัสสอนคนเหล่านั้นว่า

    1.อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา

    2.อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา(ประเพณี)

    3.อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมดแล้วว่าเป็นความจริง

    4.อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันมีอ้างอยู่ในปิฎก(คัมภีร์,ตำรา)

    5. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า เป็นตรรก หรือการคำนวณ

    6.อย่าได้เชื่อโดยการอนุมานเทียบเคียง หรือคาดคะเนเอาเอง

    7.อย่าได้เชื่อโดยการตรึกตรองเอาตามอาการ

    8.อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเข้ากันได้กับลัทธิความเชื่อ และทฤษฎีของตน

    9.อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า รูปร่างลักษณะน่าเชื่อถือ

    10.อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า ผู้สอนเป็นครูเป็นอาจารย์ของเรา
     
  8. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    เกี่ยวสิ
    ตั่งประเด็น สาวไปหาเหตุ นี่ก็เป็นการทดลอง
    ประเด็นไม่ใช่วัตถุ แต่เป็นการยกระดับจิตใจ ดังนั้นผลเป็น นามธรรม
    คุณไม่อยากรู้หรอ ว่าจิตมีจริงไหม วิทย์หาเจอหรือยัง
    สภาวะที่อธิบายไม่ได้ แต่เข้าใจได้ด้วยตัวเอง มันคืออะไร
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    อัลเบิร์ต ไอสไตล์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต

    ถึงแม้อัลเบิร์ต ไอสไตล์ ได้จากโลกนี้ไปโดยที่เขายังไม่สามารถค้นพบตำตอบ

    ตามที่เขากำลังต้องการก็ตาม แต่ไอสไตล์ได้ทิ้งคำพูดที่เป็นปริศนา

    ที่สำคัญมากให้กับมนุษยชาติ ในช่วงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเขา

    อัลเบิร์ตได้เริ่มสงสัยแล้วว่า พระพุทธศาสนา

    อาจจะเป็นศาสนาที่ให้คำตอบต่อคำถามที่เขากำลังพยายามค้นหา

    ในช่วง 1 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน

    ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อเรื่อง
     
  10. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    แบบไหนถึงเรียกว่าพุทธศาสนา
    ปลัดขิก กุมารทอง เจ้าพ่อต้นไทร ทรงเจ้า รวมด้วยไหม
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เรื่องไสยศาสตร์ ที่หมายถึง หลักวิชาของคนหลับ (คนที่ยังไม่ตื่น หรือละเมอๆยังไม่ตื่นจริง)

    ซึ่งก็คือหลักวิชาของคนที่ยังไม่รู้จริง

    โดยปัจจุบันเราจะถูกไสยศาสตร์ครอบงำกันอยู่โดยไม่รู้ตัว อย่างเช่น

    เรื่องดวงชะตาราศี เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เรื่องโชค เรื่องลาง เรื่องผู้วิเศษ

    รวมทั้งเรื่องผี เทวดา นางฟ้า นรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า และเรื่องเวรกรรมจากชาติปางก่อน เป็นต้น

    ซึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนไม่ใช่หลักของพุทธศาสนา แต่เป็นหลักของศาสนาพราหมณ์ทั้งสิ้น <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>

    พุทธศาสนาในปัจจุบันจะมีหลักคำสอนของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูปลอมปนอยู่มากมาย

    คือเรานับถือพุทธปนพราหมณ์ กันอยู่มาช้านานแล้วโดยไม่รู้ตัว

    ซึ่งวิธีจะแยกพราหมณ์ออกไปจากพุทธก็ให้สังเกตว่าพราหมณ์จะไม่มีเหตุผล,

    ไม่มีหลักในการคิด,มีแต่เรื่องลึกลับไกลตัว, สอนให้เชื่อเพียงอย่างเดียว

    โดยไม่มีของจริงมาพิสูจน์, รวมทั้งดับทุกข์ไม่ได้จริง

    <O:p></O:p>
    พุทธศาสตร์ หมายถึง หลักวิชาของผู้รู้ หรือของคนที่รู้แจ้งเห็นจริงแล้ว

    (เป็นพุทธะแล้ว) ซึ่งเป็นหลักวิทยาศาสตร์ ที่มีเหตุผล มีหลักในการคิด

    ใช้ข้อมูลที่มีจริงซึ่งพิสูจน์ได้ และเป็นเรื่องลึกซึ้งใกล้ตัวที่สามารถนำมา

    ใช้ดับทุกข์ได้จริง <O:p></O:p>

    <O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2008
  12. T W I S T I E

    T W I S T I E สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +0
    มุชิ มุชิ

    แก้กรรมมีจริงๆ แก้ได้ด้วยการทำดีมากๆ ละเว้นความชั่ว จิตใจก็สะแหร๋นแปร๋นคร่า
     
  13. คนไชยา

    คนไชยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +171
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    เรียกว่า หนีกรรม
     
  15. T W I S T I E

    T W I S T I E สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +0
    สร้างเหตุดี ผลก็ออกมาดี
    ตี้ไม่เข้าใจ หนีกรรมเป็งยังไงเอ่ย
     
  16. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    ภพเทวา ภพเปรต มีจริง
    เราชาวพุทธควรเชื่อเรื่องตายแล้วเกิด
    แต่ควรวางตัวอย่างไรกับเทพ เทวดา จึงได้ชื่อว่าผู้รู้
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    มีแต่แนวทางสำหรับการแก้ไขวิบากกรรมให้เบาบางลงไป

    1.ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังติดตามให้ผลเราอยู่ทุกรูปแบบ

    2. การบวชพราหมณ์หรือการบวชพระ การถือศีล 5 ศีล 8 ศีล 10

    ศีล 227 ตามเพสภาวะ

    3. เจริญสมาธิภาวนา แม้เราจะไม่มีเวลาไปบวชถือศีลที่วัดก็ตาม

    เราก็ควรจะทำบ้านให้เป็นวัด ด้วยการสวดมนต์และเจริญสมาธิภาวนาให้เป็นนิจ

    4. การขออโหสิกรรม หรือ การให้อภัยทาน

    ในบรรดาทานทั้งหลายอันประกอบด้วย วัตถุทาน

    ธรรมทานและอภัยทาน ถือว่าอภัยทานเป็นทานในระดับปรมัตถทานบารมี

    หากมีการให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน กรรมนั้นย่อมเป็นโมฆะ หลุดพ้น

    5. ขอร้องไกล่เกลี่ย เมื่อทำทุกอย่างที่แนะนำแล้ว เหตุการณ์รอบ ๆ ตัว

    หรือ สุขภาพการเจ็บป่วยไม่ดีขึ้น ก็ต้องหาคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยให้

    ดังนั้น
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    รู้แล้ว วาง จงอย่า ยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่รู้
     
  19. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    วิบากกรรมของพระพุทธเจ้าดังที่ตรัสเล่าไว้ใน พุทธปาทาน ว่า

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้แล้ว"
    • เราเห็นภิกษุผู้อยู่ป่ารูปหนึ่ง จึงได้ถวายผ้าท่อนเ ในกาลนั้นเราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จแม้ในความเป็นพระพุทธเจ้า
    • เราเคยเป็นนักเลงสุราชื่อ ปุนาลิ ในชาติก่อน ๆ ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า สุรภี ผู้มิได้ทุษร้าย ผลแห่งกรรมนั้น เราจึงท่องเที่ยวไปในนรกสิ้นกาลนาน เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปีเป็นอันมาก ด้วยกรรมที่เหลือนั้น ในภพสุดท้ายนี้ก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุนางสุนทริกา
    • ในกาลก่อนเราได้เคยฆ่าน้องชายต่างมารดา ด้วยเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงในซอกเขาเอาหินทุ่ม ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เทวทัตจึงเอาหินทุ่มเราสะเก็ดหินมาถูกหัวแม่เท้าเรา
    • เราเคยเป็นเด็กในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลา ก็มีความชื่นชอบ ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงเกิดการเจ็บที่ศรีษะ
    • เราเป็นผู้มีชื่อว่า โชติปาละ ได้เคยกล่าวกับพระสุคตพระนามกัสสปะว่า การตรัสรู้เป็นได้โดยยาก ท่านจะได้จากต้นไม้ที่ไหนกัน ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราได้บำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลา 6 ปี ต่อจากนั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้ เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยตรง ได้แสวงหาไปในทางที่ผิด เพราะถูกกรรมเก่าทวงเอา
    • เราสิ้นบุญสิ้นบาปแล้ว เว้นแล้วแต่จากความเดือดร้อนทั้งปวง ไม่มีความโสก ไม่มีความคับแค้น ปราศจากอาสวะ จักปรินิพพาน
     
  20. T W I S T I E

    T W I S T I E สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +0
    ที่พี่พูดมา เป็นการทำกรรมใหม่ให้ดีขึ้นนิ
    แต่ ตี้ไม่เข้าใจ มีวิญญาณโจทย์ด้วย และยังให้พระมาไกล่เกลี่ยด้วย
    แบบนี้ ทวิตตี้ ไม่เข้าใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...