**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

เล่าให้ฟังและชี้แจงให้ทราบครับ


​

...ในเบื้องต้นนี้ขออนุญาตชี้แจง และนำเรียนให้ท่านสมาชิกทราบในรายละเอียด 2-3 เรื่องนะครับ เพราะว่ามีท่านสมาชิกหลายท่านเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องพญาเต่าเรือนโพธิสัตว์ เยอะมากว่า "มีหลุดจองบ้างหรือไม่" ตรงนี้ขออนุญาตนำเรียนว่า "เต็มตามจองแล้วนะครับ" ต้องขออภัยท่านสมาชิกที่จองไม่ทันด้วยนะครับ

...ส่วนเรื่องที่มีสมาชิกสอบถามเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องการอธิษฐานจิต ถามประมาณว่า "อยากให้ผู้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์ในระหว่างพิธีอธิษฐานจิตพญาเต่าเรือน สักหน่อย"

...คือผู้เขียนขออนุญาตเรียนดังนี้ครับว่า(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ) ทางคณะผู้จัดสร้างได้รับพญาเต่าเรือนทองโพธิสัตว์จากทางโรงหล่อที่จัดส่งงามมาถึงเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 เวลา 9.30 น. ทางคณะก็ได้ติดต่อมาทางผู้เขียนและนัดกันว่าจะนำไปขอเมตตา หลวงปู่เทือง ญาณธโร เสียก่อนแต่บังเอิญว่าวันดังกล่าวผู้เขียนติดธุระในช่วงเช้า จึงไม่ได้เดินทางไปกับหมู่คณะด้วย อาจารย์ผู้จัดสร้างเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า "...พอพญาเต่าเรือนมาถึงบ้าน ไม่นานนักหลังจากเปิดกล่องบรรจุของออกดู ปรากฏว่าจากท้องฟ้าที่มีแดดส่องแรงๆ ฟ้ากับครึ่มมีเมฆดำบดบังแดด หลังจากนั้นไม่นานฝนก็ตกลงมา ทั้งๆที่อำเภอเมืองฝนไม่ตกมานานแล้วตั้งแต่เปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วเป็นฤดูฝน(แต่อาจตกต่างอำเภอ) ก็รู้สึกว่าแปลกดีแต่ไม่ได้สนใจนัก" (ซึ่งหลังจากวันที่ 19มาถึงวันที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความนี้ คือวันที่ 21 มาฝนก็ยังไม่ตกที่อำเมืองเลยอีกเลยครับ)

....พอเวลาประมาณ 11.20 น.ของวันที่ 19 สิงหาคม คณะก็ได้เดินทางถึงวัดโพธิ์ชัย ทางคณะได้กราบนมัสการหลวงปู่เทือง และกราบขอเมตตาหลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตพญาเต่าเรือนทองโพธิสัตว์ให้เป็นปฐมฤกษ์ ซึ่งในขณะนั้นเองฝนที่หยุดตกไปในช่วงเช้าแล้ว กลับตกลงมาอีกในขณะที่หลวงปู่เทือง
อธิษฐานจิต หลังจากเสร็จพิธีทางคณะได้ถวายปัจจัยให้กับหลวงปู่ และกราบนมัสการลากลับ อยู่ๆฝนก็หยุดตกแบบดือๆไปเฉยเลย และก็มีแดดออก

....ในวันเดียวกันนี้ครับผู้เขียน ก็ได้แจ้งไปยังอาจารย์บุญเลิศที่สำนักท่าน เพื่อให้ท่านทราบ ในการหาเวลาให้ท่านทำพิธีบูชาพระ และ พิธีตั้งธาตุ4 อาการ32 ให้ตามแบบโบราณจารย์ ท่านก็บอกว่าวันนี้เลยเวลา 15.30 น. ในระหว่างนี้ครับ ท่านให้คณะผู้จัดสร้าง หาบายศรีกระทงเล็ก 2 กระทง(ไว้บูชาพระ) พวงดอกมะลิ 8 พวง พุ่มดอกดาวเรือง 2 พุ่ม ผ้าสบงพระ 2 ผืน (ซึ่งหลังจากเสร็จพิธีแล้วผ้าสบงก็นำไปถวายพระที่วัดต่อไป)

....หลังจากเตรียมของเสร็จทางคณะและผู้เขียนก็ได้เข้าไปหา อ.บุญเลิศ ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดในช่วงบ่าย จากนั้นท่านก็พาไปที่สำนักของท่านที่บ้านพัก จัดพิธีบูชาพระเรียบร้อยในห้องพระท่าน ท่านก็ให้เอารูปหล่อพญาเต่าเรือนทั้งหมดลงในขันน้ำมนต์ที่เตรียมไว้ ซึ่งในขณะที่เรียงเต่าลงในขันน้ำมนต์ อยู่ อยู่จากที่ฟ้าเปิดแดดออกร้อนๆ สักพักฟ้าก็ครึ่มลงมาอีก "ฝนตกลงมาอีกครั้ง" แต่ครั้งนี้มีฟ้าร้องด้วย

....อ.บุญเลิศ ท่านบอกว่า "ฤกษ์ดีนะเนี่ย ร่มเย็น ร่มเย็น" หลังจากเรียงพญาเต่าเรือนลงในขันน้ำมนต์เสร็จ อ.บุญเลิศ ได้นำขันที่เรียงพญาเต่าเรือนเสร็จท่านได้เอาออกไปกลางแจ้งที่ฝนกำลังตกอยู่ ท่านบอกว่า "เอาเต่าไปรับน้ำฝนก่อน" ท่านเอาไว้กลางแจ้งและภาวนาไปด้วยจนมีเสียงฟ้าร้องดังสนั่น ท่านจึงได้นำกลับเข้ามาที่ห้องพระ ก่อนจะนำมาตั้งเทียน และเทน้ำมนต์ใส่(ซึ่งน้ำมนต์ของท่านเป็นน้ำมนต์ 9 วัด)

...หลังจากนั้นท่านก็ตั้งบายศรี ข้าวตอกดอกไม้ พวงดอกมะลิ พวงมาลัย พุ่มดอกดาวเรือง อาจารย์บุญเลิศให้คณะนำพวงดอกมะลิขึ้นไปบูชา สถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สมเด็จโต หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ และพระโพธิสัตว์(ซึ่งเป็นรูปหล่อขนาดบูชาในสำนักงานท่าน)

...จากนั้นท่านก็ให้คณะประมาณ 4-5 คนรวมผู้เขียน ไปนั่งบริเวณด้านหลัง ท่านอาจารย์ก็นั่งตรงหน้าพระประธาน และเริ่มสวดพระพุทธมนต์ ซึ่งในขณะนี้ฝนตกตลอดเวลาเลยครับ และเป็นฝนตกดี(คือไม่มีลมพายุ) อากาศเย็นสบายมาก แสงสว่างจากเทียนนี้สว่างรอบห้องเลยทั้งๆที่แค่จุดตรงขันน้ำมนต์เท่านั้น หลังจากเสร็จพิธีผู้เขียนก็ได้ขอไปถ่ายรูปตรงขันน้ำมนต์ก็ปรากฏมีเต่าบางตัว ลอยน้ำมาเกาะที่พวกดอกมะลิครับ(ทั้งๆที่ทุกคนก็นั่งอยู่คนละที่ไม่ได้ไปแตะต้องพระในขันน้ำเลย) อันนี้ก็เป็นเหตุการทั้งหมดของวันที่ 19สิงหาคม ครับ ก่อนจะนำถวายขอเมตตา หลวงพ่อเจ้าคุณท่านเมตตาอธิษฐานจิตเป็นที่สุดในวาระ วันที่ 20 สิงหาคม และถวายท่านไปจำนวนหนึ่งครับพร้อมปัจจัย(ดังที่ได้โพสไปแล้ว)

​

.....หลวงพ่อท่านเจ้าคุณ ท่านจึงได้กล่าวว่า "รุ่นนี้ ร่ม เย็น เป็นสุข" จริงๆเลยครับ...

... อ.บุญเลิศ เชื่อบุญมี อาจารย์ฆราวาส ท่านบอกว่า "พญาเต่าเรียกลาภผล มีฝน มีน้ำ มีผลผลิต มีนามีข้าวมีความอุดมสมบูรณ์ มีความเจริญงอกงาม"

*** ส่วนเรื่องการจัดส่งตอนนี้ทางคณะได้แบ่งแยกจำนวนแล้วนะครับ กำลังนำบรรจุกล่องพัสดุ และจะจัดส่งวัน จันทร์ที่ 23 อังคารที่ 24 และ พุธที่ 25 ตามลำดับนะครับ แล้วจะทยอดๆจัดส่งให้กับสมาชิกทุกท่านที่ร่วมบุญในครั้งนี้ครับ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ​

 

เหรียญ อโรคยา ปรมาลาภา



......ส่วนเหรียญที่ท่านสมาชิกเห็นคือเหรียญทำน้ำมนต์ "หมอชีวกโกมารภัจจ์" บรมครูหมอยาในสมัยพุทธกาล และยังเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าที่เป็น ฆราวาสที่บรรลุธรรมพระโสดาบัน(พระอริยบุคคลขั้นเบื้องต้นในพุทธศาสนา) ที่ปีนี้ช่วงนี้ผู้เขียนจะจัดสร้าง แจกฟรี แก่ท่านสมาชิกที่ร่วมบุญกันเสมอมาต่อไปนะครับ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ "พิชิตโรค พิชิตภัย" ต่อไปครับ​

....เหรียญที่จัดสร้างครั้งนี้ ถือเป็นเหรียญรุ่นพิเศษ "ทำน้ำมนต์" ครับรูปลักษณ์ของหมอชีวกโกมารภัจจ์ โดยพระครูโพธิสารคุณ วัดโพธิ์ศรี เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการจัดสร้างทั้งหมด 300 เหรียญเป็นเนื้อทองเหลืองทั้งหมด โดยเจตนาในการจัดสร้างนี้ เพื่อแจกเป็นขวัญกำลังใจและเป็นที่ระลึก ให้กับพุทธศาสนิกชนใช้ในการเป็นที่ยึดเหนี่ยวและเป็นกำลังจิต กำลังใจ ในช่วงที่มีโรคระบาดอยู่ขณะนี้ ซึ่งเหรียญรุ่นนี้จัดสร้างขึ้นให้สามารถ ทำน้ำมนต์ได้โดยอาศัยบารมีคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริสงฆ์ได้ครับ(ท่านพระครูอธิษฐานด้วยบทอิติปิโสรัตนมาลา 108 สายวัดประดู่ทรงธรรม)

​

....ด้านหลังจะเป็นยันต์ "พุทธอะระหัง"(ยันต์พระพุทธเจ้าผู้ห่างไกลจากความเศร้าหมองทั้งปวง) และมี พุทธวัจจนะมงคลของพระพุทธเจ้าใต้ยันต์ว่า
อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ไว้หลักเหรียญด้วยครับ

....คงจะได้แจกเร็วๆนี้ครับ(เพราะต้องรอตอกโค๊ตและเข้าพิธีบูชาพระอีก 1 วาระครับ) แล้วจะกำเนินการแจกแก่ท่านสมาชิกทุกท่านต่อไปนะครับ ฟรี ครับ ซึ่งทุกท่านที่ได้รับแจกหรือขอเข้ามาจะได้รับ ใบแนบวิธีทำน้ำมนต์โดยใช้เหรียญนี้ทุกท่านนะครับ

ขอเป็นกำลังแรงใจให้ทุกท่าน ขอบารมีพระพุทธเจ้าคุ้มครองทุกท่านครับ อนุโมทนาครับ​

 

​

.....วันที่ 23-24-25 /8/ 2564 ได้จัดส่ง "พญาเต่าเรือนทองโพธิสัตว์" ให้สมาชิกทุกท่านที่ร่วมบุญ ครบแล้วนะครับส่วนท่านใดอยากได้รหัสไปรษณีย์สามารถแจ้งขอรับทาง PM ได้เลยครับ(ส่งครบทุกท่านแล้วครับ)

อาจจะได้เร็ว ได้ช้าต่างกัน แต่ได้ทุกท่านแน่นอนครับ
ขอขอบคุณและอนุโมทนากับครับ​

 

ได้รับแล้วครับ ขออนุโมทนาบุญในกุศลผลความดีทุกประการครับ

 

​

....อุปเท่ห์พญาเต่าเรือนทองโพธิสัตว์ ท่าน อ.บุญเลิศ กรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังครับหลังจากวันนี้ผู้เขียนได้นำพญาเต่าส่วนของผู้เขียนไปเลี่ยมบูชา ท่านเล่าว่า

....พญาเต่าเรือนทองโพธิสัตว์นี้ ไม่เหมือนพญาเต่าเรือนที่สร้างกันโดยทั่วไป เพราะพญาเต่าเรือนชุดนี้เป็นการสร้างแบบย้อนลอยเป็นพญาเต่าที่สื่อพลังงานถึง "พระโพธิ์สัตว์" ทุกๆองค์ ซึ่งพระโพธิสัตว์นั้นหมายความรวมถึง พระเจ้าจักรพรรดิ พระโพธิสัตว์ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แลพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตด้วย ซึ่งเป็นกำลังพลังงานที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในโลกอย่างเข้มข้น

...ซึ่งพลังงานตรงนี้ท่านได้ทำพิธีบูชาพระน้อมนำพลังงานนั้นมาสถิตลงในพญาเต่าเรือน ทุกๆองค์ โดยท่านกล่าวว่า ท่านไม่ได้เสกแต่ท่านเป็นสื่อกลางระหว่างพระท่านที่เป็นนามธรรม ผ่านท่านผู้ขอบารมีสู่วัตถุมงคลตามรูปลักษณ์ที่เป็นรูปธรรม

...คำว่า พิธีบูชาพระ ของท่านอาจารย์บุญเลิศนี้ ท่านว่าก็เป็นพิธีอัญเชิญพลังงาน พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาสถิต ทางสายหลวงปู่ดู่ท่านจะเรียกว่า "วิชาภูตพระพุทธเจ้า" โดยมีคาถาภูตพระพุทธเจ้า ของหลวงปู่ดู่

พุท ธะ สัง วิ หะ ระ ตัง ปุญ ญัง วะ ทา

มีความหมายโดยย่อคือ ด้วยอานุภาพแห่งการนอบน้อมในพระพุทธเจ้า
พระสัจจธรรม และพระอริยสงฆ์ ขอให้จิตของข้าพเจ้าจงเป็นวิหารที่สถิตซึ่ง...
พระพุทธบารมี พระธรรมบารมี และพระสังฆบารมี อันไม่มีประมาณ

คาถาตั้งองค์พระพุทธนิมิตของหลวงปู่ดู่พุทธะสังมิ ธะสังมิพุท สังมิพุทธะ มิสังธะพุท มหาภูตัง

พุทธะนิมิตตัง ธรรมะนิมิตตัง สังฆะนิมิตตัง วิหะระตัง
ปุญญังวทามิ พุทธะสัง จตุภูตัง วิหะระตัง ปุญญัง
วทามิ พุทธะสัง วิหะระตัง ปุญญัง วทามิ..

************
​

....ซึ่งในพิธีนี้ อ.บุญเลิศท่านต้องเตรียมบายศรีกระทงเล็ก 2 กระทง(ไว้บูชาพระ) พวงดอกมะลิ 8 พวง พุ่มดอกดาวเรือง 2 พุ่ม ผ้าสบงพระ 2 ผืน (ซึ่งหลังจากเสร็จพิธีแล้วผ้าสบงก็นำไปถวายพระที่วัดต่อไป)
​

​

....จากนั้นตั้งธาตุ และ ตั้งธรรม การตั้งธาตุคือธาตุ 4 อาการ 32 และอัญเชิญบารมีพระท่านผ่านพลังงาน หลังจากเสร็จพิธีจึงนำขอเมตตาธรรม ครูบาอาจารย์ผู้ทรงศีลอธิษฐานจิต ตั้งธรรมลงสู่พญาเต่าชุดนี้ ในการนี้ได้รับความเมตตาอธิษฐานธรรมจาก เจ้าคุณพระราชวชิรเมธี(หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด ลูกศิษย์สายธรรมหลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ) และ หลวงปู่เทือง ญาณธโร(วิปัสสนาจารย์สายวัดมหาธาตุ) เมตตาหนุนธรรม

....เต่าชุดนี้จึงมีกำลังทั้งธาตุ กำลังทั้งธรรมครบทุกประการ อุปเท่ห์ท่านว่า พญาเต่าเรือนทองถ้าทำได้ถูกต้องตั้งแต่ขั้นชนวนมวลสาร หล่อขึ้นองค์ผ่านพิธีแล้ว นำมาใช้อธิษฐานหนุนได้ทั้งทางโลกและทางธรรม

- ถ้านำติดตัวจะเป็นการปรับธาตุได้ ตั้งบูชาไว้ย้อมปกปักรักษาทรัพย์คุ้มครองผู้คนในบ้าน ให้อยู่เย็น เป็นสุข ใช้ทำน้ำมนต์รดราด พืชผลผลิต จะเจริญงอกงามเป็นอย่างดี

- จะทำมาค้าขาย หันหน้าพญาเต่าออกไปทางหน้าร้าน จะเป็นเมตตาผู้คนจะมาค้ามาขายดีนักแล เก็บไว้ในที่เก็บเงินเก็บทองจะพอกจะพูนทรัพย์สิน จะไปเจรจาให้เกิดผลแช่ทำน้ำมนต์ล้างหน้าจะมีเมตตาต่อผู้พบเห็น แลจะอธิษฐานขอโชคลาภได้ 108 ประการตามปรารถนาเทอญ..
​

***ทุกใบจะมีคาถาบูชาขอพรพระโพธิสัตว์แนบไปด้วยนะครับ***​

 

พระอริยสงฆ์ศิษย์หลวงปู่ชอบ
หลวงพ่อบุญฤทธิ์ ปุญญวัณโณ


​

...หลวงพ่อบุญฤทธิ์ ปุญญวัณโณ ท่านบวชเมื่อปี 2514 หลวงพ่อบุญฤทธิ์ ท่านเป็นชาวบ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เป็นญาติกับหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ ท่านอยู่กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ 3 ปี หลังจากนั้นท่านก็มาอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ตั่งแต่ปี พ.ศ 2518 จนท่านหลวงปู่ชอบมรณภาพ(ปี2538) และปัจจุบันท่านก็ยังจำพรรษาอยู่วัดป่าสัมมานุสรณ์ ท่านยังคงพักอยู่ที่กุฏิเก่าของท่านตั้งแต่แรกมาจำพรรษากับหลวงปู่ชอบ ท่านมีปฏิปทาสมถะ เรียบง่าย และเป็นผู้ทรงญาณสมาธิอยู่ตลอด ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ท่านจะภาวนาในใจจิตท่านทุกครั้ง ท่านจึงเป็นผู้ที่พูดน้อยแต่ปฏิบัติมากและสันโดด ..

...ท่านได้อยู่พักภาวนากับหลวงปู่ชอบ และ ได้รับการอบรมณ์ภาวนากับหลวงปู่ชอบตลอดมารวมระยะเวลาถึง 20 ปี ...ปัจจุบันท่านอายุ 66 ปี 45 พรรษา

 

ใช้วัตถุมงคลอย่างไรถึงจะได้ผลดี
(อธิบายโดยหลักวิทยาศาสตร์)


​

...อย่างที่ทราบกันครับว่า พระเครื่อง หรือ วัตถุมงคลต่างๆ นอกจากจะมีรูป(รูปลักษณ์พระ) แล้วยังมีนาม(พลังงานภายใน) ที่ผู้สร้างหรือผู้อธิษฐานจิตได้อธิษฐานบรรจุลงในวัตถุมงคลนั้นๆ ด้วยความเชื่อที่ว่าพลังงานที่แฝงอยู่ในวัตถุมงคลนั้นๆ จะสามารถกระจายพลังงานออกมาช่วย หรือออกมาหนุนเสริม ปกป้องคุ้มครอง ให้กับผู้บูชาหรือพกติดตัวได้ อันนี้เป็นการอธิบายโดยความเชื่อเรื่องพลังงานภายในพระหรือวัตถุมงคล ส่วนในทางวิทยาศาสตร์ก็สามารถอธิบายได้ในลักษณะเดียวกัน

...ขออ้างอิงบทความของ อ.โอฬาร เทียนธรรม อดีต ผอ.TOT สำนักงานใหญ่และนักวิทยาศาสตร์อิสระ ผู้เขียนหนังสือ "ความสัมพันธ์เชื่อมโยงของทุกสรรพสิ่ง" เป็นการอธิบายความเรื่องพลังงานในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า

...วัตถุต่างๆที่ผู้สร้างขึ้นไม่ว่าจะสร้างขึ้นมาโดยฝีมือของมนุษย์ หรือโดยธรรมชาติก็ตาม วัตถุที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นๆ ก็คือการที่โมเลกุลต่างๆมากมาย มารวมกันก่อให้เกิดรูปลักษณ์ต่างๆขึ้นเป็นรูปธรรม และตรงโมเลกุลต่างๆนี้เองจะมี ส่วนที่เล็กที่สุดที่อยู่ภายใน ซึ่งไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ แต่มีความเสถียรของพลังงานประจุไฟฟ้าภายในซึ่งเรียกว่า ควาร์ก (Quark) ควาร์กนี้นอกจากจะมีคุณสมบัติสามารถบันทึกพลังงานต่างๆที่มากระทบได้แล้ว ยังสามารถกระจายประจุไฟฟ้าออกภายนอกได้ด้วย(กระจายพลังงาน)

...ควาร์กนี้ถ้าจะเปรียบไปก็เหมือนกับ จิต แต่อาจจะมีคุณสมบัติไม่เท่าจิต กล่าวคือ สามารถบันทึกสิ่งเร้าภายนอกได้ และสามารถกระจายพลังงานออกมาได้เมื่อถูกกระตุนจากสิ่งเร้าภายนอก ผลการทดลองทางงานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของควาร์กที่มีต่อสิ่งเร้า และกระจายประจุไฟฟ้าออกมาผ่านรูปลักษณ์โมเลกุล ก็มีงานวิจัยอ้างอิงประมาณว่า...

ผลึกโมเลกุลน้ำ​

....ได้มีการทดลองของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง(ถ้าจำไม่ผิดมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด) ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการนำน้ำจากที่เดียวกัน ภาชนะใส่น้ำเหมือนกันบรรจุไว้ในขวดแบบปิด โดยขวดที่ 1 นำไปไว้ในที่ที่ผู้คนส่วนมากไปสวดมนต์ และไปทำกิจกรรมต่างๆไปในทางที่ดี ในทางที่เป็นกุศล(ไว้ในโบสถ์คริสต์) ส่วนขวดที่ 2 นำไปไว้ในที่ ที่อโคจร ในสถานที่ที่มีความสับสนวุ้นวาย

...ปรากฏผลว่า น้ำขวดที่ 1 ที่อยู่ในโบสถ์ ควาร์กจะแสดงผลออกมาผ่านโมเลกุลน้ำที่เป็นผลึกจะเรียงตัวสวยงาม มีรูปร่างสมส่วนชัดเจน ส่วน น้ำขวดที่ 2 ที่นำไปไว้ในสถานที่อโคจร จะมีผลึกโมเลกุลน้ำที่แตก เรียงตัวไม่สวย ไม่สมส่วน ผลึกไม่จับตัวกัน

....ดังนี้จากการทดลองจะเห็นได้ว่า สิ่งเร้ามีผลต่อควาร์กที่แสดงออกมาเป็นรูปธรรมนั้นได้ นั้นหมายความว่า ควาร์กสามารถส่งประจุพลังงานนั้นๆออกมาได้และมีผลต่อโมเลกุลนั้นด้วย ส่วนโมเลกุลจะออกมาในรูปแบบใดขึ้นอยู่กับว่า ควาร์กได้รับสิ่งเร้าแบบใด และควาร์กบันทึกอะไรไว้

*************
​

.....ภายในวัตถุมงคลก็ เช่นกันครับ วัตถุมงคลก็เป็นวัตถุชนิดหนึ่ง(ไม่ว่าจะสร้างด้วยโลหะหรือดิน หิน ผง) ย้อมเป็นรูปลักษณ์ที่เป็นรูปธรรมมองเห็นจับต้องได้ ก็ย้อมมีควาร์กหรือจะเรียกว่า "จุดบันทึกพลังงานก็ได้" อยู่ภายในเป็นนามธรรม ซึ่งนามธรรมนี้ได้ผ่านการบันทึกพลังงานทางจิตของ พระครูบาอาจารย์ หรือ อาจารย์ฆราวาสก็ตาม ที่ท่านอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีเจตนาเมตตา และมีกำลังสมาธิที่ท่านบำเพ็ญปฏิบัติมา ผ่านกระแสพลังงานต่างๆที่บันทึกอยู่ในโลกนี้(พลังงานพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดถึงพลังงานความดีต่างๆที่ทิ้งไว้ในโลก)

....น้อมนำผ่านจิตที่ฝึกมาดีแล้วของท่านนั้นๆ ทั้งผ่านบทสวดมนต์ ทั้งผ่านการอธิษฐานลงสู่วัตถุมงคลรูปลักษณ์นั้นๆ ควาร์กที่อยู่ในวัตถุมงคลนั้น "ก็จะบันทึกพลังงาน" เหล่านั้นไว้ เป็นพลังงานพุทธคุณ ที่สามารถแสดงฤทธิ์นั้นๆออกมาได้นั้นเอง..

***ฉะนั้นตามทฤษฎีเบื้องต้น การที่วัตถุมงคลที่ถูกอธิษฐานจิตมาอย่างดีจะมีพลังงานพุทธคุณ(หรือควาร์ก) จะแสดงผลในลักษณะการปล่อยประจุพลังงานออกมาเป็นรูปธรรมได้ ก็ต้องมีสิ่งเร้า ซึ่งสิ่งเร้าที่ว่านี้คือ "พลังงานอันเกิดจากการสวดมนต์" เพราะพลังงานที่ถูกบรรจุหรือบันทึกลงในวัตถุมงคลนั้น เป็นพลังงานบันทึกแห่งความดีงาม จึงต้องกระตุ้นเร้าด้วยพลังงานที่เหมือนกันจึงจะเห็นผล

จิตมนุษย์ก็เป็นพลังงานนามธรรมอย่างหนึ่ง ที่เป็นพลังงานที่จะกระตุ้นเร้าและบันทึกลงในวัตถุมงคลนั้นๆในเวลาเดียวกัน ทั้งการตั้งจิตภาวนา การสวดมนต์ การอธิษฐาน ก็เหมือนกับการจูนพลังงานของจิตเรา ให้ตรงกับควาร์กที่ถูกบันทึกพลังงานนั้นๆไว้ในวัตถุมงคล ซึ่งพลังงานนั้นย้อมแสดงออกมาเป็นในรูปแบบประจุไฟฟ้า(การกระจายพลังงานรูปธรรม) ทำให้มีผลต่อผู้ติดตัวบูชา ไม่ว่าจะส่งเสริม เมตตา โชคลาภ แคล้วคลาด ตามที่พลังงานในส่วนนั้นๆอธิษฐานไว้

​

***ตรงนี้ก็ตรงกับหลักการของหลวงปู่ดู่ ที่หลวงตาม้าท่านว่า "พลังงานในพระท่านสว่างอยู่แล้ว จิตเราระลึกถึงพระจิตเราก็สว่างตามพระ จิตเราระลึกถึงพระก็สามารถน้อมนำพลังงานในพระนั้นมาที่เราได้....."

**************​

​

 

ยันต์ชินบัญชรมหาจักรพรรดิ
(มหาพุทธคุณหนุนเสริมชีวิตและคุ้มครองป้องกันภัยทั้งปวง)


​

....อักขระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอักขระโบราณ หรือ อักขระขอม ถือเป็นอักษรที่เป็นรูปธรรม ที่ใช้ในพิธีกรรมมงคลต่างๆในสมัยคดี ทั้งศาสนาพุทธ ทั้งศาสนาพราหมณ์ หรือศาสนาอื่นๆ โบราณจารย์ท่านได้ประดิษฐ์อักษรเหล่านี้ขึ้นเพื่อใช้ในพิธีสำคัญเท่านั้น ให้เป็นสื่อถึงพลังงานเร้นลับบางอย่างที่อยู่ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อทั้งดีและไม่มี เพื่อเชื่อมโยงจากพลังงานที่เป็นนามธรรม นำมาใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้

...ยันต์ ก็เช่นเดียวกัน โบราณจารย์ท่านได้รจนาขึ้น เพื่อนำรูปลักษณะและตัวอักษรในรูปแบบต่างๆ มาผนวกพลังงานนั้นๆ ทั้งตามความหมายและตามความเชื่อ ให้มาเป็นสื่อถึงพลังงานที่เป็นนามธรรม ผ่านมาที่อักขระยันต์นั้นๆไปยังผู้ติดตัวและบูชา ให้ได้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้ เช่น ทางเมตตาบ้าง ทางคงกระพันบ้าง มหาอุตม์บ้าง จะเห็นได้จากการสักยันต์ต่างๆในสมัยโบราณและการนำแผ่นตะกั่วมาลงทำตะกรุดเป็นเครื่องรางติดตัวบูชา เป็นต้น

*********
​

ยันต์ชินบัญชรมหาจักรพรรดิ - เป็นยันต์หนึ่งที่มีพลานุภาพมาก เป็นการนำยันต์มหาจักรพรรดิ์ตำรับวัดประดู่โรงธรรม อยุธยา มาผนวกรวมกับ อักขระยันต์พระคาถาชินบัญชร(ตำรับเก่าสิงหล) ซึ่งทั้ง 2 ยันต์นี้ อ.บุญเลิศ ได้ร่ำเรียนมาจากครูบาอาจารย์สายอยุธยาทั้งคู่ โดยคาถาชินบัญชรท่านร่ำเรียนจาก หลวงปู่มี วัดมารวิชัย และ ยันต์มหาจักรพรรดิ์ท่านได้ร่ำเรียนมาจากหลวงพ่อเอนก ธัมมลาโภ(ลูกศิษย์ หลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม)

...ซึ่งทั้ง 2 มหายันต์นี้ถือว่าลงยากมาก อาจารย์เลิศท่านกล่าวว่า "ยันต์ชินบัญชรนี้ต้องลงทุกตัวอักษรของคาถาชินบัญชรและต้องลงทั้งหมด 15 บทภาวนาทุกตัวอักษร ประสานตัวอักษรแต่ละตัวด้วยคำภาวนาว่า "อักขระยันต์ตังสันตังวิกรึงคะเร" ถึงลง 1 ตัวอักษรและเสกภาวนาด้วยพระคาถาชินบัญชร 3 คาบ"

...ส่วนยันต์มหาจักรพรรดิ์ อ.บุญเลิศว่า "ผู้ที่จะลงต้องสวดอิติปิโสรัตนมาลาได้ ซึ่งมีทั้งหมด 108 บทแต่ละบท ประกอบไปด้วยอักษร 32 ตัว(ลักษณะมหาบุรุษ32) ในการลงแต่ละครั้งต้องภาวนาคาถา 1 บท ต่อการลงอักขระ 1 ตัวในกรอบเหลี่ยมเพชร หลังจากลงแล้วต้องสวดเสกภาวนาหลายคาบหลายจบ จนกว่าจะเกิดนิมิตสมบัติจักรพรรดิ์ 7 ประการ เป็นอันใช้ได้ และต้องมีการจัดพิธีบูชาพระอีกครั้ง ซึ่งเป็นการไหว้ครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชานี้อีกรอบ"

....ซึ่งยันต์ทั้ง 2 อย่างนี้ได้นำหลักการดังกล่าวมาลงในแผ่นเดียวกัน(แผ่นโลหะขนาดเท่า A4) โดยลงคาถาชินบัญชรก่อน และจึงลงยันต์มหาจักรพรรดิ์สำทับตรงกลางอีกครั้ง และมียันต์ประกอบอีกมากมาย เช่น อักขระยันต์ไตรสรณคมน์ ยันต์พุทธอะระหัน เป็นต้น

ซึ่งในอุปเทห์นี้ท่านกล่าวว่า "เสมือนหนึ่งยกกำลังคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ทั่วทั้งสามแดนโลกธาตุจักรวาล ให้เป็นสื่อไปทั่วถึงแห่งพลังงานนั้นเลยก็ว่าได้ กล่าวเป็นประการว่า คาถาชินบัญชรนี้ ก็ยกคุณวิเศษแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ พระธรรม 7 พระสูตร พระอริยสงฆ์ที่เป็นพระอสีติมหาสาวกมีคุณวิเศษอีก 80 องค์ มาเป็นวงรอบล้อมภายใต้ บัญชร(แปลว่าหน้าต่าง หรือลูกกรง) ผู้ใดก็ตามอยู่ภายในหน้าต่างแห่งธรรมนี้ คำว่า ตกต่ำ จนยาก จะไม่มีแต่ผู้นั้น ภยันอันตรายต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเกิดจากมนุษย์หรือธรรมชาติก็ดี ย้อมมิอาจเข้าถึงตัวผู้นั้นได้ดุจดังมีกำแพงแก้วเจ็บชั้น ย้อมทำให้เกิดแต่ความร่มเย็นเป็นสุขแต่ถ่ายเดียว สมดังคำว่า ชินนะ แปลว่า ผู้ชนะ(ชนะภัยทั้งปวง)"

ในอุปเทห์แห่งยันต์มหาจักพรรดิ์นี้ "ยันต์มหาจักรพรรดิ์ถือเป็นวิชาหลักของสำนักวัดประดู่ทรงธรรมเลยก็ว่าได้ และเป็นมรดกทางภูมิปัญญาอันลึกซึ้งของโบราณจารย์ที่ท่านได้รจนาเอาไว้ เพื่อรวมกำลังแห่งคุณพระรัตนตรัยไว้ถึง 108 บท และเป็นพระยันต์ที่อยู่คู่แผ่นดินสุวรรณภูมินี้มาช้านาน ตั้งแต่สมัยสุโขทัย มาอยุธยา มาถึงกรุงธนบุรีจนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งยันต์มหาจักรพรรดิ์นี้ ในสมัยก่อนจะมีแต่กษัตริย์ ขุนนาง คหบดี มหาเศรษฐี เท่านั้นที่จะได้มีพระยันต์นี้ไว้บูชาติดตัว (มาทำเป็นตะกรุด) ด้วยเหตุที่ว่าการหาแผ่นเงินหรือทองสมัยนั้นมีค่ามาก คนทั่วไปไม่สามารถหาของเหล่านี้ได้้ จึงไม่สามารถนำไปขอเมตตาพระครูบาอาจารย์หรืออาจารย์ฆราวาสผู้ทรงคุณ ให้ท่านลงยันต์นี้ได้ และหาผู้ที่ลงยันต์นี้ได้ยากยิ่งนัก"

...ท่านว่าพุทธคุณของยันต์มหาจักรพรรดิ์นี้ มีคุณอเนกอนันต์มิอาจประมาณได้ "แต่คุณวิเศษหลักๆเลยคือ หนุนเสริมให้กับผู้บูชา" กล่าวคือ ถ้าผู้ใดเป็นขุนนางรับราชการ ถ้ามีไว้บูชาก็จะหนุนเสริมส่งบุญวาสนา ให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มียศถาบรรดาศักดิ์ได้ดีขึ้น ถ้าผู้ใดทำกิจการ การค้าวานิชย์มียันต์นี้ไว้ติดกาย ก็จะจำเริญ(เจริญ) ค้าขายดีมีกำไรมาก มีลูกน้องบริวารมากมาย รักษาทรัพย์ได้ดี เป็นเศรษฐีคหบดีกันทั่วไป....โบราณกล่าวท่านว่าเช่นนั้น

*********

ลายมือ อ.บุญเลิศ วัย 74 ปี
(อักขระครบสวยงามมากครับละเอียดสุดๆ)
​

...ซึ่ง อ.บุญเลิศ เชื่อบุญมี อาจารย์ฆราวาส อดีตเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัด(พิธีกรรม) ท่านได้นำทั้ง 2 มหายันต์นี้ พร้อมทั้งยันต์ย้อยๆอีก 3-4 ยันต์มาลงในแผ่นโลหะขนาด A4 และเชื่อมโยงทั้ง 2 ยันต์นี้ให้เข้าด้วยกัน(อันนี้กลเม็ดเด็ดพรายของครูบาอาจารย์ท่านจะไม่บอกกัน) ให้มีพุทธคุณหนุนนำ เกื้อกูล ให้สอดคล้องกันในด้านส่งเสริมซึ่งกันและกันโดยนำเอกลักษณ์ของลักษณะยันต์ทั้ง 2 ที่โดดเด่นให้เกิดเป็นคุณวิเศษขึ้นมา

...ท่านได้เมตตาจารให้ผู้เขียนนำไปสร้างพระ ส่วนจะเป็นพระอะไรนั้น ต้องรอคณะแจ้งมาอีกครั้งในงานบุญครับ....เพียงนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

​

 

ประชาสัมพันธ์งานบุญเล็กๆครับ​

....ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญ ถวายปัจจัยและถวายหนังสือ "คัมภีร์วิสุทธิมรรค" และ "หนังสือพุทธธรรม" โดยดำริของ หลวงปู่เทือง ญาณธโร ซึ่งจุดประสงค์คือ

1.เพื่อถวายตำราชุดนี้(1 ชุด 2 เล่ม) เพื่อถวายหลวงปู่เทือง เนื่องจากเล่มเก่าของท่าน เก่ามากแล้วและขาดเสียหายไปตามกาลเวลา(ท่านนำมาอ่านศึกษาประจำ)
2.เพื่อมอบไว้แก่ส่วนกลาง 1 ชุด เพื่อให้บุคคลทั่วไปที่มาปฎิบัติธรรม ได้ศึกษาเรียนรู้
3.เพื่อมอบให้ส่วนกลางวัด 1 ชุดสำหรับภิกษุ สามเณรได้ศึกษาเพื่อเผยแพร่พระธรรมคำสอนต่อไป

....ซึ่ง 1 ชุดจะมี 2 เล่ม คือ คัมภีร์วิสุทธิมรรค และ หนังสือพุทธธรรม ซึ่งทั้งสองเล่มนี้เป็นการอรรถาธิบายเกี่ยวกับเรื่องจิตภาวนาล้วนๆ กล่าวคือ เป็นการอรรถาธิบายขยายความพระอภิธรรมปิฏกทั้งเรื่อง จิต เจตสิก รูป นิพพาน ทั้งสมถกรรมฐาและวิปัสสนากรรมฐาน โดยเน้นหลักสติปัฐานสี่ เป็นหลัก

*****************​

....ในการนี้ตามจุดประสงค์ดังกล่าวในการซื้อตำราไว้อย่างน้อย 3 ชุดซึ่งรวมแล้วอาจจะชุดละ 1300 บาท ต่อ1 ชุด นะครับโดยประมาณ จำนวนหน้าหนากว่า 400 หน้า เป็นปกแข็งวิทยานิพนธ์ ใช้กระดาษมันในการจัดพิมพ์ทั้งเล่ม

....ด้วยการนี้ท่านผู้มีจิตศรัทธาท่านใดประสงค์อยากจะร่วมทำบุญในส่วนนี้
70 บาท ท่านจะได้รับ "รูปหล่อหมอชีวกโกมารภัจจ์" เนื้อทองเหลืองผสม "ธาตุกายสิทธิ์ปรอทเย็น" ซึ่งได้จัดสร้างขึเนเพื่อมอบให้กับท่านผู้มีจิตศรัทธาในการนี้ด้วย 1 องค์ ครับ(สามารถจองจำนวนและโอนปัจจัยได้เลยครับ หลังจากวันที่ 18/9/64 จะนำถวายและหลวงปู่อธิษฐานจิตและถวายตำราต่อไปหลวงปู่ต่อไป **จำนวนสร้างแค่ 100องค์หมดแล้วปิดยอดทันทีครับ)

....รูปหล่อหมอชีวกโกมารภัจจ์ นี้ทางโรงหล่อมีต้นแบบอยู่แล้ว ทางคณะจึงได้ขอให้โรงหล่อ สั่งหล่อใหม่เป็นการเฉพาะโดยผสมแร่กายสิทธิ์ปรอทเย็น ซึ่งเป็นปรอทที่มีคุณวิเศษในตัวด้าน "สารดูดพิษ" เพราะเป็นธาตุเย็น คุณสมบัติเป็นปรอทจากธรรมชาติ(ไม่ใช่ปรอทวิทยาศาสตร์) จึงมีคุณด้าน เป็นสารดูดพิษ ซึ่งคำว่าพิษในที่นี้อาจหมายความรวมถึงเชื้อโรคต่างๆ หรือไข้พิษต่างๆ ก็ได้ โดยธาตุกายสิทธิ์ขนิดนี้ผู้เขียนได้มาจาก หลวงปู่เย็น แห่งวัดภูความเงินตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 เส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 5 ซม.(ก้อนใหญ่พอสมควร)

​

.......โดยนำมาหล่อมาหลอมผสมกับทองเหลือง เป็นรูปท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ และ มีครกและสากสำหรับบดยาไว้ด้านหน้า ซึ่งเป็นการผนวกระหว่างรูปลักษณ์ของ "หมอชีวกะ ซึ่งถือเป็นบรมครูด้านการรักษาโรคและยังเป็นพระอริยบุคคลในสมัยพุทธกาล"(รูปลักษณ์พลังงานด้านการรักษาโรค) กับ ธาตุกายสิทธิ์ด้านการรักษาโรค(ธาตุกายสิทธิ์ปรอทเย็นของหลวงปู่เย็น) จึงทำให้มีพุทธคุณด้าน ป้องกันและรักษาโรคภัยทั้งหลายให้มีอเนกอนันตคุณในด้านนี้โดยเฉพาะ

​

....ทั้งนี้ใต้ฐานองค์หมอชีวกะ ยังจัดทำพิเศษคือ "จารึกยันต์พุทธม้วนโลก" ซึ่งถือเป็นยันต์ครูของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยมักจะใช้ยันต์นี้ในการจารลงวัตถุมงคลของท่านเกือบทุกรุ่น โดยเฉพาะพิมพ์ "พระรัศมีประภามณฑล" ท่านมักใช้ยันต์นะม้วนโลกนี้จารเสมอ ซึ่งท่านว่า "ไม่มีคาถาหรือยันต์อะไร ใหญ่ไปกว่าพระพุทธเจ้าอีกแล้ว"ซึ่งมีพุทธคุณเป็นแก้วสารพัดนึกครอบจักรวาล

....ซึ่งยันต์นี้หลวงปู่เทือง เมตตาดำริให้ลงและท่านว่าท่านจะเจิมยันต์นี้ให้ทีละองค์อีกด้วย ถือเป็นการตั้งสูตรยันต์นี้ตามตำราทุกองค์(ท่านเคยร่ำเรียนวิชานี้จากหลวงปู่มหาโพธิ์)

....ประทับใต้ฐานไว้เป็นสัญญาลักษณ์เฉพาะรุ่นนี้

**********
​

...ท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ จริงๆแล้วท่านเป็นหมอประจำตัวของพระโอรสของพระเจ้าพิมพิสารแห่งแคว้นมคธ(ถ้าเทียบสมัยนี้ท่านก็เป็นกุมารเวช) แต่ด้วยท่านเป็นผู้มีความรู้หลายด้านโดยเฉพาะยาสมุนไพรที่สามารถนำมาเป็นยาช่วยรักษาผู้คนได้แม้กระทั่งรักษาโรคริดสีดวงของพระเจ้าพิมพิสารจนหายขาดได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และยังเชื่อว่าท่านยังเป็นหมอยุคแรกๆ ที่ทำการผ่าตัดสมองให้กับผู้เป็นเนื้องอก ในสมัยนั้นอีกด้วย

...ตลอดทั้งท่านยังเป็นผู้เผยแพร่ธรรมะ ให้กับชนชั้นสูงในสมัยนั้นให้หันมาเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาให้กว้างขวางอีกมาก ครั้งเมื่อหมอชีวกะได้ติดตามพระเจ้าพิมพิสารไปเข้าเฝ้าฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ณ เวฬุวันมหาวิหาร จนเกิดความเลื่อมใสมีดวงตาเห็นธรรม ท่านจึงได้บรรลุธรรมเป็น "พระโสดาบันอริยบุคคล" จากนั้นมาท่านก็อุทิศชีวิตของท่านเพื่อการช่วยเหลือ รักษาอาการเจ็บป่วย ของผู้คนโดยทั่วไปตลอดชีวิตโดยไม่คิดหรือหวังอามิสสิ่งตอบแทนใดๆ จนเป็นที่รักของบุคคลทั้งหลาย พระพุทธเจ้าจึงยกย้องหมอชีวกะว่า เป็นผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งปวงในทาง "เป็นที่รักของปวงชน"

...แม้หลังจากพระเจ้าพิมพิสารสิ้นพระชนย์ หมอชีวกะก็ได้นำพา พระเจ้าอชาติศัตรู(ลูกชายพระเจ้าพิมพิสาร) เข้าหาพระพุทธเจ้าและฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าที่บ้านของตนที่มะม่วง เป็นเหตุให้พระเจ้าอชาติศัตรูสำนึกถึงบาปกรรมที่ตนเองได้เคยกระทำ และหันมาปฏิบัติธรรมมีจิตอันตั้งอยู่ใน สัมมาทิฐิคือความเห็นชอบอีกด้วย

...หมอชีวกะ จึงมีบทบาทมากในสมัยพุทธกาลทั้งในด้านสังคมและประวัติศาสตร์ทางการแพทย์จนเป็นที่นับถือของคนหมู่มากมาจนถึงปัจจุบัน(แม้คนนอกศาสนาก็นับถือ)

พพทานํ ธมมทานํ ชินาติ
ธรรมทานชนะการให้ทานอื่นทั้งปวง

อนุโมทนาครับ​

รูปหล่อหมอชีวกะ ที่จะมอบให้เป็นที่ระลึกครับ
เพียงองค์ละ 70 บาท ใต้ฐานสลักยันต์ "พุทธม้วนโลก"
หล่อผสมแร่กายสิทธิ์ปรอทเย็น
(สามารถอ่านรายละเอียดได้ข้างต้นครับ)​

 

ขอร่วมทำบุญถวายปัจจัย โดยบูชา "รูปหล่อหมอชีวกโกมารภัจจ์" เนื้อทองเหลืองผสม "ธาตุกายสิทธิ์ปรอทเย็น" จำนวน 2 องค์

 

ขอร่วมบุญเพื่อซื้อตำรา คัมภีร์วิสุทธิมรรค และ หนังสือพุทธธรรม 1 ชุดครับ 1,300 บาท(ส่วนวัตถุมงคลสามารถแบ่งกับเพื่อนๆสมาชิกได้ครับ แล้วแต่อาจารย์จะพิจารณาครับ)

 

ขอร่วมบุญถวายตำรา1ชุดครับ
อาจารย์

 

ขอร่วมบุญ 20 องค์ครับ

 

ร่วมบุญ1องค์ครับ

 

ขอร่วมบุญถวายหนังสือธรรม 1 ชุดครับ

 

ขอร่วมบุญ1องค์ครับ

 

ร่วมบุญถวาย 1 ชุด 2 เล่ม ครับ (คัมภีร์วิสุทธิมรรค และ หนังสือพุทธธรรม)

 

ขอร่วมบุญ 2 องค์ครับ

 

ขอร่วมทำบุญ 2 องค์ครับอาจารย์

 

ขออนุญาต "ปิดยอด" ร่วมบุญมาดังนี้ครับ​

.....เดิมทีแรกผู้เขียนคิดว่าหลายท่านคงบูชาพระเป็นองค์ ก็จะได้รวบรวมปัจจัยตามจำนวน ถวายซื้อตำรา 3 ชุด

แต่มีผู้ศรัทธาหลายท่านประสงค์เป็นเจ้าภาพ 1 ชุดเลย ซึ่งก็ตามนั้นได้ครับ ท่านที่เลือกร่วมบุญมาเป็นชุด 1 ชุด(1300บาท) ท่านสมาชิกจะได้รับพระ 18 องค์นะครับ

ส่วนท่านที่ประสงค์ร่วมบุญเป็นองค์ ก็ตามจำนวนได้เลยครับ ทางคณะจะเพิ่มจำนวนจากถวายจากเดิม 3 ชุด เป็น 4 ชุดแทนนะครับ เพราะทุกบาทขอท่านสมาชิกจะได้สมเจตนาทุกท่านครับ...

- muangake 2 องค์
- sumobaimon 1 ชุด โอนปัจจัยแล้ว
- shaj 1 ชุด โอนปัจจัยแล้ว
- อาทิตย์03 20 องค์(เท่ากับ1ชุดครับ)โอนปัจจัยแล้ว
- ลืมจัง 1 องค์
- somsakasat 1 ชุด โอนปัจจัยแล้ว
- choocharttee 1 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- กันตสีโล 1 ชุด
- ddon7650 2 องค์ โอนปัจจัยแล้ว
- yaboyabo 2 องค์
- sunmk 3 องค์ โอนปัจจัยแล้ว

จึงขออนุญาตปิดยอดดังนี้ครับ
ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ

**เงินทุกบาท ทุกสตางค์ของทุกท่าน จะนำไปถวายเป็นหนังสือและปัจจัยที่เหลือก็นำถวายวัดทั้งหมดครับ ทุกท่านจะได้รับกุศลเต็มเม็ดเต็มหน่วยครับ**
​