ผู้วิเศษ - หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย deneta, 29 กันยายน 2009.

  1. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,712
    ค่าพลัง:
    +5,723
    [​IMG]
    พระกรรมฐานแห่งเมืองสุพรรณ

    เราจึงหมั่นปฏิบัติ ศรัทธา ความเชื่อ ความเลื่อมใส ในพระพุทธเจ้าให้อยู่ที่ใจ พระธรรมเจ้าให้อยู่ที่ใจ ให้พระสงฆเจ้าอยู่ที่ใจ โอปนยิโกน้อมเอาพระพุทธเจ้าไว้ที่ใจ น้อมเอาพระธรรมมาไว้ที่ใจ น้อมเอาพระสงฆเจ้าอยู่ที่ใจ เราเอาธรรมที่ดี ๆ ผู้วิเศษคือพระพุทธเจ้าของเรา เป็นผู้วิเศษเอามาไว้ที่ใจของเราให้พระพุทธเจ้าอยู่ที่ใจจริงๆ กิเลส ตัณหา มันดับไป เราก็จะได้รู้ธรรม เห็นธรรม ของพระองค์ เพราะเราเกิดมาเป็นมนุษย์เนี่ย เราได้ห่มผ้ากาสาวพัสตร์ของพระพุทธเจ้า

    เราก็จะเป็นคนดีขึ้น คนดีในพระศาสนา ก็อยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อก่อนเรามันยังไม่รู้ ทีนี้เมื่อเรารู้ขึ้นแล้วเราก็อดกลั้น ทนทาน ขันติ ความอดทน ไม่พูดชั่ว ไม่ทำชั่ว เจริญพูดดี ทำดี เจริญดี ทนดี ถูกดี พูดชั่ว ทำดีก็มีขึ้นกะเรา ต้องสนใจให้มากถ้าเราก็ยิ่งดี นี้ก็ไม่แนะนำ ญาติโยมมานานแล้ว ครั้งนี้ก็พอใจ ชอบใจ ว่าจะเอาธรรมะของพระพุทธเจ้าจะได้เจริญให้มากๆ ขึ้น เราก็จะได้เป็นคนดีของพระพุทธเจ้า เป็นคนดีของพระธรรมเจ้า เป็นคนดีของพระสงฆ์เจ้า ที่เราจะเป็นคนดี ก็จะต้องมีศีลธรรม ที่เราได้รับไว้แล้ว

    ปาณา ไม่ให้ฆ่าสัตว์ อทินนา ไม่ลักทรัพย์ อะพรัหม เราจะประพฤติ ประพฤติพรหมจรรย์ให้ถูกต้องในคำสอนของพระพุทธเจ้า พยายามทำ ขันติความอดทน เราจะทำความดีที่พระองค์แนะนำและสั่งสอนเรา เราก็จะได้เป็นคนดี เป็นคนนั่งใกล้พระองค์ เป็นผู้อยู่ในอ้อมแขนของพระองค์ ธรรมนี้ก็จะเจริญขึ้น เปรต สัตว์เดรัจฉาน นรก ก็จะได้บุญในเรา เป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ที่ดี เรียกว่ารู้จักปรับแก้แก้ไข ก่อนเรามีบาป ทีนี้เราจะทำให้ไกลจากบาป

    เมื่อไกลจากบาปแล้ว ศีล สมาธิ ปัญญาก็จะเกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วก็จะรู้ได้ ได้เอง รู้ชอบ ทำชอบ ปฏิบัติชอบ คนชอบ เราก็พยายามฝึกใจ พระพุทธเจ้าท่านสอน สอนให้เราพ้นจากกิเลส เมื่อกิเลสไม่มีแล้ว ก็เป็นพระอริยเจ้า เราไม่ทำเดี๋ยวนี้
    จะไปทำเมื่อไหร่ละ เราต้องสนใจ สนใจสัมมาปฏิบัติ พระองค์แนะนำเรา พระองค์ได้แนะข้าพระพุทธเจ้าได้ถึงแล้ว ว่าเป็นที่พึ่ง กำจัดภัยจริง นี้แหละที่เรารู้ดีรู้ชอบ มาเจริญศีล สมาธิ ปัญญาขึ้นเราก็รู้ว่าตัวเราแต่ก่อนนั้นไม่ดี ที่เรามานั่งกรรมฐานนี้
    ก็จะให้เกิด คนดีเกิดขึ้นมาได้คำสอนของพระองค์ดี เราก็ปฏิบัติตามคำสอนของของพระองค์ จึงเรียกว่าศาสนา ศาสนาเกิดขึ้นแล้ว ในโลกนี้ ก็คือพระองค์นั้นแหละที่มาตรัสรู้ธรรม จะได้เห็นธรรม จึงเรียกว่าปัจจัตตังเห็นเฉพาะตนก็เป็นคนดีขึ้นมาได้ บาป กรรม เวร ที่เราทำๆ แล้วมันก็จะดับไป ทำดีก็จะเกิดขึ้นมาที่เรา ที่เราฝึกกรรมฐานกันนี่แหละ

    ที่มาแนะนำหรือสั่งสอนญาติโยมเพื่ออะไร ญาติโยม พระโสดานี้ ท่านรู้จักกรรมเป็นของตน แต่ก่อนนี้เป็นคนฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ทีนี้มารู้ดีรู้ชอบ พระองค์ท่านแนะนำให้รักษาศีล ๕ ซะแล้วก็ฟังธรรมะของพระองค์ แล้วก็มีหิริความละอายต่อบาป กลัวต่อบาปก็เลยเป็นลูกของพระพุทธเจ้า เป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจึงเรียกว่าลูกเรามีหิริโอตัปปะ ความละอายต่อบาป กลัวต่อบาป สะดุ้งต่อบาป เมื่อทำได้อย่างงี้ไม่ทำบาปได้อีก นั้นแหละพระโสดาของพระพุทธเจ้าแนะนำเรา

    เมื่อเรายังไม่เป็นตามไปเราก็พยายามเพียรให้มาก สอนให้มาก สอนตัวเอง นี่พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่างนี้

    บาปกรรมเราไม่วางไม่ไว้เสีย อุปาทานมันก็ดับไป ธรรมก็สัจธรรมก็จะเกิดมีขึ้นกับเรา ถึงแม้ธรรมนี้พระองค์แก้ที่ใจ บาปก็จะหมดไปได้ ที่แก้บาปให้มันดับไปได้ก็มีพระองค์เท่านั้นแหละ พระองค์สอนให้มีศีลดีซะ มีสมาธิซะ

    ก็จะไปช่วยได้ก็จะเป็นคนดีของพระพุทธเจ้า เคยพูดชั่วอะไรก็ไม่พูดซะพูดดีๆ บาปก็จะหมดไป วจีกรรมก็จะไม่มีที่เรามันก็หมดไปสิ้นไป จึงมานั่งนี่แหละมาแก้ใจ มาแก้ใจที่มาทำบาปมาก่อน จะก่อนให้เกิดสมาธิขึ้น ให้ฌานสมาบัติเกิดขึ้น

    แล้วเราก็จะได้รู้เห็นแจ้งได้พุทโธ พุทลมเข้าโธลมออก พุท ลมเข้า โธ ลมออก ทำใจให้อยู่กับพุทโธ ที่นี้พุทโธก็จะเป็นผู้รู้ พุทโธก็จะเป็นผู้ตื้น พุทโธก็จะเป็นผู้เบิกบาน

    เรารู้อย่างงี้ก็จะกลับใจเมื่อกลับใจได้ใครจะเหมือนเรา พระพุทธเจ้าท่านก็กลับใจแล้วก็มาสอนให้เรากลับใจ แล้วเราก็ต้องกลับใจได้ แล้วเราก็จะพ้นทุกข์ ศีลไม่ดีเราก็เฉยซะ ความดีก็จะเกิดขึ้นทุกวันๆ เราก็เท่ากับว่า เราปราบความชั่วให้มันหมดไปสิ้นไปไม่ให้เกิดขึ้นเท่านี้เราก็สบายแล้ว เหมือนธรรมที่เราพูดนี้ไม่ต้องเชื่อ ไปใคร่ครวญ ไม่ต้องติเตียนผู้อื่น ติเตียนตัวเองนี้แหละ ความดีก็จะเกิดขึ้นกะเรา ใจมันเคยทำชั่ว กายมันก็ทำตาม

    ถ้าใจไม่ทำความชั่วกายมันก็ทำความดีด้วย ถ้าใจมันทำความชั่ว กายมันก็ทำความชั่วเรื่อย กายนี่เป็นเครื่องมือของใจ ถ้าเราไม่เชื่อพะพุทธเจ้าจะไปเชื่อใคร การที่เราจะเชื่อเราก็จะต้องทำทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะรู้ธรรมเห็นธรรมก็จะเห็นพระศาสนาของพระองค์ พระองค์เป็นเจ้าของศาสนา

    ปลาที่มันเกิดอยู่เนี้ยเริ่มกรรมพันธุ์ กิเลสตัญหา เรื่องกามทำให้เกิดไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่นี้ก็เกิดพืชพันธุ์มากขึ้น คนเราก็มีแค่คนเดียว สองคนในท้องเรา ท้องของลูกผู้หญิง แต่พวกสัตว์เดรัจฉานเนี่ยมี ๕ ตัว แล้วพวกอื่น ๆ พวกปลาเนี้ยขยายพันธุ์นับไม่ถ้วน ถ้างั้น ๆ มันไม่ทำให้พวกมนุษย์กิน แล้วพวกมันยังกินกันเองอีก ที่เป็นปลาแล้ว เป็นปลาเป็นสัตว์เดรฉานเป็นวัว เป็นควาย เป็นช้าง ก็ไปจากคนนี้แหละไปกินไก่มั่ง ไปเกิดให้เขากิน

    แล้วจึงว่าพระโสดานี้แหละรู้จักกรรมเป็นของตน เมื่อโสดารู้จักกรรม ทำชั่วไปเกิดเป็นสัตว์ อย่างงั้นอย่างงี้ ตัวเองเกิดเป็นสัตว์อย่างงั้นอย่างงี้มั่ง มีหิริโอตัปปะ ความละอายต่อบาปกลัวต่อบาปพระโสดาก็ทำบาปไม่ได้หนิ

    เมื่อพระโสดาทำบาปไม่ได้ก็เทวโลกสมบัติเป็นที่ไปของพระโสดา สกิทาคา พระอนาคามี พระอรหันต์ พระอรหันต์ก็หมดชาติเกิดไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย จึงว่าสุขอะไรไม่เกินพระนิพพาน ตั้งแต่พระโสดา สกิทาคา อนาคามี ก็รู้จักกรรมเป็นของตนแล้ว แล้วก็เลยทำไม่ได้และเรียกว่าธรรมะเป็นเครื่องเจริญ เราก็ต้องทำขึ้นอีกอาตมาก็เป็นห่วงนะ เป็นห่วงพวกญาติโยม จึงพยายามมานั่งแนะนำสั่งสอน ให้ถ้าผู้ใดทำตามก็พ้นทุกข์จริงๆ คนกลับใจได้นี้เป็นคนวิเศษ ไม่ใช่เป็นคนต่ำๆ เมื่อทำบาปมาแล้วก็กลับใจได้ก็เป็นคนดีของพระพุทธเจ้าได้

    ถ้าสอนลูกศิษย์ได้ ดีครูบาอาจารย์จะดี จะดีใจขนาดไหน ที่สอนไม่ได้ จริงมันก็ต้องมีอุเบกขา วางเฉยไว้ พระพุทธเจ้าน่ะ จะวางจิตไว้ว่า ถ้าไม่สำเร็จพระโสดากันมั่งก็พระองค์ไม่ไป ยังไม่แก่ และก็ยังไม่ไป ถ้าไปที่ไหนพระองค์ก็จะต้อง เทวดาก็จะสาธุการเมื่อพระองค์เสด็จไปทางไหนทางนั้นก็จะเป็นพระอริยเจ้า พระโสดา สกินาคา อนาคามี หรือพระอรหันต์พระองค์จึงจะไป พระองค์เป็นสัพพัญญู เป็นผู้รู้แจ้งโลก คนไหนที่สำเร็จ ที่พระองค์กล่าวแล้วสำเร็จ พระองค์จะไปในที่นั้น

    พวกเราๆ นี่ก็เหมือนกัน ที่กล่าวยืนยันว่าพระพุทธเจ้าเป็นของจริงเนี่ย และเมื่อไหร่ที่ปฏิบัติตามพระองค์แล้ว เราก็จะเป็นจริง ซะอย่างงั้น ยะถาเนี่ยท่านบอกว่า ให้เหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญ มีแสงสว่างส่องให้สัตว์โลกเยือกเย็น

    เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี ที่เรามานั่งกรรมฐานนี้ เราสำรวมอินทรีย์ สำรวมระวังให้ แก่กล้า เมื่ออินทรีย์นี่ดีแล้วสำรวมระวัง พระจันทร์ในวันเพ็ญมีการสว่างขึ้น จากจิตของเรา เราเหมือนแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี

    ถ้าเราทำอย่างนี้ ปฏิบัติได้อย่างนี้ อย่างกะที่พระองค์กล่าวไว้นี้ แล้วเราจะต้องไปเชื่อใครล่ะ เมื่อมันสว่างแล้ว เราจะเลิกบาปกันซะที เราก็อย่าดันเอาบาปมาไว้ในบ้านเราความเกิดนี่แหละเป็นอุปาทานไปยึดถือเป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นเขาขึ้นมา

    อยู่เป็นวันมันก็ไม่สว่างมันมืด กลางวันนี่ก็ส่องให้พวกเราว่า สว่างแล้ว สว่างแล้ว ลุกขึ้นทำงาน ตอนสว่างแล้วมันยังมีโลภ โกรธ หลง มันไม่สว่าง ก็เพราะไม่รู้จักธรรมของพระองค์ บางคนระลึกชาติได้ ก็ยังไม่เลิกกิเลส ไม่เลิกชัง มันก็ต้องทำไปซิ เห็นแล้วก็เหมือนไม่เห็นธัมโมธรรมะ มืดโชติ โชติปรายโน เป็นผู้อยู่ที่มืดก็สว่าง ไปอยู่ที่โน่นก็สว่าง นอนก็สว่าง จีงเรียกว่าเป็นผู้มีกุศลธรรมมาก

    เมื่อมีพระองค์ไม่ย้อท้อ ถ้าไม่มีคนสำเร็จพระองค์ไม่ไป เราต้องบอกใจตัวเองพยายามว่า เราจะต้อง เราจะต้องทำวิธีนี้ละ เราทำตามพระองค์แล้ว เราพยามแก้ไขใจตัวเอง ความนั้นก็สำเร็จได้ เมื่อมาอยู่ที่วัดเนี่ยไม่มีชื่อของวัด

    วัดนี้ใครจะทำดีก็ไม่ว่า ใครจะทำชั่วก็ไม่ว่า เฉยซะ จะขี้รด เยี่ยวรดก็ไม่ว่า เฉย และเมื่อเราทำใจได้อย่างงี้ เราจะต้องให้ใครมาบอกเรา ปัจจัตตังก็จะเกิดขึ้นแก่ตัวเราเอง มันต้องเก่ง เก่งในการทำใจ พระองค์ ผู้ใดกำจัดโลภ โกรธ หลงได้

    พระองค์นี้ดีใจมาก เหมือนว่าพระองค์นี้ ให้นับไม่ถ้วนที่จะได้อริยทรัพย์ของพระองค์ อริยทรัพย์ของพระองค์ก็คือคำพูดนี้ ขันติความอดทน คนเรารู้จักคนแก่ได้ คนเจ็บได้ คนตายได้ คนไม่แก่คนไม่เจ็บ ไม่ตายได้ พระองค์รู้เห็น ทั้งข้างหน้า ทั้งข้างหลัง เราจึงรู้ว่าพระองค์เป็นผู้วิเศษเราอยากเป็นผู้วิเศษเราก็ทำตามซิ ทำตาม มีอะไรๆ ก็แบ่งให้กันกิน เหมือนมีศีล มีศีลด้วยกัน มีเหลือกินเหลือใช้ก็แบ่งกัน ถมเถไปจะต้องไปอะไรล่ะ กินแค่ไปวันๆ เท่านั้นเอง กินแล้วก็หายโลภ โกรธ หลง จึงจะเรียกว่ากินผู้มีสติสัมปชัญญะ ความรู้ตัวอยู่ ปฏิปทาเข้าไปอาศัยพระนิพพาน ขอให้ไปเอาพระองค์มาเป็นอารมณ์ นั้นก็ไม่เรียกว่าพวกหมู่เทวดาได้ ทำดี ก็จะมี ก็ได้เทวโลกสมบัติ วิมานของตัวเองเป็นทองคำ เป็นแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี

    เมื่อเราทำดีจริง ๆ อย่างงั้นแล้ว ก็พ้นจักษุวิญญาณ โสตะวิญญาณ ฆานะวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ ทำให้สว่างไสว แล้วก็ศรัทธาก็จะมีมากขึ้น

    เมื่อศรัทธามีมากขึ้นก็สำเร็จความปรารถนาที่ท่านตั้งใจไว้แล้ว

    เมื่อเราปรารถนาเป็นคนดี ความดีก็จะเกิดขึ้นกับเรา อย่าลืมซิ อย่าลืมซะ ติเตียนคนอื่นน่ะ ติเตียนตัวเองนี้ดีกว่า ทำปากยื่นปากยาว ทำตาลุกตาวาว นั้นแหละเป็นสมบัติของคนไม่ดี พระองค์รู้จักกิริยามารยาท รู้จักวาระน้ำใจของบุคคลได้

    โลกวิทู เป็นผู้แจ้งโลก เรายังไม่รู้แจ้ง ก็รู้ใจเจ้าของก็ยังดี เมื่อรู้ใจเจ้าของได้ ไม่ช้าก็จะรู้ใจคนอื่น ๆ ได้ ใจคนอื่นไม่รู้จะกี่ร้อย มันจะดีหรือไม่ดีมันแสดง มันแสดงมาให้เห็นเอง ให้รู้เอง

    เมื่อเราทำชั่วแล้วเราจะไม่รู้หรือว่าเราทำชั่ว ขณะนี้เราทำดี เราจะไม่รู้หรือว่าเราทำดี ใครจะมารู้เราล่ะ เราก็รู้จักรู้วางซิ อย่างไหนไม่ควรปล่อยวางพระองค์สอนให้เราปล่อยวางเราก็ปล่อยวาง สมาธิเกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมมีญาณขึ้น ก็จะมีญาณขึ้น มีญาณรู้ขึ้น

    พระองค์ทำดีหมดกิเลส เราก็ต้องสำรวมระวัง อินทรีย์สังวรณ์มันดีขึ้นแล้ว ปัญญินทรีย์ก็จะเกิดขึ้น มีฌานมีสมาบัติเกิดขึ้นก็จะรู้ มีกิเลสตัณหาไม่ดีก็เจริญขึ้น พึ่งตนเอง ที่นี้ระวังไว้ให้ดี กิเลสก็จะหมดไปได้ หมดได้เพราะอำนาจปัญญินทรีย์นี่แหละ อินทรีย์สำรวมระวังนี่แหละ ไม่ให้กิเลสเกิดขึ้นกับเรา มันก็จะโอนชาติไปสู่แดนธรรมอริยเจ้าได้

    มีขันติความอดทน ทนเถอะเมื่อเมื่อมันทนไม่ไหวก็เปลี่ยนอิริยาบถ ทุกข์นี่ก็จะดับไป ก็ให้รู้ว่าทุกข์นี้ดับไปแล้ว สุขเกิดขึ้นกับเราแล้ว จึงเรียกว่าเอาญาณรู้ความโกรธดับกับรูปนาม ทุกข์ไม่เกิดขึ้นแล้วเราก็พิจารณาว่าทุกข์กำลังเกิดขึ้นกับเราแล้ว
    เราก็เปลี่ยนอิริยาบถ ทุกข์นี้ดับไป สุขนี้ก็จะเกิดขึ้นมาอีก ที่เราไม่รู้นี่เพราะอะไร เพราะไม่ค่อยกำหนดไว้อินทรีย์มันไม่ดี ไม่รู้จักธรรมอย่างนี้ไม่ทันไร ทำให้มากเจริญให้มาก เมื่อสมาธินี้ดีแล้ว กายก็เบา ใจก็เบา ถ้าอินทรีย์ไม่ดีญาณก็ไม่เกิด
    และก็ไม่รู้จักทางกาย ไม่รู้จักทางใจ ที่พูดเนียไม่ได้พูดให้เชื่อหรอก ให้ไปพิจารณา ถ้ามันถูกต้องดีแล้วก็จะเชื่อก็ไม่เป็นไร

    คนนี้มีกิเลสบอกว่ากลางคืนนี้เป็นควัน กลางวันนี้เป็นเปลว กลางคืนเราก็นอนหลับกันมั่งอะไรมั่งก็ตัวมันก็มาจับมา กลางวันนี้โอ้ยเป็นเปลวเชียวแหละเราจะไม่มีความสุขได้ พอสว่างขึ้น เรียกว่าเช้ามืดตื่นเช้ามืดเนี่ยนี้ ต้องหากินซอก ๆ แซก ๆ ซอก ๆ แซก ๆ จึงเรียกว่าตัวนี่แหละตัวสมุทัย ถ้ามันนอนหลับไปมั่งอะไรมั่งละก็กิเลสมันก็เบาบาง ก็จะเจริญขึ้น พอสว่างขึ้นแล้วก็คิดอะไร อะไร ต่ออะไร จิปาถะไม่รู้จบไม่รู้จักสิ้น แสวงหาไป มีกิเลสแสวงหาไปตรงกิเลสทั้งนั้น ถ้าเราจะมาเป็นพระเราจะต้องรู้จักตัวเอง แล้วก็เห็นตัวเอง และเห็นผู้อื่นด้วยแล้วไม่ทำความชั่วนั้นแหละพระ พระ ชี ดีก็ย่อมมีศีลดี มีสมาธิดี คนที่มีเรื่องมาก ก็เพราะไม่รู้จักความ แก่ ไม่รู้จักความเจ็บ ไม่รู้จักความตาย น่าสงสาร

    ทำยังไงดีจึงจะปรับปรุงให้เราสนใจพระพุทธเจ้าได้ เราก็ต้องฝึกฝนให้ได้ ถ้า พระองค์สอนมายังไงเราก็ต้องทำตาม ก็ต้องเดินตาม ติเตียนคนโน้น ติเตียนคนนี้ ถ้าเราใจสงบเราก็จะเห็นเอง ต้องรู้ใจเขาใจเรา พระองค์ก็เป็นผู้นักเทศนา ให้รู้ความจริง กลับมาแต่งใจ กลับมาแต่งกายแต่งใจ

    พระพุทธเจ้าก็ไปประสูติ เป็นลูกพระเจ้าแผ่นดินเพราะท่านไปเกิดกับคนต่ำ ๆ ไม่ได้ มีวาสนาเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ดี แล้วจึงได้ไปบำบัด นางสิริมายา เป็นแม่ของพระพุทธเจ้า ห้าพระองค์ ทีนี้ก็เหลืออย่างงี้ก็พระองค์ที่อยู่ปัจจุบันนี้ ก็เป็นสิริมายาก็ลงมาแล้วก็สิทธัตถะก็จุติเข้าครรภ์สิริมายา เนี่ยเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ดีไปเป็นลูกกษัตรย์ ทีนี้นางสิริมายาท่านก็พอได้ลูกแล้วก็สวรรคต ไปสวรรคสมบัติ สวรรค์ดุสิต สวรรค์สี่ชั้น ไปเสวยทิพยสมบัติอีก

    ทีนี้ก็พระองค์ก็ตามไปโปรดพุทธมารดา เทศนาพวกเทวดาทั้งหลาย พรหมทั้งหลาย ก็ชื่นชมยินดีว่า ลูกสิริมายาเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ไปเยี่ยมหน่อย ไปฟังธรรมสักหน่อย ก็ลูกเรารูปร่างไม่ดี ก็ไม่ค่อยอยากจะไป แล้วก็คนวิเศษที่มีรัศมี เขาก็ว่า อะไร รัศมีของพวกเรานี้ จะไปแตะต้องเข้า พระองค์นี้ไม่ได้... เขาก็พูดกัน สิริมายาก็ลองไปเยี่ยมดู ท่านก็ไปซิ อยู่ต่ำๆ ต้องให้ลงมา พอลงมาแล้วท่านก็ทำรัศมีที่ตัวท่านให้สว่างไสว ให้เปล่งปลั่งยิ่งกว่าสิริมายาอีก ทนรัศมีของพระองค์ไม่ได้ นี่จึงเรียกว่า ผู้วิเศษ ทำเบ่งรัศมีให้ออกจากร่างกาย ให้ขนาดไหนก็ได้ เทวดาไม่ให้แตะต้องเลยก็ได้พระรัศมี ทั้งหมด ไม่เป็นสัพพัญญูได้ เป็นผู้รู้จักวาระน้ำใจคน มนุษย์และก็เทวดาเป็นผู้รู้ เราเข้าใจก็ต้องควรทำ

    ควรทำใจให้ดีขึ้น เราก็ต้องทำบารมีแก่กล้าขึ้น นี่เราก็อ่อนตามกิเลส เราก็อายุ 70 กันมั่ง 80 กันมั่ง 60 กันมั่ง 40 มั่ง 50 มั่ง เราจะไปเหลือกี่มะน้อยล่ะ ไม่ช้าเราก็ตายแล้วเราก็รีบทำความดีให้มากๆขึ้น มนสิการให้มากขึ้น

    มนสิการระลึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้วิเศษได้ แล้วตลอดกระทั่งเมื่อเราดี ทำดีมีสมาธิดี มีปัญญาดี ก็จะอุทิศบุญกุศลให้พ่อให้แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ก็ยังจะได้ดีอีก

    เราบวชนี้เราก็ได้ผลานิสงส์ของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นเนื้อนาบุญ ของคนชาวโลกแล้ว เราก็มาบวชเว้นนกิเลสกาม ไม่ให้มีที่เรา มีก็รู้มีก็เห็นเราก็ทำให้มันดับไปชะ ธรรมะก็เจริญขึ้นกับเรา ตั้งใจให้มาก ให้มากเท่าไหร่ยิ่งดี

    ก็จะเป็นคุณสมบัติให้ศีลดี ศีล 5 ก็ดี ศีล 8 ก็ดี ศีล 10 ก็ดีให้ดี อินทรีย์ สำรวมให้มากขึ้น อินทรีย์ก็ดีขึ้น ปัญญินทรีย์ก็จะเกิด มีญาณทัสสนะวิสุทธิ รู้ทั้งข้างหน้า รู้ทั้งข้างหลัง ทำให้ถูกเราจึงจะได้ความสุขนั้น ไม่ต้องติเตียนคนนั้น ติเตียนคนนี้ ติเตียนตัวเองนี้ดีกว่า

    ระลึกถึงพระพุทธเจ้า อยู่ที่ใจพระธรรมเจ้าอยู่ที่ใจ พระสงฆเจ้าอยู่ที่ใจ เราก็พยายามให้มาก เมื่อเราออกไปจากกันแล้ว ก็ขอให้มีสติสัมปัญญะ สำรวมระวัง อายตนะ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ สำรวมอินทรีย์ให้มาก ปัญญินทรีย์ก็จะได้เกิดมีขึ้น แล้วเราก็จะได้พ้นทุกข์ ก็จะได้เป็นพระอริยเจ้าไป พ้นชาติเดี๋ยวนี้ พูดดี เจริญดี ทำดี สว่างดี

    นั่งมือขวา ขาขวาไปทำไว้ เหมือนพระพุทธรูปทำสะดุ้งมาร เอาออกสิ เอามือกุมไว้ที่หัวเข่า แล้วดูตัวเองให้ชัด มันไม่เห็นก็ดู ให้รู้ชัดก็ดี ยกมือสองข้าง พนมไว้พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า เป็นผู้เจริญ

    ขอให้พวกเราทั้งหลายเจริญตามรอยเท้าของพระองค์ ของให้เข้าถึงความเจริญกันทุกๆคน

    ได้ยินมั้ย ๆ ที่พูดนี่ได้ยินหรือเปล่า...ไม่เหมือนแม่บงกช เขาก็ สาธุ สาธุแล้วมีกำไรกับตัวเอง ทีนี้ต้องเปิด เปิดบงกชให้ฟัง ไปดูวัดเขาสิ เรียบร้อยสะอาดกันหมดเลยที่ในลานวัดเขาสะอาด สะอาดไปดูห้องน้ำ ไปนอนเล่นก็ได้ นั่นแหละผู้ดี พวกเรากิจวัตรไม่ค่อยมีนะ การปัดกวาด อานิสงส์ ๕ มาติกา ๘ กวาดวัด ทำวัตร แล้วก็สกปรก นักปฏิบัติต้องมีสะอาด

    หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก

    Ǒ?ʑ???ҹ - ?٩ǔ? - ˅ǧ?٨ʑ?ǒł젠???
     
  2. ไอยเรศ

    ไอยเรศ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +27
    สาธุ อนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ผมเองก็เคยได้เห็นหลวงปู่ตอนที่ท่านใกล้มรณะภาพแล้วครับ ก่อนท่านละสังขารประมาณสองปี เคยบวชที่วัดท่านหนึ่งพรรษา ก็ขอนำธรรมะของท่านมาสอนจิตดวงนี้ ให้ถึงธรรมะของพระพุทธองค์
     

แชร์หน้านี้

Loading...