ผัสสเจตสิก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย รสมน, 3 สิงหาคม 2010.

  1. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ผู้เข้าไปนิมนต์รู้ได้อย่างไรว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับด้วยดุษณีภาพ
    คนในสมัยนั้นเขาเข้าใจกันว่าพระองค์ทรงรับนิมนต์แล้ว
    เพราะถ้าไม่รับ พระองค์จะตรัสคำอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มีผู้นิมนต์แล้ว เป็นต้น

    "เราแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ

    จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สังสาระ มีชาติเป็นเอนก ความเกิด

    บ่อย ๆ เป็นทุกข์, แน่ะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่าน

    แล้ว
    , ท่านจะทำเรือนอีกไม่ได้, ซี่โครงทุกซี่ ของท่าน

    เราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว, จิตของเรา

    ถึงธรรมปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว, เพราะเรา

    บรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแล้ว"

    พระพุทธเจ้าทั้งหลาย เมื่อทรงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ได้ตรัสพระ-
    คาถาข้างต้น พระพุทธองค์ทรงบรรลุธรรมที่สิ้นตัณหา พบนายช่างผู้สร้างภพชาติ
    สำหรับพวกเรา บ้านของเราขณะนี้ ตัณหาเป็นผู้สร้างและจะสร้างต่อๆ ไปอีกเกิดแล้ว
    ตาย ตายแล้วเกิดไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับตัณหา พระพุทธองค์ทรงบอก

    ทางแก่พวกเราแล้ว เป็นหนทางสายเดียวเท่านั้นคือ อริยมรรคมีองค์ ๘ การอบรม

    เจริญสติปัฏฐานซึ่งมรรคองค์แรกคือ สัมมาทิฏฐิ เริ่มจากการมีความเห็นถูกในหนทาง
    ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากการเห็นถูกเข้าใจถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ว่าเป็นเพียง
    สภาพธรรม ไม่ใช่เรา อบรมเจริญสติปัฏฐานจนกว่าจะดับตัณหาหมดสิ้นเป็นสมุจเฉท
    ไม่มีผู้สร้างเรือนให้อีกต่อไป...
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่มที่ ๔๒ หน้าที่ ๑๗๘ - ๑๘๐


    เรื่องปฐมโพธิกาล

    พระศาสดาประทับนั่ง ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ ทรงเปล่งอุทานด้วยสามารถเบิก

    บานพระหฤทัย ในสมัยอื่น พระอานนท์เถระทูลถาม จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า

    "อเนกชาติสสาร" เป็นต้น.

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล ประทับนั่ง ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ เมื่อพระ-

    อาทิตย์ยังไม่อัสดงคตทรงกำจัดมารและพลแห่งมารแล้ว ในปฐมยาม ทรงทำลายความ

    มืดที่ปกปิดปุพเพนิวาสญาณ, ในมัชฌิมยาม ทรงชำระทิพยจักษุให้หมดจดแล้ว, ใน

    ปัจฉิมยาม ทรงอาศัยความกรุณาในหมู่สัตว์ ทรงหยั่งพระญาณลงในปัจจยาการแล้ว

    ทรงพิจารณาปัจจยาการนั้น ด้วยสามารถแห่งอนุโลมและปฏิโลม. ในเวลาอรุณขึ้นทรง

    บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ

    พร้อมด้วยอัศจรรย์หลายอย่าง เมื่อจะทรงเปล่งอุทานที่พระพุทธเจ้าหลายแสน
    พระองค์ไม่ทรงละแล้ว จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

    "เราแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ

    จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สังสาระ มีชาติเป็นเอนก ความเกิด

    บ่อย ๆ เป็นทุกข์, แน่ะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่าน

    แล้ว, ท่านจะทำเรือนอีกไม่ได้, ซี่โครงทุกซี่ ของท่าน

    เราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว, จิตของเรา

    ถึงธรรมปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว, เพราะเรา

    บรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแล้ว"
    แก้อรรถ

    บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า คหการ คเวสนฺโต ความว่า เราเมื่อแสวงหา

    นายช่างคือตัณหาผู้ทำเรือน กล่าวคืออัตภาพนี้ มีอภินิหารอันทำไว้แล้ว แทบ

    บาทมูลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ทีปังกร เพื่อประโยชน์แก่พระญาณ อัน

    เป็นเครื่องอาจเห็นนายช่างนั้นได้ คือ พระโพธิญาณ เมื่อไม่ประสบ ไม่พบ คือ

    ไม่ได้พระญาณนั้นแล จึงท่องเที่ยวคือเร่ร่อน ได้แก่ วนเวียนไป ๆ มา ๆ สู่สังสาระ

    มีชาติเป็นเอนก คือ สู่สังสารวัฏฏ์นี้ อันนับได้หลายแสนชาติ สิ้นกาลมีประมาณเท่านี้.
    คำว่า ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุน นี้ เป็นคำแสดงเหตุแห่งการแสวงหาช่างผู้ทำ

    เรือน. เพราะชื่อว่าชาตินี้

    คือ การเข้าถึงบ่อย ๆ ชื่อว่าเป็นทุกข์ เพราะภาวะที่เจือด้วยชรา พยาธิ และ

    มรณะ. ก็ชาตินั้น เมื่อนายช่างผู้ทำเรือนนั้น อันใคร ๆ ไม่พบแล้ว ย่อมไม่กลับ.

    ฉะนั้น เราเมื่อแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน จึงได้ท่องเที่ยวไป. บทว่า ทิฏฺโฐสิ ความ

    ว่า บัดนี้เราตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ พบท่านแล้วแน่นอน. บทว่า ปุน เคหํ ความว่า

    ท่านจักทำเรือนของเรากล่าวคืออัตภาพ ในสังสารวัฏฏ์นี้อีกไม่ได้.

    บาทพระคาถาว่า สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา ความว่า ซี่โครง กล่าวคือกิเลสที่

    เหลือทั้งหมดของท่าน เราหักเสียแล้ว.

    บาทพระคาถาว่า คหกูฏ วิสงฺขต ความว่า ถึงมณฑลช่อฟ้ากล่าวคืออวิชชา

    แห่งเรือนคืออัตภาพที่ท่านสร้างแล้วนี้ เราก็รื้อเสียแล้ว.

    บาทพระคาถาว่า วิสงฺขารคต จิตฺต ความว่า บัดนี้ จิตของเราถึงคือเข้า

    ไปถึงธรรมปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว คือ พระนิพพาน ด้วยสามารถแห่งอันกระทำให้

    เป็นอารมณ์.

    บาทพระคาถาว่า ตณฺหาน ขยมชฺฌคา ความว่า เราบรรลุพระอรหัตต์ กล่าว

    คือธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหาแล้ว.​

    เรื่องปฐมโพธิกาล จบ.
    ข้อความโดยสรุป
    เรื่อง ปฐมโพธิกาล

    -------------------------

    คำว่า ปฐมโพธิกาล หมายถึง ช่วงเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ใหม่ ๆ

    หรือ เมื่อแรกที่ได้ทรงตรัสรู้
    เป็นความจริงที่ว่า พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ เมื่อได้ทรงตรัสรู้แล้ว ก็จะทรงเปล่ง

    พระอุทาน (คำที่ทรงเปล่งออกด้วยพระโสมนัสสญาณ) ว่า เราแสวงหานายช่างผู้ทำ

    เรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สังสาระ มีชาติเป็นเอนก เป็นต้น
    พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ (พระสมณโคดม) ก็เช่นเดียวกัน ในวันที่ทรงตรัสรู้ (วันขึ้น

    ๑๕ ค่ำ เดือน๖) พระองค์เสด็จเข้าไปยังโคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงกำจัดกองกำลัง

    แห่งมาร และ ทรงบรรลุสัมโพธิญาณ ณ ที่นั้น ในเวลาใกล้รุ่งของวันวิสาขบูชา

    เมื่อพระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ได้ทรงเปล่งพระอุทาน ดังกล่าว ในสมัยต่อมา

    พระอานนท์ทูลถาม พระองค์จึงได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้ ดังปรากฏในพระสูตร

    นั่นแล
    ใจความของพระคาถาที่เป็นพระอุทานของพระพุทธเจ้า สรุปได้ว่า พระโพธิสัตว์

    ทรงบำเพ็ญบารมีตลอดระยะเวลา ๔ อสงไขยแสนกัปป์เพื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

    เป็นผู้ทรงห่างไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง แต่เมื่อยังไม่ได้ปัญญาที่

    จะสามารถดับตัณหาซึ่งเป็นกิเลสที่สร้างภพชาติได้ ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด นับชาติ

    ไม่ถ้วน ยังเต็มไปด้วยกองแห่งทุกข์นานัปประการ แต่เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้เป็น

    พระพุทธเจ้า ดับตัณหาซึ่งเป็นตัวสร้างภพชาติ พร้อมทั้งอวิชชา และกิเลสทั้งหลาย

    ในฐานะเดียวกัน ได้ทั้งหมดแล้ว กิเลสเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นอีก ไม่สามารถสร้าง

    ภพชาติให้กับพระองค์ได้อีกต่อไป
    ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายสำหรับพระองค์ ภพใหม่

    ไม่มีอีกต่อไป

    วันวิสาขะ เป็นวันพิเศษวันอันประเสริฐที่สุด เพราะเป็นวันที่
    พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ได้ตรัสรู้ และย้อนกลับไปเมื่อสี่อสงไขย
    แสนกัปป์ ในวันวิสาขะ ท่านสุเมธดาบสได้รับคำพยากรณ์จาก
    พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกร ว่าอนาคตจะได้เป็นพระพุทธเจ้า


    เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน
    อนุโมทนาบุญกับผู้ใส่บาตรตามถนนหนทาง กรวดน้ำอุทิศบุญ เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน
    รักษาศีล อาราธนาศีล เจริญวิปัสสนา ได้ปฏิบัติธรรม
    ได้ถวายข้าวพระพุทธรูป สักการะพระธาตุ
    ทำงานบ้านช่วยพ่อแม่และเจริญอาโปกสิน ศึกษาการรักษาโรค
    วันนี้ได้สนทนาธรรมกับพระคุณเจ้าที่วัด
    และสร้างบารมีครบทั้ง 10 อย่าง ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญร่วมทอดกฐินและสมโภชน์เจดีย์ทันตธาตุหลวงปู่เสาร์ กันตสีโร ณ วัดถ้ำชัยมงคล<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>โทร. 083 - 3755761

     

แชร์หน้านี้

Loading...