ผลที่เกิดขึ้น>ต้นเหตุจากคุณอุทัย>สิ่งที่คุณอุทัยบอกว่าข้าฯตรัสรู้แล้ว>ชัวหรือมั่วนิ่ม

ผลที่เกิดขึ้น>ต้นเหตุจากคุณอุทัย>สิ่งที่คุณอุทัยบอกว่าข้าฯตรัสรู้แล้ว>ชัวหรือมั่วน

ไปกันใหญ่...ผลที่เกิดขึ้น...จากหลาย ๆคน....ต้นเหตุจากคุณอุทัย...สิ่งที่คุณอุทัยบอกว่าข้าฯตรัสรู้แล้ว จริง ๆแล้วชัวหรือมั่วนิ่ม...????????????
ข้าพเจ้ามีบางคำถามมามาให้คิด....คิดดูดี ๆ
1.การที่คุณ อุทัยทำน่ะ..จะถูกหรือผิดจะมีใครใคร่รู้..
แถม..คุณอุทัย..ยังบอกอีกว่า ได้ตรัสรู้แล้ว.....อันนี้น่ะ....น่าเป็นห่วง..
เพราะ...คำว่า..ตรัสรู้..นั้นหมายถึงอะไร...หลาย ๆ คน คงเข้าใจ..
และเรื่องราวคงไม่บานปลายไปกว่านี้หรอก..หากคุณอุทัย..จะลดการพร่ำ..
เขียนเพ้อเจ้อ...เพื่อให้การใช้ทรัพยากรของ server ลดลง.
และถ้าหากคุณอุทัย..จะเขียน..ควรจะเขียนในสิ่งที่ไม่ได้มีความหมายไปในทางที่ทำให้เกิดอันตรายแบบที่เป็นอยู่??
...คุณอุทัยลองใช้สิ่งที่คุณอุทัยบอกว่า "ตรัสรู้" พิจารณาดูสิ..กรุณาใช้สิ่งที่คุณอุทัยบอกว่า "ตรัสรู้" พิจารณาดู
อย่าลืมนะ...คนอ่านมีหลายระดับ!!?...และอย่าลืมนะว่าการทำอะไรลงไป..
มันเป็นการบอกตัวตนให้คนอื่นรู้......
......ลองคิดดูนะ....
2.ธรรมในพระพุทธศาสนา..เป็นอย่างไรเข้าใจกันดีหรือยัง....พระพุทธองค์ทรงสอนอะไร..?
ข้อนี้...."สำคัญ"..นะ......ลองนึกถึงบทสวดมนต์...บทที่เคยสวดกันประจำสิ..บทที่ว่า..
อะระหังสัมมาสัมพุทโธ...ฯ......ลองคิดดูนะ..คำว่า..."สัมมาสัมพุทโธ"..แปลว่าอะไร...
3.การที่คุณอุทัย..ออกมาประกาศคำสอนที่คุณอุทัยบอกว่าได้จากการตรัสรู้ของคุณอุทัยเองนั้น..เป็นการดีแล้วหรือ......
4.การที่หลาย ๆ บางคนบอกว่า..มีหลาย ๆ คนได้ ฌาณหรือได้ญาณแล้ว...มันเป็นไปได้เพียงใด..
มีใครยืนยันหรือเปล่า...หรือคิดและทึกทักเอาเอง..รู้ไหมเรื่อง ฌาณหรือญาณ.น่ะ..มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก...ฌาณหรือญาณคืออะไร...มีคนรู้จริงกี่คน..
5.การที่ข้าพเจ้าออกมาบอกมาถามนี้..ไม่มีเจตนาอื่นหรอกนอกจากมาด้วยความเป็นมิตรที่ดีเท่านั้นเอง...ความเป็นมิตรที่ดี...ข้อนี้เป็นธรรมเอก...ที่พระพุทธองทรงตรัสไว้นะ..
....."ลองคิดดูนะ"........

 

ไม่สมควรใช้คำว่า "ตรัสรู้" เป็นอย่างยิ่ง .... ให้สำนึก ... และตรึกตรอง ...ในกะโหลกหนา สมองหมา ปัญญาควาย นะว่าสมควรหรือไม่? ไม่อยากพูดแล้ว ....เบื่อโว้ย!!!!!

เอาสมองส่วนที่ดีๆ ไปคิดสร้างสรรค์ ช่วยชาติ บ้านเมือง ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมดีกว่ามั้ง .... ไอ้ทิดฯ ... มีบ้างมั๊ยสมองส่วนที่ดีๆ น่ะ มีบ้างมั๊ย?

 

เห็นด้วยกับจุดประสงค์ของทุกข้อครับ ...

****หากเจตนาของคุณอุทัย เป็นไปเพื่อการเผยแผ่ความรู้ที่มี
โดยไม่มีการประกาศตัว ว่าบรรลุธรรมขั้นใด หรือเป็นใครมาเกิด
ผมมั่นใจว่า หลายคนจะนับถือและเปิดใจกับคุณอุทัยมากมาย ...
แม้ไม่ใช่สิ่งที่คุณอุทัยต้องการ แต่ก็ยังดีกว่าที่เป็นอยู่นี้นะครับ

แต่ถ้าให้ผมเปรียบเทียบ การใช้ทรัพยากร server ของคุณอุทัยกับผม
บทความของคุณอุทัย 1บทความ ใช้เนื้อที่ 200Kb
และบทเพลงคาราโอเกะติ๊งต๊องของผม 1เพลง ใช้เนื้อที่ 1.5Mb
ผมยินดีมอบ1.5Mbนี้ให้คุณอุทัยครับ ( ถ้าเข้าข่ายหมายเหตุข้างบนนะ - -')



และก็..."ฌาณหรือญาณ.น่ะ..มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก...ฌาณหรือญาณคืออะไร...มีคนรู้จริงกี่คน.." <<<<<< ผมก็เห็นด้วยครับ เพราะบางคนหารู้ไม่ ว่ามันคือคนละสิ่งกันด้วยซ้ำ แต่ฌานน่ะ ... มันไม่ง่าย และก็ไม่ยากอย่างที่คิดหรอกครับ
ผมไม่ทราบว่าผู้ตั้งกระทู้จะมีความรู้มากแค่ไหนตรงนี้ครับ
เพราะเข้าใจจุดประสงค์ของผู้ตั้งกระทู้ว่าเป็นไปเพื่ออะไร ...

ป.ล. ผมเมายาคู๊ครับ

 

คุณอุทัย ข้อเขียนความรู้บางอย่าง นั้นก็มีประโยชน์นะ แต่บางอย่างต้องเพลาๆหน่อย เท่าที่อ่านดูแล้ว มันก็หลักการเดิมลิงค์หากันไปมา นี่ถ้าคุณมาโพส โดยไม่ต้องแสดงตัวว่าเป็นพระศรีอาร์ยนะคะ ไม่ต้องบอกว่าตนเองทำไรได้บ้าง แค่บอกว่า คุณมีความรู้อะไร กระเจียวเชื่อว่า ต้องมีคนมองเห็นประโยชน์มันบ้าง เพราะมันก็มีเจตนาที่ดีเหมือนกันในข้อเขียนของคุณอุทัยนั้น

เพียงแต่ ภาพโดยรวมคือคนจะเข้าใจว่าคุณมายัดเยียดความเป็นศาสดา(ผู้นำศาสนา)ใหม่ให้ และความรู้อันเป็นประโยชน์ก็เลยถูกเหมารวมเป็นความเพี้ยนไปซะหมด ทั้งๆที่คุณก็อุตส่าห์นั่งลิงค์มวลความรู้เข้าหากันเพื่อนำมาบอกต่อ (ความรู้ที่คุณหามาเป็นของกลางนะ มีอยู่แล้วในธรรมชาติ)


เชื่อว่าคุณมีบุญบารมีพอสมควรถึงสัมผัสกับความรู้นั้นได้ แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับปัจจุบัน ความรู้ในหลักการทั้งหลายสู้ความรู้แจ้งไม่ได้ ปัจจุบันคุณดำเนินมาถึงจุดหนึ่งในที่สาธารณะหนึ่ง ก็อยากให้คุณไม่ทิ้งเจตนาที่จะขุดถอนคนไปสภาวะธรรมชาติแห่งนิพพาน แต่ขอให้ทบทวนบทบาทอีกเล็กน้อย ไม่สำคัญหรอกว่าตอนนี้คุณจะเป็นใคร เอาแค่ว่า ไม่ต้องแสดงตัวมาก อยากเสนอหลักการอะไร ก็เสนอได้ เพราะที่นี่เป็นบอร์ดเสรีพอสมควร แนะให้ว่าเป็นการเสนอความรู้ที่คุณลิงค์เข้าหากันนะคะ ส่วนคุณจะเป็นอะไรก็ไม่น่าจะสำคัญ เพราะเราตั้งกันขึ้นมาเอง

เราก็จิตเขาก็จิต มาอาศัยสังขารอยู่ไปวันๆ พอถึงนิพพาน ก็จิตเหมือนกัน (อันนี้เชื่อว่าคุณทราบดี)
ขออภัยหากข้อเขียนนี้ไปกระทบและก่อกรรมต่อคุณเข้า ด้วยความหวังดี

 

ทามายเน้นเขียนแยกวรรคแล้วมีเครื่อง....หมายคล้ายๆ เราหว่า...เอ..สงสัยจบถาบันเดียวกันนะคะ...สงสั้ย...สงสัย...ใครหนอ...อิอิ...

อ่อ...พอทราบแร..ะอิอิ...สบายดีเหรอคะ...หายไปน้านนาน..คิดถึงเหมือนกันแหล่ะ

ยายผีป่าเคยบอกเสมอนะว่า...ไม่เคยทราบว่าตัวเองมีณาณหรือญาณหรือบรรลุอะไร ..ทราบเท่าที่ทราบ...รับได้เท่าที่รับได้...อะไรที่ไม่ทราบหรือรับไม่ได้ยายผีป่าก้ออ่านเพื่อพิจารณาและนำมาเสริมภุมิบารมีหรือแนวทางตนเองนะคะ

ก้อค่อยๆสอนค่อยๆเตือนกันไปนะคะ อย่าทะเลาะกันมันขายหน้าอายคนผ่านมาเค้าจะนินทาเอาได้นะคะ เราคนไทยด้วยกันรักกันดีแล้วค่ะ... เด็กๆเค้าอ่านเอาสาระแต่เราๆเอาไปเปรียบต้นคือ *พระธรรมคำสอนของพระจอมไตร* เราเลยมองต่างมุมกับคนรุ่นใหม่ไปบ้างน่ะค่ะ...

อนุโมธนานะคะ...ที่มาช่วยปกป้องพุทธศาสนาของเรา... ร่วมด้วยช่วยกันนะคะ[b-wai]

 

ข้าไม่รุ๊ ข้าไม่เห็น ดวงดาวบอกข้าฯ

 

1.***NiNe...ไม่สมควรใช้คำว่า "ตรัสรู้" เป็นอย่างยิ่ง .... ให้........
อันนี้เห็นด้วยนะ...คุณNiNe...พยายามบอกพยายามเตือน..นอกจากนี้หลาย ๆ ท่านก็พยายามบอกพยายามเตือน..ทั้งแบบหนักบ้างเบาบ้าง..ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณอุทัยเป็นอย่างไรบ้าง...คุณอุทัยลองใช้ความรู้..ที่คุณอุทัยบอกว่าข้าฯตรัสรู้พิจารณาดูเองนะ...การยอมรับในสิ่งที่ตนเองทำ...ไม่ใช่สิ่งเสียหายหรอกนะ..ดีเสียอีกเพราะการยอมรับนั้นจะทำให้จิตใจตนเองสูงขึ้น..***
2.***ให้ผมเปรียบเทียบ การใช้ทรัพยากร server ของคุณอุทัยกับคุณดาวหางสีเงิน
บทความของคุณอุทัย 1บทความ ใช้เนื้อที่ 200Kbและบทเพลงคาราโอเกะติ๊งต๊องของคุณดาวหางสีเงิน 1เพลง ใช้เนื้อที่ 1.5Mb..คุณดาวหางสีเงินยินดีมอบ1.5Mbนี้ให้คุณอุทัยครับ ( ถ้าเข้าข่ายหมายเหตุข้างบนนะ - -')...หนึ่งบทความของคุณอุทัย..ส่งผลอะไรได้บ้าง..คุณดาวหางสีเงินเคยได้ยินคำว่า.."น้ำผึ้งหยดเดียวไหม"...ลองคิดดูนะ..หากมีใครสักคนหนึ่งซึ่งยังไม่มีความเข้าใจในหลักธรรมเพียงพอ..หากเชื่อทุกอย่างที่คุณอุทัยพยายามเพียรบอกหล่ะ..แล้วจะเกิดผลอะไรตามมา..จะบานปลายแค่ไหน????????....และลองคิดดูนะว่าหากคุณอุทัยทำในลักษญะนี้ไปเรื่อย ๆ..แล้วมีคนเข้ามาตอบกระทู้ของคุณอุทัยเรื่อย ๆ..(ก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าคนที่เข้ามาตอบกระทู้ของคุณอุทัยนั้นจะตอบกระทู้กันอย่างไร..และมันจะจบกันที่ตรงไหน..)..***
3.***จะไปสนใจเรื่องฌาณหรือญาณ...กันทำไม...อิทธิฤทธิ์..ปาฏิหาญ..อภิญญา...สนใจกันไปทำไม...อยากได้ฌาณ..ก็มามัวแต่นั่งท่องนั่งทับ..อยากญาณก็มามัวแต่อยากรู้อยากเห็น...เอากันเข้าไป...ถามจริงเถอะ..ได้สิ่งเหล่านี้ไปแล้วได้อะไร...เอาไปทำอะไร...***
4.***คุณอุทัย..รับฟังข้อคิดเห็นของคุณกระเจียวบ้างนะ...***
5.***สถาบันอะไรหรือ คุณ..DevilBitch..ตอนนี้คิดว่าคุณ DevilBitch คงเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว..ที่คุณฯสงสั้ย...สงสัย...ใครหนอ...คิดว่าเป็นใครหล่ะ...ที่คุณถามว่าสบายดีเหรอคะ...หายไปน้านนาน..ขอตอบนะ..ตอนนี้สบายดีตามอัตภาพ...ไม่เจ็บไม่ไข้...

 

อิอิ...แสดงว่าติดตามทุกฝีก้าวเลยใช่ไหมคะ?!!... ปกติก้ออย่างที่เห็นนี้หล่ะค่ะ คือปกติของจริตยายผีป่าคนนี้... ไม่มีดัดจริตให้ใครๆนะคะ ?...นอกจากมาทำให้ยายผีป่าเสียจริต!!... ซึ่งมันคือปกติของยายผีป่าอีกนั้นหล่ะ...แบบว่าผิดกลิ่นมา...ยายผีป่ารับม่ายต้ายมันเสียฟอร์มจ้า!!!...

เออ..ว่าแต่ว่า ยายผีป่าเคยปกตินอกจากปกติตามที่คุณแนะนำคุณอุทัย เคยคาดหวังว่าควรปกติแบบไหนล่ะคะ?..อิอิ...

ไม่คุยแระกะคนแปลกหน้าที่ไม่กล้าเปิดตัว!!!... งอนแระ....( นี่คืออาการปกติของยายผีป่านะคะ) ไปแระ....(b-inlove)

 

พี่ครับ หมายเหตุข้างต้นของผม คือ... เจตนาในการเผยแผ่"ความรู้ที่มีประโยชน์"ครับพี่ชาย
เชื่อว่าผู้อ่านชาวเว็บเรามีวิจารณญานกันดีพอครับผม ผมเปรียบเทียบว่ามันคงมีประโยชน์มากกว่าคาราโอเกะติ๊งต๊องของผมครับ
แต่ ...อย่างเช่นที่คุณอุทัยบอกว่า หลวงตามหาบัวเกิดเป็นพระถังซัมจั๋ง หรือหลวงปู่อ่ำของผมเป็นเฮ่งเจีย อันนี้... พูดไม่ออกครับ^^' ผมขอร้องเพลงแข่งครับอันนี้

เรื่องฌานกับญาน ผมไม่ได้อยากรู้อยากเห็นอยากได้อะไรหรอกครับผม
เพียงแต่ฌานมันเป็นสภาวะธรรมชาติที่เข้าถึงโดย auto ครับ
ไม่จำเป็นต้องรู้หรือสนใจมันก็ได้ครับ มองว่ามันเป็นภาคทฤษฎีเท่านั้นเองครับ

ผมยังอ่อนต่อโลกนักครับพี่ชาย^^โดนเค้าด่าประจำ อย่าถือสาเลยครับ

 

อืม เจ้ากระทู้ ลีลาการเขียน(หมายถึงการแบ่งวรรคการพิมพ์การใส่สัญลักษณ์) เหมือนคมอ้นจัง

 

แต่คงไม่ใช่หรอก

 

ถึงคุณอุทัยธรรมแตก

คุณอุทัย บังอาจ และอาจหาญมาก บังอาจจริง ๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับคุณอุทัยหน้อ หรือคุณอุทัยเกิอาการที่ใคร ๆเขาเรียกว่า ธรรมแตก หรือที่ในหนังจีนบอกว่าลมปราณแตกสร้าน โอ้ย ธาตุไฟเข้าแทรก หละ

 

ถ้าตรัสรู้แล้ว มาบอกความรู้สึกที่ได้รับมาได้ไหม เพราะมีหลายคนอยากรู้ และกว่าจะไ้ด้มานี้ปฏิบัติอย่างไร ให้ลองเล่ามานะครับ

เพราะถ้าเล่ามา อาจดูได้เลยว่าตรัสรู้จริงหรือไม่

 

ยังไม่สิ้นยุคองค์สมณโคดม ยังไม่สามารถตรัสรู้อะไรได้ พระศรีตัวจริงท่านไม่ทำอย่างนี้หรอกครับ เพราะยังไม่ถึงยุคของท่านครับ

คำว่า พระพุทธเจ้า เป็นคำที่สูงมาก ไม่ควรจะเอามาแอบอ้างเป็นชื่อตัวเอง
ขนาดพระศรีย์ท่านยังเคยบอกไว้เลยว่า เวลานี้ท่านยังเป็นแค่เทวดาอยู่ ยังไม่ใช่พระพุทธเจ้า เวลาที่จะหล่อรูปของท่าน ให้หล่อในรูปของเทวดา ชาติที่สร้างบารมีสุดท้ายที่ท่านจะมาเกิด ท่านจะมาสร้างทานบารมีแบบพระเวสสันดรโดยเฉพาะ แต่ยังไม่ตรัสรู้ แต่เมื่อสิ้นในชาตินั้นแล้วจะกลับขึ้นไปที่ชั้นดุสิตต่อ รอเวลาเทวดา พรหม มาอัญเชิญท่านลงไปตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

คุณอุทัยที่แอบอ้างตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ควรอย่างยิ่ง

คุณคนเมืองบัวบอกว่า คนที่แอบอ้างตัวเองเป็นพระศรีย์และบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้าด้วย ความผิดในทางกฏแห่งกรรม คือ<font color=blue>
๑)กรรมปรามาสแก่ท่านพระศรีอาริย์โดยตรง เป็นอาจินกรรม
๒)มุสาวาส เป็นอาจินกรรม
๓)ใครให้ลาภสักการะ เท่ากับ ลักขโมย ของสงฆ์ในอนาคตกาล แต่ได้รับผลก่อน เป็นอาจินกรรม
๔)บิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า ว่าเป็นของตน กรรมปรามาสแก่ท่านพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันโดยตรง เป็นอาจินกรรม
....ถึงว่าเป็นเหยื่อของอบายภูมิทุกๆทาง

 

อืมมม... มันจะเป็นอย่างนั้นเหรอ

รู้สึกว่า เนื่องจากว่าปัจจัยที่จะทำให้เราได้รับผลดีหรือผลเสียอะไรต่อตัวเรานั้น ขึ้นกับปัจจัยที่ใกล้ที่สุดเป็นหลัก ดังนั้น บาปและบุญที่จะส่งผลต่อชีวิตเราเป็นหลักนั้น ก็คือบาปและบุญที่เกิดขึ้นตรงหน้า ที่เป็นเจตนาต่อสิ่งอื่น ต่อผู้อื่น ตรงหน้าเราเป็นสำคัญอ่ะ

เขียนเอง งงเอง เอาเป็นว่างี้ ตอนที่พระเจ้าส่งพระนารายณ์ ( พระศรีอารีย์ ) มาสร้างบารมีโดยการช่วยโลก พระศรีอารีย์เนื่องจากว่าพลังยังไม่ตื่นขึ้นมาก็จะช่วยโลกเองไม่ได้ พระเจ้าส่งลงมาแล้วก็ต้องคอยช่วยอยู่ตลอด ( เนื่องจากจะช่วยเองก็ช่วยไม่ได้ ) อย่างตอนที่ลงมาครั้งที่ 8 เป็นผู้ปลดปล่อย ตอนนั้นชนชาติหนึ่งกะลังตกเป็นทาสของอีกชนชาติหนึ่ง โดยพวกทาสไม่มีกำลังที่จะต่อสู้ขัดขืนเพื่ออิสรภาพของตนด้วยตนเองเลย พระเจ้าก็เลยส่งพระนารายณ์ลงไปช่วย ( แต่ว่าเนื่องจากว่าพลังของพระเจ้ายังไม่ฟื้น คือการช่วยโลกครั้งที่ 7 และครั้งที่ 8 มันติดกันมากเกินไป แล้วพลังของพระเจ้าเหลือไม่พอที่จะช่วย ถ้าช่วยแล้วพลังของพระเจ้าจะต่ำกว่ามารแล้วมารจะขึ้นมาฆ่าพระเจ้า ก็เลยต้องปล่อยให้ชนชาติดังกล่าวตกเป็นทาสไปเป็นร้อยปี พอพลังของพระเจ้าฟื้นแล้วจึงค่อยส่งพระนารายณ์ลงมา ) ตอนนั้นพระเจ้าก็ให้พระศรีอารีย์พาพวกทาสนี้ไปถึงฝั่งทะเล แล้วก็แหวกทะเลออกให้พระศรีอารีย์พาพวกทาสข้ามไป ( เพราะตอนนี้พวกนายทาสมันโอเคแต่เดี๋ยวพอมันอยากได้ทาสขึ้นมาอีกทีมันก็จะไปต้อนเอาพวกนี้มาเป็นทาสอีกที ดังนั้นให้พวกทาสข้ามทะเลหนีไปเลย พวกนายทาสจะได้ตัดใจจากทาสพวกนี้ไปเลย ไม่ต้องคิดเลยว่าจะไปต้อนมาเป็นทาสอีก )

และในการช่วยโลกครั้งนี้พระศรีอารีย์ก็ได้อุจเพิ่มมาอีก 1 ตัว เหอะ เหอะ เหอะ แต่จะเห็นว่าแม้พระเจ้าจะเป็นคนแหวกทะเล แต่พระศรีอารีย์เป็นคนที่ได้บุญนี้โดยที่พระเจ้าไม่ได้ พระเจ้าเสียพลังไปมากมายไม่รู้เท่าไหร่ในการที่จะทำให้ทะเลมันแยกออกจากกัน แต่พระศรีอารีย์แค่เห็นว่าทะเลมันแยกออกแล้วก็พาคนข้าม บุญทั้งหมดนี้ก็ตกเป็นของพระศรีอารีย์แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่มีส่วนของพระเจ้าเลย เพราะว่าบุญในการแหวกทะเลมันไม่มี แต่บุญในการช่วยฝูงชนที่ถูกกองทัพตามมาไล่ล่านั้นมี ถึงแม้พระเจ้าจะแหวกทะเลเพื่อให้พระศรีอารีย์พาคนข้าม แต่สิ่งที่พระเจ้าทำก็คือแหวกทะเล แล้วบอกให้พระศรีอารีย์พาข้าม ยังไงก็ไม่ใช่คนพาข้าม ดังนั้นบุญนี้จึงตกเป็นของพระศรีอารีย์ไปโดยปริยาย

อีกตัวอย่างหนึ่ง ในปางเดียวกันนี้ พระศรีอารีย์เกิดอาการเซ็งโลกที่เวลาลงมาสร้างบารมีแป๊บๆมันก็ลืมหมด ลืมว่าเราได้ลงไปช่วย พอจะลงมาครั้งนี้ก็เลยทำให้โหรหลวงทำนายว่า พระผู้ช่วยให้รอดจะลงมาเกิด ทำให้กษัตริย์ของเมืองนายทาสได้สั่งให้ฆ่าทารกแรกเกิดของพวกทาสทิ้งหมด เกิดความเจ็บแค้นใจแก่พวกทาสอย่างมาก และทำให้เรื่องราวนี้จดจำตราตรึงอยู่ในหัวใจของผู้คนตราบจนทุกวันนี้ แต่บาปนี้ไปตกอยู่ที่กษัตริย์ของเมืองนายทาส ซึ่งจะทำให้เป็นคนสุขภาพไม่ค่อยดีและเจ็บป่วยเสมอๆ ส่วนพระศรีอารีย์ซึ่งทำให้เกิดการสังหารหมู่เพื่อให้ผู้คนจำเรื่องของตนเองนั้นก็จะได้รับบาปที่จะทำให้เวลาลงมาแล้วจะมีแต่คนเกลียด จะไม่มีใครรัก ซึ่งไม่ใช่บาปที่เราจะได้รับเมื่อเราฆ่าคนเลย

ดังนั้นถ้าเราแอบอ้างชื่อคนอื่นเพื่อชื่อเสียง เพื่อเงินทอง เพื่อความเด่น เพื่อความรัก ยังไงยังไง บาปนี้ก็ไม่น่าจะนรกหรอกนา...
(rose)

 

ถือว่าเป็นกระทู้ตักเตือนไปละกัน

 

ดูชื่อก้อรู้ว่ามั่วแล้วครับ - - *