ผลของกรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย รสมน, 2 มิถุนายน 2009.

  1. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ผลของอกุศลกรรม......ที่ได้เคยกระทำแล้ว แน่นอน.!

    จึงมี อกุศลวิบากจิต
    ...
    ที่ต้องเห็น ต้องได้ยิน ต้องได้กลิ่น อย่างนี้.



    แต่ หลังจากนั้น
    .........คือ

    "ขณะ" ที่ก่อให้เกิด "สังสารวัฏฏ์"

    ต่อ ๆ ไป.!



    หมายความว่า

    ขณะนี้
    ...
    ท่านผู้ฟัง กำลังรับผลของกรรม เป็น อกุศลวิบากจิต

    หลังจากนั้น
    .......
    "กิเลส" เกิด ใช่ไหมคะ.?

    แต่ไม่ถึงกับ เป็น "กรรม"
    .......
    ใช่ไหมคะ.?



    เพราะท่านผู้ฟัง ไม่ได้เบียดเบียน ไม่ได้ทำร้ายเขา

    ก็ไม่ใช่ "อกุศลกรรมบถ"



    เพราะฉะนั้น

    ท่านผู้ฟัง ก็มี "วิบาก" กับ "กิเลส"



    ถ้าท่านผู้ฟังโกรธมากกว่านี้

    อกุศลจิตมีกำลังมากกว่านี้

    สุดท้าย ก็เป็นอกุศลกรรม.!


    เพราะฉะนั้น
    สังสารวัฏฏ์ ก็หมุนวน อย่างนี้.!

    (กิเลส กรรม วิบาก)


    ขณะนี้ "วิบากจิต" มีแล้ว แน่นอน

    หลังจาก "วิบากจิต"


    (ซึ่งเป็นผลของกรรม)

    เป็น "กุศลจิต" หรือ "อกุศลจิต"

    คือ กิเลส.

    (ซึ่งเป็นเหตุของกรรม)


    เป็นอนัตตา เพราะบังคับบัญชาไม่ได้

    สภาพธรรมทั้งหลาย เกิดแล้วดับ

    เป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย.




    เพราะฉะนั้น

    อะไรก็ไม่ดีเท่ากับ "สติ"

    เพราะ "สติ" เป็นเกาะ

    คือ เป็นที่พึ่ง.


    หมายความว่า


    แทนที่ จะมี กุศลจิต และ อกุศลจิต
    ........

    "สติ" ก็เกิด ระลึก ตรง "ลักษณะ" ของสภาพธรรม

    ตามปกติ ตามความเป็นจริง.



    .
    .
    .



    "กรรม" เป็น "กัมมปัจจัย"

    ซึ่งทำให้มี "ฆานปสาทรูป"



    "อกุศลกรรม" เป็น "ปัจจัย"

    ทำให้ได้รับ "อกุศลวิบาก" ใน "ลักษณะ" นี้.



    "อกุศลวิบากจิต"

    เกิดทางทวารไหนก็ได้ทั้งนั้น.



    มี "วิบากจิต" คือ ผลของกรรม มี ๒ ประเภท

    คือ "กุศลวิบากจิต" และ "อกุศลวิบากจิต"



    ถ้ามีการได้รับ "อกุศลวิบากจิต" ใน "ขณะนั้"

    แล้ว มี "ปัจจัย" ที่ทำให้ "สติเกิด"



    " ปัญญา" รู้ ว่า เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง

    เกิดแล้วดับ เป็นอนัตตา

    ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล.

    ก็ไม่เดือดร้อน.!


    ดีกว่า ไปตกนรก
    ....?

    เพราะว่า มี "ปัจจัย"

    ที่จะทำให้สามารถที่จะล่วง "อกุศลกรรมบถ"



    (อันเป็นเหตุ ให้ไปเกิดในนรกได้...ถ้าประมาท คือ สติไม่เกิด)




    ถ้าเราเข้าใจ ใน "ลักษณะ" ของสภาพธรรม

    เราจะไม่มีปัญหาเลย.!

    ขณะที่ สติ" ระลึก ตรง ปรมัตถธรรม

    และ มี "ความเข้าใจ"

    ใน "ลักษณะ" ของ ปรมัตถธรรม.

    "ลักษณะ" ของ กุศลจิต และ อกุศลจิต

    ต่างกันอย่างไร.?

    ก็เข้าใจได้
    ..........

    เพราะ "สติ" ระลึก ตรง "ลักษณะ" นั้น ๆ

    และ "ปัญญา" รู้ สภาพธรรม ที่เป็นปรมัตถธรรม

    ซึ่งก็คือ กุศลจิต และอกุศลจิต นั้นเอง.




    คือ รู้ ว่า มี "ลักษณะ"ต่างกัน

    และมี "ความเข้าใจจริง ๆ" ว่า

    มีคุณ มีโทษ ต่างกันอย่างไร.?



    และ "ความรู้" นี้ จะต้องรู้ เพิ่มขึ้น ๆ

    ด้วยการอบรม เจริญ สติปัฏฐาน
    ......

    คือ "สติ" ระลึก ตรง "ลักษณะ" ของสภาพธรรม

    ที่กำลังปรากฏ ขณะนี้

    ตามปกติ ตามความเป็นจริง.



    ขณะที่ "สติ" เกิด

    ระลึก รู้ "ลักษณะ" ของสภาพธรรม

    เป็น "ขณะ"ที่สั้นมาก

    เพียงนิดเดียวเท่านั้น.!



    เพราะ "สติ" เกิดแล้วดับไปทันทีอย่างรวดเร็ว

    แล้วก็มีการคิดนึก เป็น "เรื่องราว"

    จนกระทั่ง "ปิดบัง"ความเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว

    ของสภาพธรรม.



    "ความจริง" คือ

    สภาพธรรมเกิด และ ดับสูญไปหมด

    ผ่านไปแล้ว หมด ไม่เหลือเลย.

     
  2. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    กระบวนการภายในนามขันธ์ มีเกิดดับ ดำรงอยู่ ปรุงแต่ง เวียนว่ายกันไป ก่อชาติ ก่อทุกข์ ก่อภพ นี่ละหนา คือ กรรมทางใจ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...