ผลกรรมตามสนองถึงลูก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 29 มกราคม 2007.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    เรื่องที่ ๑๙
    ผลกรรมตามสนองถึงลูก
    จากหนังสือ “โลกทิพย์” ฉบับเดือน ธันวาคม ๒๕๔๖
    ***********************
    <tt>กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง พระพุทธเจ้าสอนคนให้เป็นคนดี ให้ละเว้นความชั่วและกรรมชั่วทั้งหลาย โดยให้กระทำแต่ความดีและกรรมดี ไม่ให้เบียดเบียนสัตว์โลกและเพื่อนมนุษย์ ไม่ให้แก่งแย่ง พระพุทธเจ้าสอนให้คนเป็นคนดี รู้จักปรับปรุงตน ทั้งกาย วาจา ใจ ให้อยู่ในกรอบอยู่เสมอ และหมั่นทำบุญ ทำทาน มีเมตตาต่อสรรพสัตว์โลกด้วยกัน ถ้าคนเราขาดคุณธรรม และความเมตตาต่อสัตว์ก็จะหาความสุขความเจริญไม่ได้ ดังเรื่องที่จะนำมาเล่าสู่ผู้อ่านฟัง ดังต่อไปนี้ </tt>​
    <tt style="font-family: Courier New;">เรื่องมีอยู่ว่า ที่หมู่บ้านของผมมีลุงคนหนึ่งชื่อว่า ลุงแก้ว แกมีอาชีพจับปลาขาย ลุงแก้วเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องเวรกรรมเท่าไหร่ และตอนนี้แกมีอายุ ๖๐ ปีแล้ว ตอนเป็นหนุ่ม ๆ แกขยันทำมาหากิน แต่จะเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ เห็นแมวไม่ได้ เห็นเป็นต้องไล่ฆ่า คนแก่แถวบ้านก็บอกกับลุงแก้วว่า ฆ่าแมวมันเป็นบาปหนักบาปหนา แต่แกก็ไม่สนใจ เพราะแค้นแมวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะแมวชอบไปขโมยปลาที่แกตากแห้งไว้ขาย ถ้าแกจับแมวได้ ก็จะฆ่าแมวอย่างโหดร้ายมาก คือ แกจะจับแมวมาตัดขาทั้ง ๔ ข้างออก แล้วปล่อยให้มันทรมาน เพื่อที่จะได้สาสมแก่ใจของแก ที่แมวแอบมาขโมยปลาอยู่บ่อย ๆ และก็ปล่อยให้แมวทรมานจนตายในที่สุด หลังจากนั้นก็จะนำแมวมาทำเป็นอาหาร คนแถวบ้านผมไม่มีใครกินเนื้อแมว เห็นจะมีแต่ลุงแก้วนี่แหละ ชาวบ้านต่างพากันตั้งฉายาลุงแก้วว่า แก้วผีปอบ แต่แกก็ทำเป็นไม่สนใจ </tt>​
    <tt style="font-family: Courier New;">พออายุได้ ๓๐ ปี แกก็ได้แต่งงานกับ ป้าสำลี อยู่กินกันได้ ๓ ปี ป้าสำลีก็ตั้งท้อง ตอนที่ป้าสำลีท้อง แกก็ชอบกินเนื้อแมวเหมือนกัน ลุงแก้วก็จะหาจับแมวมาฆ่า และนำมาเป็นอาหารให้ป้าสำลีกินทุกวัน จนแมว แถว ๆ หมู่บ้านผมแทบจะไม่มี บางทีแกจะไปหาซื้อแมวตามหมู่บ้านต่าง ๆ มาขังไว้ เพื่อทำเป็นอาหารให้เมียแกกิน บ้านของลุงแก้วเขากินเนื้อแมวทั้งผัวทั้งเมีย นาน ๆ เข้าแมวก็เริ่มจะหายาก ลุงแก้วเลยไปจับแมวที่วัดไปฆ่าเป็นอาหาร</tt>​
    <tt style="font-family: Courier New;">แม่เล่าให้ผมฟังอีกว่า ลุงแก้วแกเคยมาขโมยแมวที่บ้านของแม่ เพราะตอนกลางวันแม่กับพ่อไม่ได้อยู่บ้าน จะออกไปทำไร่ทุกวัน พอแม่กลับมาถึงบ้านก็ไม่พบแมว เรียกหากินข้าวก็ไม่มี เพราะตามธรรมดาแล้ว พอแม่กลับมาถึงบ้าน แมวตัวนี้มันก็เข้ามาทักทายแม่ ตามประสาของแมวอยู่เป็นประจำ พอมาวันนี้แม่ผมหาแมวไม่เจอ จึงนึกสงสัยว่า ต้องเป็นลุงแก้วแน่ ๆ เลยที่มาขโมยแมวไป เพราะแกกินแมว พอไปถึงบ้านของลุงแก้ว ก็ได้ยินเสียงแมวร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาจากหลังบ้าน แม่จึงรีบวิ่งไปดู ก็พบ ลุงแก้วกำลังใช้มีด ตัดขาหลังทั้งสองข้างของแมวอยู่พอดีเลย พอแม่เห็นเข้า จึงตะโกนบอกให้หยุด ลุงแก้วแกก็หยุด แต่ช้าไป เพราะลุงแก้วได้ตัดขาหลังของแมวไปเสียแล้ว </tt>​
    <tt style="font-family: Courier New;">แม่ก็รีบเข้าไปเอาร่างของแมว ที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลออกมาจากขาเป็นจำนวนมาก แม่จึงเอามือบีบห้ามเลือดไว้ และก็ด่าลุงแก้วต่าง ๆ นานา ลุงแก้วบอกว่าไม่ได้ขโมยมา แต่แมวมันมาขโมยปลาของลุง ลุงจึงจับมันเพื่อที่จะสั่งสอนมันเท่านั้นเอง แม่ผมโกรธมากจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว จึงได้นำเอาแมวกลับมาที่บ้านเพื่อที่จะรักษาบาดแผลให้มัน แต่แล้วแมวทนเจ็บไม่ไหว จึงสิ้นใจตาย แม่เสียใจมากถึงกับนั่งร้องไห้ และได้สาปแช่งลุงแก้วต่าง ๆ นานา </tt>​
    <tt style="font-family: Courier New;">และแล้วอยู่มาไม่นาน เรื่องที่ทุกคนในหมู่บ้านไม่เคยคิด และไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ทำให้คนในหมู่บ้านต้องตกตะลึงและโจษจันกันไปทั้งหมู่บ้าน เมื่อเมียลุงแก้วได้คลอดลูกออกมา ไม่มีแขนและขาอย่างละข้าง ลุงแก้วและเมียรู้สึกเสียใจมากที่ลูกเกิดมามีแขนและขาข้างเดียว ต่างคนต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คงเป็นเพราะเวรกรรมที่ลุงแก้วทำกับแมว นั่นเอง แต่ลุงแก้วกับป้าสำลีก็เลี้ยงลูกคนนี้จนโต ปัจจุบันนี้ยังมีชีวิตอยู่ ผมเห็นแล้วก็อดนึกสงสารลูกของแกไม่ได้ ที่ต้องมาพิการตั้งแต่เกิด ลุงแก้วแกทำบาปแท้ ๆ แต่กลับต้องมาตอบสนองที่ลูกแทน </tt>​
    <tt style="font-family: Courier New;">เรื่องนี้ทำให้ผมไม่กล้าฆ่าสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อะไรก็ช่าง ผมกลัวมาก กลัวว่าจะเป็นแบบลูกของลุงแก้ว ปัจจุบันนี้ลูกของแกอายุได้ ๒๖ ปี รุ่นเดียวกับลูกชายของป้าผม นี่คือเรื่องที่นำมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านฟัง เพื่อเป็นคติเตือนใจให้กระทำแต่ความดีไม่ให้เบียดเบียนสัตว์</tt>​
    <tt style="font-family: Courier New;">หมายเหตุ พิมพ์เรื่องราวเพื่อเผยแพร่ในเวปไซด์ โดย คุณ </tt><tt>Lilly </tt><tt style="font-family: Courier New;">ขออนุโมทนา</tt>​

    <tt style="font-family: Courier New;"> </tt></pre>
    <tt style="font-family: Courier New;">บทวิเคราะห์กรรม</tt></pre>
    <tt style="font-family: Courier New;">โดย อ.เล็ก พลูโต</tt></pre>
    <tt style="font-family: Angsana New;">*********************</tt></pre> เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผลกรรมส่งมาถึงลูก ในจำนวนหลายเรื่องที่เคยปรากฎ โดยเฉพาะในเรื่องราวกฎแห่งกรรม ที่ผมได้ยกตัวอย่างเอาไว้ ในบทความเรื่อง “แก้ดวง แก้กรรม ทำอย่างไร ? ” หลายต่อหลายตอน เช่น เรื่องของ “นางน้อม” ที่รักฆ่าแมวที่มาขโมยปลา ด้วยความโมโห โดยการปามีดโต้ไปยังแมว ถูกขาแมวขาดไปข้างหนึ่ง แล้วแมวกระเด็นตกน้ำตายไป ในขณะที่ตนเองกำลังตั้งครรภ์ ต่อมา ผลกรรมก็ตามสนองถึงลูก เด็กเกิดมาพิการ มีขาข้างเดียว และต่อมาก็คลานต้วมเตี้ยม ตกน้ำตายด้วยวัยไม่กี่เดือน (บ้านนางน้อมปลูกเป็นเรือนแพมีอาชีพจับสัตว์น้ำขาย)รายละเอียดสนใจก็คลิกเข้าไปอ่านได้ที่
    อีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นกรรมตามมสนองถึงลูก ทันตาเห็นเหมือนกัน เรื่องของ “นายเชิด” ชายโฉด ที่พร่าพรหมจรรย์หญิงสาวไม่เลือกหน้า ไม่จำกัดวิธี ขอให้ได้มาบำเรอกามของตนเท่านั้นเป็นพอใจ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของฝ่ายหญิง ของญาติฝ่ายหญิง ว่าจะเป็นเช่นไร แล้วผลกรรมที่ทำไว้กับหญิงสาวรายหนึ่ง ก็ยอกย้อนมายังลูกสาวของเขาจนได้ รายละเอียดต่าง ๆ สนใจ คลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่ครับ
    และก็มีหลายท่าน ตั้งคำถาม แม้กระทั่งผู้เขียนเรื่องนี้ ก็อดสงสัย และ ไม่เข้าใจว่า ทำไม ? พ่อแม่ ทำกรรมใดไว้ กรรมนั้นจึงส่งผลถึงลูก เพราะลูกที่เกิดมาเป็นผู้บริสุทธิ์ และหญิงสาวผู้เป็นลูกนั้น ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้สร้างกรรมใดไว้ ตั้งแต่เกิดจนโตเป็นสาว ทำไม ? ต้องมารับกรรม มันเป็นการยุติธรรม แล้วล่ะหรือ ?
    คำถามนี้ ผมตอบให้ทราบไปแล้ว ในบทความเรื่อง “แก้ดวง แก้กรรม ทำอย่างไร ?” แต่อาจจะไม่มีใครได้อ่านครบถ้วนทุกตอน หรืออ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ได้จดจำเอาไว้ ผมก็เลยต้องขอวิเคราะห์คำถาม และวิสัชชนาคำตอบให้อีกครั้งหนึ่งในโอกาสนี้ เพราะต่อไป ก็จะมีเรื่องราว “กรรมสนองกรรม” มาให้อ่านอีกมากมาย จะได้ไม่ต้องสงสัย หรือ ตั้งคำถามกันบ่อย ๆ
    มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องพบปะ ปะทะสังสรรค์ มีกิจกรรมร่วมกัน ย่อมก่อเวรสร้างกรรมร่วมกันไว้ มากบ้างน้อยบ้าง เป็นเรื่องปกติธรรมดา และเมื่อได้รับอารมณ์ หรือ การกระทำของฝ่ายหนึ่ง ก่อให้เกิดความไม่พอใจ ก็จะเกิดอาการโกรธ และหาทางโต้ตอบ เช่น ถ้าถูกเขาด่า ก็มักจะด่าตอบ, หากถูกเขาทำร้ายร่างกาย ก็มักจะทำร้ายร่างกายตอบ ฯลฯ ที่จะอยู่นิ่งเฉย ๆ โดยไม่โต้ตอบ เห็นมีแต่พระอริยบุคคล ที่สำเร็จมรรคผล นิพพาน แล้วเท่านั้น (พระอนาคามี อริยบุคคลระดับ ๓ ยังไม่สามารถละอนุสัยกิเลส ที่อยู่ในหมวดความโกรธ หรือ โทสะจริต ได้เลยครับ)
    มันเป็นเรื่องของ “กฎแห่งกรรม” กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตอบสนอง ไม่ว่าช้าหรือเร็ว ภพนี้ หรือ ภพหน้า เพียงแต่รอเวลาที่กรรมนั้น ๆ จะส่งผล หรือ ตามทันเท่านั้น ขณะที่รอเวลา และเกิดมีการอโหสิกรรมให้แก่กัน กรรมนั้นถึงจะเป็นโมฆะกรรม ไม่ส่งผลอีกต่อไป แต่ถ้าไม่แล้วล่ะก็ แม้แต่พระอรหันต์ ที่สำเร็จมรรคผลแล้ว แต่ยังไม่ละสังขาร ไปนิพพาน ก็ยังต้องรับกรรมเลยครับ หากกรรมนั้นตามมาทัน
    เมื่อคนเราก่อกรรมไว้ ไม่ว่ากรรมดีหรือชั่วก็ตาม เมื่อกรรมนั้นยังตามมาไม่ทันในภพปัจจุบัน ก็จะส่งผลให้ตามไปในภพหน้า และเมื่อจิตวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว ก็จะไปปฏิสนธิในร่างใหม่ทันที ผมเองก็เคยเข้าใจผิด ในเรื่องของ “การรอการเกิด” ที่เรียกว่า “สัมภเวสี” และเชื่อว่า ยังมีอีกหลายคนทีเดียวครับ ที่ยังคงเข้าใจผิดเหมือนผม อันที่จริงแล้ว ภูติ ผี ปีศาจ ที่เรารู้จักกันดี และมาหลอกหลอนเรา ไม่ว่าเราจะรู้จักเขาหรือไม่ ล้วนเป็นโอปปาติกะ (สัตว์ที่เกิดขึ้นและมีรูปร่างทันทีทันใด ไม่ต้องรอการเจริญเติบโต) ในภพภูมิอื่นทั้งสิ้น ส่วนมากมักจะเป็น เปรต หรือ ผีเปรต ที่มีฤทธิ์จำแลงร่างกายได้ ยังคงมีสัญญา (ความจำ) ในรูปเดิมของตนได้ เมื่อตายไป จึงจำแลงร่างให้เป็นรูปเหมือนกับตนมีชีวิตอยู่
    เหตุที่คนเราตายไปแล้วกลายเป็นผีเปรต วิญญาณกลับมาเยี่ยมเยียนคนที่รัก นั้น เป็นเพราะจิตใกล้ตายของเขา ยังห่วงคนรัก ห่วงสมบัติ ห่วงอะไรต่อมิอะไรอยู่ ซึ่งเป็นจิตที่เกิดจากอำนาจ โลภจริต หรือ ราคะจริต อันจะเป็นทางนำไปสู่เปตภูมิ เขาจึงต้องไปอุบัติเป็นเปรต แม้จะสร้างกุศลผลกรรมความดีในขณะที่มีชีวิตอยู่มากเพียงใดก็ตาม ถ้าจิตใกล้ตาย หรือ “อาสันนจิต” เป็นอย่างไร ก็จะไปอย่างนั้น แต่อาจจะดำรงอยู่ในสภาพดังกล่าวที่ว่านั้นไม่นานครับ เพราะผลบุญที่ทำไว้ หรือ ผลบาปที่ทำไว้ ตามมาทัน หรือ ระลึกถึงผลบุญ ผลบาปนั้นได้ จิตวิญญาณก็จะไปจุติ ในร่างสัตว์เดรัจฉานบ้าง, ไปเป็นเปรตชนิดต่าง ๆ ที่ต้องทนทุกข์ทรมานบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เป็นเทวดาก็ได้ เป็นพรหมก็ยังมี ขึ้นอยู่กับผลกรรมของเขาเหล่านั้นครับ ว่าจะส่งผลเป็นเช่นไร
    เรื่องของพระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ที่มีคนนับหน้าถือตามาก เคยบอกกับลูกศิษย์ว่า พอท่านตายไป คอยดูนะ จะมีเสียงดนตรี จากสวรรค์ จะมีเทวดามาคอยรับไปสู่สวรรค์ แต่แล้ว พอท่านป่วยหนักใกล้ตาย จิตของท่านแค่แวบเดียว ห่วงต้นอ้อยที่ปลูกไว้ ว่าเจริญงอกงามดีแล้ว น่าจะได้ตัดเอามาคั้นเป็นน้ำอ้อยถวายพระ แค่นี้แหละครับ ท่านจิตวิญญาณของท่านละจากร่าง ต้องไปเกิดเป็น “ตัวเล็น” ติดอยู่ที่ต้นอ้อยที่ท่านปลูกไว้ในบริเวณวัด ใกล้กุฏิท่านทันที ไม่ได้ไปสวรรค์ ดังที่คิดไว้ ลูกศิษย์ที่นับถือ ก็พากันเสียใจ ที่พระอาจารย์ของตนไม่ได้ไปสวรรค์ดังที่บอกเอาไว้ จนงานศพล่วงไปครบกำหนด ๗ วัน พอถึงวันฌาปนกิจ มีลูกศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่ง ไปเห็นอ้อยที่พระอาจารย์ปลูกไว้ ก็เลยมีความคิดว่า จะตัดอ้อย คั้นเอาน้ำมาถวายพระ เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำ เรียกกรรมการวัด และทายกทายิกา มาช่วยกันตัด ช่วยกันคั้นน้ำอ้อย ตัวเล็นพระอาจารย์ที่เกาะอยู่ที่ต้นอ้อย ก็เลยอนุโมทนา และก็ตายลง พอตอนฌาปนกิจ พลันก็มีเสียงดนตรีก้องมาจากสวรรค์ ให้ได้ยินกันทั่วทุกคนที่อยู่ในบริเวณงาน เป็นที่ปลาบปลื้มใจของสานุศิษย์ ที่ดวงวิญญาณพระอาจารย์ ได้ไปสู่สรวงสวรรค์ ตามที่ท่านได้เคยบอกไว้ เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริง เรื่องเล่าของ พระอาจารย์จรัญ แห่งวัดอัมพวัน สิงห์บุรี ครับ
    เรื่องของจิตวิญญาณที่ปฏิสนธิในร่างใหม่นี้ ถูกควบคุมด้วย “กฎแห่งกรรม” ครับ และผมเชื่อว่า ผู้ที่มีหน้าที่พิทักษ์รักษา ให้ขบวนการแห่งจิตวิญญาณที่แตกดับ ไปสู่ร่างใด ร่างหนึ่ง ภพใด ภพหนึ่งนั้น น่าจะเป็น เทพผู้ทรงฤทธิ์ และมีอำนาจหน้าที่นี้โดยตรง เช่น เทพประจำดาวพระเคราะห์ต่าง ๆ ฯลฯ เป็นต้น เมื่อเขาตายไป และไปเสวยผลบุญและบาป ในภพภูมิอื่นแล้ว หากยังเหลือเศษกรรม ที่ยังใช้ไม่หมด ก็ต้องเกิดมารับกรรมในโลกมนุษย์
    ดังนั้น เด็กที่เกิดมาแล้วแขนขาด้วน พิการทางร่างกายอื่น ๆ หญิงสาวที่ถูกขมขืน ถูกล่อลวง หรือ คนที่ต้องติดคุกติดตะราง เพราะถูกใส่ร้าย ฯลฯ เขาเหล่านี้ จะต้องมี “เศษกรรม” ติดตัวเอาไว้ ให้เขาต้องมาชดใช้ และเมื่อได้วาระที่จะเกิด เทพผู้ที่มีหน้าที่จัดสรรดวงวิญญาณที่จะมาเกิด ก็จะพิจารณาดูว่า จะไปอยู่ในครรภ์ หรือ ตระกูลใด ที่เหมาะสม และเป็นการสนองกรรมของคนนั้น ในปัจจุบันชาติ เพื่อเป็นการสั่งสอนผู้คนทางอ้อม ว่า กรรมนั้นมีจริง ส่งผลจริง ไม่ต้องไปรอชาติหน้า ที่หลายคนบอกว่า ยากที่จะพิสูจน์ จะได้รู้เห็นกันจะ จะ ไปเลย ทั้งนี้ เพื่อที่จะให้เขาได้คิด และสำนึก เลิกก่อกรรมชั่วนั้นอีก และกลับตัวกลับใจ มาสร้างกรรมดี เป็นการเปิดโอกาสให้น่ะครับ และเมื่อกรรมส่งผลไปยังลูก ใช่ว่า พ่อแม่ที่ทำกรรมนั้น จะหมดกรรมนะครับ กรรมของลูกที่เกิดมาอายุสั้น พิการ เพราะกรรมเก่าของเขา เขาจึงต้องชดใช้ แต่กรรมใหม่ที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ก่อไว้ อย่าถือว่าตนได้ชดใช้นะครับ ยังไม่ได้ใช้เลยสักนิด ตายไป ต้องไปใช้กรรมแน่ เว้นเสียแต่ว่า สำนึกบาป และสร้างสมกรรมดีให้มาก จนกรรมชั่วตามไม่ทัน และได้บรรเทาเบาบางลง จนมีการอโหสิกรรมต่อกัน หรือ ไปมรรคผล นิพพาน จนกรรมนั้นเป็นโมฆะ
    ลองคิดดูนะครับ หากเราไปฆ่าลูกคนอื่น หรือ ไปล่อลวงลูกสาวคนอื่น แล้วกรรมนั้นมาตกอยู่กับลูกของเรา เราจะมีความรู้สึกเจ็บปวด มากกว่ากรรมที่จะมาตกกับเราหรือไม่ ? ใครที่ยังไม่เคยเป็นพ่อเป็นแม่คน อาจจะไม่ทราบตรงจุดนี้ พ่อแม่ทุกคน ไม่ว่า คน หรือ สัตว์ ล้วนรักลูกด้วยกันทั้งนั้น กรรมที่ก่อไว้ หากตกกับตนเองจะดีเสียกว่า ที่จะไปตกกับลูก หรือ พ่อแม่คนไหน ที่มีลูก จะเถียง ก็ว่ามา


    http://www.lekpluto.com/index02/kram/kram01_007.htm
     

แชร์หน้านี้

Loading...