ผมสมาชิกใหม่ Mind_Sci ถอดกายทิพย์ได้ รายงานตัวครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Mind_Sci, 23 เมษายน 2010.

  1. Mind_Sci

    Mind_Sci สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2010
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีครับผม ชื่อ Mind_Sci ติดตามเว็บนี้มาได้พักนึงแล้ว ขอรายงานตัว ครับ
    ผมอาศัยอยู่ในประเทศไทย เป็น คริสต์ัจักษ์ครับ

    ความสามารถของผมคือ ถอดกายทิพย์ได้ครับ และการควบคุมความฝัน อีกอย่างเวลานอน ผมมองทะลุเปลือกตาได้ครับ

    ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ (ผมคุยกับพระพุทธเ้จ้า ของท่านได้ด้วยครับ)

    --------------------------------------------------------------
    ความสามารถคร่าวๆ

    ในตอนเป็นเด็ก ผมเป็นคนกลัวผี และมักจะถูก ผู้ปกครอง เคี่ยนตีเนื่องจากกลัวความมืด และมักขังผมให้นอนคนเดียวบ่อยๆ ผมกลัวมากเลยต้องนอนกับใจตัวเอง ผมรู้สึกว่า ผมเชื่อมต่อความรู้สึกตัวเอง ออกไปที่ไกลๆได้ มันรู้สึกกลัวๆ และเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น ผมคิดถึงแม่ เหมือนมีแม่นอนอยู่ข้างๆ และผมก็หลับ ผมทำแบบนี้หลายครั้ง ผมเกลียดพ่อ

    พอตอนโต ผมอยู่หอพัก เวลานอนผมมักจะทำ แบบนั้นบ่อยๆ ผมทำคิดถึงเพื่อนผู้หญิง ผมฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะๆ และมันจะมีคลื่นเป็นสายออกมา จากหน้าผม และไปต่อกับเพื่อนที่ผมชอบ เราคุยกันไปเรื่อยๆ จนผมหลับ

    ผมฝึกไปเรื่อยๆ เกี่ยวกับจิตใจ วันหนึ่งผมทำแบบนั้นตอนหลับ แต่กลับพบว่า ผมสามารถมองทะลุม่านตาตัวเองตอนนอน แต่ร่างกายกำลังหลับ ผมมองไปรอบๆห้องได้ และผมลุกขึ้น (ผมฝึำกหลายครั้ง ) (ผมมารู้ภายหลังว่า เป็นการถอดกายทิพย์เข้าฝัน) บางทีผมก็จับหัวใจตัวเอง มันเต้นตุ๊บๆ ผมกลัวที่จะละร่างกาย ..... หลายครั้งผมทำแบบนี้ แล้วฝัน ผมจะมีอำนาจในฝัน ผมเดินบนน้ำในฝันได้ ผมลอยตัว บินได้ ผมต่อสู้กับเพื่อนในฝัน หรือ เอาตัวรับกระุุสุนปืน บางทีผมก็ฝันเป็น Cartoon ตัวผมเป็น Pop eye เวลาผมกินผักขมในฝัน ผมจะมีกำลังมากๆ (ตอนโต มีพระในฝันมาช่วยผมด้วย ตอนเด็กๆเอาแต่แกล้งผม)

    ผมอ่านบทความในเน็ต ตอนนี้ผมไม่กลัว ถอดกายทิพย์ และเดินรอบบ้าน นอกบ้าน และตามซอยข้างๆบ้านผมแล้ว (ไม่มีเพื่อนเลย ในกายทิพย์) ผมขอโทษที่บางทีผมถอดมาแบบทรมาน แต่ในใจผมอยาก ให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ และผมไ้ด้กลับ อย่างเต็มภาคภูมิ

    ///////////////////////////////////////////////////////////////
    ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ พระพุทธคุณทั้งหลาย
    และเทพเจ้าจากศาสนาอื่นๆ

    สิ่งที่ผมสนใจ : ถอดกายทิพย์ไปสวรรค์ ,นรก
    ควบคุมความคิด ความรู้สึกคนอื่น
    คุยกับพระเจ้า , พระพุทธเจ้า , คุยกับภูตติผีปีศาจ
    มีอำนาจในกายทิพย,มีอำนาจในฝัน,มีเพื่อนในฝัน
    Mind connect,เชื่อมต่อเพื่อนๆด้วย Mind
    เดินจักระ และระเบิดไปทุกทุกทาง และกลับมา, (พลังจักรวาล)

    ขอบคุณ พระพุทธเจ้า ที่ช่วยเหลือผมในฝัน

    E-Mail : ของผม Mind_Sci@hotmail.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 002.jpg
      002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.3 KB
      เปิดดู:
      175
    • merkaba meditation.jpg
      merkaba meditation.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.4 KB
      เปิดดู:
      96
  2. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    บทความนี้ได้มาจากเวบด้านล่าง


    กสิณ ๓ เป็นบาทของทิพจักขุญาณ
    ต่อไปนี้จะได้แนะถึงวิธีปฏิบัติในกสิณ ๓ อย่าง คือ
    เตโชกสิณ
    โอทาตกสิณ
    อาโลกกสิณ

    ๓ อย่างนี้แต่เพียงพอเป็นทางปฏิบัติ เพื่อบำเพ็ญเพื่อได้ทิพจักขุญาณ แต่ท่านอย่าลืมนะว่าการปฏิบัติกรรมฐานจะต้องหาครูผู้สอน ถ้าทำเองโดยไม่มีใครแนะนำและควบคุมแล้ว ดีไม่ดีจะเกิดสำเร็จเร็วกว่าความเป็นจริง ตัวอย่างในปัจจุบันมีไม่น้อย พอเห็นอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็คิดว่าสำเร็จเสียแล้วเลยไม่พบดีกัน

    ขณะที่เขียนหนังสือนี้อยู่ มีนักปฏิบัติกลุ่มหนึ่งมาถามว่า "ฉันได้ไปสอบกับครูผู้สอน คุณครูบอกว่าได้องค์ธรรมแล้ว ท่านช่วยตรวจด้วยเถอะว่าฉันได้แค่ไหนแล้ว?" ทำเอาข้าพเจ้างงงันคอแข็งไปเลย ไม่มีแบบมีแผนที่ไหนที่ผู้ปฏิบัติถึงธรรมแล้ว กลับไม่รู้ว่าตัวได้ แปลกมาก ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นปัจจัตตัง เมื่อได้แล้วต้องรู้เอง ไม่ใช่ไปขอร้องให้คนอื่นช่วยบอก แล้วครูเอาอะไรเป็นเครื่องวัดว่าลูกศิษย์ได้ดวงธรรม ในเมื่อเจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวสักนิด ข้าพเจ้าได้วินิจฉัยดูเห็นว่า ก. ข. ยังไม่กระดิกหูเลย จึงย้อนถามว่าใครเป็นครู ท่านกลุ่มนั้นก็บอกครูและสำนัก ถามถึงระเบียบการสอนก็บอกให้ทราบ ดูแล้วช่างไม่ถูกไม่ตรงเสียแล้ว เสียดายธรรมของพระพุทธเจ้า สงสารพระพุทธเจ้า อุตส่าห์พร่ำสอนเสียเป็นวรรคเป็นเวร เกือบล้มเกือบตาย แต่ลูกศิษย์ลูกหาไม่ได้เชื่อฟัง กลับเอาลัทธิหลอกลวงมาใช้ แล้วแอบอ้างเอาพระนามของพระองค์มารับรอง น่าสงสารแท้ ๆ ธรรมที่ว่าสอบได้นั้น เขาบอกว่า เห็นดวงเล็กบ้างใหญ่บ้าง เห็นพระบ้าง โธ่! น่าสงสาร ของเท่านี้ยังไกลต่อคำว่าได้อีกหลายล้านเท่า ท่านระวังไว้นะ! ดีไม่ดีจะไปพบครูจระเข้แบบนี้เข้าจะลำบาก

    ทิพจักขุญาณนี้ ความจริงแล้วอาจจะได้จากกรรมฐานกองอื่นก็ได้ ไม่เฉพาะกสิณ ๓ อย่างนี้ เมื่อทำสมาธิถึงแล้ว และรู้จักวิธีปฏิบัติแม้กรรมฐานกองอื่นก็ทำทิพจักขุญาณให้บังเกิดได้ แต่ที่แนะนำไว้ในที่นี้ว่าให้ปฏิบัติในกสิณ ๓ ก็เพราะว่ากสิณ ๓ นี้เป็นบาทของทิพจักขุญาณโดยตรง แนะตามคัมภีร์วิสุทธิมรรค ท่านว่าไว้อย่างนี้ ก็เขียนไปตามท่าน แต่ถ้าใครตามได้คนนั้นก็ได้ทิพจักขุญาณจริง

    อาโลกกสิณ กสิณกองนี้ ตามในวิสุทธิมรรคท่านกล่าวว่า เป็นกสิณที่เหมาะแก่ทิพจักขุญาณที่สุด มีวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้ ในวิสุทธิมรรคท่านกล่าวไว้ดังต่อไปนี้ ผู้ใดที่เคยเจริญ อาโลกกสิณ มาแต่ชาติก่อน ชาตินี้แม้เพียงแลดูแสงจันทร์หรือแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดช่องฝามาเท่านั้น ก็สำเร็จ"อุคคหนิมิต" ( คือรูปนั้นติดตาแม้หลับแล้วก็ยังเห็นภาพนั้นติดตาติดตาอยู่ เรียกว่า "อุคคหนิมิต" ) และ "ปฏิภาคนิมิต" ( คือ เห็นแสงนั้นสว่างไสวคล้ายแสงดาวประกายพรึก สว่างจ้าเหมือนลืมตาเห็นดวงอาทิตย์ ) ได้ง่ายดาย สำหรับผู้ที่ฝึกหัดใหม่นั้นท่านให้เพ่งดูแสงจันทร์และแสงอาทิตย์ ที่ส่องลงมาตามช่องฝาเป็นแสงกลม ลืมตามองดูแล้วตั้งใจจดจำไว้ว่า แสงที่ส่องลงานั้นเป็นอย่างไร มีรูปคือลักษณะช่องกลมอย่างไร แล้วบริกรรมว่า โอภาโส ๆ หรือจะภาวนาว่า อาโลโก ๆ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ จนกว่าภาพนั้นจะติดตา คือ ภาวนาไปด้วย นึกถึงภาพนั้นไปด้วย เมื่อภาพนั้นติดตาแล้วก็ให้กำหนดใจว่าขอภาพนั้นจงใหญ่ขึ้น เมื่อภาพนั้นใหญ่ขึ้น ก็นึกให้เล็กลง ภาพนั้นก็เล็กลง นึกว่าภาพนี้จงสูงขึ้น ภาพนั้นก็สูงขึ้น นึกว่าขอภาพนี้จงต่ำลง ภาพนั้นก็ต่ำลง อย่างนี้เรียกว่าได้ "อุคคหนิมิต" เป็นอุปจารสมาธิ ถึงอุปจารฌาน ต้องให้ได้จริง ๆ นึกขึ้นมาเมื่อไรต้องเห็นอย่างนั้นเป็นอย่างนั้น แม้ไม่มีแสงให้ดูภาพนั้นก็ยังติดตาติดใจอยู่


    และเมื่อต้องการจะเห็นภาพนั้นเมื่อไร คือ เมื่อกำลังง่วงต้องการเห็นต้องการบังคับ ก็เห็นได้บังคับได้ เมื่อกำลังเหนื่อย เมื่อหิว เมื่อตื่นนอนใหม่ ๆ เห็นได้บังคับได้ทุกขณะทุกเวลา จึงชื่อว่า ได้อุคคหนิมิตที่แท้ ต่อไปให้ฝึกอย่างนั้นจนชำนาญ จนได้ "ปฏิภาคนิมิต" คือ เห็นแสงสว่างผ่องใสเป็นแท่งหนาทึบ คล้ายแสงมากองรวมกันอยู่ คล้ายดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์ที่มองเห็นในขณะลืมตา อย่างนี้เรียกว่า "ปฏิภาคนิมิต"


    เมื่อได้ปฏิภาคนิมิตแล้วก็ชื่อว่าจิตสมควรแก่การที่จะได้ "ทิพจักขุญาณ" เมื่อประสงค์จะเห็นอะไร ให้เพ่งนิมิตนั้นก่อน เมื่อเห็นนิมิตชัดเจนแล้ว ให้กำหนดจิตว่า ขอภาพนิมิตจงหายไป ภาพที่ต้องการจงปรากฏขึ้น เพียงเท่านี้ภาพที่ต้องการก็ปรากฏขึ้น จะเป็นภาพนรก สวรรค์ พรหมโลก หรือ ญาติที่ตายไป และจะเป็นอะไรก็ได้ เมื่อได้แล้วให้ฝึกไว้เสมอ ๆ จะได้ชำนาญและคล่องแคล่วใช้งานได้ทุกขณะ

    สำหรับข้าพเจ้าเห็นว่าควรจะหัดให้คล่องทั้งลืมตาและหลับตา เพราะจะเป็นประโยชน์มาก เพื่อว่าถ้าเราอยากจะรู้อะไร ในขณะที่คุยกับเพื่อนหรือไปในระหว่างคนมาก ถ้ามัวไปหลับตาอยู่ เขาจะคิดว่าเรานี่ท่าทางคงจะไม่ใคร่ตรง ดีไม่ดีพวกจะพาส่งโรงพยาบาลบ้าเสียก็ได้ เพราะฉะนั้น ควรฝึกให้คล่องเสียทั้งสองอย่าง ทั้งลืมตาและหลับตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2010
  3. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    อนุโมทนา สาธุ<!-- google_ad_section_end --> มีแต่คนเก่งเพราะฝึกจริง ขอให้เจริญตลอดไป
     
  4. ขุนแผนน้อยน่ารัก

    ขุนแผนน้อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +772
    การฟังเสียงหัวใจตัวเอง ถ้าตั้งใจฟังจริงๆ ก็สามารถเกิดเป็น สมาธิ และพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆไม่ว่าคุณจะอยู่ศาสนาใด เพราะเป็นการฝึกแบบสมถะกรรมฐาน ไม่ว่าคุณ จะเอาจิตไปจับลมหายใจ หรือจับที่ไหน ขอเพียงมีสมาธิตั้งมั่นเป็นอารมณ์เดียว ก็อาจจะเกิด อภิญญาต่างๆตามมาได้

    ส่วนอภิญญาต่างๆที่คุณได้มานั้นผมไม่ติดใจหรอกครับ ว่าจริงหรือไม่จริง

    แต่สะดุดใจตรงคำว่า คุยกับพระพุทธเจ้าในศาสนาพุทธได้

    เนื่องจากเรื่องมันก็ผ่านมากว่า สองพันปีแล้ว ผมเองก็ไม่ทราบว่า ท่านมีจริง และมีลักษณะเรื่องราวตามที่ปรากฎในพระไตรปิฎกหรือไม่ แต่ที่เห็นได้ชัดๆคือ ปัญญาที่ท่านตรัสรู้ ปัญญาแห่งการทำให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งปวง ปัญญาที่ทำให้เห็นถึงความเป็นจริงของธรรมชาติ รวมไปถึงจริยธรรมคุณงามความดีต่างๆ ผมว่าตรงนี้สำคัญกว่า

    แต่ในเมื่อผ่านเวลามานาน จึงมีการขัดแย้งกันของกลุ่มที่ปฎิบัติที่มีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการปฎิบัติและทฤษฎี จนเกิดเป็น นิกายต่างๆขึ้น สำหรับนิกายผมเองนั้น โดยส่วนตัวผมมีความเชื่อว่า

    พระพุทธองค์ทรงปรินิพพาน ทรงไปแล้วด้วยดี และผมเชื่อว่าเป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตา คือตอนนี้ไร้ซึ่งตัวตนท่านแล้ว (อันนี้ไม่ได้ปรามาสครูบาอาจารย์และวิชาสายที่มีการถอดจิตพบพระพุทธเจ้านะครับ เป็นความเชื่อที่เกิดจากการพิจารณาในสายการปฎิบัติของผม ถ้าล่วงเกินความรู้สึกของท่านใดผมก็ขออภัยด้วยครับ)

    เพราะฉะนั้นตอนนี้ ผมเชื่อว่าแม้พระพุทธองค์จะไม่มีกายและจิตอยู่ในตอนนี้ แต่ผมก็เชื่อว่า ปัญญาของท่าน ธรรมะของท่าน อภิญญาและความดีงามของท่านยังคงอยู่ ให้เราได้ศึกษาและปฎิบัติตาม

    แต่ที่คุณบอกว่าคุยกับพระพุทธองค์ ได้นั้น ผมจึงอยากทราบว่า ที่คุณได้สัมผัสเห็นนั้น ลักษณะท่านเป็นอย่างไร และได้ช่วยเหลืออะไรท่านบ้าง

    อันนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้นะครับ ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกิน หรือ หมิ่นประมาท หวังว่าคุณจะเข้าใจและตอบในสิ่งที่ผมถามไปข้างบนด้วยนะครับ

    ยินดีที่ได้รู้จักครับ
     
  5. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    น่าสนใจ

    อนิจจัง..............
     
  6. ไข่น้อย

    ไข่น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +348
    ผมถอดเสื้อผ้าได้ รายงานตัวครับ อิอิ
     
  7. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
  8. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    น่าสนใจครับ
     
  9. ภวโลกร้อน

    ภวโลกร้อน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,272
    สามารถมากเลยนะนั่น!!!:VO
     
  10. Mind_Sci

    Mind_Sci สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2010
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +12
    พระพุทธเจ้ายังอยู่ครับ

    แต่สะดุดใจตรงคำว่า คุยกับพระพุทธเจ้าในศาสนาพุทธได้

    เนื่องจากเรื่องมันก็ผ่านมากว่า สองพันปีแล้ว ผมเองก็ไม่ทราบว่า ท่านมีจริง และมีลักษณะเรื่องราวตามที่ปรากฎในพระไตรปิฎกหรือไม่ แต่ที่เห็นได้ชัดๆคือ ปัญญาที่ท่านตรัสรู้ ปัญญาแห่งการทำให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งปวง ปัญญาที่ทำให้เห็นถึงความเป็นจริงของธรรมชาติ รวมไปถึงจริยธรรมคุณงามความดีต่างๆ ผมว่าตรงนี้สำคัญกว่า

    แต่ที่คุณบอกว่าคุยกับพระพุทธองค์ ได้นั้น ผมจึงอยากทราบว่า ที่คุณได้สัมผัสเห็นนั้น ลักษณะท่านเป็นอย่างไร และได้ช่วยเหลืออะไรท่านบ้าง


    เหตุการณ์แรก [เป็นความฝัน]เป็นถอตจิตที่ยาวมากที่สุดครั้งหนึ่ง
    คืออย่างนี้ครับ ตอนที่ผมยังวัยรุ่น ผมมักฝันว่าผมมีฤทธิ์ในฝัน ผมสามารถเสกสิ่งของต่างๆขึ้นมาได้ เช่นโทรศัพท์ และมักฝันว่าผมถูกทำร้าย แต่เมื่อไหร่ที่ผมทำพลาด จะมีพระ มาช่วยเหลือผมเสมอ วันหนึ่งผมฝันว่า น้ำกำลังจะถ้วมเมือง และผมกลัว ผมกำลังจะตื่น แต่ผมไม่อยากจะตื่นเพราะมันสนุก ผมกลับเข้าฝันต่อจากเดิม ตัวผมลอยขึ้นไปเรื่อยๆ และมันเบาหวิว ผมถูกพระที่กำลังบินอยู่ ดึงตัวผมขึ้นไปไม่ให้ถูกน้ำถ้วม ท่านลอยมาในลักษณะ เหมือนเทวดา แขนขาของท่าน กำลังร่ายรำอยู่ เขาแสดงอภินิหาร เขาพาผมลอยไปเรื่อยๆ (ผมจะตัวแข็งๆ) ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เ่ขาให้ดูคนที่กำลังชกต่อยกัน ถูกทุกตี เขาพาไปให้ดูคนที่กำลังชุมนุม สักพัก ผมก็ Jump ตัวเองมาในลักษณะเหตุการณ์ที่ไม่ต่อกันเลย

    ผมตื่นนอน จำเหตุการณ์ในฝันได้ ผมคิดในใจว่า พระคนไหนกันเนาะที่มาช่วยเรา (ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกครับว่า เป็นพระสินทัดทะ)

    เหตุการณ์ที่สอง [เป็นถอดจิต]
    คือผมกำลังนอนอยู่ครับเป็น เป็นนอนกลางฝัน (ถอดจิตตอนนั้งทำไม่เป็น) ผมก็ไม่ดั้งเจตนาอะไร นอนเฉยๆ สักพักผมก็เห็นภาพแสงเป็นรูปวงรี วงหนึ่งมันพร่าๆ และเห็นพระ องค์หนึ่งอยู่บนก้อนเมฬ ท่านลอยตัวเฉียงๆ ผมไม่อยากลืมตา กลัวหาย (ความรู้สึกนั้นเหมือนพระที่กำลังเป็นทุก ไม่มีเทวดามาดูแลเลย แต่ผมรู้สึกเหมือนพบคนที่มีบารมีมาก)ผมจำได้เป็นพระพุทธเจ้าเหมือนใน TV เพราะตอนเด็กๆ เวลาดูพระอยู่ใต้ต้นโพธ์ ผมจำบารมีแบบนี้ได้ ผมได้คุยกับท่านทางนิมิตภาพ

    ท่านทดสอบผม เหมือนจะให้ผมไหว้ หรือกราบท่าน แต่ผมไมไหว้(เพราะผมเป็นคริสต์นิ) สักพัก ท่านทำผม ผมหลุดมาจากการคุย แต่ยังไม่ตื่่นยังเห็นภาพอีกลางๆ แล้วผมก็เข้าไปยังนิมิตอีก.... ผมกลัวนิดๆ ผมถามท่านว่า ท่านเป็นใคร ท่านไม่ตอบ ส่งมาแต่ความรู้สึกพระพุทธเจ้า (ตอนนั้นบารมีพระ เข้าผมด้วย ห้องผมทั้งห้องอบอวนไปด้วยกลิ่นพระ) ท่านตรัสว่า ท่านเข้าไปยัง ภพลูกนั้นไม่ได้ (เป็นภพของพระเจ้า มีบาเรียอาบอยู่).... ผมไม่ได้ตอบอะไร .... ผมจะหลุดจากนิมิตอีกครั้ง และก็กลับเข้าไปอีก (จิตผมนึก จะเข้าไปทำไมหละ) และบางอย่างก็เกิดขึ้น ท่านพระพุทธเจ้าที่เหมือนเทวดา สักพักท่านค่อยๆกลายไปเป็นพระพุทธรูป แข็งๆทำด้วยโลหะ (สงสัยคงกำลังสะสมบุญ) และมีก้อนเมฆค่อยๆ เคลื่อนที่ไปไกล้ๆท่าน ผมตกใจและตื่นมาจากจิตนิมิต

    วันนั้นทั้งวัน ภาพของหมอกที่มีแสงติดตาผมไปทั้งวัน และบารมีพระที่ทางฤทธิ์ก็ติดตัวผมทั้งวัน ผมได้คุยกับท่านพระพุทธเจ้าผ่านหมอกแสงนี้ (มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า พระพุทธเจ้าเว่ย)

    นับแต่นั้นมา เวลาที่ผมจะคุยกับพระพุทธเจ้าผมก็ คุยกับหมอกแสงครับ ท่านจะบินอยู่ที่เดิม

    ผมคุยกับท่านทั้งวัน สิ่งที่คุยกันทั้งหมดคือ (โทรจิตกับหมอกแสง)
    - ท่านบอกว่าท่านอยากเข้าไปยังดินแดนของพระเจ้า
    - ท่านบอกว่าท่านดีใจ ที่พระศาสนาจะุยุติลงในอีก 4890 ปี
    - ท่านบอกว่า จะเป็นอะไรมั้ยที่ท่าน จะละจาากภพโลก และไปกำเนิดเป็นพระพุทธเ้จ้าองค์ใหม่ (เป็นคำถามเชิงปุจฉา)
    - ท่านบอกว่าไม่ค่อยมีใครเชื่อท่านครับ
    - ท่านบอกว่าบุญที่พระต่างๆในโลกนี้ทำ ถึงไม่ตั้งเจตนาก็จะส่งถึงท่าน และท่านก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ

    [คือผมจะไม่ขอตอบโดยทั้งหมดครับ ผมคุยกับท่านอีกมาก และหลายเรื่องจะเป็นกลิ่นภาษาที่ข้องแวะกับพระเจ้าของผมครับ [หรือว่าท่านพระพุทธเจ้าอยากชมดินแดนแห่งพระเจ้าครับ เดี๋ยวผมถูกด่า....]]
    ------------------
    ตอบ คุณขุนแผนน้อยน่ารัก
    พระพุทธเจ้ายังอยู่อะครับ ยังไม่ดับสูญไปครับ
    พี่คุยกับท่านสิครับ หากพี่มีอภิญญาบ้าง ผมเล่าเหตุการณ์มานี้พี่คงจะจับนิมิตต่อจากผม และเปิดมันไปคุยกับท่านได้นะครับ

    พระพุทธเจ้าช่วยอะไรจากผมบ้าง
    - ช่วยผมในฝัน พาผมไปดูเหตุการณ์ต่างๆ
    - ช่วยถอดกายทิพย์ผม และพาผมไปที่ต่างๆ
    - ผมเคยเดินบนดอกบัว ผมเดินได้ 4 ก้าว
    - พระเจ้าช่วยผมได้ทราบว่า กายทิพย์ไม่สูญสลาย ไม่ดับสูญ ทำให้ผมเชื่อในโลกวิญญาน
    - พระพุทธเจ้าช่วยให้ผมรู้จักเว็บ พลังจิต เว็บพุทธศาสนา ธรรมะ พระไตรปิฎก ลึกลับ อภิญญา วิทยาศาสตร์ทางจิต Buddhism

    /// พอเท่านี้ก่อน หากปะติปะต่อมันเยอะมากครับ หากจำความฝันได้ และคุย สวัสดีครับ ///
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. บรมบรรพต

    บรมบรรพต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +245
    ลักษณะที่กายทิพย์ออกจากร่างกาย คือ เป็นแบบคนตายแล้ววิญญาณจิตออกไป ต้องเห็นร่างกายตัวเองนอนหรือนั่งอยู่ ถ้าไม่ใช่แบบนี้ก็อาจจะเป็นทิพย์จักขุญาณอย่างไรอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ดีถ้าเป็นความจริงดั่งที่ว่ามาก็นับว่าเก่งที่สุดในบรรดานักปฎิบัติธรรมในปัจจุบันนี้เลยทีเดียว โมทนาด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2010
  12. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    "ธรรมใดเกิดเแต่เหตุใด..ผมจะหาเหตุแห่งธรรมนั้นก่อนครับ ขอสนทนาด้วยเพราะสนใจ"
    ผมว่าคุณ ฝันได้มั่วมาก ไร้ต้นเหตุไร้แก่นสาร..!
    ชนิดฝันขึ้นไปนอนเล่นบนเมฆ มองลงมาเห็นสาวอาบน้ำชายหาด ชายทะเลกันเพียบ..มีเทวดาแบบในหนังไทยเหาะผ่านมาหรือตนเองนั่งบนก้อนเมฆชมวิวนี่นะ.
    .ผมก็เคยฝันแถมชัดเจนมากชนิดนึกว่าเป็นของจริงซะอีก..แต่เหตุของผมนี้เกิดตอนขณะ ผมฝึกถอดกายทิพย์นอนหลับเห็นตนเองลอย ออกมาจากปลายขาฟึ๊บเป็นอีกคนนึง ผมก็เคยเป็น แล้วไง ผมว่าแค่หลับลึกแล้วฝันมั่วไปนะ ถ้าเป็นจริง คุณต้องบังคับหรือนึกอยากจะถอดกายทิพย์เมื่อใดก็ทำได้ ตามใจนึกซีถึงจะจริง
    ..คุณเป็นแบบใดกันแน่ครับ จขกท.ฝันไปเอง หรือว่าบังคับให้เป็นได้ ตอบด้วยครับ แค่สนทนากันผมไม่หยาบคายแค่อยากรู้ครับ
     
  13. Mind_Sci

    Mind_Sci สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2010
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีคุณ สับสน

    กายทิพย์ของผมเป็นแบบนี้อะครับ

    ผมเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้เอนครับ แล้วสักพัก วิญญาน ของผมก็ออกมา
    ผมเห็นตัวผมเองกำลังนอนหายใจอยู่บนเก้าอี้ และกำลังยิ้มด้วย (อิอิ)

    สักพักผมก็เดินทะลุกำแพงไปหาพี่ web snow อิอิ

    แบบนี้ผมถอดกายทิพย์ หรือเปล่าครับ

    (ส่วนเรื่อง ผมขอปีกได้ปีก ขอหายตัวได้หายตัว นี่เป็นอภิญญาหรือเปล่า) สวัสดี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ยินดีได้รู้จักครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2010
  15. ขุนแผนน้อยน่ารัก

    ขุนแผนน้อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +772
    ขอโทษนะครับ คือถ้าผมจะบอกว่า ที่สิ่งคุณบอกมามันไม่ใช่ศาสนาพุทธที่ผมรู้จักเลย

    คือผมเชื่อว่าพระองค์ทรงไปแล้วด้วยดี ทรงปรินิพพาน ทรงพ้นจากกองทุกข์ จทั้งปวง และจะไม่เกิดอีกแล้ว(ตามที่ท่านยกล่าวหลังประสูติ) ทั้งในภพภูมิ มนุษย์ เทวดา หรือ พรหม และอื่นๆ


    แต่ถ้าคุณยืนยันว่ายังมีอยู่

    ผมขออ้างอิงข้อมูลเป็นข้อๆนะครับ



    ผมคุยกับท่านทั้งวัน สิ่งที่คุยกันทั้งหมดคือ (โทรจิตกับหมอกแสง)
    - ท่านบอกว่าท่านอยากเข้าไปยังดินแดนของพระเจ้า


    สิ่งที่ท่านเคยสอนในพระไตรปิฎกมีดังนี้ ถ้าคุณว่าไม่จริง แสดงว่าคุณกำลังบอกว่าข้อความในพระไตรปิฎกคงผิด ท่านทรงให้ความรู้ว่า ในโลกของเรา (โลกเดียวกับที่มนุษย์ต่างศาสนาอยู่ )
    มี๓๑ ภพภูมิ ประกอบไปด้วย
    ( อรูปพรหม ๔ + รูปพรหม ๑๖ + เทวภูมิ ๖ + มนุษยโลก ๑ + อบายภูมิ ๔ )
    (เดรัจฉาน
    , อสุรกาย , เปรต , นรก )
    ส่วนพระอรหันต์ไม่นับรวมใน ๓๑ ภูมิ เพราะพระอรหันต์พ้นจากวัฏฏสงสารแล้วดับกิเลสโดยสิ้นเชิงไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว


    แต่ถ้าคุณว่าท่านยังอยู่ ตามคำสอนของท่าน ภพภูมิมีแค่นี้ พระเจ้าของคุณคงอยู่ในภพภูมิใด ภพภูมิหนึ่ง เพราะฉะนั้นด้วยบารมีของท่านผมคิดว่าท่านคงจะเคยเห็นหมดทุกภพภูมิแล้ว


    - ท่านบอกว่าท่านดีใจ ที่พระศาสนาจะุยุติลงในอีก 4890 ปี

    ท่านประกาศศาสนาเพราะต้องการช่วยเหลือสัตว์ทั้งปวงพ้นจากทุกข์ แล้วท่านจะดีใจที่ศาสนาจะยุติลงเพราะอะำไร อีกอย่างตามที่มีในข้อมูลที่ทราบมา ศาสนายุคพระองค์มีอายุ 5000 ไม่ใช่เหรอครับ


    - ท่านบอกว่า จะเป็นอะไรมั้ยที่ท่าน จะละจาากภพโลก และไปกำเนิดเป็นพระพุทธเ้จ้าองค์ใหม่ (เป็นคำถามเชิงปุจฉา)

    ท่าที่มีในพุทธประวัติ ตั้งแต่ต้นจนจบ พระองค์ไม่ปราศนาการเกิด ท่านทรงกระทำที่สุดแห่งความเพียรเพื่อการดับ และท่านจะไม่เกิดเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่แน่นอน (ตามข้อมูลที่เคยศึกษามา) ถ้าเป็นพระศรีอาริย์ ก็เป็นพระโพธิสัตว์อีกท่านนึง ไม่ใช่องค์เดียวกับพระองค์


    - ท่านบอกว่าไม่ค่อยมีใครเชื่อท่านครับ

    พุทธศานานิกชน ที่หมั่นไปวัด ศึกษาธรรม ปฎิบัติกรรมฐาน รวมไปถึงพระสงฆ์

    ส่วนมากก็ศรัทธาในการตรัสรู้ของพระองค์นะครับ แต่ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมดพระองค์ก็ไม่น่าจะทรงใส่ใจในจุดนี้ เพราะท่านเองก็ทราบดี เลยจำกัดบัวออกเป็นสี่เหล่า ตามปัญญาที่จะศึกษาและเข้าใจธรรม และอีกอย่างท่านก็ทรงบอกเองถึงเรื่อง เวนัยสัตว์ (สัตว์ที่สามารถสั่งสอนได้) เพราะฉะนั้นท่านเองไม่เคยยัดเยียดธรรมให้ใคร มีแต่ผู้รู้และปฎิบัติเท่านั้นที่จะเห็นได้ด้วยตนเอง

    - ท่านบอกว่าบุญที่พระต่างๆในโลกนี้ทำ ถึงไม่ตั้งเจตนาก็จะส่งถึงท่าน และท่านก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ

    ผมว่าการมีบารมีไม่ได้วัดกันที่ตัวเล็กตัวโตนะครับ อีกอย่างผมบุญที่จะเป็นอาหารทิพย์ได้ ส่งผลแค่จำพวก เปรต ผี วิญญาณ หรือเทวดาในภพภูมิเดียวกันหรือใกล้เคียง ส่วนท่านเป็นระดับพรหมขึ้นไป ท่านมีอาหารทิพย์ของท่านเอง ไม่ได้ขอรัับบุญทั่วไป พระพุทธองค์ ทรงเป็นอรหันต์ เหนือกว่าพรหม เพราะฉะนั้นด้วยบุญบารมีที่สร้างสมมาเพียงพอที่จะสร้างอาหารทิพย์ได้มหาศาล



    นี่เป็นควา่มคิดและความเข้าใจของผมเองครับ ซึ่งมันขัดแย้งกับของคุณอยู่คนละขั้วเลย ยังไงเรามาลองปรับความเข้าใจหาทางออกดูด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของเราทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงข้อมูลและความคิดเห็นจากทุกๆท่าน คงจะนำไปสู่ข้อยุตติได้มนอีกไม่ช้าครับ

    ด้วยมิตรภาพ
    ขุนแผนน้อยน่ารัก

     
  16. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    คุณ คุยแต่ผล ผมเลยอยากรู้เหตุ แล้วเหตุก่อนถอดกายทิพย์ล่ะครับ เหตุไม่มีเกิดขึ้นลอยๆหรอกครับ "ก่อนเกิดเป็นยังไงครับเล่าหน่อยครับชวนสนทนา":'(
     
  17. bigboom007

    bigboom007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +570
    เห็นด้วยกับคุณ ขุนแผนน้อยน่ารัก บางเรื่องฟังแล้วมันแปลกๆ
     
  18. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    หนีไปแล้ว...มาอ่อยเหยื่อหรือไง
     
  19. ตายแน่!

    ตายแน่! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +509
    แหมทำได้ขนาดนี้

    เสียดายไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา
     
  20. siratsapon

    siratsapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +641
    อ่านประสบการณ์ของคุณแล้ว จะไม่แน่ชัดว่าเป็นการถอดกายทิพย์เท่าไร
    จะไปคล้ายผู้ที่ฝึกฝนควบคุมความฝันมากกว่าน่ะครับ

    หากจะให้แน่ชัดลองทำให้ได้ตอนไม่หลับด้วยก็ดีครับ โดยเมื่อถอดจิตได้ให้ไปหาเพื่อนๆ หรือใครคนอื่นที่บ้านของเขาดูว่าเขาได้ใส่เสื้อสีผ้าสีอะไร ทำอะไรอยู่ในเวลาเท่านั้นเท่านี้ แล้วตรวจสอบดูว่าเมื่อไปถามเขาในยามปกติเขาได้ทำอย่างที่เราไปมาจริงหรือเปล่า?

    หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ลองดูนะครับ แล้วมีอะไรคืบหน้ามาเล่าให้อ่านอีกได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...