ปริศนาธรรมจากพระพุทธรูป

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย สิกขิม, 2 เมษายน 2006.

  1. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    http://saranair.com/article.php?sid=3491


    พระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าชาวพุทธ ให้ความเคารพศรัทธามาก บางแห่งก็มีชื่อเรียกเฉพาะ เช่น หลวงพ่อพุทธโสธร วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือพระพุทธชินราชวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น

    ความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปแต่ละองค์นั้น มีตำนานเล่าขานกันมามากบ้าง น้อยบ้าง สุดแท้แต่ความศรัทธาของชาวบ้าน แต่สิ่งที่เหมือนกันของรูปเปรียบหรือตัวแทนของ พระพุทธเจ้านี้ ที่สังเกตเห็นได้มีอยู่ด้วย กัน 3 ประการ คือ

    1. พระเศียรแหลม มีคำถามว่า

    ทำไมพระพุทธรูปจึงมีพระเศียรแหลม ในเมื่อพระพุทธเจ้าของเราก็เป็นมนุษย์
    ที่เป็นเช่นนี้ เพราะ เขาสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คิดเป็นปริศนาธรรม พระเศียรที่แหลมนั้น หมายถึง สติปัญญาที่เฉียบ แหลมในการดำเนินชีวิตสอนให้ชาวพุทธแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ใช้อารมณ์ หากใช้ปัญญาคิดพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนแล้วจึงทำความผิดพลาด ก็เกิดขึ้นน้อย หรือไม่เกิดขึ้นเลย

    2. พระกรรณยาน หรือหูยาน

    เป็น ปริศนาธรรม ให้ชาวพุทธเป็นคนหูหนัก คือมีจิตใจหนักแน่นมั่นคงนั่นเอง ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แต่คิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาอันแยบคาย แล้วจึงเชื่อในฐานที่เป็นชาวพุทธก็ต้องเชื่อใน กฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บุคคลหว่านพืชเช่นใดย่อมได้รับผลเช่นนั้น เชื่อว่าไม่มีอะไร ทำให้ใครเป็นอะไรๆ ทั้งนั้น แต่ตัวเราเองนั่นแหละทำให้เราเป็นสุขเป็นทุกข์ คนเราจะดีจะชั่วจะเสื่อมจะเจริญไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจภายนอก หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับ การทำ การพูดการคิดของตนเองนี้เป็นการเชื่อตามหลักของพระพุทธศาสนา

    3. พระเนตรมองต่ำ

    รูปที่สร้างโดยทั่วไปจะมีพระเนตรมองลงที่พระวรกายของพระองค์อย่างในพระอุโบสถ ของวัดทั่วไป จะนั่งมองดูพระวรกายไม่ได้มองดูหน้าต่างหรือมองดูประตูพระอุโบสถว่าจะมีใครเข้ามาไหว้บ้าง นี้เป็นปริศนาธรรม สอนให้มองตนเองพิจารณาตนเอง ตักเตือนแก้ไขตนเองไม่ใช่คอยจับผิดผู้อื่นซึ่งตาม
    ปกติของคนแล้วมักจะมองเห็นความผิดพลาดของบุคคลอื่น แต่ลืมมองของตนเองทำให้สูญเสียเวลาและโอกาสใน การปรับปรุงพัฒนาตนเอง ใครเล่าจะตักเตือนตัวเราได้ดี กว่าตัวเราเองจึงมีพุทธพจน์ ตรัสให้เตือนตนเองว่า

    "อตฺตนา โจทยตฺตาน" = จงเตือนตนด้วยตนเอง

    จงเตือน ตนของตนให้พ้นผิด

    ตนเตือน จิตตนได้ ใครจะเหมือน

    ตนเตือน ตนเตือน ไม่ได้ใครจะเตือน

    ตนแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย

    ที่กล่าวมาทั้ง 3 ประการนั้นเป็นการสอนโดยใช้ปริศนาธรรมจากพระพุทธรูปเป็นสื่อการสอนใจตนเอง

    ดังนั้น ชาวพุทธเมื่อมีปัญหาอะไรแก้ไขไม่ได้คิดไม่ตกก็เข้าวัดเสียบ้าง นั่งประนมมือตรงหน้าพระพุทธรูป หรือถ้าที่บ้านมีพระพุทธรูป ก็นั่งประนมมือต่อหน้าพระพุทธรูปที่บ้านนั่นแหละ ค่อยๆ เพ่งพินิจที่พระพักตร์ ของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะกราบ

    จะมองเห็นพระเศียรแหลม สอนใจตน ว่า

    "อย่าแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ นะ ใจเย็นๆ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ด้วยสติปัญญาที่เฉียบแหลม เหมือนพระพุทธเจ้าของเราที่พระองค์ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา "

    เห็นพระกรรณยานก็บอกตน เองว่า

    "สุขุมเยือกเย็นมีเหตุผล เข้าไว้ อย่าปล่อยใจตามอารมณ์หรือหุนหันพลันแล่น
    เดี๋ยวจะผิดพลาดได้ ต้องมีจิตใจหนักแน่นมั่นคง เชื่อในสิ่งที่มีเหตุผล"

    เห็นสายพระเนตรที่มองต่ำ ก็บอกตนเองว่า

    "มองตนเองบ้างนะ อย่า ไปมองคนอื่นมากนักเลยเดี๋ยวจะไม่สบายใจ และอาจมีปัญหาได้ การมองตนเอง บ่อยๆ จะได้พิจารณาตนเองปรับปรุงตนเอง และแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น"

    จากนั้นก็ค่อยกราบ พระพุทธรูป ด้วยสติ ปัญญาและจิตใจที่ชื่นบาน นี้เรียกว่า "ยิ่งกราบยิ่งฉลาด" สมกับ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่แท้จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...