ประสบการณ์เหลือเชื่อที่ผมเจอที่วัดป่าบ้านตาด 6 ม.ค.2554

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย savanna2, 9 มกราคม 2011.

  1. savanna2

    savanna2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +65
    ผมและภรรยาเฝ้าติดตามอาการอาพาธขององค์หลวงตามหาบัวมาเป็นเดือน และทราบว่าทุกวันจะมีการสวดมนต์ที่วัดโพธิสมภรณ์ และที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อขอพรให้องค์หลวงตาหายจากพระอาการอาพาธ มีธาตุขันธ์กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ผมและภรรยามีความตั้งใจอย่างยิ่งว่าถ้ามีโอกาสจะไปร่วมสวดขอพรที่วัดป่าบ้านตาดด้วย และเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2554 ที่ผ่านมานี้ผมและภรรยาก็ได้มาสวดมนต์ รวมถึงร่วมทำบุญถวายปัจจัยเพื่อสร้างตึกสงฆ์อาพาธ (ที่องค์หลวงตารับเป็นองค์ประธานจัดหาทุน 500ล้านบาท ขณะนี้จัดหาทุนได้แล้วประมาณ 438 ล้านบาท)
    ผมอยู่ศรีราชา ลางาน 2 วัน (วันที่ 6 และ7) ผมออกจากบ้านเวลา 4:15 นาฬิกา มาทางมอเตอร์เวย์ เลี้ยวเข้าทางที่ไปฉะเชิงเทรา แล้วเลี้ยวขวาตามทางที่จะไปพนมสารคาม เข้าถนน 304 ผ่าน กบินบุรี วังน้ำเขียว ปักธงชัย พักทานข้าวเช้าที่ปั๊มน้ำมัน ปตท ช่วงระหว่าง โคราช และแยกชัยภูมิ เวลาประมาณ 8 โมงเช้ากว่าๆ
    เวลาประมาณ 11:10 นาฬิกา ผมก็มาถึงวัดป่าบ้านตาด ผมขับรถเข้าไปจอดตรงลานจอดรถที่มีหลังคา ที่อยู่ทางขวามือของประตูเข้าวัดชั้นใน เมื่อจอดรถเสร็จผมก็ทานแค็ปหมูรองท้องสียก่อน รอเวลาสวดมนต์ในเวลาบ่ายโมงตรง คิดว่าก่อนจะเสร็จก็บ่ายสองถึงจะได้ไปหาทานอาหารกลางวันกัน ขณะที่ภรรยาผมก็ดูแลความเรียบร้อยในการแต่งกายก่อนที่จะเข้าไปที่ศาลาเล็กด้านในเพื่อกราบรูปพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ชั้นสอง ของศาลาเล็ก ในขณะที่ทานแค็ปหมูใกล้หมดห่อผมก็มองไปทางประตูเข้าวัดก็เห็นพระฝรั่งเดินมาตามทางฝั่งซ้ายของประตูเลียบกำแพงวัด (ผมอยู่ฝั่งขวาของประตู) ผมทานแค็ปหมูหมดห่อพอดีพร้อมจะเดินเข้าไปด้านในวัดแล้วล่ะ ขณะที่พระฝรั่งก็เดินจะถึงประตูและจะเลี้ยวเข้าวัด ผมก็นึกในใจให้ท่านเข้าไปก่อนแล้วเราถึงจะเดินเข้าไปดีกว่าเพราะไม่แน่ใจว่าไปปะหน้าท่านจะกล่าวอะไรกับท่านดี
    เยิ่นเย้อมาเสียยืดยาวขอเข้าจุดไคลแม็กเสียที ท่านไม่ยอมเดินเข้าประตูวัดง่ายๆทั้งที่ผ่านมา ท่านเดินคุยกัยคนที่ติดตามท่านมาตลอด (ที่ผมเห็นและนึกได้) ท่านกลับหยุดเดินและคุยกับคนที่ติดตามตรงปากทางเข้าฝั่งซ้ายนั้น ผมจึงบอกภรรยาเข้าไปกันดีกว่า ขณะที่ผมเดินมาถึงจุดจะเลี้ยวเข้าวัดทางด้านขวาของประตู ผมก็ยกมือไหว้ท่าน โดยมองท่านแว๊บหนึ่งพร้อมกับยกมือพนมและหันกลับอย่างเร็วพร้อมกับเดินผ่านประตูวัดเข้าไปประมาณ 1 ก้าว
    ได้เรื่องเลยครับ เสียงไล่หลังมาเลยซึ่งผมจะพยายามเขียนตามคำพูดที่ท่านกล่าวกับผม แต่ว่าเนื่องจากตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจฟังท่านพร้อมทั้งยังไม่ชินสำเนียงและอีกอย่างก็นึกในใจว่าท่านเป็นปกติหรือเปล่าเนี่ย อาจทำให้บางคำตกหล่น และไม่ตรงกับคำที่ออกจากปากท่านโดยตรง แต่ความหมายนั้นถูกต้องแน่นอน
    ท่านพูดเสียงดังไล่หลังผม ใจกว้างทำได้ไหม เวลาขับรถ ผมจึงหยุดหันมาทางท่าน ท่านก็เดินมาหาผม ภรรยาผมนั่งลงพนมมือ ผมก็นั่งพนมมือบ้าง ทำเป็นไหม ยิ้มเป็นไหม เจอใครก็ยิ้มให้ไม่ต้องเห็นฟันก็ได้ ท่านเดิมมาจนถึงผมก็จับมือผมทั้งสองที่พนมมืออยู่ ผมก็เลยลุกขึ้นท่านพูดเสียงดังมากอีกสองสามประโยคผมจำไม่ได้ แล้วก็ทุบที่หน้าอกผมค่อนข้างแรงหนึ่งครั้ง กับภรรยาก็เหมือนกัน ก่อนนอนก็ยิ้มให้กัน (หันไปมองภรรยาผมด้วย) เข้าใจไหมเดียวนี้คนไทยเป็นอะไรไปหมดไม่เหมือนเมื่อก่อน เวลาเขาขอบคุณ ก็ตอบว่าไม่ป็นไร มันไม่ถูกต้อง ให้ตอบว่า ยินดีครับ[หมายเหตุ 1. ก่อนหน้านี้ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆช่วงขอนแก่น อุดร ผมเพิ่งโดนภรรยาบ่นเรื่องไม่ยอมหยุดให้รถปิกอัพที่จะยูเทอร์น ทั้งๆที่เขาโผล่ออกมาจนค่อนคันแล้ว2. ผมเป็นคนที่ยิ้มยากไม่ค่อยยิ้ม ถ้าไม่รู้จักหรือเคยคุยกันมาก่อน ที่ที่ทำงานผม มีหลายคนทำงานที่เดียวกันมาหลายปีผมยังไม่เคยคุยหรือยิ้มให้เลยเพราะไม่ได้ทำงานที่ต้องเกี่ยวข้องกัน]
    คนขับแท็กซี่เขาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวต้องเห็นใจเขา ช่วยเหลือเขา ทุบหน้าอกผมอีกปึ๊กแรงพอควรเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้ผมเริ่มเห็นมีคนยืนมองมาทางที่ท่านพูดกับผมอยู่มากกว่าห้าคน ที่จำได้แม่นยำเป็นผู้หญิง 2 คนห่างไปประมาณ 15-20เมตรทางฝั่งซ้ายของถนน และมีผู้ชาย3 คน อยู่ทางฝั่งขวาของถนนฝั่งเดียวกับที่พระอาจารย์ยืนสอนผมอยู่ ห่างออกไป 7-8 เมตร ดูเหมือนจะรอพบอาจารย์องค์นี้อยู่ ถ้าเสร็จกิจจากผม ขณะที่ท่านพูดกับผม ผมก็พยักหน้าบ้าง ครับบ้าง ยิ้มบ้าง แบบหน้าตาเหลอๆงงๆ ท่านก็พูดไปเรื่อยและเสียงก็ดังมาก อสุภะภายนอกมันต้องเกิดห้ามไม่ได้ แต่อสุภะภายในต้องกดไว้เข้าใจไหม ทำปากเบะและพ่นปากบรื๊อ อย่างนี้ห้ามไม่ควรทำ บีบมือผมพร้อมกำชับ อสุภะภายในต้องกดไว้ พร้อมกับตบหน้าผมอย่างแรงที่บริเวณแก้ม ตอนนี้เหมือนผมจะเริมมีสติระลึกได้ว่า นี่ท่านกำลังสอนผมอยู่นี่ แบบนี้นะมีแต่ในศาสนาพุทธเท่านั้น ศาสนาอื่นไม่มี[หมายเหตุ ภรรยาเตือนผมบ่อยมากว่าเวลาไม่พอใจอะไรชอบแสดงชักสีหน้า ตูดบิด]
    คำสั่ง ห้ามใช้ไม่ควรใช้ ให้ทำไป บางครั้งก็จำเป็นต้องใช้คำสั่งยิ้มเป็นไหม ลองยิ้มซิ ผมยิ้ม ไม่ต้องเห็นฟันก็ได้(ผม และภรรยมาคิดว่า มันเหมือนไม่ได้มาจากข้างใน ดูไม่จริงใจ ฝืนยิ้ม) “อย่ามายุ่ง” “ห้ามพูด เข้าใจไหมอย่ามายุ่ง” “ไม่พูด[หมายเหตุ ภรรยาบอกว่าใช่เลย เวลาที่เธอสอนเรื่องการทำภาวนาผม ผมจะไม่ฟังถ้าพูดมากผมก็จะหนีไป เพราะผมคิดว่าผมรู้ทฤษีมากกว่า]แท็กซี่ต้องช่วยเขาเพราะเขาหากินเลี้ยงครอบครัวขับรถให้มีน้ำใจกับแท็กซี่ให้เขาไปก่อน เหมือนย้ำอีกครั้งเพราะตอนแรกท่านอาจจะเห็นผมหน้าตางงๆไม่รู้เรื่อง ท่านสอนผมอยู่ประมาณ10นาที ท่านกำชับผม และผมรับปากทุกคำสอน (หลังได้สติ) ท่านก็เดินต่อไป ไปหยุดทักชายคนหนึ่งใน3คนที่ยืนมองและรออยู่พร้อมกับทุบอกชายคนนั้นพร้อมกับพูด 2-3 ประโยคแล้วท่านก็เดินเลยไป
    ผมจึงเดินไปหาชายคนนั้นพร้อมกับถามเขาว่าใช้พระอาจารย์เชอร์รี่ไหม เขาบอกว่าใช่ เท่านั้นแหละผมเกิดปิติอย่างมากเพราะเคยอ่านคำบอกเล่าเกี่ยวกับตัวท่านมาเล็กน้อยเมื่อประมาณเดือนที่ผ่านมาว่าท่านมีอภิญญารู้วาระจิต (ตอนที่เห็นท่านตอนแรกในใจลึกๆก็คิดว่าน่าจะใช่ท่าน แต่ด้วยความงงสับสนช่วงที่ท่านทักตอนแรกจึงลืมท่านไปเลย)
    หลังจากนั้นผมก็ขึ้นไปกราบรูปพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ชั้นสองของศาลาเล็ก มีรูปหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน หลวงปู่ฝั้น และท่านพ่อลี พร้อมทั้งกราบไปยังทิศที่กุฏิหลวงตาตั้งอยู่ แล้วก็ลงมาเดินดูบอร์ดด้านล่าง ผมก็เห็นท่านเดินมาทางศาลานี้ ผมก็พยายามเดินหลบอยู่ที่บอร์ดต่างๆ เพราะคิดว่าท่านสอนหมดแล้วและผมเองก็ไม่ทราบจะคุยอะไรกับท่านอีก ท่านเห็นภรรยาผมท่านก็เดินมาคุยกับภรรยาผมที่นั่งพนมมืออยู่ที่บันใดทางขึ้นศาลา ภรรยาผมจึงเรียกผมออกมาผมจึงมานั่งไหว้ท่านข้างๆภรรยา ท่านก็พูดกับผมและภรรยาว่าท่านให้พนักงาน ของสถานีโทรทัศน์SBTจับงูไปปล่อย ตัวท่านไม่กล้าจับและพูดตลกว่าเดี๋ยวคนนี้จะต้องกลับไปคุยโวที่บ้านว่าวันนี้จับงูตัวใหญ่เบ้อเริ่มทั้งที่ตัวเล็กนิดเดียว
    ผมลุกยืนขึ้นท่านก็ถามผมว่ามาที่วัดบ่อยไหมผมบอกว่ามา 4ครั้งแล้วท่านบอกว่ามาอาทิตย์ละ 2 ครั้งได้ไหมผมบอกท่านว่าอยู่ไกลท่านก็บอกว่างั้นมาเดือนนละครั้งผมบอกท่านว่าผมอยู่ชลบุรีไกลมาก (จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ทราบว่าท่านให้ผมไปที่วัดบ่อยๆเพราะอะไร ปากหนักไม่ถามท่าน) ท่านก็เลยพูดว่า ให้ทำบุญกับหลวงตา ทำเป็นเงินสดพวกสิ่งของที่นี่มีเยอะแล้วไม่ขาด ผมก็เลยบอกท่านว่าจะโอนเข้าธนาคารทุกเดือนดีกว่าเพราะผมมาบ่อยๆไม่ได้ (ผมมาคิดว่าที่ท่านอยากให้ผมทำบุญกับหลวงตาพราะท่านชราภาพมากแล้วอายุ 98พรรษาแล้ว) แววตาท่านพูดถึงองค์หลวงตาดูสงบเยือกเย็นมากนะดูมีความเคารพสูง (อันนี้ภรรยาเสริมเพราะแอบมองท่านเวลาพูด)
    สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจอีกเรื่องก่อนท่านจะกลับกุฏิ ท่านจับมือผมแล้วกระซิบไม่ให้ภรรยาผมได้ยิน (ตอนนี้ภรรยาผมยืนเลือกหนังสือตรงใกล้ๆตู้บริจาก อยู่ห่างออกไปประมาณ 2-3เมตร) ท่านกระซิบเบาๆว่าผู้หญิงเป็นกันทุกคนตั้งแต่อายุ 12ปีขึ้นไป แล้วแต่ใครจะมีอาการมาก อาการน้อย เพราะฉะนั้นต้องอดทนมากๆไม่โมโห แล้วท่านก็ทุบหน้าอกผมอย่างแรงอีกหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นท่านก็หันไปชมเจ้าหน้าที่ที่รับบริจาค ให้ผมและภรรยาฟังว่าคนนี้ขยันอดทนมาก และให้แก่ยิ้มโดยบอกว่ายิ้มได้ไหมจะกลับกุฏิแล้วเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ยิ้ม ท่านก็กลับกุฏิไป
    [ช่วง11โมงถึงเที่ยงคนไม่มากนัก คนเริ่มมามากขึ้นตอนใกล้สวดมนต์บ่ายโมง ซึ่งหลายท่านก็นอนอยู่ในเต๊นท์ที่ศาลาใหญ่ บางท่านที่อ่านข้อความนี้อาจสงสัยว่าทำไมเหมือนคนน้อยจัง จริงๆแล้วคนก็มีเดินผ่านไปมาตลอดในช่วงที่ท่านสอนผมอยู่ ที่ผมสังเกตุท่านจะหยุดทักพูดคุยกับบางคนและเป็นเวลาสั้นๆไม่ถึงนาที สำหรับผมนี่นานพิเศษ ผมคิดว่าคงกิเลสหนากว่าคนอื่นนอกจากผมแล้วผมเห็นท่านทักอีก 3คน (อาจจะมีมากกว่านี้แต่ผมไม่เห็น) ผู้ชาย2 ผู้หญิง 1(ไม่รวมเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในวัด)] ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    หลังจากนั้นภรรยากับผมก็ได้ถามเจ้าหน้าที่รับบริจากอีกจุดหนึ่งที่ด้านหลังเป็นห้องน้ำว่าอยากเข้าไปกราบคุณแม่ จันดี โลหิตดี (น้องสาวหลวงตา) ท่านก็ชี้ทางให้ และก็โชคดีได้พบท่าน เมื่อเข้าไปกราบ ท่านถามภรรยาผมว่ามาจากไหน ภรรยาตอบว่ามาจากศรีราชา ชลบุรี ท่านถามว่าคนละที่กับสระบุรีใช่ไหม ภรรยาตอบว่าใช่อยู่ใกล้พัทยา เนื่องจากท่านสุขภาพไม่ค่อยดี จึงรีบกราบลาท่านกลับออกมาเพื่อให้ท่านได้พักผ่อน ไปนั่งรอเวลาสวดขอพรให้หลวงตาที่ศาลาใหญ่ เมื่อสวดจบก็ออกจากวัดไปทานอาหารกลางวัดที่ถนนเลี่ยงเมืองไปหนองคายตอนบ่ายสองโมงกว่า ไ ปค้างที่หนองคาย ตั้งใจว่าเช้าจะเข้าไปเที่ยวเมืองเวียงจันทร์
    [เมื่อเข้าพักห้องพักที่หนองคายก็เล่าเรื่องที่พระอาจารย์เชอร์รี่กระซิบให้ภรรยาฟัง ก็งงว่าท่านทราบได้อย่างไร เพราะภรรยาเป็นจริงๆ ซึ่งผมก็ทราบอยู่แล้ว]
    แต่พอตกค่ำก็เปลี่ยนใจว่าตอนเช้ามาทำบุญที่วัดป่าบ้านตาดดีกว่า จึงออกจากโรงแรมที่หนองคายหกโมงเช้า ขับรถกลับมาวัดป่าบ้านตาดถึงวัดประมาณ 7:15 นาฬิกาจึงตรงไปยังศาลาเล็ก หามุมที่จะเห็นพระอาริยะสงฆ์ชัดๆ (คนส่วนใหญ่กำลังใส่บาตรอยู่ด้านนอก) เมื่อพระรับบาตรเสร็จพระก็เข้าจัดจังหันในศาลากัน
    และแล้วเวลาทีผมและภรรยารอคอยที่จะได้เห็นพระอาริยะสงฆ์ก็มาถึง หลวงปู่ลี หลวงปู่อุ่นหล้า หลวงพ่ออินทร์ถวาย และหลวงพ่อสุดใจ มาร่วมให้พร และฉันจังหันที่ศาลาด้วย พระอาจารย์เชอร์รี่ไม่ลงมาฉันด้วย เมื่อพระท่านฉันเสร็จผมก็นำปัจจัยเข้าไปถวายกับท่านหลวงพ่ออินทรถวายกับมือท่าน ใบปวรณา หลวงพ่อบอกว่า ท่านก็จะนำไปถวายหลวงปู่ลี และหลวงปู่ลีก็จะนำไปถวายหลวงตามหาบัวอีกครั้งหนึ่ง (ได้บุญ 3 ต่อหรือเปล่าเนี่ยอันนี้พูดเล่น)
    ก่อนกลับผมพยายามจะไปกราบลาพระอาจารเชอร์รี่ แต่ไม่ได้พบท่านก็ผิดหวังนิดหน่อย ผมออกจากวัดประมาณ 10โมงเช้ากว่าๆ
    การไปวัดป่าบ้านตาดครั้งนี้แม้ผมไม่ได้พบหลวงตามหาบัวเหมือน 3ครั้งที่ผ่านมา แต่ผมได้พบพระอาริยะสงฆ์ และพระอาริยะบุคคลหลายองค์ซึ่งมีองค์หนึ่งที่สอนผมอย่างถึงอกถึงใจ ซึ่งเมื่อผมตั้งหลักได้ และกลับมาทบทวนคำสอนท่านตลอดจนคำยืนยันจากภรรยาว่านี่นะมันเธอชัดๆ (นิสัยแย่ๆของผมทั้งนั้นเลย) นี่ท่านสามารถรู้วาระจิตผมอย่างละเอียดละออ เคยได้แต่อ่านเรื่องของคนอื่นและก็ไม่เชื่อเต็มร้อย ครั้งนี้เจอกับตัวเองจึงทำให้ผมศรัทธาและเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างเต็มร้อย และผมจะตั้งใจเจริญภาวนาตามแนวทางพระพุทธเจ้า หลางปู่มั่น และหลวงตามหาบัวให้เต็มความสามารถที่จะทำได้ตลอดไป ผมคิดกับตัวเองแบบโง่ๆว่า ขนาดลูกศิษย์ท่านยังมีอภิญญาขนาดนี้

    สมยศ


    9 .. 2554 <O:p></O:p>
     
  2. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    ผมและภรรยาเฝ้าติดตามอาการอาพาธขององค์หลวงตามหาบัวมาเป็นเดือน และทราบว่าทุกวันจะมีการสวดมนต์ที่วัดโพธิสมภรณ์ และที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อขอพรให้องค์หลวงตาหายจากพระอาการอาพาธ มีธาตุขันธ์กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ผมและภรรยามีความตั้งใจอย่างยิ่งว่าถ้ามีโอกาสจะไปร่วมสวดขอพรที่วัดป่าบ้านตาดด้วย และเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2554 ที่ผ่านมานี้ผมและภรรยาก็ได้มาสวดมนต์ รวมถึงร่วมทำบุญถวายปัจจัยเพื่อสร้างตึกสงฆ์อาพาธ (ที่องค์หลวงตารับเป็นองค์ประธานจัดหาทุน 500ล้านบาท ขณะนี้จัดหาทุนได้แล้วประมาณ 438 ล้านบาท)
    ผมอยู่ศรีราชา ลางาน 2 วัน (วันที่ 6 และ7) ผมออกจากบ้านเวลา 4:15 นาฬิกา มาทางมอเตอร์เวย์ เลี้ยวเข้าทางที่ไปฉะเชิงเทรา แล้วเลี้ยวขวาตามทางที่จะไปพนมสารคาม เข้าถนน 304 ผ่าน กบินบุรี วังน้ำเขียว ปักธงชัย พักทานข้าวเช้าที่ปั๊มน้ำมัน ปตท ช่วงระหว่าง โคราช และแยกชัยภูมิ เวลาประมาณ 8 โมงเช้ากว่าๆ
    เวลาประมาณ 11:10 นาฬิกา ผมก็มาถึงวัดป่าบ้านตาด ผมขับรถเข้าไปจอดตรงลานจอดรถที่มีหลังคา ที่อยู่ทางขวามือของประตูเข้าวัดชั้นใน เมื่อจอดรถเสร็จผมก็ทานแค็ปหมูรองท้องสียก่อน รอเวลาสวดมนต์ในเวลาบ่ายโมงตรง คิดว่าก่อนจะเสร็จก็บ่ายสองถึงจะได้ไปหาทานอาหารกลางวันกัน ขณะที่ภรรยาผมก็ดูแลความเรียบร้อยในการแต่งกายก่อนที่จะเข้าไปที่ศาลาเล็กด้านในเพื่อกราบรูปพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ชั้นสอง ของศาลาเล็ก ในขณะที่ทานแค็ปหมูใกล้หมดห่อผมก็มองไปทางประตูเข้าวัดก็เห็นพระฝรั่งเดินมาตามทางฝั่งซ้ายของประตูเลียบกำแพงวัด (ผมอยู่ฝั่งขวาของประตู) ผมทานแค็ปหมูหมดห่อพอดีพร้อมจะเดินเข้าไปด้านในวัดแล้วล่ะ ขณะที่พระฝรั่งก็เดินจะถึงประตูและจะเลี้ยวเข้าวัด ผมก็นึกในใจให้ท่านเข้าไปก่อนแล้วเราถึงจะเดินเข้าไปดีกว่าเพราะไม่แน่ใจว่าไปปะหน้าท่านจะกล่าวอะไรกับท่านดี
    เยิ่นเย้อมาเสียยืดยาวขอเข้าจุดไคลแม็กเสียที ท่านไม่ยอมเดินเข้าประตูวัดง่ายๆทั้งที่ผ่านมา ท่านเดินคุยกัยคนที่ติดตามท่านมาตลอด (ที่ผมเห็นและนึกได้) ท่านกลับหยุดเดินและคุยกับคนที่ติดตามตรงปากทางเข้าฝั่งซ้ายนั้น ผมจึงบอกภรรยาเข้าไปกันดีกว่า ขณะที่ผมเดินมาถึงจุดจะเลี้ยวเข้าวัดทางด้านขวาของประตู ผมก็ยกมือไหว้ท่าน โดยมองท่านแว๊บหนึ่งพร้อมกับยกมือพนมและหันกลับอย่างเร็วพร้อมกับเดินผ่านประตูวัดเข้าไปประมาณ 1 ก้าว
    ได้เรื่องเลยครับ เสียงไล่หลังมาเลยซึ่งผมจะพยายามเขียนตามคำพูดที่ท่านกล่าวกับผม แต่ว่าเนื่องจากตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจฟังท่านพร้อมทั้งยังไม่ชินสำเนียงและอีกอย่างก็นึกในใจว่าท่านเป็นปกติหรือเปล่าเนี่ย อาจทำให้บางคำตกหล่น และไม่ตรงกับคำที่ออกจากปากท่านโดยตรง แต่ความหมายนั้นถูกต้องแน่นอน
    ท่านพูดเสียงดังไล่หลังผม ใจกว้างทำได้ไหม เวลาขับรถ ผมจึงหยุดหันมาทางท่าน ท่านก็เดินมาหาผม ภรรยาผมนั่งลงพนมมือ ผมก็นั่งพนมมือบ้าง ทำเป็นไหม ยิ้มเป็นไหม เจอใครก็ยิ้มให้ไม่ต้องเห็นฟันก็ได้ ท่านเดิมมาจนถึงผมก็จับมือผมทั้งสองที่พนมมืออยู่ ผมก็เลยลุกขึ้นท่านพูดเสียงดังมากอีกสองสามประโยคผมจำไม่ได้ แล้วก็ทุบที่หน้าอกผมค่อนข้างแรงหนึ่งครั้ง กับภรรยาก็เหมือนกัน ก่อนนอนก็ยิ้มให้กัน (หันไปมองภรรยาผมด้วย) เข้าใจไหมเดียวนี้คนไทยเป็นอะไรไปหมดไม่เหมือนเมื่อก่อน เวลาเขาขอบคุณ ก็ตอบว่าไม่ป็นไร มันไม่ถูกต้อง ให้ตอบว่า ยินดีครับ[หมายเหตุ 1. ก่อนหน้านี้ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆช่วงขอนแก่น อุดร ผมเพิ่งโดนภรรยาบ่นเรื่องไม่ยอมหยุดให้รถปิกอัพที่จะยูเทอร์น ทั้งๆที่เขาโผล่ออกมาจนค่อนคันแล้ว2. ผมเป็นคนที่ยิ้มยากไม่ค่อยยิ้ม ถ้าไม่รู้จักหรือเคยคุยกันมาก่อน ที่ที่ทำงานผม มีหลายคนทำงานที่เดียวกันมาหลายปีผมยังไม่เคยคุยหรือยิ้มให้เลยเพราะไม่ได้ทำงานที่ต้องเกี่ยวข้องกัน]
    คนขับแท็กซี่เขาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวต้องเห็นใจเขา ช่วยเหลือเขา ทุบหน้าอกผมอีกปึ๊กแรงพอควรเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้ผมเริ่มเห็นมีคนยืนมองมาทางที่ท่านพูดกับผมอยู่มากกว่าห้าคน ที่จำได้แม่นยำเป็นผู้หญิง 2 คนห่างไปประมาณ 15-20เมตรทางฝั่งซ้ายของถนน และมีผู้ชาย3 คน อยู่ทางฝั่งขวาของถนนฝั่งเดียวกับที่พระอาจารย์ยืนสอนผมอยู่ ห่างออกไป 7-8 เมตร ดูเหมือนจะรอพบอาจารย์องค์นี้อยู่ ถ้าเสร็จกิจจากผม ขณะที่ท่านพูดกับผม ผมก็พยักหน้าบ้าง ครับบ้าง ยิ้มบ้าง แบบหน้าตาเหลอๆงงๆ ท่านก็พูดไปเรื่อยและเสียงก็ดังมาก อสุภะภายนอกมันต้องเกิดห้ามไม่ได้ แต่อสุภะภายในต้องกดไว้เข้าใจไหม ทำปากเบะและพ่นปากบรื๊อ อย่างนี้ห้ามไม่ควรทำ บีบมือผมพร้อมกำชับ อสุภะภายในต้องกดไว้ พร้อมกับตบหน้าผมอย่างแรงที่บริเวณแก้ม ตอนนี้เหมือนผมจะเริมมีสติระลึกได้ว่า นี่ท่านกำลังสอนผมอยู่นี่ แบบนี้นะมีแต่ในศาสนาพุทธเท่านั้น ศาสนาอื่นไม่มี[หมายเหตุ ภรรยาเตือนผมบ่อยมากว่าเวลาไม่พอใจอะไรชอบแสดงชักสีหน้า ตูดบิด]
    คำสั่ง ห้ามใช้ไม่ควรใช้ ให้ทำไป บางครั้งก็จำเป็นต้องใช้คำสั่งยิ้มเป็นไหม ลองยิ้มซิ ผมยิ้ม ไม่ต้องเห็นฟันก็ได้(ผม และภรรยมาคิดว่า มันเหมือนไม่ได้มาจากข้างใน ดูไม่จริงใจ ฝืนยิ้ม) “อย่ามายุ่ง” “ห้ามพูด เข้าใจไหมอย่ามายุ่ง” “ไม่พูด[หมายเหตุ ภรรยาบอกว่าใช่เลย เวลาที่เธอสอนเรื่องการทำภาวนาผม ผมจะไม่ฟังถ้าพูดมากผมก็จะหนีไป เพราะผมคิดว่าผมรู้ทฤษีมากกว่า]แท็กซี่ต้องช่วยเขาเพราะเขาหากินเลี้ยงครอบครัวขับรถให้มีน้ำใจกับแท็กซี่ให้เขาไปก่อน เหมือนย้ำอีกครั้งเพราะตอนแรกท่านอาจจะเห็นผมหน้าตางงๆไม่รู้เรื่อง ท่านสอนผมอยู่ประมาณ10นาที ท่านกำชับผม และผมรับปากทุกคำสอน (หลังได้สติ) ท่านก็เดินต่อไป ไปหยุดทักชายคนหนึ่งใน3คนที่ยืนมองและรออยู่พร้อมกับทุบอกชายคนนั้นพร้อมกับพูด 2-3 ประโยคแล้วท่านก็เดินเลยไป
    ผมจึงเดินไปหาชายคนนั้นพร้อมกับถามเขาว่าใช้พระอาจารย์เชอร์รี่ไหม เขาบอกว่าใช่ เท่านั้นแหละผมเกิดปิติอย่างมากเพราะเคยอ่านคำบอกเล่าเกี่ยวกับตัวท่านมาเล็กน้อยเมื่อประมาณเดือนที่ผ่านมาว่าท่านมีอภิญญารู้วาระจิต (ตอนที่เห็นท่านตอนแรกในใจลึกๆก็คิดว่าน่าจะใช่ท่าน แต่ด้วยความงงสับสนช่วงที่ท่านทักตอนแรกจึงลืมท่านไปเลย)
    หลังจากนั้นผมก็ขึ้นไปกราบรูปพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ชั้นสองของศาลาเล็ก มีรูปหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน หลวงปู่ฝั้น และท่านพ่อลี พร้อมทั้งกราบไปยังทิศที่กุฏิหลวงตาตั้งอยู่ แล้วก็ลงมาเดินดูบอร์ดด้านล่าง ผมก็เห็นท่านเดินมาทางศาลานี้ ผมก็พยายามเดินหลบอยู่ที่บอร์ดต่างๆ เพราะคิดว่าท่านสอนหมดแล้วและผมเองก็ไม่ทราบจะคุยอะไรกับท่านอีก ท่านเห็นภรรยาผมท่านก็เดินมาคุยกับภรรยาผมที่นั่งพนมมืออยู่ที่บันใดทางขึ้นศาลา ภรรยาผมจึงเรียกผมออกมาผมจึงมานั่งไหว้ท่านข้างๆภรรยา ท่านก็พูดกับผมและภรรยาว่าท่านให้พนักงาน ของสถานีโทรทัศน์SBTจับงูไปปล่อย ตัวท่านไม่กล้าจับและพูดตลกว่าเดี๋ยวคนนี้จะต้องกลับไปคุยโวที่บ้านว่าวันนี้จับงูตัวใหญ่เบ้อเริ่มทั้งที่ตัวเล็กนิดเดียว
    ผมลุกยืนขึ้นท่านก็ถามผมว่ามาที่วัดบ่อยไหมผมบอกว่ามา 4ครั้งแล้วท่านบอกว่ามาอาทิตย์ละ 2 ครั้งได้ไหมผมบอกท่านว่าอยู่ไกลท่านก็บอกว่างั้นมาเดือนนละครั้งผมบอกท่านว่าผมอยู่ชลบุรีไกลมาก (จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ทราบว่าท่านให้ผมไปที่วัดบ่อยๆเพราะอะไร ปากหนักไม่ถามท่าน) ท่านก็เลยพูดว่า ให้ทำบุญกับหลวงตา ทำเป็นเงินสดพวกสิ่งของที่นี่มีเยอะแล้วไม่ขาด ผมก็เลยบอกท่านว่าจะโอนเข้าธนาคารทุกเดือนดีกว่าเพราะผมมาบ่อยๆไม่ได้ (ผมมาคิดว่าที่ท่านอยากให้ผมทำบุญกับหลวงตาพราะท่านชราภาพมากแล้วอายุ 98พรรษาแล้ว) แววตาท่านพูดถึงองค์หลวงตาดูสงบเยือกเย็นมากนะดูมีความเคารพสูง (อันนี้ภรรยาเสริมเพราะแอบมองท่านเวลาพูด)
    สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจอีกเรื่องก่อนท่านจะกลับกุฏิ ท่านจับมือผมแล้วกระซิบไม่ให้ภรรยาผมได้ยิน (ตอนนี้ภรรยาผมยืนเลือกหนังสือตรงใกล้ๆตู้บริจาก อยู่ห่างออกไปประมาณ 2-3เมตร) ท่านกระซิบเบาๆว่าผู้หญิงเป็นกันทุกคนตั้งแต่อายุ 12ปีขึ้นไป แล้วแต่ใครจะมีอาการมาก อาการน้อย เพราะฉะนั้นต้องอดทนมากๆไม่โมโห แล้วท่านก็ทุบหน้าอกผมอย่างแรงอีกหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นท่านก็หันไปชมเจ้าหน้าที่ที่รับบริจาค ให้ผมและภรรยาฟังว่าคนนี้ขยันอดทนมาก และให้แก่ยิ้มโดยบอกว่ายิ้มได้ไหมจะกลับกุฏิแล้วเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ยิ้ม ท่านก็กลับกุฏิไป
    [ช่วง11โมงถึงเที่ยงคนไม่มากนัก คนเริ่มมามากขึ้นตอนใกล้สวดมนต์บ่ายโมง ซึ่งหลายท่านก็นอนอยู่ในเต๊นท์ที่ศาลาใหญ่ บางท่านที่อ่านข้อความนี้อาจสงสัยว่าทำไมเหมือนคนน้อยจัง จริงๆแล้วคนก็มีเดินผ่านไปมาตลอดในช่วงที่ท่านสอนผมอยู่ ที่ผมสังเกตุท่านจะหยุดทักพูดคุยกับบางคนและเป็นเวลาสั้นๆไม่ถึงนาที สำหรับผมนี่นานพิเศษ ผมคิดว่าคงกิเลสหนากว่าคนอื่นนอกจากผมแล้วผมเห็นท่านทักอีก 3คน (อาจจะมีมากกว่านี้แต่ผมไม่เห็น) ผู้ชาย2 ผู้หญิง 1(ไม่รวมเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในวัด)] ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    หลังจากนั้นภรรยากับผมก็ได้ถามเจ้าหน้าที่รับบริจากอีกจุดหนึ่งที่ด้านหลังเป็นห้องน้ำว่าอยากเข้าไปกราบคุณแม่ จันดี โลหิตดี (น้องสาวหลวงตา) ท่านก็ชี้ทางให้ และก็โชคดีได้พบท่าน เมื่อเข้าไปกราบ ท่านถามภรรยาผมว่ามาจากไหน ภรรยาตอบว่ามาจากศรีราชา ชลบุรี ท่านถามว่าคนละที่กับสระบุรีใช่ไหม ภรรยาตอบว่าใช่อยู่ใกล้พัทยา เนื่องจากท่านสุขภาพไม่ค่อยดี จึงรีบกราบลาท่านกลับออกมาเพื่อให้ท่านได้พักผ่อน ไปนั่งรอเวลาสวดขอพรให้หลวงตาที่ศาลาใหญ่ เมื่อสวดจบก็ออกจากวัดไปทานอาหารกลางวัดที่ถนนเลี่ยงเมืองไปหนองคายตอนบ่ายสองโมงกว่า ไ ปค้างที่หนองคาย ตั้งใจว่าเช้าจะเข้าไปเที่ยวเมืองเวียงจันทร์
    [เมื่อเข้าพักห้องพักที่หนองคายก็เล่าเรื่องที่พระอาจารย์เชอร์รี่กระซิบให้ภรรยาฟัง ก็งงว่าท่านทราบได้อย่างไร เพราะภรรยาเป็นจริงๆ ซึ่งผมก็ทราบอยู่แล้ว]
    แต่พอตกค่ำก็เปลี่ยนใจว่าตอนเช้ามาทำบุญที่วัดป่าบ้านตาดดีกว่า จึงออกจากโรงแรมที่หนองคายหกโมงเช้า ขับรถกลับมาวัดป่าบ้านตาดถึงวัดประมาณ 7:15 นาฬิกาจึงตรงไปยังศาลาเล็ก หามุมที่จะเห็นพระอาริยะสงฆ์ชัดๆ (คนส่วนใหญ่กำลังใส่บาตรอยู่ด้านนอก) เมื่อพระรับบาตรเสร็จพระก็เข้าจัดจังหันในศาลากัน
    และแล้วเวลาทีผมและภรรยารอคอยที่จะได้เห็นพระอาริยะสงฆ์ก็มาถึง หลวงปู่ลี หลวงปู่อุ่นหล้า หลวงพ่ออินทร์ถวาย และหลวงพ่อสุดใจ มาร่วมให้พร และฉันจังหันที่ศาลาด้วย พระอาจารย์เชอร์รี่ไม่ลงมาฉันด้วย เมื่อพระท่านฉันเสร็จผมก็นำปัจจัยเข้าไปถวายกับท่านหลวงพ่ออินทรถวายกับมือท่าน ใบปวรณา หลวงพ่อบอกว่า ท่านก็จะนำไปถวายหลวงปู่ลี และหลวงปู่ลีก็จะนำไปถวายหลวงตามหาบัวอีกครั้งหนึ่ง (ได้บุญ 3 ต่อหรือเปล่าเนี่ยอันนี้พูดเล่น)
    ก่อนกลับผมพยายามจะไปกราบลาพระอาจารเชอร์รี่ แต่ไม่ได้พบท่านก็ผิดหวังนิดหน่อย ผมออกจากวัดประมาณ 10โมงเช้ากว่าๆ
    การไปวัดป่าบ้านตาดครั้งนี้แม้ผมไม่ได้พบหลวงตามหาบัวเหมือน 3ครั้งที่ผ่านมา แต่ผมได้พบพระอาริยะสงฆ์ และพระอาริยะบุคคลหลายองค์ซึ่งมีองค์หนึ่งที่สอนผมอย่างถึงอกถึงใจ ซึ่งเมื่อผมตั้งหลักได้ และกลับมาทบทวนคำสอนท่านตลอดจนคำยืนยันจากภรรยาว่านี่นะมันเธอชัดๆ (นิสัยแย่ๆของผมทั้งนั้นเลย) นี่ท่านสามารถรู้วาระจิตผมอย่างละเอียดละออ เคยได้แต่อ่านเรื่องของคนอื่นและก็ไม่เชื่อเต็มร้อย ครั้งนี้เจอกับตัวเองจึงทำให้ผมศรัทธาและเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างเต็มร้อย และผมจะตั้งใจเจริญภาวนาตามแนวทางพระพุทธเจ้า หลางปู่มั่น และหลวงตามหาบัวให้เต็มความสามารถที่จะทำได้ตลอดไป ผมคิดกับตัวเองแบบโง่ๆว่า ขนาดลูกศิษย์ท่านยังมีอภิญญาขนาด
     
  3. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ใครพอสั่งสอนได้ ท่านก็สอน

    นับเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ขออนุโมทนาครับ...
     
  4. สมพิศเปรม

    สมพิศเปรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +361
    อยากไปวัดป่าบ้านตาดจัง
     
  5. krossroad

    krossroad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +38
    อนุโมทนา ขอให้ท่านมีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ ขอให้ ธรรมมะอันใดที่ท่านได้ประสบ จง บันดาลสุข แก่ท่านและครอบครับ

    และใช้โอกาศ ที่ได้เห็นธรรมนั้นให้เต็มที่ครับ
     
  6. วิญญูชนจอมปลอม

    วิญญูชนจอมปลอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    312
    ค่าพลัง:
    +1,124
    อนุโมทนาครับ พระอริยสงฆ์แถวอีสานตอนบนเยอะเหลือเกิน สายหลวงปู่มั่น-หลวงปู่เสาร์
    มีโอกาสน่าจะมางานบุญประทายข้าวเปลือกนะครับ โอกาสทำบุญของพวกเรา น้อยลงไปทุกทีๆแล้ว
    พยายามสวดโพชฌังคปริตร ให้หลวงตาทุกวัน ให้ท่านแข็งแรง
     
  7. savanna2

    savanna2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +65
    แผนที่จุดที่ท่านอาจารญ์เชอร์รี่ท่านสอนผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture1.png
      Picture1.png
      ขนาดไฟล์:
      35 KB
      เปิดดู:
      160
  8. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    อนุโมทนาครับ

    ผมเองก็คิดอยู่ในใจเสมอว่า

    สักวันคงได้พอกับหลวงปู่หลวงพ่อที่ทรงคุณ

    ให้ได้รับการสั่งสอนบ้าง ตอนนี้ก็ปฏิบัติธรรมไป

    สักวันเมื่อบุญถึงคงได้รับเมตตาจากหลวงปู่หลวงพ่อสักองค์

    สั่งสอนเรา นำพาชีวิตเราไปสู่เส้นทางที่เจริญครับ
     
  9. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    ขออนุโมทนาบุญกับหลวงตา หลวงปู่บัว ด้วยครับ

    _/\_ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมนามิ
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    49,588
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,052
    อนุโมทนาสาธุๆๆ ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมค่ะ ขอบคุณจขกท ค่ะ
     
  11. นพดล2522

    นพดล2522 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ก็คงยังมีความหวัง

    ผมก็เคยโดน ตอนนั้น ปี2549 ได้ไปวัดป่าบ้านตาดครั้งแรก ก็ไปยืนอยู่หลังศาลาแล้วก็มีพระฝรั่งองค์หนึ่ง(ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเป็น ใคร)เข้ามาข้างหลังแล้วถามผมว่า
    ชีวิตเธอมีความทุกข์นักหรือ ผมก็ตอบท่าน จากนั้นท่านก็เทศสอนผมท่านสอนผมท่านให้พิจจารณาเรื่องร่างกายของผู้หญิงให้ เห็นว่าเป็นของไม่น่าพึงรักใคร่ท่านใช้คำแรงๆที่ฟังแล้วสะดุ้งแต่ก็คงเหมาะ สำหรับคนที่จริตนิสัยหนักไปทางนี้(นิสัยผมเองมักหนักในเรื่องกามราคะ)แต่ ด้วยความแย่ๆๆของผมที่พอถึงเวลาคับขันมักจำอะไรไม่ได้ทั้งหมด สอนสักพักท่านก็เดินเข้าไปในเขตสงฆ์ นั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เจอท่าน ผ่านไปหลายปี พอถึงปี2554ผมได้มีโอกาศไปช่วยงานศพหลวงตามหาบัว ได้ช่วยเขียนป้ายโรงทานเกือบเดือน จนเมื่อถึงวันจะกลับ ก็ได้ไปกราบลาอัฐิหลวงตาที่กฎิ จากนั้นก็เดินไปข้างศาลาฉัน ขณะที่เดินอยู่นั้นเห็นท่านเดินผ่านมาเราก็ไหว้ท่าน ท่านก็เดินตรงเข้ามประโยคแรกที่ท่านถามเรา ท่านถามว่า ต้องการความสุขไหมเราตอบว่าต้องการครับ ท่านบอกว่าความจริงแล้วความสุขนั้นไม่มีอยู่จริง จากนั้นที่ก็สอนอุบายวิธีการภาวะนา แต่ก็อีกนั้นเหละเราจำได้ไม่มากเพราะกำลังตกตลึง สุดท้ายท่านเอาปลายผ่ามือท่านจิ้มลงที่กลางอกเราอยู่หลายที จากนั้นท่านก็เดินจากไป เราก็งงไปพักใหญ่ แต่พอได้ไปอ่านป้ายที่หลวงตาเทศนาไว้ว่า
    เวลาจิตรวมสุดท้ายจะไปรวมที่กลางอก เราจึงอ๋อเพิ่งรู้เป็นยังนี้เอง แต่ถ้าจะให้เข้าใจคงต้องลองไปปฎิบัติด้วยตนเอง เพราะเพิ่งได้แค้รู้แต่ยังไม่้เข้าใจ
    จริงๆการที่เราไปวัดป่าบ้านตาลทั้งสองครั้งก็เพื่อไปแสวงหาวัด(ที่มีรักษา ข้อวัฒปฏิบัติที่ถูกต้องและเคร่งครัดในพระธรรมวินัย) บวช แต่ก็ยังบวชไม่ได้เพราะแม่ยังไม่อนุญาติ ก็คงต้องตั้งหน้าตั้งตาเพียรพยายามต่อไปสักวันหนึ่งก็คงอาจสมหวัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...