ประสบการณ์ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง แบบออกด้วยมโนมยิทธิครึ่งกำลัง

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย planetx, 13 ธันวาคม 2015.

  1. planetx

    planetx สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +18
    ไปฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง วันที่ 12-13 ธค.58 ที่วัดท่าซุงมาค่ะ เพิ่งกลับถึงบ้านเลย กลัวลืม อยากถ่ายทอดอารมณ์ปีติไว้
    อยากแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆที่ติดไปไม่ได้ ให้ไปได้เหมือนกันค่ะ
    ขอใช้คำตามวัยนะคะ คำเพราะๆใช้ไม่เป็นจริงๆ

    ในวันที่ 12
    ใจเต้นมาก ทั้งๆที่ไม่ได้กลัวอะไร ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น แต่ใจเต้นมากๆ
    เต้นตั้งแต่ได้ยินหลวงพ่อบวงสรวง
    วี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด (จากคนข้างๆ)
    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด (จากคนข้างหลังไกลๆ)

    ภาพที่เห็น เห็นพระพุทธเจ้า 5 พระองค์กายนิพพาน
    ระยิบระยับ ท่านก้มลงมาดูเราค่ะ สงสัยว่า เฝือรึเปล่า ปกติครึ่งกำลังเห็นแค่องค์เดียว แล้วทำไมคราวนี้มา 5 องค์เลย แล้วเครื่องแต่งกายไม่เหมือนกัน
    ชฏาไม่เหมือนกัน ฯลฯ แล้วก็ได้ยินเสียง ท่านแนะนำตัวแต่ละองค์
    ใจก็สั่นๆๆๆๆ
    น้ำตาไหล

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด(จากคนข้างซ้ายหน้าๆ)

    ใช่เหรอ
    ทำไมท่านมองกันแล้วหัวเราะล่ะ
    ปกติองค์นี้ไม่เคยเห็นนะ
    (ขอขยายความ ท่านหัวเราะ นี่ไหล่ไม่กระเพื่อมเลยนะคะ ท่านมองกันแล้วก็ยิ้มแล้วก็มองเรา แล้วได้ยินเสียงท่านหัวเราะค่ะ)


    ภาพตัดสลับไปสลับมา กับการที่กราบเท้าหลวงพ่อกายพระสงฆ์ บอกรักหลวงพ่อ รักหลวงพ่อ หลวงพ่อยิ้มๆ
    นะมะพะธะ นะมะพะธะ

    เอ ไม่เห็นแสงซักที ผิดรึเปล่าว้า
    ลูกมาตั้งไกลจากกรุงเทพฯแสนลำบาก ขออาราธนาบารมีขอสมเด็กพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ลูกเห็นชัดเจนแจ่มใส สว่างขึ้นๆ ....

    น้ำมนต์มา ก็ใจเต้นมากขึ้น

    พระขรรค์มาแตะหัว ใจก็ยิ่งเต้นมากขึ้นไปอีก ประกอบกับขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า รู้สึกใจจะหลุดเลย หายใจไม่ออก
    ก็เลยสูดดดด หายใจเข้าไปอีก เฮือกกก
    จำอารมณ์ตอนแตะได้เลยค่ะ จุดที่แตะสั่นๆ


    เห็นหลวงพ่อหน้ามุ่ยเชียว
    สมเด็จท่านทุกองค์ก็หน้ามุ่ยค่ะ ไม่ยิ้มแล้ว



    กรี๊งงงงง จบกัน :'(

    กลับที่พักรีบ google เลยว่าสั่นต้องทำยังไง ต้องจับอารมณ์ยังไง ทำไมเราไปไม่ได้
    เห็นหลวงพ่อตอบในกระทู้นึงค่ะ ว่าให้ทำอารมณ์วางเฉย

    บางคนไม่เห็นแสงมาแต่ภาพมาแล้วช่างมัน จับภาพพระให้ใส
    ใครที่เคยฝึกครึ่งกำลังมาก่อน ให้ไปแบบครึ่งกำลังเลย
    แล้วภาพจะชัดเอง นั่นคือเต็มกำลังแล้ว


    แล้วเทปเสียงหลวงพ่อก็ย้ำซ้ำๆว่า จะเห็นก็ช่างมันไม่เห็นก็ช่างมัน อย่าอยากเห็น อย่าอยากไป เป็นกิเลสตัวที่ 4,5 อะไรซักอย่าง แล้วให้ตัดร่างกาย

    ok. เราจะไม่สนใจแล้ว ให้ใจมันสั่นก็สั่นไป
    ไม่มีใครตายในศาลา 12 ไร่
    ไม่มีใครฝึกมโนเต็มกำลังแล้วตาย
    ถึงตายก็ตายในกรรมฐาน พระพุทธเจ้าท่านมารับแน่นอน ไม่ต้องรอลุ้น ดีตายปุ๊บไปนิพพานเลย เราเลยไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2015
  2. planetx

    planetx สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +18
    ในวันที่ 13
    รู้สึกได้เองว่าวันนี้น่าจะทำได้นะ กินข้าวยังไม่ค่อยอยากกินเลยค่ะ
    เบิกบานหาเหตุผลไม่ได้

    ที่นั่งวันนี้ร้อนมากๆ เป็นช่องแสงส่องมาพอดีเลย และไม่มีพัดลม
    เหงื่อแตกค่ะ

    ใจเต้นอีกและ (เดี๋ยวล่างๆจะสรุปให้นะคะ)
    พอเข้าพิธีก็ใจเต้นแบบจะหลุด หายใจไม่ออกเหมือนเมื่อวานเด๊ะๆ

    ระหว่างพระท่านสอนก่อนเปิดเทปหลวงพ่อ เราก็ลองถอยดู ท่านบอกให้ออกเหมือนครึ่งกำลัง เลยทำตามแบบเดิมคือจับภาพพระท่านให้ใส แล้วท่อง นะมะพะธะ

    พอบวงสรวงเราไปแล้วค่ะ ที่ประจำหน้าที่ประทับขององค์ปฐม ท่านยิ้มให้เหมือนเดิม ใจเต้นแรงขึ้นๆๆๆ
    ถอยอีกค่ะ ถอยกลับมาขึ้นแบบครึ่งกำลังใหม่

    เสียงข้างๆมาละค่ะ วี้ดดดดดดดดดดดด กรี๊ดดดดดดดดดดด ข้างๆเราเลย
    ทั้งร้องไห้ ฯลฯ

    แต่วันนี้เราเตรียมตัวมาดี เมื่อวานเรากลัวทำให้สมาธิเราตก วันนี้เรารู้สึกสงสารเค้า ที่เค้าผีเข้า ผีคงตกใจ ร้องวี้ดดดๆ

    เสียงหลวงพ่อมาค่ะ อย่าสนใจคนอื่น เอาตัวเราก่อน ให้รอดก่อน
    เสียงองค์ปฐม หรือสมเด็จองค์ปัจจุบันไม่ทราบค่ะ จับรูปเรา, อย่าสนใจ (พูดซ้ำๆๆ)
    ซักพักนึงวิมานองค์ปฐมจากที่เหมือนไฟฉาย ก็กลายเป็นพาโนราม่า มองเห็นกว้างสุดลูกหูลูกตา สวยขนาดไหน พื้นเป็นแก้ว เสามีลาย
    แน่นอนน้ำตาร่วงอีก

    แล้วก็เที่ยวค่ะ ให้ท่านพาไปดูวิมานสมเด็จองค์ปัจจุบัน ฯลฯ คือดูจากครึ่งกำลังมาแล้วประมาณ 5 ปี เห็นชัดบ้างไม่ชัดบ้าง รอบนี้เลยไม่ฟูมฟายมาก

    ได้ยินเสียงท่านบอกว่า ไอ้นี้มันดื้อ มันขยันมาเกิด (น่าจะเป็นเสียงองค์ปฐมนะคะ)
    หลวงพ่อ บอกว่า ไอ้นี่อย่าด่ามันมากเดี๋ยวมันฆ่าตัวตาย แค่ชีวิตมันก็ลำบากมากพอและ แล้วก็หัวเราะๆ

    ฮึกฮือๆๆๆ (เสียงป้าข้างๆสะอื้น)

    ตกค่ะ
    ตอนตกจิตมาอยู่ที่กายเนื้อ ก็จับภาพพระใหม่ (เสียงพระท่านบอก) และได้ยินเสียงหลวงพ่อคุมตลอด ว่าให้ทำยังไง
    รอบนี้หัวหมุนด้วย หมุนแบบจะอ้วกเลยค่ะ ควงสว่านเลย
    สมเด็จท่านพูดเหมือนเดิม คือจับภาพเราไว้ๆ (ชอบจับองค์ที่แต่งเครื่องทรงพระมหาจักรพรรดิ์ค่ะ)
    หลวงพ่อ บอกอย่าสนใจร่างกาย แล้วก็ขึ้นมาได้อีกแบบมืดๆเหมือนครึ่งกำลัง
    เอ้า!ๆ ไอเต็มกำลังนี่ลูกทำมาได้สิบชาติและทำไมจะทำไมได้ (หลวงพ่อทำท่าเซ็งๆ)

    มีรอบนึงที่ตก
    คราวนี้แสงมาค่ะ แสงส่องเหมือนแสงอาทิตย์แสงมาข้างหน้าเป็นลำใหญ่
    เห็นสมเด็จองค์นึงผายมือให้ขึ้นไป
    ได้ยินเสียง พ่อเราเจ้าอยู่
    แล้วพุ่งตามแสงไป แว่บนึงก็มาถึงวิมานท่านอีก

    เที่ยวอีก
    พรหม เห็นพรหมประมาณ 3-4 องค์ กายสีขาวนวล พนมมือ มีเครื่องประดับสีทองหมด มีชฏาแบบไม่ใช่ทรงสูง ชฏาสั้นๆ พูดไม่ถูกค่ะ สีทอง
    ทุกองค์เป็นผู้ชาย ไม่ใส่เสื้อ มีสังวาลสีทองไขว้ร่างกายสูงใหญ่ (หรือเราตัวเล็กไม่รู้นะคะ ใหญ่แค่ไหน ประมาณว่าไปเที่ยววัดพระพุทธชินราช หรือวัดพระแก้วแล้วเงยหน้ามององค์พระน่ะค่ะ) เห็นแค่ 2-3 วิแค่นั้นเองค่ะ

    แล้วก็มาที่พระนิพพานอีก
    ขอขมากับพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ สัพพัง อัปปะราทัง...

    สลับเร็วมากค่ะ ขึ้นๆลงๆ ขึ้นๆลงๆ จิตเราเร็วมากจริงๆ แต่ละองค์มาคุยด้วย คุยไป คุยไปขำไป ยิ้มไป ท่านแซวก็ตลกหัวเราะออกมา บางครั้งปีติน้ำตาร่วง (ตอนร่วงหนักๆ ตกลงตัก รู้สึกได้ว่าน้ำตาเย็นมาก)

    มาเจอพ่อแม่ชั้นสวรรค์ พรหม นิพพาน แยกกายคุย ร้องไห้หนักมากกก
    บอกว่า
    ลูกเลวววววววววววว ลูกขอโทษษษษษษษษษษษษษษ ฮือๆๆๆ
    แต่ก็จำไม่ได้ว่าทำอะไรไว้นะคะ เพราะพ่อแม่ชาตินี้ยังอยู่ทั้งคู่
    พ่อแม่ทุกคนอโหสิให้
    (เคยพูดประโยคนี้รอบที่ฝึกมโนครึ่งกำลังครั้งแรกในชีวิตที่สายลม
    ร้องหนักจนครูมาแตะบอกว่าเลิกเถอะ ติดสัญญาไปไม่ได้แล้ว ตอนนั้นจำได้ว่าทำเลวอะไรซักอย่างไว้จริงๆ แต่จำ detail ไม่ได้ว่าทำอะไรไว้)

    คิดถึงหมาที่รักมากตัวนึง มันตายก่อนแล้วเราไม่รู้ หมาเคยมาเข้าฝันด้วยทีนึง
    พอกลับไปเยี่ยม ลูกน้องพ่อบอกว่ามันตายแล้ว โยนศพทิ้งไว้ที่รั้วข้างโรงงาน เสียใจมากๆ
    ถามหลวงพ่อว่าหมาตัวนี้ไปอยู่ไหนแล้ว ภาพตัดชึ่บ เป็นนางฟ้าองค์นึงชฏาแหลมๆ นางฟ้าบอกว่า ชั้นรอเธออยู่เสมอนะ
    เท่านั้น
    น้ำตาร่วงๆๆๆ ฮือๆๆๆ ข้างบนเราบอกว่าคิดถึงนะ ไม่ได้เศร้าอะไรมากมาย
    ร่างกายมันขยับไปเองพูดออกมาเอง น้ำตาไหล น้ำมูกก็ไหล น้ำลายก็ไหล ควบคุมไม่ได้เลย

    อยากมาหาท่านปู่ท่านย่า อยากมาหาท่านยมบาล
    หลวงพ่อพามา (เร็วมากค่ะ จำไม่ได้น่าจะมาหาพร้อมๆกัน)
    กอดขาทั้งท่านปู่ท่านย่าทั้งพยายม แล้วก็ดราม่า ร้องไห้
    ลูกเกิดมาเหนื่อยเหลือเกิน ทำงานก็ลำบาาก แฟนก็ ..... เยอะๆๆๆ (ฟ้องๆๆ)
    ท่านก็ยิ้มๆ ท่านพยายมบอกว่า พ่อไม่รอแล้วนะ

    ดราม่าเสร็จก็ ขอเรื่องาน เรื่องเงิน ฯลฯ เน้นขอกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (อืมคุ้มจริงๆ - -!)

    ขอเพิ่มเติม บรรยายรูปร่างลักษณะ
    ท่านปู่ท่านย่า
    ท่านอายุน้อยกว่าเราค่ะ (แต่ข้างบนเราก็ดูเด็กลงนะคะ) ดูเด็กกว่าเด็กมหาลัย เหมือนเด็กอายุประมาณ 15
    ผิวเนียนไปหมด ข้อปูดๆโปนๆแบบในโลกไม่มี
    ท่านย่าทาปากสีแดงสด เห็นทีไรท่านย่าจะยิ้มตลอดเวลา เวลาพูดปากไม่ขยับแต่มีเสียง
    เครื่องแต่งกายเสื้อรัดรูปสวมชฏาแหลมๆเหมือนละครตัวพระตัวนางที่แสดงโขน
    ใบหน้าคล้ายๆกับรูปที่บ้านสายลม กับข้างหลังศาลา 12 ไร่น่ะค่ะ
    ตัวจริงสวยกว่าในรูปเยอะมาก (เอ่อ คือจะบอกว่าตาท่านโตกว่า) ระยิบระยับมาก สว่างแสบตา
    feel ได้ว่า ท่านใจดีมาก เมตตามาก รักเรามากๆ ไปกี่ทีเราก็ไปกอดท่าน
    ไม่ได้จะลบหลู่นะคะ ขึ้นไปกอดบนบันลังค์เลยค่ะ รักท่านมาก เราคิดถึงท่าน บางทีก็ไปหอมท่าน ท่านก็กอดกลับหอมกลับ
    สงสัยว่าทำไมตัวเองขี้อ้อนจัง ปกติในโลก็ไม่เป็นนะคะ
    เห็นสไบหลังตัวเองซ้วยสวย ปักลวดลายละเอียดยิบ ฝังเพชรเยอะ เยอะ เยอะ
    ถ้าแกะมาขายในโลกนี้ได้คงตั้งตัวได้ยันรุ่นเหลนเลย

    ท่านยม
    ปกติหลวงพ่อให้เรียกว่าลุงพุด แต่ไม่รู้ทำไมในมโนมยิทธิเต็มกำลังท่านแทนตัวเองว่าพ่อ
    ท่านเป็นเทวดาหนุ่ม เสียงก็หนุ่ม ไม่รู้ทำไมเห็นกี่ทีท่านก็แต่งกายสีม่วง วิมานท่านก็ม่วงๆ

    ขอดูท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 (ก่อนฝึกเหลือเวลาเยอะ เราไปเดินไหว้ที่วิหารมาค่ะ) เห็นมา 4 องค์ แต่เห็นชัดแค่ท้าวเวสสุวรรณท่านมาเป็นองค์เทวดาสีทองๆ ถือกระบอง ท่านยิ้มแล้วถามว่าเหมือนยักษ์มั้ยๆ เราก็ตอบไม่เหมือนๆ(รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กๆ เสียงก็เด็ก)

    ขอดูหลวงพ่อกายนิพพาน
    สวยเหมือนเดิม แต่เราไม่ชินชอบกายพระสงฆ์มากกว่า ท่านก็กลายเป็นพระสงฆ์แบบเดิม

    ขอดูท่านพี่มเหสักขา
    เคยเห็นตอนครึ่งกำลังที่บ้านสายลมตอนที่จะเข้าพระจุฬามณีเจดีย์สถาน ครูฝึกให้ดูว่าท่านพี่ทำท่ายังไง ให้เข้าไปมั้ย
    วันนั้นสมาธิดีมาก ทิพจักขุญาณชัด แว่บทีนึง คือหล่อมากกก ใจเต้นตกใจค่ะ ท่านสวยมาก
    ถ้าให้บรรยาย รูปร่างท่านก็คล้ายๆรูปปั้นเทวดาที่ประตูปราสาททองคำ เอวคอดไม่มีกล้าม เนื้อเต็ม
    คำว่าเนื้อเต็ม ไม่รู้จะอธิบายยังไง ไม่ได้ Vshape แก้มไม่ตอบ คางแหลมเหมือนที่เค้าไปศัลยกรรมกันนะคะ ไม่ได้อ้วนกลม
    ใบหน้าเป็นแบบนี้ทุกองค์เลยค่ะข้างบน โครงหน้าชัด จมูกโด่งเป็นสัน ใจดี ยิ้ม
    กายสีทองค่ะแล้วก็ขอโทษที่เคยปรามาส

    เวลาเหลือค่ะ ไม่รู้จะไปไหน กลับไปหาองค์ปฐมอีก
    ลูกขออยู่กับสมเด็จพ่อตลอดไป (ซ้ำ 3 รอบดังๆก้องๆวิมาน น่าอ๊าย น่าอาย)
    ขอให้ก่อนตายสมเด็จพ่อมารับลูกด้วยนะคะ ท่านก็ยิ้มๆ
    สัญญากับสมเด็จองค์ปฐมว่า เดี๋ยวลูกจะรักษาศีล 8 ให้ครบวันเลยค่ะ ท่านก็ยิ้มๆ
    (ทำตัวยังกะเด็กๆเลยอะ)

    ถามเรื่องคุณไสยที่เคยโดนคนทำใส่
    หลวงพ่อบอกว่า โอ๊ยยยยยยยยยยมันหายไปตั้งแต่สะเดาะเคราะห์ 108 แล้ว

    นึกถึงปู่นาคิน ปู่นาคากับเคยแก้คุณไสยให้ กลัวท่านหลอกเลยถามหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกว่า เออถึงไม่หมด ก็ช่วยได้เยอะแล้วกัน
    เลยไปหาท่านไปขอบคุณท่านที่นาคพิภพ ท่านมากายเป็นคนครึ่งนึงนาคครึ่งนึง

    ขอดูเทพทางฮินดูที่นับถือ (ขอไม่เล่านะคะ พาดพิงถึงวัดอื่น) ท่านก็มาในรูปของนางฟ้าแบบไทยสวมชฏาน่ะค่ะ

    ได้ยินเสียงบทสวดประสานเสียง เพราะมากๆ เคลิ้มมมมมม แต่ฟังไม่ออกว่าสวดอะไร อยากฟังต่อนานๆ
    (ถ้าใครเคยไปตำหนักร่างทรงมา ขอบอกว่าไม่ใช่ภาษานั้นนะคะ)

    เวลาเหลืออีก ขอให้สมเด็จทุกๆพระองค์สอนค่ะ
    ส่วนใหญ่จะบอกว่าให้อย่าทิ้งมโนมยิทธิ แล้วก็อย่าสนใจร่างกาย
    สุขที่สุดคือนิพพาน พูดคล้ายๆกันทุกองค์เลยค่ะ มาถึงสมเด็จพระศรีอาริยะเมตตรัย ท่านถือพระขรรค์ที่มือขวาด้วยนะคะ(เหมือนเมื่อวานเลย องค์นี้เห็นกี่ครั้งท่านก็มาพร้อมพระขรรค์ ใสทั้งองค์ พระขรรค์ก็ใสค่ะ) ท่านหัวเราะถามว่าไม่อยากมาเกิดด้วยกันหรอ
    เราก็หัวเราะ แล้วส่ายหัวว่าไม่เอา ไม่เอา

    สัญญาณดัง...
    รู้สึกตัวว่าร่างกายเราหน้ายังส่ายอยู่เลย ส่ายไปยิ้มไปหัวเราะไป
    ไม่เอาๆๆ

    ออกมามีความสุขมากกก ที่ list ไว้ได้ทำเกือบทั้งหมด
    หัวโล่งมากกกกกกกกกก

    สภาพร่างตอนนี้น่าเกลียดสุดๆ ขอให้ไม่มีใครถ่ายภาพไว้
    น้ำตาไหล น้ำมูกไหลเข้าปาก น้ำลายก็ไหล สกปรกจริงๆ ไม่มีอะไรดีเลยร่างกาย :'(


    เรื่องใจเต้น
    ส่วนตัวเป็นคนที่สัมผัสได้เร็วค่ะ อยู่ใกล้ๆที่ๆแรงๆใจจะเต้นเอง
    ปกติครึ่งกำลังเห็นสมเด็จองค์เดียวชัดๆก็ใจเต้นน้ำตาร่วงแล้ว
    ฝึกเต็มกำลังเห็นสมเด็จชัด 5 องค์พร้อมๆกัน
    มีเทวดานางฟ้าที่มีฤทธิ์มากมาคุมทั้งจักรวาล ใจเต้นแทบหลุดเลยค่ะ

    การแก้ใจเต้น แก้หมุน แก้เวียนหัว แก้หายใจไม่ออก
    สำหรับเรา เราถอยลงมาแล้วออกแบบครึ่งกำลังแทนแบบใจเบาๆ
    จับภาพพระ
    ท่องจนคำภาวนา นะมะพะธะ ให้เร็วขึ้นๆ แบบไม่สนลมหายใจ
    เร็วขนาดที่ออกเสียงไม่ได้แล้วก็หายไป

    ทิ้งคำภาวนา
    เห็นภาพพระชัดขึ้นๆ แล้วจับภาพนั้นตลอด ไม่สนใจว่าร่างจะเป็นยังไง จับภาพพระท่านตลอด (ในมโนเต็มกำลังจะได้ยินหลวงพ่อคุมตลอดเลยค่ะ เสียงเหมือนที่เปิดเทปแหละ) คิดอย่างเดียว ตายช่างมันๆ ตายขอไปนิพพาน


    เพิ่งเข้าใจว่าเพราะกระดาษที่แปะหัวไว้ สมเด็จท่านเลยมาให้เห็น 5 องค์พร้อมๆกันในวันแรก แล้วเราโง่เอง ไม่เชื่อนึกว่าฟุ้งซ่าน
    มัวแต่รอแสง ท่านเลยขำๆกัน เราก็โง่อีก ไม่คิดว่าสมเด็จฯ จะขำได้ด้วย (ประกอบกับใจเต้นแรงอีก)
    >>>ได้เพื่อนที่นอนที่ตึกเดียวกันบอกว่า แต่ละคนจริยาไม่เหมือนกัน วันที่ 2 เลยเชื่อว่าใช่ไม่ได้คิดไปเอง แล้วไปได้ค่ะ

    เรายังไม่เก่ง บางช่วงก็เป็นครึ่งกำลัง บางช่วงก็ปึ้บๆภาพชัดทันที คุมร่างกายตัวเองไม่ได้
    เหมือนคลื่นหัวใจมีชัดๆเบลอๆขึ้นๆลงๆค่ะ
    (ข้างๆร้องไห้ดังอะ)

    กระดาษปิดหัวของเราไม่รู้เค้าจะเอาไปใช้ต่อรึเปล่า คือของเก่ามันก็ลายน้ำมานิดหน่อยแล้ว แถมมีน้ำตา น้ำมูก น้ำลาย และเหงื่อของเราเพิ่มเข้าไปอีก

    รักษาศีล8 นอกวัดทรมานมากค่ะ หน้าไม่แต่งไม่เป็นไรนะ แต่เรื่องกินนี่แทบไม่ไหว เดินทาง หิว เหนื่อย ต้องรอเที่ยงคืน ตามที่สัญญาไว้

    หวังว่า ใครที่ชินแบบครึ่งกำลังแล้วยังทำเต็มกำลังไม่ได้ จะได้พบคำตอบในสิ่งที่ติดอยู่นะคะ

    บางส่วนที่เป็นความฟุ้งซ่านของลูกเอง ใช้คำไม่เพราะ ลูกขอโทษนะคะ
    โดยเฉพาะมโนมยิทธิเต็มกำลัง จิตไปไวมาก หลายครั้งไม่ได้ตั้งใจ คิดอะไรปุ๊บก็พูดออกไปทันทีไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดได้เลย

    ลูกขออโหสิกรรมจากพระรัตนตรัยด้วยนะคะ
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต

    ===========================================================
    เขียนเพิ่ม..
    ้สมเด็จองค์ปฐมที่เคยเห็นจากมโนมยิทธิครึ่งกำลัง
    เคยเห็นสวมชฏาแหลม นั่งบนแท่น ท่าขัดสมาธิ เครื่องทรงมีสังวาลสีทองไขว้ มีอัญมณีสีแดงตรงกลาง
    ตอนแรกไม่ทราบว่าเทวดาองค์ไหน เห็นรอบแรกน้ำตาร่วงเอง ตอนแรกคิดว่าเฝือไปเอง แต่นั่งแล้วเห็นบ่อยมากๆ
    ไม่เคยบูชาพระมหาจักรพรรดิ์เลยและไม่เคยบูชาองค์ปฐม

    ตอนหลังมาปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุงครั้งแรก ถามเพื่อนที่มารู้จักกันที่บ้านพักว่าองค์นี้คือใคร เพื่อนก็บอกเคยเห็นเหมือนกัน ลักษณะตรงกัน อัญมณีสีแดงตรงกลาง เลยคิดว่าเป็นองค์เดียวกัน (ตอนเห็นไม่เคยมาวัดท่าซุงมาก่อน ไม่เคยเห็น สังฆทานชุด 2000)

    ครั้งนั้นนั่งครึ่งกำลังที่วัดท่าซุง มีแว่บนึงเห็นชัดเลยค่ะ สวยมาก น้ำตาร่วงเลย
    ถ้าให้บรรยายคงคล้ายๆกับพระพุทธรูปของสังฆทานชุด 2000 แต่หน้าท่านหน้าเต็มกว่าค่ะ แต่จะสวยคล้ายองค์เล็กๆที่วางตรงด้านหน้าขวาที่วิหารร้อยเมตรมากกว่าค่ะ (ไม่เหมือนพระพุทธชินราชนะคะ ไม่เหมือนที่วิหารองค์ปฐมด้วยค่ะ)

    และจากที่เห็นในมโนมยิทธิเต็มกำลัง
    เราถามท่านตรงๆว่า กายนิพพานของสมเด็จองค์ปฐมกับองค์ปัจจุบัน แตกต่างกันอย่างไรคะ
    ที่ถามไม่ได้มีเจตนาร้ายหรือลบหลู่เลย
    ท่านก็เมตตา เทียบองค์ท่านกับองค์ปัจจุบันให้ดู ประทับยืนข้างๆกัน นอกจากเครื่องแต่งกายต่างแล้ว สมเด็จองค์ปฐมสูงกว่ามากค่ะ


    หลวงพ่อบอกว่า ยังเป็นฌานโลกีย์ อย่าหลง อย่าอวด
    มีได้ก็เสื่อมได้ ลงนรกได้อยู่ พระเทวทัตเหาะได้ทั้งองค์ยังลงนรกเลย
    ที่ฝึกเพราะจะได้รู้ว่าสวรรค์มีจริง นรกมีจริง
    เห็นภาพพระพุทธเจ้าจะได้จำติดใจ (เห็นแล้วชื่นใจจริงๆค่ะ)
    ตอนจับภาพพระตอนขึ้นกรรมฐานจะได้จำได้ ตอนก่อนตายจะได้นึกได้

    (อ่านมาหลายเล่ม ท่านพูดเพราะกว่านี้ เราก็ใช้คำเพราะๆไม่เป็นค่ะ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1del.jpg
      1del.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.5 KB
      เปิดดู:
      787
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2015
  3. phutsa

    phutsa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    261
    ค่าพลัง:
    +852
    เสียดายมาก ปีนี้มีเหตุ ทำให้ไม่ได้ไป ขออนุโมทนาในผลบุญที่ได้ทำด้วยครับ
    ผมขอสอบถามว่าหลังจากกลับมาจากวัดแล้ว ฝึกเองให้ออกแบบเต็มกำลังยังสามารถทำได้ไหมครับ
     
  4. planetx

    planetx สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +18
    ค่า ฝึกเต็มกำลังทำที่วัดท่าซุงเท่านั้นค่ะ ที่อื่นไม่แน่ใจนะคะ มันหลุดออกไปเลยไม่เหมือนครึ่งกำลังที่ประสาทโยงอยู่กับกายเนื้อ ถามได้ตอบได้

    ไม่ทราบเคยฝึกเต็มกำลังมาก่อนหรือเปล่า ช่วงแรกจะมีพระมาพมน้ำมนต์หลวงพ่อบอกกันผี ฝึกเสร็จมีพรมน้ำมันต์อีกรอบบอกกันเฝือค่ะ

    สำหรับใครที่พลาด
    ฝึกครึ่งกำลัง นอกจากวัดท่าซุงแล้วมีหลายที่เลยค่ะ ส่วนตัวฝึกครึ่งกำลังจากบ้านสายลมค่ะ
    แค่ครึ่งกำลังยังยากเลยค่ะถ้าไม่มีครู guide ให้ ลูกศิษย์หลวงพ่อเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง (ดูจากตอนดูคนตายค่ะ ทายถูกบ้างผิดบ้าง นัวๆ)
    ฝึกเองมั่วๆก็เยอะ มีมิจฉาชีพเอาไปแอบอ้างเยอะนะคะ เห็นแล้วเพลีย

    จะบอกว่า บางจังหวะจิตนิ่งๆ ฝึกครึ่งกำลัง ภาพชัดแจ๋วเหมือนเต็มกำลังเลย
    แต่แค่แว่บนึงอะค่ะ เหมือนตอนเราเห็นองค์ปฐม
    แต่แค่นั้นก็ชื่นใจ น้ำตาร่วงแล้วจริงมั้ยคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2015
  5. phutsa

    phutsa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    261
    ค่าพลัง:
    +852
    ปกติก็จะไปทุกปีครับ ถ้าไม่ติดขัดอะไร ผมไปแล้วถึงจะฝึกไม่ได้ แต่ก็ชื่นใจได้ไปทำบุญ นั่งสมาธิ ไปกราบสรีระหลวงพ่อ หยอดตู้ทำบุญ ทำสังฆทาน แค่นี้ผมพอใจแล้วครับ
     
  6. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    ฟังแล้วโอย... ต้องเริ่มกับเขาบ้างล่ะเรา
     
  7. taudom

    taudom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +45
    พึ่งกลับมาจากฝึกเหมือนกันครับ แต่กลับวันที่ 17 ไปเข้าธุดงค์ด้วย มโนไม่ได้ครับ แต่ก็คืบหน้าไปเยอะ แถมได้คำตอบเกี่ยวกับการปฏิบัติกลับมาทำต่อที่บ้านด้วย วันแรกที่ฝึกเต็มกำลัง ทำอารมณ์ไม่ถูกครับ ก่อนทำวัตรเย็นมีพี่แนะนำการวางอารมณ์ให้ ตอนเย็นทำกรรมฐานเลยลองซ้อมดู ตอนไปไม่รู้เรื่องเลยครับ เพราะนั่งจับอานาปาเข้าฌาณ เพราะใจสบายก็ทิ้งคำภวานา สบายอีกนิสสส ก็ทิ้งลมหายใจเลย ตอนนี้แหล่ะครับ ไม่รู้อะไรเลย เหมือนหลับ มารู้ตัวอีกที เหมือนตกจากที่สูงมืดๆแปบเดียวสว่าง เห็นหน้าหลวงพ่อ แล้วก็รู้สึกตัวพุ่งออกไปอย่างเร็ว เข้าไปในวิหารแห่งหนึ่ง ใหญ่โตมาก เห็นรายละเอียดเกือบชัดเจน เป็นภาพสี ระหว่างพุ่งไปเห็นหลวงพ่อนั่งอยู่หน้าพระประธานองค์ใหญ่มาก และก็มีคนนั่งอยู่ระหว่างทางเดินที่ตัวพุ่งไปหลายคนครับ พอไปถึงหลวงพ่อผมก็ก้มลงกราบ ตอนนั้นดีใจมาก ก็ก้มลงกราบท่านและกำลังจะอ้าปากถามท่าน หลุดครับ ก่อนหลุดรู้ตัวหมุนลอยไปรอบวิหารหลายรอบ จนกลับมารู้สึกตัวที่กายเนื้อ ก็พยายามจะกลับขึ้นไปใหม่ ไปไม่ถูกแล้วครับ หลังจากนั้นก็ไม่ได้อีกเลย แต่หลังมานี้จับรูปพระได้ชัดมากก และนั่งสมาธิเดินอานาปาก็รู้สึกใจสบายขึ้น จิตเบาขึ้น ถ้าไปมโนไม่ได้ ผมก็จะนั่งพิจารณากายจนเบาขึ้นไปอีกแล้วก็จะนำคาถามาภวานาต่อไปจนเลิกหรือหลับ(นอนภวานาด้วยครับ)
    สิ่งที่กลับมาทำต่อที่บ้าน
    - สวดมนต์ นั่งสมาธิเดินอานาปานสติ
    - ไม่รู้ว่าฌาณไหน แต่ถ้าจิตนิ่งใจสบาย จะนึกภาพพระก่อน ถ้าเห็นชัดแล้วก็วาง แล้วก็มาพิจารณากาย พิจารณาทุกข์จากการเกิด พิจารณาจนพอใจแล้วจิตยังสบายอยู่ ก็จะภวานาคาถาในสมาธิต่อ ถ้านอนภวานาก็จะสวดในสมาธิจนหลับไปเลย
    ^_^ วิธีนำมาทำต่อที่บ้านของผมครับ
     
  8. taudom

    taudom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +45
    อีกอย่างครับ อยู่บ้าน จะพยายามจับอานาปานสติให้ได้ตลอด ยิ่งละเอียด โดยไม่บังคับลมหายใจเลย การปฏิบัติผมว่าพัฒนาขึ้นนะ
     
  9. planetx

    planetx สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +18
    ขอร่วมอนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ เราไม่ได้เข้าธุดงค์เพราะร่างกายเราไม่แข็งแรง คิดว่ากลับมาคงเหนื่อยมากไปไม่ได้แน่นอน อยู่แค่ 3 วัน วันที่ฝึกเต็มกำลังวันที่ 2 ก็กลับบ้านเลยค่ะมีห่วงเรื่องงานอยู่ อีกอย่างแพ้น้ำผื่นขึ้นเต็มไปหมดเลยขาก็โดนยุงกัดบวมใส่รองเท้าเกือบหลุด

    คุณเก่งจัง เป็นศิษย์เอก เราไม่ใช่ศิษย์เอก เราขยันอ่านหนังสือหลวงพ่อ อ่านจบเร็ว(ขี้เกียจฟังเทป ฟังแล้วหลับ) เราเป็นขี้เกียจนั่งสมาธิค่ะ เอาแต่ตื่นนอนหายใจพุทโธนิดหน่อยพอ แอบลักไก่ที่สมเด็จพ่อบอกว่า ผู้ใดมีจิตที่ว่างจากกิเลสวันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง ตถาคตถือว่าบุคคลนั้นมีจิตไม่ว่างจากฌาน

    (สมแล้วที่โดนข้างบนด่ากับโดนเขกหัว)


    ตอนตกกลับมาที่กายเนื้อ
    key อยู่ที่จะทิ้งหรือจะจับที่อาการของร่างกาย แต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกัน
    โดยเฉพาะใจสั่น ตัวสั่น หัวหมุน หายใจไม่ออก(เราเป็นหมดเลยยกเว้นตัวสั่น)
    ถ้าทิ้งก็ได้ไปต่อ ถ้าเกิดกลัวหรือจิตมาจับที่ร่างกายก็ไม่ได้ไปต่อ

    ถ้ายังไม่ได้อีกให้ขึ้นเหมือนฝึกครึ่งกำลัง 3 ข้อ (ขอใช้คำของครูเปี๊ยก ห้องญาณ8นะคะ จำไม่ได้แต่ประมาณนี้)
    จับภาพพระให้ใส
    -ไม่สนใจร่างกาย ขอให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
    -เคารพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วยใจจริง
    -ตายเมื่อไหร่ขอไปพระนิพพาน

    ไม่สนแสง ไม่สนว่าใครมารับ
    สำคัญมากค่ะ ต้อง***ไม่อยาก***
    พุ่งจิตไปที่ใดที่หนึ่งเลย (ของเราชินไปที่วิหารของสมเด็จองค์ปฐมกับสมเด็จองค์ปัจจุบันค่ะ)
    ขออาราธนาบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ช่วยให้ลูกเห็นชัด ให้สว่าง
    ของเราขอพ่อแม่ในอดีตชาติช่วยด้วยอีกแรงไม่ให้จิตแวบไปคิดเรื่องอื่น (แอบเห็นในเน็ทคนนึงเค้าขอ เลยขอบ้าง)

    ถ้าไม่เห็นแสง ก็ไปแบบครึ่งกำลังแบบที่เคยฝึกนะคะ ภาพมาเบลอๆแล้วเนียนถูลู่ถูกังไปเรื่อยๆ ซักพักภาพชัดคือเต็มกำลังแล้วค่ะ

    เต็มกำลังไม่เหมือนครึ่งกำลัง เพราะใช้กำลังที่เข้มกว่า และต้องออกแบบ ฌาน 4 ละเอียดคืออารมณ์เฉย เฉยยยยยยยยย เฉยมากๆ
    อันนี้พระที่วัดบอกมานะคะ ไม่ได้พูดเอง แต่ท่านพูดภาษาที่เพราะกว่านี้


    เราเชื่อว่าถ้าไปได้ก็ต้องไปได้อีก เหมือนตอนฝึกครึ่งกำลังน่ะค่ะ ถ้าจับทางได้ว่าไปยังไง คราวหน้าก็ไปทางเดิม

    ปีหน้าต้องแอบวางแผนไว้คร่าวๆก่อน จะทำอะไรบ้าง ถึงเวลาจริงๆจิตมันไปไวมาก ได้ทำที่อยากทำหมดเลย เวลาเหลือเยอะมาก จนไม่รู้จะไปทำอะไรต่อดี

    เราก็ไม่ได้เก่งอะไร สิ่งที่ได้เห็นมาพยายามอธิบายสุดๆแล้ว
    ข้างบนก็เขียนเพิ่มแล้ว สำหรับคนที่ยังไปไม่ได้จะได้จินตนาการออก
    หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2015
  10. taudom

    taudom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +45
    ผมยังไม่ใช่ศิษย์เอกอะไรหรอกครับ ถูลู่ถูกังเหมือนกัน ดื้อ ปัญญาน้อย ถ้าขึ้นไปได้ก็คงจะถูกมากกว่ามะเหงก 1 ที ^_^ ตอนที่กลับมาอยู่บ้านนี่แหล่ะครับ บททดสอบจิตใจ
    - กรรมบท10
    - นิวรณ์5
    - ศีล5
    อาศัยภวานาครับ ตามรู้ตามดูลมหายใจบ่อยๆ ดูจิตดูอารมณ์ ดูความคิด ถ้าไม่พัฒนาขึ้นก็รักษาไว้ไม่ให้ถอยหลัง เคยอ่านเจออีกอย่างครับ พระท่านบอกอย่าอยู่คนเดียว อย่าคลุกในห้องคนเดียว ........... ให้อยู่กับพระ ^_^ คือ ให้ภาพพระอยู่กับเราตลอดครับ
    ขอบคุณที่มาเล่าประสบการณ์นะครับ
    ปล. ยังจำฝึกเต็มกำลังวันแรกได้ติดหูมากๆ เสียงกรี้ดดร้องคนแรก โหยหวนยาวนานมาก ผมนี่ขนลุกไม่หาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...