ประวัติ หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย pipat_san, 5 เมษายน 2008.

  1. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>ประวัติการสร้างพระธาตุมหาชัย

    ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม


    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>คำบูชาพระธาตุมหาชัย
    อิมัสมิง เจติเย สะราชินิยา ภูมิพะละมะหาราเชนะ ฐะปิตัง พุทธะสารีริกะธาตุญจะ อัญญาโกณทัญญะ สารีปุตตะ โมคคัลลานะ มหากัจจายะนะ อานันทะ อะนุรุทธะ ระโสสัตเถรานัง โฆสปัญญัตเถเรนะ ฐะปิตานิ อัฏฐีนิ จะ สิระสา นะมามิ.
    คำแปล
    ข้าพเจ้าขอนอบน้อมนมัสการ พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระอริยสงฆ์สาวกทั้ง ๗ องค์ คือ พระอัญญาโกณทัญญะเถระ พระสารีบุตรเถระ พระมหาโมคคัลลานะเถระ พระมหากัจจายนะเถระ พระอานนท์เถระ พระอนุรุทธเถระ และพระรโสสเถระ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระเดชพระคุณพระสุนทรธรรมากร โฆสปัญโญ ได้นำมาประดิษฐานไว้แล้วในพระบรมธาตุเจดีย์นี้.
    ขออานิสงส์แห่งการได้มาบูชาองค์พระธาตุนี้ จงเป็นพลวปัจจัยเป็นอุปนิสัยตามส่งให้ข้าพเจ้าประสบแต่ความสุข ความเจริญ ได้บรรลุมรรคผล นิพพาน ในอนาคตกาลด้วยเทอญ.
    พระธาตุมหาชัยองค์เดิม สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยดำริของหลวงปู่ หลังจาก ที่หลวงปู่ได้นำพาญาติโยมมาสร้างบ้านมหาชัย และสร้างวัดโฆษะการาม ต่อมาจึงดำริที่จะสร้าง พระธาตุขึ้น เพื่อเป็นเครื่องหยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวพุทธ โดยได้รับความรวม มือจาก ญาติโยม ชาวตำบลมหาชัยทุกหมู่บ้านได้นำเอาหินลูกรัง และดินมากองรวมกันให้เป็นเนินสูง เพื่อ จะให้เป็นฐานพระธาตุ จนได้เนินสูงพอสมควร ต่อมาได้มีหน่วยงาน ของทางราชการมาช่วย เช่น หน่วยงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (ร.พ.ช.) ได้นำรถแทรกเตอร์มา ช่วยทำฐานพระธาตุเพียงหยาบๆ จนได้ฐานพระธาตุกว้าง ๑๗ เมตร ยาว ๒๓ เมตร สูง ๔.๕๐ เมตร การสร้าง พระธาตุหลวงปู่ ได้ดำเนินการสร้างแบบค่อยเป็นค่อยไป อาศัยกำลังจากญาติโยมและพระภิกษุสามเณรในวัด
    พ.ศ. ๒๕๑๒ ศิษย์หลวงปูคนหนึ่งคือพระมหาเฉวต วชิรญาโณ จำพรรษาอยู่ที่นครเวียง จันทร์ ประเทศลาวได้เดินทางมาเยี่ยมนมัสการหลวงปู่และได้นำเอาพระอรหันตสารีริกธาตุ ของพระอัญญาโกณฑัญญะปฐมสาวก ถวายแด่หลวงปู่ เพราะเลื่อมใสเห็น ว่าหลวงปู่กำลังสร้าง พระธาตุ
    พ.ศ. ๒๕๑๔ หลวงปู่ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์พระธาตุขึ้น โดยได้อาราธนาพระเทพรัตนโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครพนมในสมัยนั้น มาเป็นประธานในพิธีสงฆ์ ทางฝ่ายบ้านเมืองได้เชิญ พลตรี ยง ณ นคร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธาน แต่ท่านผู้ว่าฯ ติดราชการจึงให้พันตรี อรุณ สังฆบรรณ ปลัดอำเภอ ผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอปลาปาก มาทำหน้าที่เป็นประธานแทน เมื่อเสร็จจากพิธิวางศิลาฤกษ์แล้ว ได้ลงมือก่อสร้างองค์พระธาตุโดยพระมหาเฉวต วชิรญาโณ เป็นช่าง และนายทองดี ศรีสุวงค์ เป็นผู้ช่วย ได้ก่อสร้างขึ้นมาจนเป็นพระธาตุรูป ๘ เหลี่ยม สูงประมาณ ๗ เมตร ในการก่อสร้างองค ์พระธาตุได้อาศัยกำลังทรัพย์จากญาติโยม ชาวตำบลมหาชัย และตำบลใกล้เคียงได้บริจาคในรูปปัจจัยบ้าง วัสดุก่อสร้างบ้าง เช่น หิน ซึ่งถากเป็นแผ่นๆ กว้าง ๑๕ เซ็นติเมตร ยาว ๓๐ เซ็นติเมตร หนา ๑๐ เซ็นติเมตร
    พ.ศ. ๒๕๑๕ นายพิศาล มูลศาสตร์สาทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมสมัยนั้น เดินทางมาตรวจเยี่ยมชุดคุ้มครองตำบลมหาชัย ท่านได้เห็นพระธาตุ และเห็นความพร้อมเพียง ของชาวบ้านที่ช่วยกันก่อสร้างพระธาตุ จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาได้เข้ามากราบนมัสการ หลวงปู่และ ได้ปวารณาตัวขอเป็นผู้อุปถัมภ์ ต่อมาท่านได้ให้นายช่างหน่วย เร่งรัดพัฒนาชนบทเขียน แบบแปลน พระธาตุขึ้นนำ เสนอหลวงปู่ และได้ดำเนินการก่อสร้างองค์พระ ธาตุตามแบบแปลน จนเป็นผลสำเร็จสวยงาม
    พ.ศ. ๒๕๑๗ พลตำรวจโท วศิษฐ์ เดชกุญชร (ยศในขณะนั้น) ราชองครักษ์ในพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมค่ายคุ้มครองตำบล (ช.ค.ต.) และชุดปฏิบัตการช่วยเหลื่อประชาชน (ป.ช.ป.) ท่านได้มาเห็นองค์พระธาตุก็เกิดความเลื่อมใส ได้ถามประวัติความเป็นมาขององค์พระธาตุจนถึงการก่อสร้าง และกำหนดวันแล้วเสร็จ หลังจากนั้นท่านได้นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จ พระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงนำพระบรมสารีริกธาตุ มาบรรจุไว้ที่องค์พระธาตุมหาชัย และทรงเวียนเทียนรอบ องค์พระธาตุด้วยพระองค์เอง พร้อมด้วย ข้าราชบริพาร และพสกนิกรฯ
    ขอมูลจำเพาะ (พระธาตุองค์เดิม)
    ฐานและองค์พระธาตุรูปทรงแปดเหลี่ยม ฐานพระธาตุกว้าง ๓๒ เมตร ยาว ๓๒ เมตร มี ๒ ชั้น ชั้นล่างสูง ๒.๕๐ เมตร ชั้นบนสูง ๒ เมตร ฐานพระธาตุภายนอกใช้หินแม่รังแผ่นโตๆ นำมาถากเป็นแผ่นจำนวนทั้งหมด ๕,๓๒๐ แผ่น แต่ละแผ่นกว้าง ๑๕ ซ.ม. ยาว ๓๐ ซ.ม. หนา ๑๐ ซ.ม. องค์พระธาตุสูง ๑๐.๕๐ เมตร รวมทั้งฐานสูง ๑๕.๐๐ เมตร รวมทั้งฉัตร สูง ๑๖ เมตร
    ประวัติองค์พระธาตุองค์ปัจจุบัน
    ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ หลวงปู่ได้ดำริที่จะสร้างองค์พระธาตุเจดีย์ครอบองค์เดิม จึงได้ทำหนังสือถึงสำนัก พระราชวังเพื่อขออนุญาติสร้างพระธาตุเจดีย์ครอบองค์เดิมต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวาย เป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวาระที่พระองค์ทรงครองราชครบ ๕๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙
    หลังจากนั้นจึงได้ดำเนินการก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นในลักษณะองค์เดิม คือมีรูปทรงแปดเหลี่ยม โดยครอบองค์เดิม ระยะห่างจากองค์เดิมกว้าง ๑ เมตร พระธาตุที่สร้างครอบนี้สูงรวมฐาน ๓๗ เมตร ที่คงรูปทรงแปดเหลี่ยมนั้นมีความหมายเป็นปริศนาธรรมของหลวงปู่ คือ พระธาตุรูปทรงแปดเหลี่ยม หมายถึงมรรคมีองค์แปด และที่สูง ๓๗ เมตร หมายถึง ธรรมเป็นเครื่องตรัสรู ๓๗ ประการ (โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ)
    มรรค ๘ มี สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ, สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ, สัมมาวาจา เจรจาชอบ, สัมมากัมมันตะ ทำการงานชอบ, สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ, สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ,สัมมาสติ ระลึกชอบ, สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ
    โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔, สัมมัปปธาน ๔ , อิทธิบาท ๔, อินทรีย์ ๕, พละ ๕, โพชฌงค์ ๗ , มรรคมีองค์ ๘ ,องค์พระธาตุมหาชัยองค์ใหม่ที่สร้างครอบองค์เดิมนั้น สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๙ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ โปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชสยามกุฏราชกุมาร ผู้แทนพระองค์เสด็จยก ฉัตรพระธาตุเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๙
    ประวัติพระพุทธศักดิ์สิทธิ์(พระคู่บ้านมหาชัย)
    พระพุทธศักดิ์มหาชัย เป็นพระปางสะดุ้งมาร ขนาดหน้าตัก ๑๓ นิ้ว สูง ๑๘ นิ้ว สีทองขัดมัน มีพระพุทธลักษณะสวยงามมาก ปัจจุบันประดิษฐานชั้นบนของกุฏิเจ้าอาวาส ของวัดธาตุมหาชัย ตำบลมหาชัย อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ พระอาจารย์คำพัน โฆสปัญโญ (ปัจจุบันคือพระสุนทรธรรมากร) เจ้าอาวาสวัดโฆษการาม (ปัจจุบันคือวัดธาตุมหาชัย) มีความประสงค์จะสร้างพระพุทธปฏิมากรเป็นพุทธบูชา ร่วมฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรต (ครบรอบ ๒๕๐๐ ปี ของพุทธศาสนา) จึงได้ออกเสาะหาดูว่าพระพุทธรูปที่วัด ไหนจะมีพุทธลักษณะที่สวยงาม ถูกตาถูกใจบ้าง ปรากฎว่าไปพบพระพุทธรูปที่วัดกลาง ในเขตเทศบาลอำเภอเมือง จังหวัดนครพนม จึงได้เรียนถามท่านเจ้าอาวาส (พระอาจารย์ศรีพอง) ถึงประวัติพระพุทธรูป ท่านพระอาจารย์ศรีพอง ได้บอกว่า พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระที่เก่าแก่มาก เป็นสมบัติคู่วัดกลางมานานแล้ว และได้ทราบมาเพียงเล็กน้อยว่า เป็นพระพุทธที่อยู่ในถ้ำเมืองมหาชัย ประเทศลาว ญาติโยมได้นำมา ประดิษฐานไว้ที่วัดกลางประมาณ ๓๐๐ ปีมาแล้ว ประชาชนเคารพมาก เมื่อได้ทราบประวัติเพียง เบ็กน้อยก็เป็นที่พอใจและประกอบไปด้วยมีพระพุทธลักษณะงดงาม จึงเกิดปีติยินดีและศรัทธา เลื่อมใส จึงตกลงใจจะขอจำบองไปบูชา ท่านเจ้าอาวาสวัดกลางก็ยินดี ด้วยที่หลวงปู่จะขอจำลอง แบบไปหล่อ จึงได้กลับมาประกาศให้ญาติโยมทราบเตรียมหาทองเหลือง ทองแดงเพื่อทำการหล่อ องค์พระ จากนั้นหลวงปู่จึงไปติดต่อช่างหล่อพระทันที ไปได้ช่างที่แขวงเมือง ท่าแขกประเทศลาว ชื่อนายสมัง เป็นช่างที่มีฝีมือดีมาก เมื่อได้ตกลงราคาและกำหนดวัน เวลา เรียบ ร้อย จึงได้เชิญ นายช่างสมัง มาทำการหล่อที่วัดโฆษการาม ใช้ทองเหลือง ทองแดงหนัก ๒๕๐๐ หุน ในพิธีหล่อ ตอนสุมทอง ชาวบ้าน ได้นำเงิน ทอง นาค ตามเเต่ศรัทธา ไปใส่ในเบ้าที่กำลัง สุมทองอยู่ เมื่อหลอเป็นอง ค์พระแล้ว เป็นที่น่าอัศจรรย์แทนที่ ทองคำจะลงไปรวมที่พระเกศ กับ ปรากฏที่พระพักตร์ และที่พระอุระ ทั้งนี้เป็นเพราะแรงอธิษฐานของหลวงปู่ ได้ตั้งอธิฐาน ว่าขอให้ ทองคำรวมอยู่ที่หน้าและที่อกตรงหัวใจ ก็ได้สมดังจิตที่ตั้งไว้ทุกประการ จึงได้ทำพิธีเบิก พระเนตรสมโภชตามประเพณี และถวายพระนามว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2008
  2. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=596 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>
    ประวัติพระเดชพระคุณพระสุนทรธรรมากร
    (หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ)
    อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอปลาปาก
    อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม​
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2 height=5>พระเดชพระคุณพระสุนทรธรรมากร(หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ) อายุ ๘๙ พรรษา ๕๙ (พ.ศ.๒๕๔๖) เจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย บ้านมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม
    สถานะเดิม ชื่อ คำพันธ์ ศรีสุวงค์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๕๘ โยมบิดาชื่อ นายเคน ศรีสุวงค์ โยมมารดาชื่อ นางล้อม ศรีสุวงค์ เป็นบุตรคนโต มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน ๒ คน คือ
    ๑. พระเดชพระคุณพระสุนทรธรรมากร (คำพันธ์ ศรีสุวงค์)
    ๒. นายพวง ศรีสุวงค์ (ถึงแก่กรรม)
    และมีน้องร่วมมารดา แต่ต่างบิดากันอีก ๔ คน คือ
    ๑. นางสด วงษ์ผาบุตร (ถึงแก่กรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗)
    ๒. ด.ช.บด แสนสุภา (ถึงแก่กรรม)
    ๓. ด.ญ.สวย แสนสุภา (ถึงแก่กรรม)
    ๔. นางกดชา เสนาช่วย (ถึงแก่กรรม)

    การบรรพชา-อุปสมบท วันที่ ๗ กันยายน ๒๔๗๕ (อายุ ๑๗ปี) ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดศรีบุญเรือง บ้านหนองหอย ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม โดยมีพระอาจารย์เชือม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากได้บรรพชาแล้วก็ได้ศึกษาอักษรธรรม และหนังสือสูตรคาม แบบโบราณ ในขณะเดียวกันก็ได้ฝึกปฏิบัติกัมมัฎฐานควบคู่ไปด้วย หลังจากบรรพชาได้ ๓ พรรษา ได้ออกเดินธุดงค์ทรงกรดไปที่จังหวัดเลย พร้อมกับพระภิกษุ ๒ รูป คือ พระภิกษุบุญ และพระภิกษุวัน ก่อนหน้าที่จะได้ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานนั้น เคยได้รับความรู้เรื่องกัมมัฏฐานมาจาก พระอาจารย์เสาร์ ซึ่งท่านไปอบรมประชาชนที่วัดโพนเมือง ท่านอาจารย์เสาร์ให้แนวทางในการ ปฏิบัติกรรมฐานไว้ว่า ให้กำหนดลมหายใจออก ท่านอาจารย์เสาร์ได้ให้ข้อคิดต่อ ไปอีกว่า “ร่างกายของคนเรานั้น เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง มันทำงานอยู่ตลอดเวลา ลมหายใจเข้า-ออกนั้น มีความสำคัญมาก ถ้าลมไม่ทำงานคนเราจะตายทันที ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกำหนดลมหายใจ” นอกจากนั้นท่านอาจารย์เสาร์ยังได้ย้ำอีกว่า “ให้คนเราตีกลองคือขันธ์ ๕ ให้แตก” ซึ่งก็หมาย ความว่า ท่านให้ทำความเข้าใจขันธ์ ๕ ให้จงดีให้เข้าใจตามสภาพที่เป็นจริง........
    หลวงปู่ได้ยึดแนวทางในการปฏิบัติของท่านอาจารย์เสาร์ เป็นแนวทางในการปฏิบัติเรื่อยมา นับแต่นั้นต่อมาก็ได้ไปศึกษาและปฏิบัติธรรมร่วมกับอาจารย์ครุฑ ซึ่งเป็นพระขาว (ปะขาว) และได้รับความรู้ในเรื่องการปฏิบัติธรรม จากท่านอาจารย์นี้เพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก ที่จังหวัดเลยนี้ ได้จำพรรษาเป็นเวลา ๑ พรรษา ต่อมาได้รับข่าวโยมพ่อถึงแก่กรรม จึงเดินทางกลับบ้านมาอยู่จำพรรษาที่บ้านเดิม คืออำเภอนาแก
    พ.ศ. ๒๔๗๘ อายุ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ และเริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม
    พ.ศ. ๒๔๘๒ อายุ ๒๔ ปี มารดาก็ถึงแก่กรรม เวลานั้นเหลือน้องผู้หญิง ๒ คน ซึ่งยังเล็กมาก จึงได้ลาสิกขาบทออกไปเลี้ยงดูน้อง
    พ.ศ. ๒๔๘๘ อายุ ๓๐ ปี ได้กลับเข้าอุปสมบทอีกครั้ง และได้ออกไปจำพรรษาที่วัดป่า เป็นเวลา ๓ พรรษา
    ต่อมาก็ได้ปฏิบัติกัมมัฏฐานพร้อมเป็นครูสอน พระปริยัติธรรมด้วยที่วัดพระพุทธบาทจอมทอง บ้านหนองหอยใหญ่ ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม
    พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้นำญาติโยมประมาณ ๕ ครอบครัว จากบ้านหนองหอยใหญ่ อ.นาแก มาสร้างบ้านและวัดใหม่ ที่โนนมหาชัย และให้ชื่อบ้านว่า “บ้านมหาชัย” ในปัจจุบันนี้ ได้สร้างวัดธาตุมหาชัย (เดิมชื่อวัดโฆษการาม) จนเจริญรุ่งเรืองตราบถึงปัจจุบัน
    การศึกษา
    พ.ศ. ๒๔๗๒ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านโพนดู่ บ้านโพนดู่ ต.พุ่มแก อ.นาแก จ.นครพนม
    พ.ศ. ๒๔๗๙ อายุ ๒๒ ปี สอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนคณะจังหวัดนครพนม วัดพระพุทธบาทจอมทอง บ้านหนองหอยใหญ่ อ.นาแก จ.นครพนม
    พ.ศ. ๒๔๘๘ อายุ ๓๐ ปี สอบไล่ได้นักธรรมชั้นโท สำนักเรียนคณะจังหวัดนครพนม วัดพระพุทธบาทจอมทอง บ้านหนองหอยใหญ่ อ.นาแก จ.นครพนม
    พ.ศ. ๒๔๘๙ อายุ ๓๑ ปี สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนคณะจังหวัดนครพนม วัดพระพุทธบาทจอมทอง บ้านหนองหอยใหญ่ อ.นาแก จ.นครพนม
    การศึกษาพิเศษ
    ๑. ได้ศึกษาอักษรธรรม อักษรขอม อักษรไทยน้อย อ่านเขียนได้คล่องแคล่วและมีความชำนาญมาก
    ๒. ทรงจำพระปาฏิโมกข์ได้แม่นยำ เป็นพระผู้สวดพระปาฏิโมกข์ในวันทำสังฆกรรมอุโบสถ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๐ เรื่อยมา
    ความชำนาญการ
    มีความชำนาญการแสดงพระธรรมเทศนาโวหาร บรรยายธรรม เทศนาธรรม และเทศนาธรรมแบบปุจฉาวัสัชนา ๒ ธรรมาสน์ จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเขตอีสานเหนือ ยากที่จะหาพระธรรมกถึกรูปอื่นเสมอเหมือน ในสมัยนั้น
    ชำนาญการเทศนาธรรม ทำนองแหล่ภาษาอีสาน มีความสามารถในการประพันธ์กลอนแหล่ทำนองอีสานได้ เช่น กลอนอัญเชิญพระเวสสันดรเข้าเมือง, พระเวสสันดรทรงพบพระประยูรญาติ, พระเวสสันดรลาป่า, นางมัทรีเดินป่า เป็นต้น
    เป็นพระวิปัสสนาจารย์ใหญ่ สายพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝั้น อาจารโร ให้การอบรมวิปัสสนากรรมฐานประจำที่วัดป่ามหาชัย วัดส้างพระอินทร์ และที่วัดภูพานด่านสาวคอย
    มีความชำนาญการด้านนวัตกรรม การออกแบบก่อสร้างเสนาสนะทั้งานไม้ งานปูน โดยเป็นผู้นำในการก่อสร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ และพระธาตุมหาชัย (การก่อสร้างครั้งแรกๆ ทำเองทั้งหมดเพราะสมัยนั้นไม่มีช่างผู้ชำนาญการ และเงินงบประมาณมีไม่เพียงพอ)
    ตำแหน่งงานปกครอง
    พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นเจ้าอาวาสวัดโฆษการาม (วัดธาตุมหาชัย ในปัจจุบัน)
    พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นเจ้าคณะตำบลมหาชัย
    พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นรองเจ้าคณะอำเภอปลาปาก
    พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นพระอุปัชฌาย์
    พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษา ธรรม-บาลี
    พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็นเจ้าคณะอำเภอปลาปาก
    พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอปลาปาก
    สมณศักดิ์
    พ.ศ. ๒๕๑๘ พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่ “พระครูสุนทรธรรมโฆษิต”
    พ.ศ. ๒๕๒๐ พระครูสัญญาบัตรชั้นโท ที่ “พระครูสุนทรธรรมโฆษิต”
    พ.ศ. ๒๕๒๘ พระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ที่ “พระครูสุนทรธรรมโฆษิต”
    พ.ศ. ๒๕๓๕ พระราชาคณะ ชั้นสามัญ ราชทินนาม “พระสุนทรธรรมากร”
    งานสาธารณูปการ
    พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นประธานสร้างอุโบสถ วัดพระพุทธบาทจอมทอง
    พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็นประธานสร้างหอระฆัง วัดพระพุทธบาทจอมทอง
    พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นประธานนำชาวบ้านมหาชัยสร้างวัดธาตุมหาชัย
    พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นประธานสร้างพระคู่บ้านมหาชัย “พระพุทธศักดิ์สิทธิ์”
    พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นประธานสร้างพระธาตุมหาชัย
    พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นประธานสร้างอุโบสถ วัดธาตุมหาชัย
    พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นประธานสร้างกำแพงล้อมรอบวัดธาตุมหาชัย
    พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นประธานสร้างกุฏิสงฆ์
    พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นประธานสร้างวัดป่ามหาชัย (อรัญญคาม)
    พ.ศ. ๒๕๒๘ เป็นประธานสร้างกุฏิสงฆ์หลังใหม่อีกหลังหนึ่ง
    พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นประธานสร้างโรงเรียนมัธยม “โรงเรียนธรรมโฆษิตวิทยา”
    พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นประธานสร้างโรงเรียนมัธยม “ โรงเรียนธรรมากรวิทยา”
    พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นประธานสร้างพระธาตุมหาชัยครอบองค์เดิม
    พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นประธานสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ณ วัดส้างพระอินทร์ “พระพุทธการุณ”
    พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นประธานสร้างโรงเรียนมัธยม “โรงเรียนมหาชัยวิทยาคม”
    พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นประธานสร้างตึกผู้ป่วย โรงพยาบาลปลาปาก
    ลักษณะนิสัยทั่วไป
    พระเดชพระคุณหลวงปู่เป็นพระมหาเถระ ที่มีอัธยาศัยใจคอกว้างขวาง เยือกเย็น มีความเมตตา กรุณาต่อศิษย์ ตลอดถึงญาติโยมทุกคนที่เข้าหาท่าน ใครก็ตามที่มีปัญหา หรือมีความทุกข์เข้าหาท่าน จะได้รับการต้อนรับจากท่านอย่างดียิ่ง เสมอกันหมด ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ต่อครูบาอาจารย์ และพระเถระที่อาวุโสกว่า หลวงปู่จะแสดงอาการอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ โดยไม่เคยจะแสดงอาการ แข็งกระด้างใดๆเลย ด้วยเหตุนี้หลวงปู่จึงเป็นที่เคารพนับถือของ ศิษยานุศิษย์และญาติโยมโดย ทั่วไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้ว หลวงปู่ก็ยังเป็นพระเถระที่มีความตั้งใจมั่นคง หนักแน่นอีกด้วย
    จะเห็นได้จากการที่ท่านตั้งใจจะทำสิ่งใดแล้ว จะต้องทำสิ่งนั้นให้สำเร็จให้จงได้ คงเป็นเพราะ ความตั้งใจจริงและความตั้งใจมั่นคงนี้เอง ที่ทำให้หลวงปู่ทำสิ่งใดก็สำเร็จลุล่วงด้วยดี และรวดเร็ว เกิน ความคาดหมายทุกประการ ตัวอย่างเช่น พระธาตุมหาชัย, อุโบสถวัดธาตุมหาชัย, กำแพง ล้อมรอบวัดธาตุมหาชัย และกุฏิสงฆ์หลังใหม่ ๒ หลัง ซึ่งสิ่งก่อสร้างแต่ละอย่างล้วน แต่ใช้ค่าก่อ สร้างจำนวนมากทั้งสิ้น เมื่อญาติโยมที่มีความเคารพนับถือในตัวหลวงปู่ทราบ ต่างก็มีจิตศรัทธา ช่วย กันสละกำลังทรัพย์มาช่วยในรูปของกฐินบ้าง ผ้าป่าบ้าง จนงานก่อสร้างดัง กล่าวสำเร็จรวดเร็วเกินคาด อีกประการหนึ่ง โดยอุปนิสัยแล้ว หลวงปู่ท่านถือการ ปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นประจำนับตั้ง แต่อุปสมบทพรรษาแรก จนกระทั้งปัจจุบันนี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>
    เจ้าคุณพระสุนทรธรรมากร
    นางสาวปิยาภรณ์ สุประดิษฐ ณ อยุธยา ประพันธ์​
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    ณ มหามงคลกาล ห้าธันวาวาร
    เฉลิมพระชนมพรรษา
    ท่านพระครูผู้มีสติปัญญา วัดพระธาตุลือชา
    ได้เลื่อนสมณศักดิ์
    สัญญาบัตรพัดยศบันดล ศิษยาทุกหน
    ปลาบปลื้มอักโขสโมสร
    เจ้าคุณพระสุนทรธรรมากร ทรงธรรมบวร
    ตามลอยพระบรมศาสดา
    สันโดษมักน้อยนักหนา งดงามจริยา
    เจริญด้วยคุณวุฒิบำเพ็ญ
    ชาติวุฒิ วัยวุฒิ ที่เห็น อัธยาศัยเด่น
    อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ
    ดวงจิตท่านไม่ฟุ้งเฟ้อ ฤาทะยานทะเยอ
    ในลาภสักการะใด ใด
    ทรงศีลทรงธรรมอำไพ เคร่งครัดวินัย
    แตกฉานพระไตรปิฏกลือนาม
    ท่านโปรดเวไนยสัตว์ตาม ทั่วทุกเขตคาม
    เพื่อล่วงพ้นภัยอบาย
    บำเพ็ญประโยชน์มากมาย อนุสรณ์ทั้งหลาย
    สุดจักประมวลพรรณนา
    สิ่งหนึ่งประทับใจประชา เลิศล้ำเลอค่า
    คือองค์พระธาตุมหาชัย
    ชาวนครพนมตรึงใจ อภินิหารใด
    ปรากฏให้เห็นอัศจรรย์
    ขณะที่สร้างพระธาตุนั้น งูห้าตัวพลัน
    แสดงซึ่งนิมิตสองครา
    จึงเป็นบันไดนาคา มีเศียรทั้งห้า
    สมดังนาคราชเลื่อมใส
    นับแต่วันนั้นผ่านไป พระธาตุมหาชัย
    งดงามเรืองอร่ามรังสี
    พระคุณสรรค์สร้างปูชนีย์ งามเด่นปถพี
    แลงานปฏิสังขรสถาน
    อีกส่วนสาธารณูปการ แสนสุดประมาณ
    สมคำล่ำลือขานไข
    จึงศิษยานุศิษย์พร้อมใจ จัดงานเกรียงไกร
    อภิลักขิตสมัยมงคล
    สมโภชสัญญาบัตรพัดยศดล น้ำในท่วมท้น
    จากปวงศรัทธาประชากร
    พูนเพิ่มกิตติคุณสโมสร งดงามบวร
    ไปทั่วสารทิศสดุดี
    สมดังพระพุทธวจี เกียรติย่อมมากมี
    แด่ท่านผู้ประพฤติธรรมา​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่สอนว่า........... [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]พระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ)[/FONT]

    </TD></TR><TR><TD>[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]น้ำร้อนลวกลิ้น..............[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]พระรูปหนึ่งเป็นพระชองปฏิบัติมีการสำรวมในการฉันอาหทานมากในการฉันอาหารของท่านนั้น [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ท่านจุฉันเฉพาะในบาตรเมื่อตักอาหารในบาตรเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงใช้น้ำเปล่าเทลงไปในบาตร[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เพื่อจะให้อาหารนั้นไม่มีรสแล้วจึงค่อยฉันก่อนเข้าเพรรษา 1 เดือน[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ในปี พ.ศ. 2529 ภิกษุรูปนั้นได้ยินชื่อเสียงของหลวงปู่ก็มากราบนมัสการและจอฟังธรรมกับหลวงปู่[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เมื่อเกรามนมัสการเรียบร้อยแล้วจึงกล่าวว่า[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ภิกษุรูปนั้น... หลวงปู่ครับผมอยากจะขอธรรมะจากหลวงปู่สักข้อเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติด้วยครับ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่... ทางหลวงปู่เองนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และวก็กล่าวว่า นี่คุณ มีพระรูปหนึ่งนะเมื่อเวลาฉันอาหาร[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ในบาตรเขาจุต้องเอาน้ำเปล่าเทลงไปในบาตรเพื่อละลายรสในอาหารเพื่อสำรวมลิ้นไม่ให้ลิ้นสำผัส[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]อาหารตามธรรมชาติของลิ้นนั้น หน้าที่ของมันคือรู้รสจะห้ามมันไม่ให้รู้รสไม่ได้แต่เมื่อรู้รสแล้ว[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ไม่ให้ไปติดในรสต่างหาก ถ้าไม่อยากให้ลิ้นรู้รสก็เอาน้ำร้อนลวกลิ้นเสียก็สิ้นเรื่องจะได้ไม่ต้อลำบาก[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ในการเอาน้ำเปล่าเทใส่บาตรตลอดไป[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ภิกษุรูปนั้นก็เลยได้เกิดปัญญาในการฉันอาหารมีความประทับในใจธรรมะของหลวงปู่ได้ชี้ทางปัญญา[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ให้เกิดความทึ่งในตัวหลวงปู่มากว่าท่านรู้ได้อย่างไร[/FONT]

    </TD></TR><TR><TD>[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ปลดหนี้..................[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]มีลูกศิษย์ได้ทำวัตถุมงคลรุ่น"ปลดหนี้"มาให้หลวงปู่อธิษฐานจิตให้ญาติโยมได้นำไปบูชา มีโยมคนหนึ่งถามหลวงปู่ว่า......[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]โยม... หลวงปู่ค่ะ พระรุ่นปลดหนี้จะช่วยให้หนูหมดหนี้ได้หรือเปล่าค่ะ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่... ได้ซิ เราก็ทำมาหากินไปเรื่อยๆ เมื่อมีค่อยนำไปใช้หนี้เขาแต่อย่าเอาหนี้มาไว้ข้างหน้าล่ะ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ให้เอาหนี้ไปไว้ข้างหลัง ใจก็ส่วนใจ หนี้ก็ส่วนหนี้ อย่าให้หนี้มันมีอำนาจเหนือใจ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ถ้าเป็นหนี้แล้วทำอะไรก็ไม่ดี ไม่มีวันที่จะปลดหนี้ให้หมดหรอก จำไว้[/FONT]

    </TD></TR><TR><TD>[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ภิกษุผู้มีความมักมาก....................[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ในวันลงอุโบสถเพื่อการฟังสวดพระปาฏิโมกข์ภิกษุในอาวาสต่างๆที่อยู่ใกล้วเคียงต่างพากีนมาร่วมลง[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]อุโบสถที่วัดหลวงปู่มีหลวงพ่อรูปหนึ่งชอบติเตียนในทานของญาติโยมมาร่วมฟังพระปาฏิโมกข์ด้วย[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เมื่อสวดเสร็จแล้วหลวงปู่ได้ถามหลวงพ่อรูปนั้นว่า....[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่... เป็นยังไงหลวงพ่อ อยู่ที่วัดเป็นอย่างไรบ้าง[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงพ่อ... โอ้ย...ไม่ค่อยสบายเท่าไร ญาติโยมก็มาวัดน้อยขาดแคลนปัจจัยใช้สอยไปสวดมนต์[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ตามบ้านญาติโยมก็ถวายปัจจัยไม่คุ้มค่าเหนื่อย[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่... นี่หลวงพ่อตอนสมัยที่หลวงพ่อเป็นฆราวาสนั้นเมื่อเวลามีบุญมีทานหลวงพ่อเคยถวายปัจจัย[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ให้พระมากเท่าไร เมื่อบวชเป็นพระทำไมถึงอยากให้ญาติโยมถวายมากนักล่ะ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]นับตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่อรูปนั้นไม่มาร่วมลงอุโบสถที่วัดหลวงปู่อีกเลย.......... [/FONT]
    </TD></TR><TR><TD>[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ใส่บาตรพระ....................[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]วันหนึ่งหลวงปู่พร้อมด้วยศิษย์รูปหนึ่งไปสวดมนต์เย็นที่บ้านของโยมคนหนึ่งโยมคนนี้แก่เคยบวช[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เป็นพระปฏิบัติมาก่อนรุ้จักระเบียบวินัยของพระดีได้กล่าวกับหลวงปู่ว่า...[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]โยม... หลวงปู่ครับ ทุกวันนี้ไม่รู้เป็นยังไง ผมไม่ค่อยอยากใส่บาตรพระเลยเพราะพระในเมืองส่วนมาก[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ทำตัวไม่เหมาะสมกับเพศสมณะเลยผมจึงต้องเลือกใส่บาตรพระเป็นบางรูปเท่านั้นจะทำยังไงดี[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่... คุณโยมอย่าไปมอบที่ตัวบุคคลสิให้ทำใจตัวเองเข้าถึงพระถ้าเราทำใจได้อย่างนี้ใจเรา[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ก็บริสุทธิ์ เห็นคนนุ่งเหลืองห่มเหลืองเป็นพระไปบริสุทธิ์ไปหมดทานของเราก็บริสุทธิ์[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ตั้งแต่นั้นมาโยมคนนี้ก็เลยใส่บาตรพระได้ทุกรูปโดยไม่ต้องเลือกว่าจะใส่บาตรพระรูปใดอีกเลย [/FONT]


    </TD></TR><TR><TD>[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]วันเกิด....................[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่นั้นชอบอบรมสั่งสอนลูกศิษย์เกี่ยวกับพระคุณของแม่อยู่เสมอว่า...[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่... การจะดูคนว่าคนไหนเป็นคนกตัญญูต่อแม่หรืออกตัญญูให้ดูที่วันเกิดของคนๆ นั้น[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ลูกศิษย์... ดูยังไงครับ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่... คนที่มีความกตัญยูต่อมารดานั้นเมื่อถึงวันเกิดของเขาเขาจะเข้าวัดทำบุญทำกุศล [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]และอุทิศส่วนกุศลให้มารดาของเขาและละเว้นสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ลูกศิษย์... แล้วคนอกตัญญูละครับดูยังไงล่ะครับ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่... คือคนที่ถึงวันเกิดก็จัดเลี้ยงฉลองกันกินเหล้าเมายาสนุกสนานไม่คิดทำบุญทำกุศลให้กับแม่ ของตัวเองเพราะความหลงมาปิดบังตาไว้เขาไม่รู้หรอกว่าวันที่มันเขาเกิดนั้นเป็นวันที่แม่ของตัวเอง เจ็บที่สุด ต้องเสียเลือดต้องเอาชีวิตเข้าแลกถึงจะได้เราออกมาดูโลกหรือบางทีก็ตายไปเลยก็มี นี่แหละอกตัญญู... [/FONT]

    </TD></TR><TR><TD>[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ปล่อยนก...............[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ในวันหนึ่ง หลวงปู่ได้พาลูกศิษย์ไปนมัสการพระธาตุพนมในบริเวณนั้นมีพวกจับนกขังไว้ในกรง[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เพื่อให้ผู้ที่มาแสวงบุญได้ซื้อนกไปปล่อยมีคนขายนกผู้หนึ่งเดินมาหาหลวงปู่แล้วพูดว่า.......[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]คนขายนก... หลวงปู่ครับ ไม่ซื้อนกไปปล่อยเอาบุญบ้างหรือครับ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลวงปู่... ไม่หรอกโยม หลวงปู่ไม่ปล่อยมันหรอก เพราะหลวงปู่ไม่ได้ทำบาป ไม่ได้จับมันมา [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]โยมนั้นแหละควรที่จะปล่อยมันเองเพราะเป็นการไถ่บาป เพราะโยมเป็นผู้ทำบาปจับมันขังไว้ [/FONT]

    </TD></TR><TR><TD>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  5. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]อนัตตา
     
  6. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เบญจขันธ์เป็นของหนัก
    พระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ)
    [/FONT]
    </TD></TR><TR><TD>[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ถ้าบันไดขั้นต้นบริบูรณ์ สมบูรณ์แล้ว บันไดขั้นที่ ๒ เกิดง่าย อย่างง่าย ๆ ถึงมันจะมีอุปสรรคมากมายก็ตาม แต่ว่ามันสามารถที่จะฝ่าฟันไปได้ด้วยอำนาจความบริสุทธิ์ของศีล เมื่อขั้นที่ ๒ ผ่านไปแล้ว ขั้นที่ ๓ คือตัวปัญญาเกิดขึ้นในลำดับ ตั้งแต่ชั้นต้นในการ สำรวมระหว่างเกิดขึ้นในลำดับที่ ๒ ทำให้ไปได้สะดวก อันนี้ท่านสอนเมื่อตะกี้นี้ขอให้นักปฏิบัติทั้งหลายเข้าใจและนำไปปฏิบัติ ตามหลักธรรมะที่ท่านได้แนะชี้ไว้ การสอนกรรมฐานก็มีหลายแบบหลายตอน แต่มันก็ลงในชั้นเดียวกัน คือ ให้เป็นผู้รู้ ผู้เห็น เป็นผู้รู้ ผู้ละ ผู้ปล่อย ผู้วาง ผู้ไม่ยึด ไม่ถือในสิ่งที่ไม่ควรยึดไม่ควรถือ รู้แจ้งเห็นชัด ด้วยปัญญาในกิเลสทั้งหลาย เราสามารถที่จะละกิเลส หักด้ามของกิเลสไม่ให้เกิดขึ้นได้ด้วยอำนาจของปัญญา
    ต่อไปนี้หลวงปู่จะเทศน์เพื่อให้คติบางอย่าง แก่นักปฏิบัติธรรมทั้งหลายที่ได้ ปฏิบัติมาแล้วตั้งแต่วันที่ ๓๐ ถึง วันที่ ๗ วันนี้ ก็รวมเวลาได้ ๙ วันแล้ว กับวันนี้ ก็นับว่านักปฏิบัติทั้งหลายฝึกปฏิบัติมา เคยปฏิบัติมาตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้อาจารย์ที่มาให้กรรมฐาน มาให้แนวความคิด ให้ทั้งปัญญา ทั้งรักษาโรค ทางใน โรคมันมีหลายโรค โรคในกาย โรคในใจ โรคภายนอกก็ต้องอาศัยโรงพยาบาล โรงพยาบาลที่มีอยู่ประจำจังหวัด หรือ อำเภอ อาศัยนายแพทย์เป็นผู้ประกอบเภสัช ประกอบยา เมื่อตรวจเจอโรคภายในร่างกายของเรา โรคชนิดไหน โรคอะไร เมื่อพบแล้วนายแพทย์ก็ประกอบเภสัชมาใช้กับโรคนั้นโรคนั้น ก็สามารถหายได้ ถ้าประกอบเภสัช ไม่ถูกกับโรค โรคก็เลยหายไม่ได้ ทำไมจึงหายไม่ได้ เพราะไม่ได้สัมผัสกับมัน ไม่ถูกกับโรคก็หายไม่ได้ คราวนี้โรคทางใจ เมื่อคนเกิดโรคทางใจ ใจนี้หมายถึง กิเลสและอุปาทานต่าง ๆ ที่เรายึดติดมาอยู่ตั้งแต่เราไม่รู้เดียงสา จนถึงบัดนี้ ก็มีอยู่ ๑. ความโลภ ๒. ความโกรธ ๓. ความหลง ๔. ทิฏฐิมานะ ๕. วิติอุตสา เป็นโรคทั้งหมด ตลอดถึงอุปาทานความโลภทั้งหมด ความยึดมั่นถือมั่น ในรูปร่างกาย ในเบญจขันธ์ เราติดแน่นว่าเป็นของเรา ทุกคนก็ว่าเป็นของเรา เด็กก็ร่างกายของเรา ผู้ใหญ๋ก็ร่างกายของเรา อะไรของเราทั้งนั้น นี่เป็นความเข้าใจของพวกเราทั้งหลาย แต่มันเป็นไปได้โดยสมมุติ ถ้าโดยชอบแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ นั่นไม่ใช่ของเรามันเป็นของ
     
  7. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]กายสังขาร
     
  8. pipat_san

    pipat_san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    8,276
    ค่าพลัง:
    +37,173
    ช่วยกันนำความรู้คำสอนของครูบาอาจารย์มาพิจาณาเพื่อปฏิบัติหาทางหลุดพ้น ละ เลิก ต่างๆครับ กิเลศจะได้น้อยลงกันเนอะ...
     
  9. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,086
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0043.jpg
      scan0043.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.1 KB
      เปิดดู:
      315
    • scan0042.jpg
      scan0042.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.7 KB
      เปิดดู:
      232
  10. aodbu

    aodbu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +456
    เคยไปกราบท่านตั้งแต่ยังเด็ก ท่านพูดว่าตั้งใจเรียนนะ
    กราบหลวงปู่ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...