ประวัติและอานิสงส์การทอดกฐิน โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ชนะ สิริไพโรจน์, 1 พฤศจิกายน 2012.

  1. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ประวัติและอานิสงส์การทอดกฐิน

    การทอดกฐินเป็นการถวายผ้าจีวรแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบ 3 เดือน
    งานบุญนี้มีระยะเวลาทำตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11
    จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
    มูลเหตุที่มีการทำบุญกฐินนั้น มีเรื่องเล่าว่า
    มีพระภิกษุจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
    ระหว่างการเดินทางนั้นยังเป็นช่วงหน้าฝน
    และระยะทางไกลจึงทำให้ผ้าจีวรของพระภิกษุเหล่านั้น
    เปียกน้ำเปรอะเปื้อนโคลนไม่สามารถหาผ้าผลัดเปลี่ยนได้
    พระพุทธเจ้าได้เห็นถึงความยากลำบากนั้น
    จึงมีพุทธบัญญัติให้ภิกษุแสวงหาผ้าและรับผ้ากฐินได้
    เป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังออกพรรษา
    ชาวบ้านจึงได้จัดผ้าจีวรนำมาถวายพระภิกษุในช่วงเวลาดังกล่าว
    จนกลายเป็นประเพณีทำบุญกฐินมาจวบจนปัจจุบัน

    ต่อไปนี้ จะพูดถึงอานิสงส์กฐิน เอาย่อๆนะ อานิสงส์ในการถวายกฐิน
    หรือว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายถวายสังฆทาน
    สังฆทานวันนี้เป็นสังฆทานของกฐิน การถวายสังฆทานทุกอย่างมีผลควบกับกฐิน
    เพราะเป็นวันของกฐิน ความจริงการทอดกฐิน ไม่ใช่ประเพณีนิยม
    เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ผ้ากฐินทาน
    จะรับได้ก็ต่อเมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12
    หลังจากนั้น จะทอดขนาดไหนก็ตาม จะไม่เป็นกฐิน
    ฉะนั้น กฐินมีเวลากาลจำกัด

    ทีนี้ ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
    อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี
    ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้น การถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี
    วันนี้ก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่าง เป็นอานิสงส์กฐิน

    ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ
    ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยพระองค์เกิดเป็น"มหาทุคคตะ"
    ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ"
    เวลานั้น พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง
    เป็นทาสของคหบดี เวลานั้น ถอยหลังจากนี้ไป 92 กัป
    ก็ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า"พระปทุมมุตระ"
    วันหนึ่ง มหาทุคคตะ ไปดูงานทอดกฐิน เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใด เคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง
    ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี
    (แต่ว่ากฐินนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี)
    จะทำบุญน้อย จะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน
    แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน

    และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
    "โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐิน
    ไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน
    ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้น จะไปเกิดเป็นเทวดา
    หรือนางฟ้า 500 ชาติ"

    นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือ นางฟ้า
    จุติแล้วก็เกิดทันที 500 ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย
    เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์
    จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก 500 ชาติ
    แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 500 ชาติ
    แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ
    หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติ

    คำว่า"มหาเศรษฐี"นี่ มีเงินตั้งแต่ 80 โกฏิขึ้นไป
    เขาเรียกว่า "มหาเศรษฐี" ถ้ามีเงินต่ำกว่า 80 โกฏิ
    แต่ว่าตั้งแต่ 40 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "อนุเศรษฐี"
    เมื่อเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ
    หลังจากเป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี 500 ชาติ

    ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า
    นอกจากจะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล้ว
    บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ย่อมได้
    นั่นก็หมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้
    จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้
    จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้

    ฉะนั้น การทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท
    โปรดทราบถึงอานิสงส์ คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง
    รวมความว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด
    คำว่ายากจนเข็ญใจ จะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ

    สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี 3 อย่าง
    ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน
    แต่ในปัจจุบัน จัดกฐินเป็น 3 อย่าง คือ
    (1) จุลกฐิน (2) ปกติกฐิน (3) มหากฐิน
    กฐิน 3 อย่าง ย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน
    แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน

    คำว่า"จุลกฐิน" เวลานี้แปลงไป คงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้
    คำว่า"จุลกฐิน" ก็หมายความว่า ที่เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว
    คือ ผ้ากฐิน จะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้
    สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน


    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่www.tangnipparn.com
    ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2012
  2. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +3,246
    ขอกราบโมทนาในธรรมทานด้วยครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  3. จ้อนศุภกฤต

    จ้อนศุภกฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +736
    ขออนุโมทนาบุญในธรรมที่ท่านได้แบ่งปันให้ทราบโดยทั่วกันครับ สาธุ
     
  4. karag

    karag Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +41
    อนุโมธนา กับบุญกฐินครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...