ประวัติหลวงปู่ปานวัดบางนมโคตอนที่31คณะธุดงค์หลวงปู่ปานพบฤาษีและแม่ชีที่เขาวงพระจันทร์

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 18 เมษายน 2008.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ประวัติหลวงปู่ปานวัดบางนมโคตอนที่31คณะธุดงค์หลวงปู่ปานพบฤาษีและแม่ชีที่เขาวงพระจันทร

    อยากเห็นฤาษีและแม่ชี
    [​IMG]
    <!-- #EndEditable --><!-- #BeginEditable "content" -->บรรดาฤาษีทั้งหลาย ฤาษีปลอมที่เคยใช้นามว่า ลิงหน้าพลับพลา ตอนนี้มาเรียกฤาษีปลอม พวกลูกหลานจะแปลกใจ คิดว่าคนละพวก คือ คณะธุดงค์ เรียกอย่างไรก็ได้ แต่อย่าไปเรียกโยคีอย่างสำนักปฏิบัติเลย มันขัดหูอย่างไรชอบกล เมื่อทุกคนทราบเรื่องต่างก็อยากพบฤาษีและแม่ชี หลวงพ่อบอกว่า เดี๋ยวก่อน ถามเขาก่อน ท่านยืนก้มหน้า แต่ไม่หลับตา สัก 2 นาที ท่านบอกว่า เขาให้พบได้ แต่พวกแกอย่าโลภนะ ถ้าโลภจะมีอันตราย คณะธุดงค์ต่างก็รับคำ และกำหนดอารมณ์ไม่อยากได้ไว้ หลวงพ่อท่านสวดอะไรไม่ทราบ ฟังไม่ชัด ท่านว่าเบา ๆ หรือบ่นก็ไม่รู้ พอท่านบ่นเสร็จก็ปรากฏศาลาแม่ชี ห่างไปอีกหน่อยหนึ่งมีศาลาฤาษี แม่ชีและฤาษีเห็นบรรดาลิงหน้าพลับพลาเข้าต่างก็ยิ้มให้ ท่านฤาษีมาพบ บรรดาฤาษีลิงทั้งหลายเข้าวิ่งเข้ากอดทันที ท่านถามว่าจำกันได้ไหมเพื่อน เล่นเอาบรรดาลิงหน้าพลับพลาทำหน้า ล่อกแล่กเป็นลิงจริง ๆ ไปตาม ๆ กัน ต่างก็สงสัย เสียงหลวงพ่อปานร้องมาว่าใช้อตีตังสญาณซิลูก ทุกท่านต่างองค์ต่างก็ใช้ญาณทันที ไม่มีเวลาที่จะต้องเสีย เพราะเขาคล่องกันแล้ว พอนึกก็ใช้ได้ ไม่อธิบายเรื่องฌานและญาณนะ เพราะหนังสือคู่มือมีแล้ว ใครไม่มีก็หาเอาเอง มัวอธิบายช้า ความรู้จริงก็ปรากฏ ท่านฤาษีองค์นั้นก็คือเพื่อนเก่าของบรรดาลิงหน้าพลับพลาในชาติอดีตนั่นเอง ขณะนี้เป็นพรหมอยู่ชั้นที่ 8 เพิ่งรู้เรื่องคราวนี้เอง ลิงกับพรหมหรือลิงอดีตพรหมกับพรหมปัจจุบัน ต่างก็คุยกันจ้อเลย ไม่ได้คิดว่าเพื่อนเป็นผี เมื่อมองมาดูแม่ชี ต่างก็ทราบว่าแม่ชีคืออดีตญาติผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ หรือผู้ใหญ่ที่เคยอุปถัมภ์มาก่อนนั่นเอง เมื่อคุยกันพอควรก็ถามถึงภาวะพรหม ไม่ใช่คุยเรื่องรัก โรงแรม โรงสุรา คุยกันตามภาษาพระที่ประสงค์สุข เมื่อคุยเสร็จ หมดเรื่องหรือไม่หมดก็ตาม หลวงพ่อท่านเตือนว่าจะค่ำแล้ว เลิกคุยกันเสียที เมื่ออยากคุยก็เข้าฌานไปคุยกัน ท่านเพื่อนก่อนจะลาลิงอดีตพรหมก็ตักเตือนเรื่องข้อวัตรปฏิบัติหลายอย่าง แล้วก็ชี้มาที่หลวงพ่อปานว่า องค์นี้มีบุญมาก จะหมดเขตปฏิบัติอยู่แล้ว ต่อไปจะได้พักรอการบรรจุเป็นพระพุทธเจ้า ต่อไป แกพูดแล้วแกก็ยกมือไหว้หลวงพ่ออย่างนอบน้อม พวกเราก็พลอยกราบหลวงพ่อกันอีก เรียกว่ากราบตามช้าง แต่มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริง ไม่ใช่ตามแกเพราะเห็นแกกราบ เมื่อทราบความจริงที่ไม่เคยทราบมาว่า หลวงพ่อจะหมดกิจ มันหาที่ฟังยากจริง ๆ ความดีใจก็คล้ายคนถูกหวย ไม่คิดว่าจะรวย พอมารวบปุปปัปเข้าอย่างไม่รู้ตัว มันก็ต้องดีใจมากเป็นธรรมดา ดีไม่ดีเกิดคิดว่าตัวเป็นเทวดาเอาอย่างไม่ยาก เรื่องความเลื่อมใสที่เกิดขึ้นในตัวหลวงพ่อก็เหมือนกัน เมื่ออยู่วัดคิดว่าท่านเท่านี้ พอออกป่ากับท่านก็พบท่านเข้าอีกจังหวะหนึ่ง ชักเอะใจมาคราวหนึ่งแล้ว เมื่อมาพบท่านพรหมบอกเข้าอย่างนั้นก็เกิดดีใจจนบอกไม่ถูก ต่างก็กราบกันด้วยความเลื่อมใสแท้ไม่ใช่ขี้ตามช้าง คือ กราบตามพรหม ฝ่ายแม่ชีก็บอกว่าเสียใจนะคุณที่ถวายน้ำทิพย์ไม่ได้ เพราะว่ายังไม่ถึงเวลา ถามว่าเมื่อไรจะถึง อีกกี่ปี แกตอบว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตทุกองค์ไม่ต้องหวัง เพราะเป็นของเฉพาะพระโพธิสัตว์ผู้มีบารมี สมบูรณ์ในการฝึกฝน คนอื่นเอาไปจะลำบาก ชาวบ้านชาวเมือง แต่ทว่าแกเมตตา ทาตาให้ทุกองค์ บอกว่าระยะเดินทางธุดงค์จนถึงกลับวัด จะได้ผลตลอดเวลา เมื่อกลับถึงวัดแล้วจะหมดอำนาจความเป็นทิพย์ แต่จะแบ่งโอกาสใช้ได้คือ เวลาไหนจะใช้ญาณ เวลาไหนจะใช้น้ำทิพย์ จงอย่าใช้น้ำทิพย์เสมอไป ญาณจะเสื่อม ถ้าสงสัยญาณจงนึกถึงน้ำทิพย์ น้ำทิพย์จะช่วยบอกให้หายสงสัย เป็นอันว่าคณะลิงหน้าพลับพลามีโชคมาก ในระยะธุดงค์มีกำลังการเห็นได้ดี ใช้คู่ไปเสมอ พยายามใช้ญาณให้มาก แล้วสอบด้วยการระลึกถึงน้ำทิพย์ ถ้าเมื่อใช้น้ำทิพย์เห็นว่าญาณพลาด เป้าหมาย ก็ใช้สมาธิในอาโลกกสิณให้หนัก ใช้อารมณ์วิปัสสนาญาณช่วยให้หนัก เป็นอันว่ามีเครื่องมือทดสอบดีมาก อะไรก็ได้ ใกล้หรือไกล ตายแล้วหรือยังไม่เกิด เรื่องของตนเองหรือคนอื่น คน สัตว์หรือสถานที่ นรก สวรรค์ พรหม หรืออะไรดีเอ่ยที่อารมณ์วิปัสสนาช่วยไปไม่ได้ ก็ดูได้หมด ดีจริง ๆ เล่นเอาคณะลิงหน้าพลับพลามีกำลังฌานและญาณแก่กล้าขึ้นไม่น้อยเลย เมื่อสั่งเสียกันเสร็จ สองผีก็หายไป คณะธุดงค์ต่างก็กลับเข้ากลด เรื่องเขาวงพระจันทร์ตอนนี้ก็พักเสียที ด้วยเหนื่อยแล้ว วันต่อไปถ้าลูกหลานยัง ไม่เบื่อ ฟังกันใหม่ ขอลูกหลานทุกคนจงเป็นผู้มีโชคดี มีวาสนาบารมี มีความสุข ทันศาสนาพระศรีอาริย์ด้วยกันทุกคนเถิด สวัสดี


    วันนี้ตรงกับวันที่ 6 ธันวาคม 2514 วันนี้ฉันมาสายไป ด้วยร่างกายฉันมันไม่ดี ความจริงมันก็เป็นไปตามสภาพของมันเอง มันขึ้นแล้วก็ลง และพยายามลงเรื่อย ๆ ไปจนไม่มีที่ลง คือตาย ฉันมันยุ่งไปเอง คิดว่าจะงดคุยกับลูกหลานสักวัน ก็เป็นห่วงเรื่องที่พูดไว้เมื่อวันที่ 5 มันมีเรื่องคลุมเครืออยู่ คือเรื่อง น้ำยาทำให้ตาทิพย์ ฉันคิดว่าลูกหลานที่รับฟังคงจะสงสัยว่าเขาทำด้วยอะไร ฉันเองฉันก็สงสัยเหมือนกัน ฉันก็ถามหลวงพ่อปานท่านว่าเรื่องน้ำยาทำให้ตาทิพย์นั้นเขาเอาอะไรมาผสมครับ เวลานี้มีเหลือบ้างไหม กระผมอยากได้ไว้ใช้บ้าง หลวงพ่อท่านหัวเราะชอบใจ ท่านพูดว่า เจ้าลิงดำ เอ็งเป็นลิงตลอดกาล เมื่อมาเกิดเป็นคนแล้วทิ้งความเป็นลิงมาหลายร้อยชาติแล้วก็ยังไม่ทิ้งนิสัยลิง เอ็งสงสัยข้าจะบอกให้ ส่วนผสม น้ำยาทำให้ตาทิพย์ก็คือ ตอนนี้ลูกหลานตั้งใจฟังให้ดี จะได้น้ำยาตาทิพย์กันแล้วจำไว้ ใครไม่แน่ใจว่าจะจำได้จงจดไว้กลับไปที่พักรีบหาสมุนไพรมาผสมรีบทำ จะได้มีตาเป็นทิพย์ ยาขนานนี้มีส่วนผสม 2 อย่างคือ อย่างธรรมดา และอย่างพิเศษ อย่างธรรมดาเห็นไม่ใคร่ถนัด อย่างพิเศษใช้งานได้ดีมาก แต่ราคาแพงหน่อย คอยฟังนะจะบอกให้ จดและจำไว้ จดแล้วจำรีบปรุง จะได้ใช้ทันที
    ที่มาhttp://www.thaisquare.com/Dhamma/book/prawat_luangpopan/content.html#
     

แชร์หน้านี้

Loading...