ปฏิบัติธรรม....ปฏิบัติสามทำ....ได้ผลอีกหนึ่งเป็นสี่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มะหน่อ, 15 ตุลาคม 2008.

  1. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    เมื่อเรียนรู้ธรรมะแล้วจะพ้นทุกข์

    หนึ่งปฏิบัติ....กาย...วาจา...ใจ
    ทางร่างกายเป็นเรื่องทางกายหรือร่างกายและจิตใจของร่างกายที่จะมีความสุขอยู่บนโลก.....หรือที่เรียกว่าโลกียะ.....หากทำสามอย่างนี้ได้ดีแล้วด้วยหัวข้อของธรรมมะคือ... ศิล...กิเลส...พรมวิหารสี่....แหะๆผมก็รู้เท่านี้นะท่านไปต่อให้หน่อย.....ชีวิตเป็นสุขครับ.....ท่านว่าเป็นคนมีศิลมีธรรม....สุขแน่ๆในเรื่องทางโลกซึ่งเราทำกันอยู่ปฏิบัติกันอยู่

    สองปฏิบัติธรรม....กาย...จิต...
    ตรงนี้ช่วยผมด้วยครับ.....แต่ที่ผมอยากเน้นคือเรื่องกายกับเรื่องจิตนี่แหละเพราะมีเหตุตรงนี้มาก

    เราจะไม่มีทางสู่จุดสูงๆดังที่คาดหวังได้หาก.....บุญและบารมีไม่พอ....คือร่างกายนี้ไม่สร้างบารมีสิบทั้งเรื่องทานเรื่องเมตตาพรมวิหารสี่.....ตรงนี้เชื่อไหมครับ.....แล้วทำไมถึงมีมารก็ฝึกสมาธิได้.....ผมว่าคงลงไปทางมืดๆสูงสุดมากกว่ามาทางแห่งหนทางของความสว่าง....ขนาดท่านที่พบกับความสูงๆในมางปฏิบัตินี่หากหลงทางในตอนสุดท้ายนี่ก็คงไม่พ้นนรกใครคิดเหมือนผมบ้างครับ......บุญไม่พอสร้างได้.................บารมีไม่พอสร้างได้....สร้างเท่าไหนความสามารถเรามีเท่าไหนก็ทำเท่านั้น.......อย่าไปสร้างทีเดียวแล้วนำทุกข์กลับมานะครับ.....หนทางมีมากมายพุทธองค์ท่านเขียนไว้ขยันหมั่นทำเดี๋ยวผมว่าคงมี....เอาง่ายๆยุงบินมาก็ยื่นแขนไปบริจาคเลือดก็คงได้บุญนิดหน่อยใช่ไหมครับ.....เออลืมกระทู้เลย...ทำกายหนึ่ง

    ทำจิตสองคือการนั่งวิปัสนาสมาธิ
    คือการแยก....กายกับจิต
    พิจารณากาย....และพิจารณาจิต
    ส่งจิตออกนอกบ้าง....เข้าในบ้าง
    เราทุกท่านรู้กันดีครับงมถูกบ้างผิดบ้างเรื่องธรรมดาครับมีใครสอบผ่านวิชาไหนคะแนนเต็มร้อยหรือได้ร้อยทุกวิชาบ้าง......ผิดก็ขอให้ท่านพยายามแก้....ทบทวนเท่านั้นเดี๋ยวคงถูกสักวันหากงมทุกวัน....ไม่ยกแล้วนะครับว่ามีจิตตะวิมังสาผมก็งมมืดเหมือนกัน

    แต่ที่หลงกันทุกวันคือหลงตัวเองครับ....หลงอุปาทาน...ขนาดตัวเองยังหลงแล้วไปพิจารณาคนอื่น.....ผิดท่านให้แก้ครับผมจำขึ้นใจเลย

    พุทธองค์ท่านตรัสบอกว่าในการเดินทางผ่านทะเลทรายเพื่อจะไปยังจุดมุ่งหมายในการเดินทางอุปมาดังนั้นคือไปกันสามคนคือมีลูกและเมียไปด้วยแต่ในระยะของการเดินทางนั้นยากลำบากอาหารหมดมีเพียงแต่ทางเดียวคือต้องฆ่าลูกเป็นอาหารเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางเป็นทางเดียวเท่านั้นพอไปถึงปลายทางคร่ำครวญว่าลูกตัวเองหายไป......ท่านเปรียบเทียบครับคนที่จะไปปลายทางคือพ่อกับแม่ไม่ใช่ลูก.....บางท่านได้มโนครับ.....ฌานสี่....บางท่านได้ตาทิพย์....บางท่านได้หูทิพย์....บางท่านเก่งกว่านี้อีก...แต่รักยิ่งกว่าลูกเพราะกว่าจะได้มานี่กี่ปีกี่ชาติแล้วไม่รู้ที่สะสมมา.....ลูกยังฆ่าได้....แต่ฆ่ามโนไม่ได้....ฆ่าอภิญญาไม่ได้....ฆ่าหูทิพย์ตาทิพย์ไม่ได้.....ยังหลงมันอยู่.....ตรงนี้แหละครับที่ผมอยากบอก....เพราะบางท่านทะนุถนอมเขาไว้ยิ่งกว่าลูก....ขัดเกลาลูบคลำชื่นชมอยู่ทุกวัน....จนเป็นเงา....ขาวดังทอง...เพื่อเอามายึดมาขังตัวเองไว้....ผมคิดว่านี่คือยึดติดนะครับพอติดแล้วไปไหนไม่ได้......เขาบอกสองสามมีสี่มีห้ามีแปด....เรามาปิติได้อย่างไร...ก็วิตก...พิจารณา...มันหายไปไหนละครับ....หากไม่หายวิตกหรือวิตกไม่หาย....ปิติไม่หายแล้วเราจะไปมโนกันได้อย่างไร....มีมโนแล้วพอใจแค่นี้หรือครับ....มโนแล้วไม่มีอะไรไปต่ออีกใช่ไหม....บางคนไปได้ตาทิพย์มา....ฆ่าไม่ลงครับ....ติด....ปลงไม่ตกเพราะอดีตไปสร้างกรรมมาแล้วอภัยตัวเองไม่ได้ล้างกรรมเก่าไม่ได้.....ทำไมจะไม่ได้ครับธรรมะล้างได้ทุกอย่างที่เป็นทุกข์ทางกายทางใจทางวาจา....เดี่ยวก็เจอทางเองละครับ....นอกเสียจากว่าท่านไปถึงที่แล้วนิมิตกรงขังตัวเองขึ้นมาเอง....ความจริงมันไม่มีหรอกครับ....ท่านขังตัวท่านเองต่างหากด้วยสิ่งเหล่านั้น...หากท่านฆ่ามันลงได้ด้วยการไม่ยึดติด....ยึดมั่นถือมั่นในทิพย์อำนาจที่ท่านมีอยู่....วิตกหายก็ขึ้นปอสอง....และปอไหนก็ขึ้นโดยวิธีเดียวกันนี้ทั้งนั้น...หากไปปอสามได้ท่านจะนั่งเช็ดนั่งถูชั้นปอสองไปจนตายใช่ไหมครับ...พอใจเท่านี้...เขาเรียกไปเรียนปอสามไม่ไป

    มโนเป็นสิ่งที่ดีแต่คนที่ได้เอาไปใช้ในทางที่ผิด....ผมได้ยินจากปากพระรูปหนึ่งที่ผมไปขอคำปรึกษาเรื่องนี้และเป็นศิษย์ของท่านพระเดชพระคุณเจ้าหลวงพ่อฤษีด้วย......ไม่ใช่เฉพาะมโนเท่านั้น....อภิญญาก็ติด

    หากถามผมว่าผมได้อะไรบ้างหูทิพย์ตาทิพย์....ความคิดผมนะครับผมกลัวครับ...หากผมไปพบผู้บังเกิดเกล้าผมติดอยู่ในที่ใดที่หนึ่งในความมืดแม้ให้ผมตายตอนนี้แล้วไปแกะท่านออกมาได้ผมไปแน่นอนแล้วจะเหลืออะไรครับคงไม่มีลมหายใจมานั่งดูแล้ว....ไม่เอาดีกว่า

    พวกท่านเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมความสงบร่มเย็นของเหล่าผู้คนและเป็นกำลังหลักในการส่งเสริมพระศาสนา....ฆ่าลูกตัวเองเสีย...เพราะหากท่านเอาไปด้วยตอนนี้ไม่รอดครับ.....ไม่อย่างนั้นพุทธองค์คงไม่ตรัสไว้แน่นอน...ไม่ใช่ความคิดผมหรือผมคิดเอง....ท่านคงอ่านเจอแน่ๆในพระไตรปิฎกผมเจอตรงไหนไม่รู้เพราะผมไม่ชอบจำชื่อจำวิชา....ขนาดคำว่าปริยัติคืออะไรผมยังงงเลยครับ

    แล้วท่านที่บอกไปผ่าร่างกายมีสะรีระ.....คำว่าสารี...คือกระดูกครับ...เนื้อหนังมังสานี่พิจารณาง่ายใช้เวลาน้อยไนการย่อยสลาย.....ท่านลองพิจารณากระดูกกันบ้างไหม...และอยากลองไหม....วิธีเดียวกันครับกับการขึ้นปอสอง...ฆ่าวิตกก่อนอย่ายึดติดว่าจะไม่ได้วิตกอีก....ไปได้แว้ปเดียวเดี๋ยวหล่นมาวิตกอีกแล้ว....แม้!...ตรงนี้แหละผมกลุ้ม...ผมจะฆ่าลูกวิตกของผมก่อนนะครับ

    สองทำกายด้วยทำจิตด้วย....อย่าลืมนะครับ...บารมีสิบพุทธองค์ทำมาตั้งสิบชาติเราอาจจะทำมาบ้างแล้วก็ได้เพียงแต่เราไม่รู้จักตัวเองเท่านั้น....ขนาดพระมหาชนก...ว่ายจมมิจมแหล่ยังมีนางเมขลาหรือเปล่าครับอุ้มไปถึงฝั่ง....ไม่แน่ชาติที่แล้วเราอาจจะเป็นข้าทาสบริวารท่านมหาชนกก็ได้...แค่คิดแอบๆนี่ก็มีสุขแล้ว...แล้วจะไม่ลองทำหรือครับ

    สามศึกษาพระธรรม....
    ครบสามธรรมหรือยังครับ....แล้วได้สี่คือปรมัติคือมีความสุขนะครับ...จบแล้ว...ทีนี้ท่านปาก้อนหินกันได้แล้ว...เราไม่มีตัวมีตนท่านจะปาถูกได้อย่างไรเนอะ....
     
  2. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG][​IMG]ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...[​IMG][​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...