ปฏิบัติตนอธิษฐานบุญอย่างไห้ได้ผลเร็ว By สาธินี

มักมีคำถามเกี่ยวกับการแก้ดวง เสริมบุญเสมอๆ "ทำอย่างไรจึงจะให้บุญที่เราทำส่งผลเร็วๆ?" การสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ประโยชน์ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งชาตินี้และชาติหน้าต่อๆไป การทำบุญสร้างกุศลที่จะให้เห็นผลปรากฎชัดในปัจจุบัน ของจริงต้องพิสูจน์ได้ จากการเล่าเรียนเขียนอ่าน ที่พี่สาธินีไปได้ศึกษามาจากสำนัก "จิตตภาวัน" ชลบุรี จากพระอาจารย์ใหญ่ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชชา "สุวรรณโคมคำ" การทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบจากอกุศลกรรมแล้ว ผลที่ได้นอกจากทำให้ใจใส ใจสงบแล้ว ยังทำให้อัตตภาพร่างกาย สังขาร ของผู้ปฏิบัตินั้นแข็งแรง ไม่มีโรค แถมยังไม่ต้องไปทำเบบี้เฟรส ไม่ต้องมีน้ำยาหลอดๆ ไม่ต้องมีดาล์วไลน์ และทำให้สิ่งต่างๆในการดำเนินชีวิตของบุคคลผู้ปฏิบัติ หรือผู้ที่เข้าถึงการปฏิบัตินั้น มั่งมี หรือมีความเป็นอยู่ที่ดี เป็นผลพลอยได้ หรือเป็นกำไรเพิ่มเติม

ในคราวต่อไปพี่สาธินีจะมาแนะนำเรื่องการทำกรรมฐาน "การหาใจ" หรือ "ลมหาใจ" เป็นเช่นไร และ ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้เห็นผลอื่นๆ ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดีขึ้น เชิญเพื่อนสอบถามและสนทนากับพี่สาธินีได้ครับ

 

สวัสดียามบ่ายค่ะคุณเสขบุคคล..ไม่ฉะบายหายดีแล้วหรือคะ เป็นกระทู้
น่าสนใจค่ะ หนับหนุน หนับหนุน

จากนี้จะตั้งตาคอยคำแนะนำจากคุงพี่สาธินีจ้า

 

แม้แค่เพียงลมหายใจ แต่ก็มีศาสตร์และและศิลปในการหายใจ ผลที่ได้นอกจากจะเกิดเป็นจิตรนุภาพแล้วยังส่งผลด้านร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณ และระบบการทำงานต่างๆของร่างกายที่จะดีขึ้น

 

เป็นหวัดไอค๊อกไอแค๊ก เฮ้ยเจ็บคอ พี่สีล.. เจ้สาธินีคนนี้แอ๊ดเป็นเพื่อนได้เลยนะครับ ใจดี มีเสน่ห์ แถมยังเก่งด้วย ขอเชียร์ออกหน้าออกตา

 

ขอจองพื้นที่ด้วยคนนะฮะ

 

ดีมากมากค่ะ ชอบคนใจดี มีเมตตา เด๋วขอ
แอด เป็นเพื่อนด้วยแน่ค่ะ

 

<embed src="http://www.youtube.com/v/tbiCrf0FKvU?feature=player_detailpage" frameborder="0" <iframe width="640" height="360" allowfullscreen></iframe></embed>

 

ดีมากๆๆ เลย นั่งสมาธิมาเป็นปีๆ
ยังมะไปถึงไหนเลย เผื่อเจ๊แกจะฉุดลากพี่ขึ้นจากโคลนตมบ้าง....

 

หลวงพ่อมักพูดว่า การไปนิพพานมันยังไกล ความสุขที่เราจะได้ มันต้องพิสูจน์ได้ และคุณจะต้องได้ตั้งแต่ชาตินี้ ชีวิตครอบครัว คุณต้องมีความสุขก่อน คือพูดง่ายๆว่า ชีวิตของเราต้องดี และมีความเป็นอยู่ที่ดีครับ ผลของการปฏิบัติต้องทำให้มันเห็นผลกัน ทำบุญแล้วไม่ต้องรอชาติหน้า ภพหน้า ครับ

 

คำถามค่ะ

ถ้าเรามาสายการปฏิบัตินะคะ การนั่งสมาธิ หากเรายังละ
นิวรณ์ 5 ไม่ได้ เราไม่สามารถถึง ฌาณ ได้เลยหรือคะ

 

นิวรร์ แปลว่าเครื่องกั้นความดี ถึงแม้ไม่ทำสมาธิก็กั้นมรรคผล นิพพานด้วยนะครับ และบุคคลที่จะทำฌาน หรือ ทำให้แจ้งในมรรค ผล นิพพาน ต้องเป็นติเหตุกบุคคล คือบุคคลที่ เกิดด้วยเหตุ ๓ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ(ปัญญา) จึงจะทำความเจริญใน สมาธิ เป็นต้นได้ครับ

 

พี่สาธินีช่วงนี้กำลังเตรียมตัว และรวบรวมบทความอยู่นะครับ เพื่อความถูกต้องและชัดเจน

 

ขอกราบอาราธนาคุณครูบาอาจารย์...สิ่งใดที่จะแบ่งปันต่อไปนี้ เพื่อความเป็นประโยชน์ต่อบุคคลทั้งหลาย ขอกุศลผลบุญที่เกิดขึ้นจงมีแก่คุณครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณทุกท่านเทอญ.
ก่อนอื่นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับที่ตั้งของใจกันก่อน ส่วนใจนั้นหาอย่างไรจะพูดในตอนต่อๆไปนะคะ...
ใจของคนเรานี่นะคะเขาก็มีบ้านอยู่เหมือนกันนะ ก็อยู่ในตัวเรานี่ล่ะมีอยู่๕หลัง หรือ๕ฐาน..
ฐานที่๑ธาตุดิน..ปฐวีธาตุ(ตำแหน่งอยู่ที่ ต่ำกว่าสะดือ คืออยู่ที่ท้องน้อย) ความจริงที่สัมผัสแตะต้องได้
ฐานที่๒ธาตุน้ำ..อาโปธาตุ(ตำแหน่งอยู่ที่ ลิ้นปี่) เมตตามหานิยม
ฐานที่๓ธาตุไฟ..เตโชธาตุ(ตำแหน่งอยู่ที่ ราวนม หัวใจ กลางอก)รักษาอาการป่วยไข้
ฐานที่๔ธาตุลม..วาโยธาตุ(ตำแหน่งอยู่ที่ คอ,กล่องเสียง)สลายคนที่คิดร้าย
ฐานที่๕ธาตุอากาศ..อากาศธาตุ(ตำแหน่งอยู่ที่ปลายจมูก)สลายทุกเรื่อง ให้เรื่องนั้นจบไป

 

คล้ายๆเรื่องจักระเลยนะครับ

 

** ความหมายของจักระ **

จักระ คือ จุดบนโครงสร้างพลัง ที่มีหน้าที่รับ-ส่งและแปลงพลังงานในแต่ละระดับ ถ้าให้เปรียบเทียบ ก็เหมือนกับ adapter หรือหม้อแปลงไฟ แต่ปกติอุปกรณ์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีหม้อแปลง1จุดต่ออุปกรณ์1ชิ้น แต่สำหรับจักระ มีอย่างน้อย 7 จุดหลักครับ
ลักษณะของจักระไม่ได้แยกออกจากออร่า คล้ายๆกับน้ำวนในบ่อน้ำ คือเรากำหนดขอบน้ำวนหรือรอยต่อไม่ได้เป๊ะๆ แต่ก็พอชี้ได้ว่า นี่น้ำวน นี่น้ำไม่วน ออร่าของเราก็จะมี"น้ำวน"ที่มีหน้าที่แปลงพลังงานซึ่งมันไม่ได้แยกออกจากออร่าซะทีเดียว จริงๆแล้วคำว่า จักระ แปลว่า วงล้อ และที่มันเรียกว่าจักระก็เพราะธรรมชาติมันหมุนไปเรื่อยๆนี่เอง
การทำงานของจักระ - จักระมีหน้าที่รับ-ส่งพลังงาน เพื่อไปใช้ในกิจกรรมต่างๆของเรา(อย่าเพิ่งงง เลือดส่งสารอาหารและพลังงานให้กายเนื้อเป็นหลัก แต่ถ้าเราพูดถึงระบบโดยรวมที่ไม่ใช่แค่กายเนื้อ จักระเป็นช่องทางที่สำคัญ) ซึ่งจักระแต่ละจุดจะดูแลการกระจายพลังงานให้กิจกรรมแต่ละกลุ่ม กลุ่มกายเนื้อก็มีจักรหนึ่งควบคุม กลุ่มการแสดงออกและการแสดงตัวตนก็มีจักรอีกอันหนึ่งควบคุม กลุ่มของการมองเห็นและการรับรู้ก็มีอีกจักระหนึ่งควบคุม แล้วกิจกรรมอื่นๆก็มีจักระอื่นดูแลอีก และแต่ละกิจกรรม จะใช้พลังงานไม่เหมือนกัน ซึ่งนี่แหละคือหน้าที่ที่สำคัญของจักร ที่ต้องคอยแปลงพลังงานเป็นแบบต่างๆให้เหมาะกับกิจกรรมที่จักรนั้นรับผิดชอบอยู่ ถ้ายังไม่เข้าใจ ให้คิดอย่างนี้ มีบางวันที่เรารู้สึกเอียนๆ เบื่อๆ ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงใหมครับ ทั้งที่เราก็กินอิ่มดี และก็ไม่ได้อดหลับอดนอนอะไรนักหนา แต่ราวกับชีวิตมันขาดพลังบอกไม่ถูก นั่นแหละ ใช่เลย เราขาดพลัง"บางแบบ"ไป ซึ่งต้องมาดู ว่าจักรไหนที่ขาด พอเรากินน้ำ กินอาหาร หรือนอน หรือฝึกพลังอะไรก็ตาม พลังที่เข้ามาในตัวเราจะถูกส่งไปตามจักรต่างๆ แล้วจักรต่างๆก็จะแบ่งพลังงานแล้วแปลงไปใช้ในกิจกรรมที่มันดูแล ดังนั้นถ้าจักรไหนทำงานไม่ดี ก็จะทำให้กิจกรรมบางอย่างผิดปกติไปด้วย
และที่ต้องพิจารณาอีกก็คือ จักระแต่ละจักระจะเชื่อมต่อกัน และส่งผลกระทบกันด้วยครับ โดยเฉพาะจักรข้างเคียง เช่น สมมุติจักร1(ดูแลกล้ามเนื้อ)เสีย จักรต่อมาที่จะโดนก็คือ จักร2(เพศ) ดังนั้น คนที่ปล่อยร่างกายอ่อนแอ จะมีโอกาสสูงมากที่จะเสื่อมสมรรถภาพ!! น่ากลัวใหม อิอิ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าสมมุติเราเป็นคนหยิ่งจัดๆ ซึ่งเป็นอาการของจักร5 ก็ไม่ค่อยมีผลต่อสมรรถภาพทางเพศ(จักร2) แต่จะไปมีผลต่อความรัก(จักร4) และการมองโลก(จักร6)แทน

แต่ไม่ใช่ว่าจักรที่ไม่อยู่ติดกันจะไม่เกี่ยวกันนะ เพราะจักร1ติดกับจักร2 จักร2มันก็ติดกับจักร3 ถ้าจักร1เสีย ไม่นานจักรสองก็เสีย แล้วสักพักถ้ายังไม่แก้ จักรสามก็เสียตามจักรสองอีก สรุปจักระ เป็นระบบรวมครับ มีผลต่อกัน
นอกจากนั้น จักระยังสามารถดึงพลังซึ่งกันและกันได้ด้วย เช่นสมมุติถ้าจักร5(อัตตาและการแสดงออก)ของเราเด่นเกิน มันจะดึงจักร4(ความรัก)ของเราให้ทำงานให้ ทำให้เรามีแนวโน้มจะใช้ความรักเพื่อแสดงออก พูดง่ายๆ คบไว้โชว์ และบางทีก็จะดึงจักร6(การมองโลก) ทำให้เราชอบอวดมุมมองและความเห็นของเราจนเกินงาม เป็นต้น
นั่นทำให้ท้ายที่สุด เราไม่ควรทำให้จักรทำงานน้อย หรือมาก แต่ต้องพอดี
จนถึงตอนนี้ หลายคนคงเริ่มงง ว่าจักรมันมีกี่จักร และแต่ละจักรเป็นยังไงกันแน่ เหอะๆๆ ดังนั้น ขอสรุป

1. จักระเป็นจุดพลังงานบนโครงสร้างพลังงาน
2.จักระจะแปลงพลังงานไปให้กับกิจกรรมที่จักรนั้นดูแล
3.แต่ละจักระ เชื่อมต่อกัน และส่งผลกระทบถึงกัน โดยเฉพาะจักรข้างเคียง จะส่งผลเร็วกว่า
4.จักระสามารถสมดุลย์ หรือมากไปจนไม่ดี หรือน้อยไปจนเป็นโทษก็ได้
7 สายรุ้ง แห่งจักระสุขภาพ
คุณอาจได้ยินได้ฟังมานานว่าสีสันนั้นส่งผลต่ออารมณ์ แต่น้อยคนนักจะรู้ในเบื้องลึกว่ามันยังส่งผลสำคัญต่อระบบร่างกายในเชิงกายภาพ ด้วยการให้ผลกระทบต่อจักระอีกด้วย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า สีบางสีสามารถปรับสมดุลระบบน้ำเหลือง ลดปัญหาในช่องท้อง หรือกระดูกสันหลัง และนี่คือความลับที่เรานำมาบอก 7 จักระ และ 7 สีสัน ทรงอิทธิพล จักระตลอดร่างกายของเราประกอบไปด้วย 7 จุด และแต่ละจักระนั้นมี ความไวต่อ 7 สีสัน ในเชิงจิตวิญญาณเชื่อกันว่าสีต่างๆ จะไปเสริมออร่าของร่างกาย ส่วนในทัศนะของนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สีสันซึ่งมีความยาวคลื่นเฉพาะตัวนั้นส่งผลกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกายใครอยากรู้ว่าตัวเองจะนุ่งผ้าสีอะไรถึงจะดีต่สุขภาพ หรือทาสีห้องนอน ด้วยเฉดโทนใด นี่คือความลับของสายรุ้ง
• แดง สีแดงมีอิทธิพลต่อจักระพื้นฐานอันได้แก่ระบบการทำงานของกระดูกสันหลัง ส่งผลให้ร่างกายเต็มไปด้วยพลังชีวิต ความเข้มแข็งด้านจิตใจ และสมดุลแห่งระบบไหลเวียนโลหิต ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีแดงที่มากเกินไป จะส่งผลเสียให้ร่างกายถูกกระตุ้นมากเกินไปจน เครียด อารมณ์แปรปรวน และจิตใจรุ่มร้อนด้วยโทสะ

• ส้ม สีส้มมีอิทธิพลในด้านสังคม ทัศนคติเชิงบวก ส่งผลต่อจักระที่ควบคุมการทำงานของระบบไต ระบบปัสสาวะ และระบบสืบพันธุ์ ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีส้มที่มากเกินไป จะส่งผลเสียให้ จิตใจหงุดหงิด มองโลกในแง่ร้าย และจิตใจกระวนกระวายสับสน

[SIZE="4[COLOR="Lime"]"]• เหลือง สีเหลืองมีอิทธิพลต่อจักระที่ควบคุมระบบช่องท้อง สร้างสมดุลในระบบน้ำย่อย ให้ผลต่อการยกระดับจิตใจ ลดความหวาดระแวง ความสับสน และเพิ่มสมาธิในการตัดสินใจ ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีเหลืองที่มากเกินไป จะส่งผลเสียให้ ขาดสมาธิ และกะตือรือล้นเกินพอดี[/SIZE][/COLOR]

• เขียว สีเขียวมีอิทธิพลต่อจักระที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพทางความคิด ความสงบ กระจ่าง เสริมทัศนะการใช้ชีวิตในแบบสงบสุข ร่มเย็น และมุมมองความรัก การให้อภัย สันติภาพ ไม่มีผลเสียสำหรับการอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีเขียวที่มากเกินไป

• น้ำเงิน สีน้ำเงินมีอิทธิพลต่อจักระในระบบช่องคอ ปอด ช่วยในการแสดงออกทางสังคม การสื่อสาร ความมุ่งมั่น สุนทรีย์ในศิลปะ เชื่อว่าสีน้ำเงินยัง ปลดเปลื้องความทุกข์ทรมานจาการนอนไม่หลับ ความเครียด อาการระคายเคืองคอ ความดันเลือดสูง และอาการไมเกรน อีกด้วย ไม่มีผลเสียสำหรับการอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีน้ำเงินที่มากเกินไป

• คราม สีครามมีอิทธิพลต่อจักระในดวงตาที่สาม ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหน้าผาก กึ่งกลางระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ควบคุมการทำงานของอวัยวะในส่วนขมับ หน้าผาก ลงมาถึงดวงตา ให้ผลในการ ควบคุมสมดุลการทำงานของระบบน้ำเหลือง ระบบภูมิคุ้มกันโรค การกำจัดของเสีย และ เพิ่มสมรรถภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่มีผลเสียสำหรับการอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีครามที่มากเกินไป

• ม่วง สีม่วงมีอิทธิพลต่อจักระตำแหน่งมงกุฎ หรือบริเวณกระหม่อม ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการใช้ความคิด สมอง พลังจิต ความมุ่งมั่นและญาณทัศนะ เหมาะสำหรับผู้ทำงานบริหาร ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีม่วงที่มากเกินไป จะ ส่งผลเสียต่อนิสัย ความคิด ทำให้เป็นคนหลงตัวเอง และเย่อหยิ่ง


หลายสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ในแบบวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่หมายความว่ามันไม่มีจริง หรืองมงาย
เพราะในทางตรงกันข้าม บางที อาจต้องโทษพวกนักวิชาการมากกว่า
ว่าพวกเขาอาจยังไม่เจริญพอที่จะไขความลับแห่งธรรมชาติ
จักระ ก็เช่นกัน มันอาจมีพลานุภาพมากกว่าผลที่ถูกพิสูจน์ในปัจจุบันก็ได้
เรื่องพวกนี้ ไม่มีอะไรแน่อนเท่า การทำเอง รู้เอง ......

 

ฐานที่๑..เรียกว่าปถวีธาตุ หรือที่ตั้งของธาตุดิน อะไรก็ตามที่มองเห็นได้ สามารถจับต้องได้ เห็นเป็นรูปธรรม เช่น บ้าน,รถ,ที่ดิน,แม้กระทั่งเงินทองทั้งหลายรวมไปถึงวาจา ก็จัดว่าเป็นปถวีธาตุด้วยเช่นเดียวกันตรงจุดนี้เป็นจุดที่เราไว้ใช้อธิษฐานสำหรับเรื่องที่ต้องการให้เป็นจริง สามารถเห็นได้ จับต้องได้.

 

ฐานที่๒..เรียกอาโปธาตุ หรือที่ตั้งของธาตุน้ำ เป็นลักษณะของความอ่อนไหว,อ่อนโยน ความเมตตาทั้งหลาย สามารถทำให้คนที่เห็นเกิดความนิยม เชื่อถือคล้อยตาม เช่นพวกนักร้อง,นักแสดง และพวกที่ทำการค้าทั้งหลาย ถ้าต้องการให้มีคนเข้ามาหาเยอะๆ ก็ต้องตั้งใจไว้ที่จุดนี้.

 

ฐานที่แสดงมี ๙ แต่เหมาะกับฆราวาสปฏิบัติมี ๕ ครับ คัดลอกจาก เวป รัตตัญญู

 

ฐานนี้ละครับ ที่จะทำให้คุณมีรูปร่าง ผิวพรรณ วรรณะ ดี หากทรงลม หรือตั้งลม ที่จุดปถวีธาตุได้ ไม่ต้องไปทำเบบี้เฟรสครับ อีกทั้งรู้อุบายในการอธิษฐาน ตรงจุดนี้ละครับ ที่จะส่งผลให้คำอธิษฐานของคุณสำเร็จได้โดยพลันครับ

 

ฐานที่๓..เรียกว่าเตโชธาตุหรือธาตุไฟ ตรงจุดนี้ถ้าคนไม่เคยฝึกเรื่องหายใจ สังเกตุดูจะเห็นว่าลมจะลงไปได้แค่ตรงส่วนทรวงอก ลักษณะจะเป็นการหายใจสั้นๆถี่ๆ โดยทั่วไปถ้าหายใจตรงจุดนี้มักจะมีเรื่องร้อนใจ,หรือเรื่องเดือดร้อน แต่ถ้าใช้เป็นอย่างถูกต้องตรงจุดนี้จะใช้ในการรักษาโรคได้ หรือไว้แก้ปัญหาคนกลั่นแกล้ง คนที่ป่วยไข้มักเกิดจากไฟธาตุไม่ดี.