ปกิณกธรรมหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ปัญญาพร, 26 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. ปัญญาพร

    ปัญญาพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +797

    [​IMG]

    หลวงปู่มั่น เทศน์งานรับนิมนต์สวดมนต์ในบ้าน
    ชาวบ้านหนองผือ

    "เป็นเพราะไม่มีที่พึ่งทางจิตใจหรือไม่รู้ที่พึ่งอันเกษมอันอุดม จึงกลัวการตายแต่ไม่กลัวการเกิด เมื่อเป็นเช่นนี้จึงคว้าโน้นคว้านี้เป็นที่พึ่ง บางคนกลัวตายแล้วไปไขว่คว้าเอาสิ่งอื่นมาเป็นที่พึ่ง ที่เคารพนับถือด้วยความงมงาย มีการอ้อนวอน วิงวอนขอโดยวิธีบนบานศาลกล่าวจากเถื่อนถ้ำและภูเขา ต้นไม้ใหญ่ ศาลพระภูมิเจ้าที่เจ้าทางต่างๆ ที่ตนเองเข้าใจว่าเป็นที่สถิตย์อยู่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย อันอาจดลบันดาลให้ชีวิตตนรอดพ้น จากอันตรายความตายและความทุกข์ได้ จึงหลงพากันเซ่นสรวงด้วยเครื่องสังเวยต่างๆ ตามที่ตนเองเข้าใจว่าเจ้าของสถานที่ เหล่านั้นจะพอใจหรือชอบใจ นอกจากนั้นยังมี การทรงเจ้าเข้าผี สะเดาะเคราะห์ สะเดาะนาม สืบชะตาราศี ตัดกรรมตัดเวร โดยวิธีต่างๆ เหล่านี้"

    "ที่พึ่งอันอุดมมั่นคงนั้นคือการให้ภาวนา น้อมรำลึกนึกเอาพระคุณอันวิเศษ ของพระพุทธเจ้า พร้อมพระธรรมและพระอริยสงฆ์ มาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ จึงจะเป็นการถูกต้องสมกับที่พวก เราเป็นผู้รับ นับถือเอาพระรัตนตรัยมาเป็นที่พึ่งประจำกายใจของตน และอีกอย่างให้ประพฤติปฏิบัติตามหลักของอุบาสก อุบาสิกา มีการให้ทาน รักษาศีลและเจริญเมตตาภาวนา"

    " ต่อไปนี้ให้ญาติโยมทุกคนทั้งหญิง ทั้งชาย เฒ่าแก่ เด็กเล็กเด็กน้อยก็ตาม พากันสวดมนต์ทำวัตรทั้งเช้าทั้งเย็น ก่อนนอนตื่นนอนทุกวัน ให้ผู้ใหญ่ในครอบครัว พ่อแม่เป็นผู้พาทำ ทำที่บ้านใครบ้านมัน ทุกครัวเรือน ถ้าทำได้อย่างนี้ก็จะเป็นบุญเป็นกุศลแก่พวกเรา ความเดือดร้อนต่างๆ เหล่านั้นมันก็จะหายไปเอง "

    ที่มา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2011
  2. ปัญญาพร

    ปัญญาพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +797
    [​IMG]

    สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรไปทำความผูกพัน
    เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง
    แม้จะทำความผูกพัน
    และมั่นใจในสิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบัน...ก็เป็นไปมิได้
    ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว
    โดยความไม่สมหวังตลอดไป

    อนาคตที่ยังไม่มาถึง
    ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน

    อดีต...ควรปล่อยไว้ตามอดีต
    อนาคต...ก็ควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน
    ปัจจุบันเท่านั้นที่จะสำเร็จประโยชน์ได้
    เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2011
  3. ปัญญาพร

    ปัญญาพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +797
    [​IMG]

    [FONT=4803_Kwang_MD]คติธรรมคำสอนของหลวงปูมั่น ภูริทัตโต[/FONT]
    [FONT=4803_Kwang_MD] คัดจากหนังสือ ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ [/FONT]


    [FONT=4803_Kwang_MD][FONT=4815_KwangMD_Catthai]* ผู้สนใจศึกษาปฏิบัติธรรม คือผู้สนใจหาความรู้ความฉลาดเพื่อคุณงามความดีทั้งหลาย ที่โลกเขาปรารถนากันเพราะคนเราจะอยู่และไปโดยไม่มีเครื่องป้องกันตัวย่อมไม่ปลอดภัย ต่ออันตรายทั้งภายนอกภายใน เครื่องป้องกันตัวคือหลักธรรมมีสติปัญญาเป็นอาวุธสำคัญ จะเป็นเครื่องมั่นคงไม่สะทกสะท้านมีสติปัญญาแฝงอยู่กับตัวทุกอิริยาบท [/FONT]


    [FONT=4815_KwangMD_Catthai][FONT=4815_KwangMD_Catthai]จะคิด-พูด-ทำอะไรไม่มีการยกเว้น มีสติปัญญาสอดแทรกอยู่ด้วยทั้งภายในและภายนอก มีความเข้มแข็งอดทน มีความเพียรที่จะประกอบคุณงามความดี คนอ่อนแอโง่เง่าเต่าตุ่นวุ่นวายอยู่กับอารมณ์เครื่องผูกพันด้วยความนอนใจ และเกียจคร้านในกิจการที่จะยกตัวให้พ้นภัย [/FONT][/FONT]​


    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]* การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย [/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่มีดีเลย จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง [/FONT]





    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]* ผู้เห็นคุณค่าของตัว จึงเห็นคุณค่าของผู้อื่น ว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน ผู้มีศีลสัตย์เมื่อทำลายขันธ์ไปในสุคติในโลกสวรรค์ ไม่ตกต่ำเพราะอำนาจศีลคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงควรอย่างยิ่งที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์ ธรรมก็สั่งสอนแล้วควรจดจำให้ดี ปฏิบัติให้มั่นคง จะเป็นผู้ทรงคุณสมบัติทุกอย่างแน่นอน [/FONT]



    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]* เมื่อเกิดมาอาภัพชาติ แล้วอย่าให้ใจอาภัพอีก[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]ผู้เกิดมาชาตินี้อาภัพแล้ว อย่าให้ใจอาภัพ คิดแต่ผลิตโทษทำบาปอกุศลเผาผลาญตนให้ได้ทุกข์ เป็นบาปกรรมอีกเลย [/FONT]​




    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]* คนชั่ว ทำชั่วได้ง่าย และติดใจไม่ยอมลดละแก้ไขให้ดี [/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]คนดี ทำดีได้ง่าย และติดใจกลายเป็นคนรักธรรมตลอดไป [/FONT]​


    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]* เราต้องการของดี คนดี ก็จำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นการฝึกไปไม่ได้ งานอะไรก็ต้องฝึกทั้งนั้น ฝึกงาน ฝึกคน ฝึกสัตว์ ฝึกตน ฝึกใจ นอกจากตายแล้วจึงหมดการฝึก คำว่า ดี จะเป็นสมบัติของผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน [/FONT]​



    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]* ศีล นั้นอยู่ที่ไหนมีตัวตนเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้รักษาแล้วก็รู้ว่า ผู้นั้นเป็นตัวศีล ศีลก็อยู่ที่ตนนี้ เจตนาเป็นตัวศีล เจตนาคือจิตใจ คนเราถ้าจิตใจไม่มีก็ไม่เรียกว่าคน มีแต่กายจะทำอะไรได้ ร่างกายกับจิตต้องอาศัยซึ่งกันและกัน เมื่อจิตไม่เป็นศีล กายก็ประพฤติไปต่างๆ มีโทษต่างๆ ผู้มีศีลแล้วไม่มีโทษ จะเป็นปกติแนบเนียนไม่หวั่นไหว ไม่มีเรื่องหลงหา หลงขอ คนที่หา คนที่ขอต้องเป็นทุกข์ ขอเท่าไหร่ยิ่งไม่มี ยิ่งอดอยากยากเข็ญ[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]กายกับจิตเราได้มาแล้ว มีอยู่แล้ว ได้มาจากบิดามารดาพร้อมบริบูรณ์ จะทำให้เป็นศีลก็รีบทำ ศีลมีอยู่ที่เราแล้ว รักษาได้ไม่มีกาล ได้ผลไม่มีกาล[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]ผู้มีศีลย่อมเป็นผู้องอาจกล้าหาญ ผู้มีศีลย่อมมีความสุข ผู้จักมั่งคั่งบริบูรณ์ไม่อด ไม่ยาก ไม่จน ก็เพราะรักษาศีลให้สมบูรณ์ จิตดวงเดียวเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]ผู้มีศีลแท้เป็นผู้หมดเวรหมดภัย [/FONT]​




    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]* คุณธรรม ยังมีผู้เข้าถึงให้เป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่องเลื่องระบือ มีความฉลาด กว้างขวางในอุบายวิธี ไม่มีคับแค้นจนมุม
    [/FONT]

    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]* การปฏิบัติธรรม เป็นการทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทรงตรัสสอนเรื่องกาย วาจา จิต มิได้สอนเรื่องอื่น ทรงสอนให้ปฎิบัติฝึกหัดจิตใจ ให้เอาจิตพิจารณากาย เรียกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน หัดสติให้มากในการค้นคว้า เรียกว่า ธัมมวิจยะ พิจารณาให้พอทีเดียว เมื่อพิจารณาพอจนเป็นสติสัมโพชฌงค์ จิตจึงจะเป็นสมาธิรวมลงเอง[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]การประกอบความพากเพียรทำจิตให้ยิ่ง เป็นการปฏิบัติตามคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า [/FONT]​


    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน [/FONT]​




    ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน



    ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู


    ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น
    [/FONT]


    วาสนา นั้นเป็นไปตามอัธยาศัย
    คนที่มีวาสนาในทางที่ดีมาแล้ว แต่คบคนพาล วาสนาก็อาจเป็นคนพาลได้ บางคนวาสนายังอ่อน เมื่อคบบัณฑิต วาสนาก็เลื่อนขึ้นเป็นบัณฑิต
    ฉะนั้น บุคคลควรพยายามคบแต่บัณฑิต เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตนให้สูงขึ้น


    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงแล้วตามมา ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง [/FONT]​





    ผู้มีปัญญา ได้เห็นในธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ ควรรีบทำเสีย



    ผู้มีปัญญา ซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืน


    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]* จิต เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิต อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะก็คือภาวนา ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร ตรวจดูจิตว่า มีอะไรบกพร่องและเสียไป จะได้ซ่อมสุขภาพจิต[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]นั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือ ความคิดปรุงแต่งของจิตว่า คิดอะไรบ้าง มีสาระประโยชน์ไหม คิดแส่หาเรื่อง หาโทษ ขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั้น พอรู้ผิด-ถูกของตัวบ้างไหม[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]พิจารณาสังขารภายนอกว่า มีความเจริญขึ้นหรือเจริญลง สังขารมีอะไรใหม่หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดไป พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะทำได้ ตายแล้วจะเสียการให้ท่องในใจอยู่เสมอว่า เรามีความแก่-เจ็บ-ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน [/FONT]​




    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]* ทาน-ศีล- ภาวนา ธรรมทั้ง 3 นี้ เป็นรากแก้วของความเป็นมนุษย์ และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา ผู้เกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องเป็นผู้เคยสั่งสมธรรมเหล่านี้มาอยู่ในนิสัย ของผู้จะมาสวมร่างเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ด้วยมนุษย์อย่างแท้จริง

    [/FONT]
    คนหิว อยู่เป็นปกติสุขไม่ได้
    จึงวิ่งหาโน่นหานี่
    เจออะไรก็คว้าติดมือมาโดยไม่สำนึกว่าผิดหรือถูก
    ครั้นแล้วสิ่งที่คว้ามาก็เผาตัวเองให้ร้อนยิ่งกว่าไฟ



    คนที่หลงจึงต้องแสวงหา
    ถ้าไม่หลงก็ไม่ต้องหา
    จะหาไปให้ลำบากทำไม
    อะไรๆ ก็มีอยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว
    จะตื่นเงา ตะครุบเงาไปทำไม
    เพราะรู้แล้วว่า เงาไม่ใช่ตัวจริง



    ตัวจริง คือ สัจจะทั้งสี่ที่มีอยู่ในกายในใจอย่างสมบูรณ์แล้ว


    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]อานิสงส์ของศีล 5 เมื่อรักษาได้[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]1. ทำให้อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]2. ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในความปกครอง มีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายมาราวี เบียดเบียนทำลาย[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]3. ระหว่าง ลูก หลาน สามี ภริยา อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่มีผู้คอยล่วงล้ำ กล่ำกราย ต่างครองกันอยู่ด้วยความผาสุข[/FONT][FONT=4815_KwangMD_Catthai]
    4. พูดะไรมีผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสน่ห์เป็นที่จับใจไพเราะ ด้วยสัตย์ ด้วยศีล
    5. เป็นผู้มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้าหลงหลัง จับโน่นชนนี่ เหมือนคนบ้าคนบอหาสติไม่ได้ ผู้มีศีล เป็นผู้ปลูกและส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีลเป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

    [/FONT]

    เราเกิดมาเป็นมนุษย์
    มีความสูงศักดิ์มาก
    อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ
    มนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์
    และจะเลวกว่าสัตว์อีกมากมาย
    อย่าพากันทำ



    ให้พากันละบาป บำเพ็ญบุญ
    ทำแต่คุณความดี

    อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์




    กรรม จำแนกสัตว์ให้ทราม และประณีตต่างกัน
    ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล

    คือ ลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้
    แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดู
    จากพ่อ-แม่มาเป็นอย่างดีเหมือนโลกทั้งหลายก็ตาม
    เขาก็มองไม่เห็นคุณของพ่อ-แม่
    ว่าได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง
    แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขา
    ที่เป็นคนหนึ่งกำลังรกโลกอยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น


    คนฉลาดปกครองตนให้มีความสุขและปลอดภัย
    ไม่จำเป็นต้องเที่ยวแสวงหาทรัพย์มากมาย
    หรือเที่ยวกอบโกยเงินเป็นล้านๆ มาเป็นเครื่องบำรุง
    จึงมีความสุข


    ผู้มีสมบัติพอประมาณในทางที่ชอบ
    มีความสุขมากกว่าผู้ใดมาในทางมิชอบเสียอีก
    เพราะนั่นไม่ใช่สมบัติของตนอย่างแท้จริง
    ทั้งๆ ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์


    แต่กฏความจริง คือกรรมสาปแช่งไม่เห็นด้วย
    และให้ผลเป็นทุกข์ไม่ส้นสุด
    นักปราชญ์ ท่านจึงกลัวกันหนักหนา


    แต่คนโง่อย่างพวกเรา
    ผู้ชอบสุกเอาเผากิน และชอบเห็นแก่ตัว
    ไม่มีวันอิ่มพอ ไม่ประสบผล คือ ความสุขดังใจหมาย


    อะไรๆ ที่เป็นสมบัติของโลก
    มิใช่สมบัติอันแท้จริงของเรา
    ตัวจริงไม่มีใครเหลียวแล


    สมบัติในโลกเราแสวงหามา
    หามาทุจริตก็เป็นไฟเผา
    เผาตัวทำให้ฉิบหายได้จริงๆ


    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]หาคนดีมีศีลธรรมในใจ[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]หายากยิ่งกว่าเพชรนิลจินดา [/FONT]​

    ได้คนเป็นคนดีเพียงคนเดียว
    ย่อมมีคุณค่ามากกว่าเงินเป็นล้านๆ

    เพราะเงินเป็นล้านๆ
    ไม่สามารถทำความร่มเย็นให้แก่โลกได้อย่างถึงใจ
    เหมือนได้คนดีทำประโยชน์



    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]ธรรม เป็นเครื่องปกครองสมบัติและปกครองใจ[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]ถ้าขาดธรรมเพียงอย่างเดียว[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]ความอยากของใจจะพยายามหาทรัพย์[/FONT]
    [FONT=4815_KwangMD_Catthai]ได้กองเท่าภูเขาก็ยังหาความสุขไม่เจอ [/FONT][FONT=4815_KwangMD_Catthai]​

    [/FONT]

    ไม่มีธรรมในใจเพียงอย่างเดียว
    จะอยู่ในโลกใด กองสมบัติใด ก็เป็นเพียงโลก
    เศษเดนและกองสมบัติเดนเท่านั้น
    ไม่มีประโยชน์อะไรแก่จิตใจแม้แต่นิด


    ความทุกข์ทรมาน ความอดทน
    ทนทาน ต่อสิ่งกระทบกระทั่งต่างๆ
    ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าใจ
    ถ้าได้รับความช่วยเหลือที่ถูกทาง


    ใจจะกลายเป็นของประเสริฐ
    ให้เจ้าของได้ชมอย่างภูมิใจต่อเรื่องทั้งหลายทันที





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.moral.is.in.th


    <CENTER><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-3566828123905000";/* IS1_468x60 */google_ad_slot = "6600852188";google_ad_width = 468;google_ad_height = 60;//--></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT></CENTER>


    <SCRIPT language=JavaScript1.2 src="/includes/javascript/www/news.js"></SCRIPT><FORM encType=multipart/form-data onsubmit="return validatorcomment()" method=post name=news action=/?md=content&ma=savecomment&id=>​
    <TABLE class=commentform_table border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD vAlign=center width=120 align=right></TD><TD><!-- BEGIN DYNAMIC BLOCK: row_text_name_input --><!-- END DYNAMIC BLOCK: row_text_name_input --></TD></TR><!-- BEGIN DYNAMIC BLOCK: row_text_email_input --><TR><TD vAlign=center align=right></TD><TD></TD></TR><!-- END DYNAMIC BLOCK: row_text_email_input --><!-- BEGIN DYNAMIC BLOCK: row_text_website_input --><TR><TD vAlign=center align=right></TD><TD></TD></TR><!-- END DYNAMIC BLOCK: row_text_website_input --><TR><TD align=right></TD><TD class=rowtest></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right></TD><TD></TD></TR><!-- BEGIN DYNAMIC BLOCK: row_security_code --><TR><TD align=right></TD><TD>



    </TD></TR><!-- END DYNAMIC BLOCK: row_security_code --><TR><TD align=right></TD><TD vAlign=top align=middle>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </FORM>





    <CENTER><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-3566828123905000";/* IS1_728x90 */google_ad_slot = "0588365111";google_ad_width = 728;google_ad_height = 90;//--></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110208/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 728px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; HEIGHT: 90px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 728px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; HEIGHT: 90px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=google_ads_frame2_anchor></INS></INS></CENTER>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2011

แชร์หน้านี้

Loading...