บ่อน้ำพระพุทธมนต์ วัดอินทรวิหารและพระมหายันต์ชินบัญชรหินอ่อน(หลวงพ่ออุตตมะ)

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 8 ธันวาคม 2013.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    บ่อน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ วัดอินทรวิหาร
    บ่อเดิมเป็นบ่อขุดธรรมดา ที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ให้ช่างที่มาสร้างองค์หลวงพ่อโตขุดให้ ในสมัยที่ท่านมาสร้าง "หลวงพ่อโต" มีญาติโยมมาขอน้ำพระพุทธมนต์ ท่านก็ให้ไปตักเอาในบ่อที่ท่านทำไว้ ปรากฏว่านำไปใช้แล้วเกิดความศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นที่นิยมกันมาตั้งแต่สมัยที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังมีชีวิตอยู่ ฯพณฯ จอมพลผิน ชุณหะวัณ ได้มาซ่อมบูรณะขึ้นใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2594 ทำเป็นหลังคาคลุม มีเสาอยู่ตรงกลางเหมือนเดิม ไม่สามารถรักษาความสะอาดได้ จึงได้เลิกใช้
    พระโสภณธรรมวงศ์ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ขณะดำรงสมศักดิ์เป็น พระครูธรรมธร ทองสืบ ดำริที่จะบูรณะบ่อน้ำพระพุทธมนต์เดิมจึงได้ร่วมกับบรรดาศาสนิกชนผู้เคารพศรัทธาดำเนินการรื้ออาคารไม้สี่เหลี่ยม ซึ่งคลุมบ่อน้ำพระพุทธมนต์เดิมและสร้างอาคารใหม่รูปทรงคล้ายเจดีย์ศิลปะไทยประยุกต์แทน งานก่อสร้างเริ่มเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2530 เสร็จบริบูรณ์ในเดือนมีนาคม 2531 แล้วจึงทำการตกแต่งภายนอกและภายในอาคาร ด้วยงานจิตรกรรม และประติมากรรมอันงดงาม
    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาเสด็จเป็นองค์ประธาน ประกอบพิธีเปิดป้ายอาคารคลุมบ่อน้ำพระพุทธมนต์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหมรํสี) เมื่อวันอังคาร ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2531 เวลา 16.19 น.
    ตรงกลางบ่อน้ำพระพุทธมนต์ได้อัญเชิญแผ่นยันต์พระคาถา 121 พระคาถาที่ขุดพบใต้บ่อมาประดิษฐานไว้ แผ่นยันต์นี้เป็นลายมือของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ที่ท่านเขียนขึ้นเอง ทั้งยังจารึกพระคาถาชินบัญชร ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก และพระธาตุทั้ง 4 นอกจากนี้ วัดอินทรวิหารยังได้รวบรวมน้ำพระพุทธมนต์-น้ำศักดิ์สิทธิ์จากทั่วพระราชอาณาจักร 381 แห่งมาไว้ด้วย
    ที่สำคัญภายในอาคารได้อัญเชิญรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหมรํสี) ขณะท่านมีอายุ 66 ปี  ซึ่งสร้างด้วยไมการ์ ไฟเบอร์ที่แข็งแรงและทนทาน เป็นฝีมือของช่างดวงแก้ว ผู้ที่สร้างหุ่นขี้ผึ้งไทยที่ดังไปทั่วโลก จะมีเสียงสวดพระคาถาชินบัญชรอย่างต่อเนื่อง อากาศข้างในมีความเย็นด้วยแอร์ โดยรอบมีตู้ประดิษฐานน้ำพระพุทธมนต์ที่อัญเชิญมาจากสถานที่ต่าง ๆ โดยรอบ มีภาพศาลาที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ มรณภาพที่เป็นหลักฐานว่าท่านมรณภาพที่ศาลาการเปรียญวัดอินทรวิหารนี้ ด้านหน้าบ่อน้ำมนต์จะมีรูปปั้นโยมพ่อโยมแม่ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่ท่านปั้นไว้เอง พ่อ-แม่-ลูก มาอยู่รวมกัน และมีรูปปั้นหลวงปู่ภู ศิษย์คู่บุญบารมีที่มีอายุยืนและไม่มีโรค ยืนถือไม้เท้าอยู่ไว้ให้สักการะบูชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2013
  2. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    พระมหายันต์ชินบัญชรหินอ่อน รุ่น ๓
    พระราชอุดมมงคล (อุตตมะ อุตตมรัมโภ)
    วัดวังก์วิเวการาม ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
    ประกอบพิธีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖

    พระมหายันต์โบราณนี้ถือกำเนิดในประเทศธิเบต ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนานิกายวัชระตันตระยาน อันถือพระพุทธ พระโพธิสัตว์ และเทพเจ้าเป็นสรณะ นิยมประกอบพิธีด้วยเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์มากมาย ลามะรูปหนึ่งในอดีตค้นพบคาถาวิเศษจารึกอยู่บนแผ่นหิน เมื่อนำมาท่องบ่นภาวนาปรากฏผลในฤทธานุภาพของพระคาถาอย่างน่าอัศจรรย์ ท่านจึงนำคาถานี้ออกเผยแพร่แก่ผู้ศรัทธาและคาถาบทนั้นก็คือ “พระชินะปัญชะระสูตร”

    นับร้อยปีในอดีต มีพระเถระชาวรามัญรูปหนึ่งจาริกสู่ธิเบต ได้พบศิษย์ท่านลามะดังกล่าวจึงได้เล่าเรียนศึกษาและนำกลับมาเผยแพร่ในเมืองมอญ ส่วนหนึ่งไปยังประเทศศรีลังกา ส่วนหนึ่งเข้ามาในสยาม พระคาถาชินบัญชรจึงมีถ้อยคำที่แตกต่างตามการออกเสียงอยู่ถึง ๓ ฉบับ พระเถระมอญผู้ทรงอิทธิคุณรูปนั้นนามว่า “ท่านเภมิสิญา”

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี กรุงเทพ ได้เที่ยววิเวกสู่ประเทศพม่าและพบกับพระคาถาชินบัญชรของท่านเภมิสิญาเถระ จึงนำกลับมาสยามและใช้พระคาถานี้ในการปลุกเสก – อธิษฐานจิตพระสมเด็จอันเลื่องชื่อของท่านจนบังเกิดอานุภาพนานาประการเป็นที่ปรารถนาของประชาชนทั่วไป ทั้งยังทำตามตำรับเดิมโดยจารพระคาถาลงในแผ่นศิลา แผ่นหนึ่งทิ้งลงที่ท่าน้ำเจ้าพระยาหน้าวัดระฆัง ฯ ยังผลให้น้ำหน้าวัดบริเวณนั้นแปรสภาพเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้ผ่านมานับร้อยปีก็ยังคงขลังอยู่ไม่เสื่อมคลาย อีกแผ่นหนึ่งท่านใส่ไว้ในบ่อน้ำของวัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพ น้ำในบ่อก็กลายเป็นน้ำมนต์สารพัดนึกเช่นเดียวกัน กระทั่งวัดอินทรวิหารเห็นความสำคัญได้บูรณะบ่อน้ำมนต์โดยขุดลอกทำความสะอาดและสร้างมณฑปครอบไว้อย่างสวยงาม

    หลวงพ่ออุตตมะเป็นพระเถระรามัญวงศ์ที่ได้ศึกษาวิทยาคุณมาอย่างแตกฉานเจนจบ ท่านเป็นศิษย์ในสายของท่านเภมิสิญาอีกรูปหนึ่ง ที่ได้ศึกษาพระชินบัญชรคาถาและวิธีทำพระมหายันต์โบราณนี้ คณะศิษย์มีคุณอภิรักษ์ จุฬาศินนท์ เป็นแกนนำจึงขอสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พึ่งแก่บรรดาศิษย์ ท่านก็ประทานอนุญาตและได้จัดทำมาแล้ว ๒ รุ่น ด้วยความที่สร้างยากคุณอภิรักษ์จึงเคยขอหลวงพ่อว่าปั๊มลงบนแผ่นโลหะได้ไหม ท่านตอบทันทีว่า

    “ไม่ได้ ! อานุภาพไม่เกิด ต้องจารึกลงบนแผ่นหินเท่านั้น”

    จึงต้องบินไปทำเพลทต้นแบบพระยันต์ซึ่งเป็นอักขระมอญที่ประเทศพม่าเพราะเมืองไทยไม่มีคอมพิวเตอร์ภาษามอญ เสร็จแล้วจึงนำมาแกะลงบนแผ่นหินอ่อนอีกที หลวงพ่อให้พระอาจารย์ลิตึงเป็นผู้เขียนยันต์ตามคำบอกของท่านและท่านได้ตรวจทานด้วยองค์ท่านเองว่าอักขระไม่ผิดถูกถ้วนดีแล้วทุกประการจึงมอบให้นำไปสร้าง

    พระมหายันต์นี้ขณะเสกต้องแช่อยู่ในน้ำพระพุทธมนต์ตลอดเวลาจนเสร็จพิธี เมื่อทำถูกต้องตามตำราแล้วหลวงพ่อรับรองว่ามหายันต์หินอ่อนนี้จะมีอานุภาพมากนัก แม้ประดิษฐานอยู่ในที่ใดจะเป็นดุจกำแพงแก้วอันวิเศษป้องกันเสียซึ่ง โจรภัย อัคคีภัย วาตะภัย ภัยอันเกิดจากธรรมชาติก็ดี ไม่ใช่ธรรมชาติก็ดี ภัยอันเกิดจากมนุษย์ก็ดี อมนุษย์ก็ดี กันได้ทั้งสิ้น คุณไสยมนต์ดำ คุณผีคุณคน หรือลมเพลมพัดต่าง ๆ ไม่อาจแผ้วพาลสถานที่ประดิษฐานแผ่นยันต์ศิลานี้ได้เลย

    หลวงพ่อกล่าวว่า พระยันต์นี้จะนำไปติดที่เสาเอกบ้านก็ดี วางบนหัวเสาเอกก็ดี หรือติดไว้ที่หน้าจั่วบ้าน ย่อมเป็นสิริมงคลแก่บ้านและบุคคลที่อาศัยในบ้านนั้นยิ่งนัก วางบนโต๊ะหมู่บูชาหรือหิ้งพระก็เสริมสวัสดิมงคลแก่ผู้บูชานักแล

    แม้ปรารถนาน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ให้หาภาชนะสะอาดใส่น้ำสะอาดที่สามารถใช้ดื่มกินได้ลงไป จุดธูป ๕ ดอก เทียน ๒ เล่ม สวดมนต์บูชาพระตามปกติแล้วตั้งจิตระลึกถึง พระอินทร์ พระพรหม พระฤาษี พราหมณ์ ท่านเภมิสิญา และหลวงพ่ออุตตมะเป็นที่สุด อธิษฐานถึงความต้องการของเราแล้วเชิญแผ่นยันต์ลงในน้ำ เมื่อยันต์สัมผัสกับน้ำ น้ำนั้นจะแปรสภาพเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์มีคุณภาพดุจดังครูบาอาจารย์และหลวงพ่ออุตตมะมานั่งเสกให้ด้วยองค์ท่านเองถึงที่บ้านเลยทีเดียว จึงกล่าวได้ว่าแผ่นยันต์ที่ทรงคุณค่าแผ่นนี้แทนตัวหลวงพ่ออุตตมะในการทำน้ำมนต์ได้อย่างแท้จริง

    หากทุกท่านทำได้ ควรแช่แผ่นยันต์นี้ไว้ในน้ำบริโภคตลอดเวลาและนำน้ำมากรอกใส่ขวดแช่เย็นไว้ดื่มกิน ใส่กาน้ำร้อนไว้ต้มชงกับอะไร ๆ สิ่งนั้น ๆ ก็เป็นของศักดิ์สิทธิ์มีพลานุภาพขึ้นได้ดังอธิษฐาน เมื่อได้รับประทานทุกวันย่อมมีสุขภาพดีไม่ป่วยไข้ง่าย มีอายุยืน ธาตุทั้งสี่ในร่างกายได้รับน้ำศักดิ์สิทธิ์หล่อเลี้ยงสม่ำเสมอย่อมต่อต้านสิ่งอัปมงคล ป้องกันคุณไสยของไม่ดีต่าง ๆ ที่จะมาเข้าตัวได้ คล้ายกับเราแขวนพระอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

    แม้รู้สึกไม่สบายใจว่าเรามีเคราะห์ ชะตาไม่สู้ดี ก็สามารถนำน้ำมนต์นี้มาดื่มล้างหน้าและอาบรดเพื่อสะเดาะห์เคราะห์ต่อชะตาได้เองโดยไม่ต้องไปพึ่งใคร เพราะพระยันต์นี้เป็นของสำเร็จอธิษฐานแบบครอบคลุมมาทุกประการ แต่การล้างหน้าและอาบน้ำมนต์นี้ท่านมิให้กระทำในห้องน้ำห้องส้วมเด็ดขาด ควรทำกลางแจ้งได้เป็นดี พึงกระทำสักการะและใช้ประโยชน์ดังอธิบายมานี้เถิด ท่านจะประสบความสุขความเจริญอย่างยิ่งสมดังที่ท่านตั้งจิตอธิษฐานทุกประการแล ฯ.
    http://www.navaraht.com/forum/forum15/topic819.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.7 KB
      เปิดดู:
      1,566
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.5 KB
      เปิดดู:
      1,916
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.1 KB
      เปิดดู:
      2,330
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2013
  3. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,670
    สมเด็จพระญาณสังวร ฯ ท่านทรงมีธรรมโมทนาครั้งหนึ่งว่าหลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้มีเถรธรรม ตามนัยพุทธภาษิตที่ว่า “สัจจะ 1 ธรรม 1 ความไม่เบียดเบียน 1 ความสำรวม 1 ความข่มใจ 1 มีในผู้ใด ผู้นั้นแลท่านเรียกว่า ผู้มีปัญญา มีมลทินอันคลายแล้วเป็นเถระดังนี้”

    หลวงพ่ออุตมะ ท่านเต็มไปด้วยเมตตาธรรม ที่สามารถสัมผัสได้ ....เคยได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่ออุตมะที่วัดวังวิเวการาม ในช่วงสงกรานต์นานมาแล้ว จึงรู้ว่าท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของทั้งชาวมอญและชาวไทยที่นั่นจริงๆ

    พอเดินขึ้นไปบนศาลาไม้ (หลังเก่า) พุทธศาสนิกชนมารอกราบ ท่านด้วยความเคารพศรัทธาเต็มไปหมด ตอนนั้นอธิษฐานจิต แล้วนึกในใจว่าอยากถ่ายรูปท่านเก็บไว้เป็นที่ระลึก

    ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะนั่งลงตรงไหน เพราะญาติโยมทั้งไทยทั้งมอญ นั่งอยู่เต็มไปหมด พอนึกเสร็จ จากที่ท่านนั่งหันข้างอยู่บนอาสนะ (ที่ยกสูงจากพื้นศาลา) ท่านตั้งใจหันทั้งหน้าและองค์ท่านมาให้(ถ่ายรูป) ทันที อึ้งงงงค่ะ.....

    เมื่อหาที่นั่งได้แล้ว ก็นึกว่า ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ถือโอกาสเบียดเสียดผู้คนเข้าไปกราบท่านดีกว่า เข้าไปใกล้ได้ระยะพอสมควร เพราะเข้าไปใกล้กว่านี้ไม่ได้แล้ว

    ท่านก็มีเมตตาโยนสร้อยประคำไม้ลงคออย่างแม่นยำ (ระยะห่างไม่น้อยเหมือนกัน) อึ้งเป็นครั้งที่ 2 เพราะคนอื่นที่นั่งอยู่รอบข้างหลายๆ คนก็ไม่ได้ อิอิ ตอนนั้นแอบคิดเอาเองว่าท่านคงสัมผัสรู้ได้ว่า เดินทางมาไกล ท่านก็เลยเมตตา
     

แชร์หน้านี้

Loading...