บุญ-บาป ส่งผลกับโชคลาภหรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย C_Chatt, 19 สิงหาคม 2013.

  1. C_Chatt

    C_Chatt Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +45
    ขอเรียนถาม กรรมที่ทำมาจะเป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม หรือที่เรียกบุญบาปจะส่งผลกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน คนที่ทำบุญมาก อาจจะด้วยบริจาคทรัพย์ ปฏิบัติธรรม หรือการช่วยเหลือทำประโยชน์แก่สาธารณะชน ยอมได้รับผลบุญมาก ผู้ที่ด้อยโอกาส พิการ เจ็บป่วย หาเช้ากินค่ำ กรรมกรแบกหามโอกาสสร้างบุญน้อยกว่า เหล่านี้จะส่งผลกับโชคลาภ ซึ่งไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ จะมากน้อย แตกต่างกันหรือไม่ ขอบคุณครับ
     
  2. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    หากอยากรู้ว่าอดีตของตนผูกพันมีกรรมกับเรื่องใด ให้ดูภพชาติปัจจุบัน จะเห็นได้จากผู้ที่มีใจผูกพันอยู่กับการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำทานการกุศลมามากในอดีตชาติ เมื่ออยู่ภพชาติใหม่ก็จะสมบุรณ์พูนสุขด้วยทรัพย์สินเงินทอง มีโชคและมีลาภอยู่เสมอ แต่เมื่อถือกำเนิดมาแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน สภาพสังขารเป็นเช่นไร ประกอบอาชีพอะไร ทุกชีวิตมีโอกาสสร้างบุญสร้างกุศลได้ทัดเทียมกันตามฐานะของตน การทำบุญ ให้ทาน การรักษาศีลนั้นทำได้ทุกเพศวัยไม่จำกัด แต่อานิสงส์ที่ได้รับต่างหากค่ะที่จะทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นอยู่กับกุศลจิตที่ทำระหว่างนั้น คุณค่าและอานิสงส์ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เงินทองขึ้นอยู่กับจิต

    มนุษย์เรา ควรทำดีเพื่อความดี ให้ผลหรือไม่ให้ผลเป็นหน้าที่ของกรรม ไม่ใช่หน้าที่ของเรา เหมือนการปลูกต้นไม้ เรามีหน้าที่รดน้ำ ส่วนจะให้ดอกผลหรือไม่ เป็นหน้าที่ของต้นไม้ ไม่ต้องไปเป็นทุกข์เพราะการทำดี แต่ถ้าทำดีแล้วผิดพลาด เราก็ไม่ทุกข์แต่เอามาเป็นบทเรียน^^

     
  3. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ขอแยกเป็น๒ประเด็นครับคือ ผลจากบุญเก่า จำแนกให้คนต่างกันด้วยฐานะ นี้ส่วนหนึ่ง...

    ครั้นได้ฐานะต่างกัน ทำกุศลใหม่ โดยมากหรือแทบทั้งหมดก็ว่าได้..ผลที่เกิดต่างกัน ด้วยปัจจัยจำนวนมากดังตัวอย่างพอสังเขปคือ..

    ๑. เจตนาทำกุศล มีปัญญาประกอบใหม ถ้าคนจนทำบุญ เพราะทราบว่ากรรมมีผลจริง หวังความพ้นทุกข์โดยตรง ทราบชัดว่านิพพานไม่ใช่เมืองแก้วหรือเมืองขวดมีสีแสงระยิบ ระยับ แต่มีความไม่ผุดเกิดอีกเป็นที่หมาย...ผลบุญย่อมมากกว่าคนรวยที่คิดว่าทำบุญและคิดแต่จะให้รวยๆๆๆตลอดไป

    ๒. มีศรัทธาในการสละสิ่งที่ตนหวงแหนมากน้อยเพียงใด คนจนนั้น เพราะความจนจึงเป็นอุปสรรคต่อการสละทรัพย์สิ่งของ... แต่มีอยู่ คนจนที่แม้จนขนาดต้องแชร์ผ้านุ่งกับภรรยา เวลาออกไปทำกิจข้างนอกไม่สามารถออกไปพร้อมกันได้เพราะไม่มีผ้านุ่งสำหรับตนกับภริยา..เมื่อจิตเกิดศรัทธาแรงกล้าในพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน ก็ละความติดข้องหวงแหนถวายผ้า ผืนเดียวที่ตนมีอยู่แก่พระพุทธเจ้าได้ ผลและอานิสงค์ก็ปรากฏให้ได้รับทันที เพราะพระราชาทราบข่าวเข้าเลยพระราชทานเสื้อผ้าพร้อมทรัพย์มากมายให้ทันที..อ่านเรื่องต้นฉบับที่นี่ครับ..

    http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=19&p=1

    หากคนรวยไม่มีศรัทธาเท่าคนจน สักว่าทำไปเพราะมีทรัพย์มาก เพราะหามาได้ง่าย ผลย่อมปรากฏน้อยกว่าคนจนทำบุญ..

    ๓. ตนเองมีศีลมากหรือน้อย

    ๔. พบนาบุญดีหรือเลว

    ๕. ทรัพย์ได้มาโดยบริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์

    ๖. ทำแล้วจิตใจเบิกบานโสมนัสหรือเฉยๆ

    ๗. จิตเป็นไปกับบุญนั้นในกาลทั้ง๓หรือเปล่า

    ฯลฯ เป็นต้น...

    ความรวยและจนไม่ใช่ตัวกำหนดกำลังหรือปริมาณของผลบุญแต่อย่างไร เพราะบุญก็เป็นสังขารธรรมที่เกิดจากการปรุงแต่งด้วยปัจจัยมากมายเช่นกัน..การจัดแจงหรือปรุงแต่งด้วยความรู้ถูก เห็นถูก ในจิตใจที่คิดและทำกุศลจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อผลที่ที่ไพบูลย์อันตนประสงค์..

    บุญเป็นเรื่องของการวางใจไว้โดยแยบคาย วัตถุเป็นส่วนประกอบย่อยที่จำเป็นเท่านั้น ดังตัวอย่างของคนจนที่ถวายผ้านุ่งผืนเดียวที่มีอยู่แก่พระพุทธเจ้าัดังกล่าวข้างต้น ทั้งคนจนและคนรวยมีโอกาสทำบุญเสมอกันทั้งนั้น คนจนแม้สามารถทราบว่าบุญจากการอนุโมทนาที่คนรวยทำไว้ วางใจได้ถูก แม้ตนไม่มีสักสตางค์หนึ่งก็สามารถได้ผลบุญเช่นกัน ถ้าวางใจเป็นอย่างยิ่ง บางทีจะได้อานิสงค์มากกว่าคนทำด้วยซ้ำ เรื่องเช่นนี้มีแสดงไว้ในในพระำไตรปิฎก..



    อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ ปาปา จิตฺตํ นิวารเย
    ทนฺธํ หิ กรโต ปุญฺญํ ปาปสฺมึ รมตี มโน.
    บุคคลพึงรีบขวนขวายในความดี พึงห้ามจิตเสียจากบาป
    เพราะว่า เมื่อบุคคลทำความดีช้าอยู่ ใจจะยินดีในบาป.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...