บุญนี้เราต้องทำให้มาก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Nan Kulasart, 26 ธันวาคม 2005.

  1. Nan Kulasart

    Nan Kulasart Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +34
    บุญนี้เราต้องทำให้มาก <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    (แสดงให้คนไทยในต่างแดน)
    เจริญสุขญาติโยมที่ตั้งใจมาถวายอาหารพระ การที่เราได้มีกำลังกายกำลังใจอยู่มาจนถึงวันนี้ ตามหลักพระพุทธศาสนาก็ถือว่ามีบุญเก่าส่งอายุเรามา บุญใหม่ก็คือทำความดีในปัจจุบัน ที่เราเป็นคนมีความคิดดี ที่จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและครอบครัว ฉะนั้นบุญนี้นำความสุขมาให้กับทุกคน <O:p></O:p>
    พระพุทธเจ้าจึงว่า "ในโลกนี้ไม่มีอะไรจะหล่อเลี้ยงมนุษย์และสัตว์ให้มีความสุขได้ดีนอกจากบุญ" บุญนี้เป็นสิ่งธรรมชาติที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ฉะนั้นคนมองข้ามบุญไปไม่ได้ พระพุทธเจ้านี้สำเร็จมาได้ด้วยบุญ ถ้าคนหมดบุญก็คือคนหมดอายุ ทำอะไรไม่สำเร็จคือหมดบุญ บุญ แปลว่า เย็นใจ สำเร็จที่ใจ บาป แปลว่า ร้อนใจ คนที่ทำอะไรแล้วร้อนก็ถือว่ามันเป็นบาปเป็นอกุศล ทำแล้วไม่ค่อยสำเร็จถ้าใจร้อน ถ้าใจเย็นแล้วก็ใช้สติปัญญาไปด้วยก็จะสำเร็จทุกอย่าง<O:p> </O:p>
    ฉะนั้นชีวิตคนเราก็ควรทนุถนอมไปในทางที่ดี อย่าไปใช้ชีวิตที่มันไม่เกิดประโยชน์ เช่น ไปกินเหล้าจนขาดสติ จนกลายเป็นคนติดเหล้า ไม่มีปัญญาที่จะทำมาหากินเอาตัวรอดได้ เล่นการพนันจนหมดเนื้อหมดตัว เป็นหนี้เป็นสินเขา ทุ่มเทให้กับการพนัน เสียการงาน ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อชีวิต ถือว่าไม่ได้รักชีวิตตัวเองให้ถูกต้อง<O:p> </O:p>
    ฉะนั้นการกินเหล้าจนเมามายขาดสติ พระพุทธเจ้าถือว่าหมดปัญญา เป็นที่พึ่งของตัวเองก็ไม่ได้ เล่นการพนันจนหมดเนื้อหมดตัวก็เป็นที่พึ่งของตัวเองไม่ได้ แล้วครอบครัวก็แตกแยกกัน ฉะนั้นที่เรามาอยู่ในดินแดนนี้ก็ถือว่าเป็นดินแดนที่ดี บ้านเมืองเขาก็สงบร่มเย็นน่าอยู่ พวกเราก็ใช้สติปัญญาอยู่อย่างสบาย บางทีก็ดีกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำไปถ้าอยู่ที่นี่ใช้สติปัญญา เพราะเมืองไทยต้องไปแข่งขันกันมากมาย <O:p></O:p>
    แต่พุทธศาสนานี้ก็อย่างทิ้ง เพราะพุทธศาสนานี้บริสุทธิ์พระพุทธเจ้าท่านสร้างบารมีมาจนสำเร็จทุกอย่าง พระองค์ก็ทรงลำบากมาก่อน แต่ปรารถนาสร้างบารมีมาเป็นพระพุทธเจ้า เมื่อสำเร็จแล้วก็เหลือธรรมะไว้ ธรรมะ คือดับทุกข์ทางใจ ดับร้อนทางใจ พระธรรมก็ประเสริฐ พระอรหันต์ พระสงฆ์ก็ประเสริฐ ที่นำศาสนาเหลือเอาถึงสองพันกว่าปี แล้วพระพุทธศาสนาก็จะอยู่ได้ถึงห้าพันปีโลกนี้จะมีพระพุทธศาสนาถึงห้าพันปีถึงจะหมด <O:p></O:p>
    ตอนนี้ถือว่ามีมาสองพันห้าร้อยสี่สิบสี่ปีแล้ว พระพุทธ-ศาสนาก็ได้กึ่งพุทธกาลแล้ว<O:p> </O:p>
    พระพุทธศาสนานี้จะมาเจริญทางประเทศยุโรป ต่อไปนี้ ฝรั่งกำลังไปเอาพุทธศาสนาจากเมืองไทย จากลังกา จากพม่า จากอินเดีย พระพุทธศาสนากำลังเข้ามาสู่ยุคของคนมีปัญญา ฉะนั้นคนที่มีปัญญาเท่านั้นจึงจะเอาพระพุทธศาสนาไว้ได้ เพราะว่าพระพุทธศาสนาสอนให้ทำใจเป็นกลาง มองโลกในแง่ดี ไม่เกลียดใคร ไม่เป็นศัตรูกับใคร เป็นมิตรกับคนได้ทั้งโลก ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่ที่ไหนก็ทำให้ที่นั่นเจริญ ฉะนั้นพระพุทธศาสนาจึงเหมาะกับสังคมปัจจุบันทุกวันนี้คือไม่มีศัตรู ไม่สร้างสงคราม ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนให้รักกันเหมือนทุกคนเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เพราะเป็นผู้มีทุกข์ สุข ไม่ต่างกัน<O:p> </O:p>
    ฉะนั้นเรามาอยู่ตรงนี้ก็ต้องใช้พระพุทธศาสนามาประกอบอาชีพของเราให้สุจริตใจ สบายใจ แล้วก็พาพวกเราไปสู่ทางที่ดี ให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง คือเมื่อเราทำมาค้าขายก็มีความเจริญแล้วก็พยายามช่วยกัน รักใคร่สามัคคีกัน เรายิ่งให้เท่าใดยิ่งได้เท่านั้น อย่าอิจฉากัน อย่าริษยากัน อย่าแกล้งกัน ยิ่งให้ยิ่งรวย ยิ่งชมยิ่งสวย ยิ่งติยิ่งขี้เหร่ ยิ่งติยิ่งไม่ดี <O:p></O:p>
    จึงว่า..คนที่จะติก็คือคนที่หวังดีเท่านั้นเอง คือติเพื่อก่อ ถ้าติเพื่อทำลายก็ถือว่า เขาติเพื่อทำลายใจตัวเอง ฉะนั้นเราเป็นชาวพุทธจะต้องมีคุณธรรม มีธรรมะไว้ในหัวใจ อย่าคิดอิจฉาใคร ใครรวยขอให้รวย รวยแล้วเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนเรา เขาก็อาจจะไปช่วยคนอื่นได้ คนจนสิเราควรจะสงสาร เพราะจนแล้วเขาเดือดร้อน เราไม่ช่วยเท่ากับเราใจดำ เมื่อเขาจนมากๆ เราเป็นคนไทยหรือว่าคนในโลกนี้ เราจะนิ่งดูดายก็ไม่ได้ ไม่ช่วยเขาก็มาเบียดเบียนเรา <O:p></O:p>
    ฉะนั้นเราจะคิดให้ใครจนไม่ได้ต้องคิดให้ทุกคนรวยให้หมดเจริญให้หมด ให้ทำมาค้าขายร่ำรวย ให้มีความสุขความเจริญ ให้มีแขกเข้าเต็มร้านทุกวันๆ เราก็ดีใจ อนุโมทนาด้วยนะว่าบุญของเขาอย่างนี้ เราต้องคิดในแง่ดี ตัวริษยานั้นมันตัวกิเลส มันตัวบาป พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า สุดท้ายท่านต้องชำระออกหมด จิตที่มันไม่ดี<O:p> </O:p>
    ฉะนั้นเรามาเป็นคนชาวพุทธ หรือคนร่วมโลกกันนี้ขอให้ทำจิตใจให้งดงาม แล้วจะอยู่กันอย่างมีความสุขมากเลย เรามาต่างแดนนี้ เจ็บไข้ได้ป่วยเราก็ต้องพึ่งกัน ตายก็ต้องเผาผีกัน มีทุกข์ก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ว่ากูมีเงินแล้วไม่ง้อใคร มีงานแล้วไม่ง้อใคร แต่ที่จริงแล้ว ญาติทางธรรมะนี้เป็นญาติที่ช่วยกันอย่างดี ฉะนั้นจึงขอให้ทุกคนนี้จงรักใคร่สามัคคีกันแล้วก็ส่งเสริมกัน สุดท้ายนี้บุญช่วยเราได้ บุญนี้ปาฏิหาริย์ เศรษฐกิจตกต่ำบุญก็ไม่ตกต่ำ จะเกิดอะไรขึ้นมาก็จะผ่าวิกฤตของเขาไปได้หมด ถ้าเราทำไว้นะ <O:p></O:p>
    ฉะนั้นก็ขอให้อย่าประมาท พระพุทธเจ้าของเรานี้เจริญสุดยอดแล้วนะไม่มียุคไหนที่จะเจริญเท่ายุคพระพุทธเจ้า ไม่มีใครจะฉลาดเท่าพระพุทธเจ้า ไม่มีใครจะเป็นผู้บริสุทธิ์เท่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านี้บริสุทธิ์ ถือว่าไม่มีชาติ ไม่มีวรรณะแล้ว พระพุทธเจ้าถือว่าเป็นบุคคลที่เมตตามีให้แก่โลกนี้อย่างไม่คิดเสียดายอะไร แม้แต่สมบัติก็สละได้ เป็นพระเจ้าแผ่นดินก็สละหมด มาทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ สอนให้ทุกคนเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บุญมีจริง บาปมีจริง สวรรค์ นรก นิพพานมีจริง แล้วสอนให้คนไปเป็นขั้นๆ ตอนๆ ตามฐานะทุกคนได้หมดเลย สอนให้ปิดนรก อย่าไปเบียดเบียนคนอื่น แล้วก็สอนให้เป็นผู้ให้ สอนให้เสียสละเป็น การให้นี้ มีความสุขนะ <O:p></O:p>
    อย่างวันนี้โยมให้ โยมก็มีความสุข วันนี้ถ้าเราเอาเปรียบคนอื่นถึงเราจะได้เงินแต่ก็ถือว่าเราก็ไม่มีอะไร แต่วันนี้เราให้เราก็มีความสุข ฉะนั้นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงว่าสุดยอด ที่ว่าศาสนาเสื่อมไม่มีเสื่อม เสื่อมที่คนทำได้หรือไม่ได้ เสื่อมอยู่ที่ใจคนแต่พระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า ยังเป็นโพธิปักขิยธรรม (ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้, ธรรมที่เกื้อกูลหนุนแก่อริยมรรค มี ๓๗ ประการคือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มรรคมีองค์ ๘ ) ธรรมะ ๘๔,๐๐๐พระธรรมขันธ์ยังบริสุทธิ์ ผุดผ่องอยู่ได้ถึง ๕,๐๐๐ ปี ไม่มีเสื่อมถ้าใครปฏิบัติก็ไปสวรรค์ นิพพานได้ทุกคน พระสงฆ์ พระอริยเจ้า และพระอรหันต์ไม่เสื่อม เพราะหมดกิเลสแล้ว ไม่มีโลภ ไม่มีโกรธ ไม่มีหลง ไม่มีวันเสื่อม ที่เสื่อมก็คือ ปุถุชนคนธรรมดา เป็นพระสมมุติมาจากลูกชาวบ้าน มาบวชชั่วครู่ชั่วยาม สึกก็ได้บวชก็ได้ พวกนั้นสึกไปกลับมาบวชใหม่ก็ได้เป็นบุคคล แต่พระสงฆ์นี้มีเสื่อม <O:p></O:p>
    ถึงแม้ว่าพระพุทธศาสนา จะมีข่าวคราวพระดีไม่ดี แต่พระพุทธศาสนาก็ยังเป็นทองคำ ยังเป็นเพชรที่เจียรไนดีแล้ว ก็ขอให้โยมสบายใจแล้วก็อย่าประมาท<O:p> </O:p>
    "ไม่มีพระ..กูไม่ทำบุญ" มีพระไม่ดีก็ไม่ทำบุญหรือว่าอยู่ไกลวัด "กูไม่ทำบุญ" อย่างนี้ไม่เอา อย่าไปคิดอย่างนั้น บุญนี้อยู่ที่ใจเรา หนึ่งคืนหนึ่งวันขอให้สวดมนต์ภาวนาเป็น <O:p></O:p>
    นะโม ตัสสะฯ ๓ จบ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ อิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ พาหุงฯ มหากาฯ สวดได้ไหม ถ้าสวดได้นั่นแหละบุญ นั่นแหละพระอยู่ที่บ้านเรา สวด ๓ จบ สวดไม่ได้ก็เอาหนังสือมากาง นั่นแหละให้พรตัวเอง พอสวดไปบ่อยๆ แขกเข้าเต็มร้านเลย นานๆ ไปก็จะมีญาติมากมิตรมาก ที่อันตรายไม่มีเลย แล้วครอบครัวที่เคยเดือดร้อนแตกร้าวกันจะกลับมาดีหมดเลย <O:p></O:p>
    มีคนหนึ่งเป็นแอร์โฮสเตรส เขาเครียดนะวันนั้น เพราะทะเลาะกับแม่มา เมื่อไปทำงานเจ้านายพอเห็นหน้าแอร์โฮสเตรสคนนี้แล้วไม่ชอบเลย ทั้งๆ ที่คนนี้ก็สวยนะ ทีนี้ก็มานึกได้นะว่า...<O:p> </O:p>
    "โอ้..เป็นกรรมของเรา ที่เราทะเลาะกับแม่มา..วันนี้ต้องเจอคนนี้แน่เลย.." พอเขารู้ว่าเป็นกรรมที่ทะเลาะกับแม่ พอว่างเขาก็เลยนั่งสมาธิเลย ดูลมหายใจเรื่อยๆ ทำจิตว่าง ทำจิตไม่โกรธ ทำใจว่างๆ หนึ่งชั่วโมง นั่งสมาธิหนึ่งชั่วโมงบนเครื่องบิน พอเจ้านายคนนี้มาเจอก็งงเลยนะ ถามว่าทำไมหน้าตาเปลี่ยนอย่างนี้ เอ๊ะ..ทำไมไมเหมือนเมื่อกี๊นี้..<O:p> </O:p>
    แอร์โฮสเตรสเขารู้เลยว่าเขาทำสมาธิ นายจึงเปลี่ยนเปลี่ยนอารมณ์ คราวนี้ไม่เอาเรื่องเขาเลย กลายเป็นพูดดี อะไรก็ดี หมดทุกอย่างเลย เขาบอกรู้เลยว่าเขาแก้กรรมด้วยการนั่งสมาธิ วันนี้ถ้าเขาโกรธแล้วโต้ตอบ ต้องเกิดเรื่องแน่เลย โดนรายงานแน่เลยแต่ด้วยการรู้ว่าตัวเองเคยปฏิบัติมาแล้วนี้ ก็เอาวิธีปฏิบัตินี้มาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ก็เลยกลายเป็นว่าน่าเกลียดกลายเป็นน่ารักไปเลย <O:p></O:p>
    ฉะนั้นจึงว่า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแก้ปัญหาได้ ถ้าทำใจได้ อย่าได้เบื่อหน่าย อย่าได้ท้อถอยต่อชีวิต ชีวิตคนเรามันต้องเดินให้ไปถึงที่สุดแหละ ที่สุดถึงสวรรค์สมบัติ นิพพาน สมบัติ คนเราไม่ใช่ว่าเดินอยู่แค่นี้ ก็ขอให้ตั้งใจ จงอดทน อย่าได้ท้อถอย ทุกคนมีโอกาสทุกคน ทุกคนมีความดีในตัวเอง ทุกคนมีวาสนา ทุกคนมีบุญ แต่ขอให้สร้างให้มากขึ้น อย่าได้คิดว่ากูพอแล้ว ไม่ทำต่อแล้ว อย่าได้คิดอย่างนั้นไม่ใช่ ไม่พอโยม <O:p></O:p>
    พระเจ้าแผ่นดิน ท่านพอไหมโยม? พระเจ้าอยู่หัวพอไหมโยม? พระราชินีพอไหมโยม? เขาสร้างบุญกันจังเลย ผู้ที่อยู่ในรั้วในวัง ทอดกฐินทอดผ้าป่า ช่วยเหลือคนจนตกทุกข์ได้ยาก เขามีโอกาสทำบุญได้มากเลย ไปดูเขาแล้วเขาอยู่กับศาสนามากเลย จึงว่าไปที่ไหนคนจึงรักเขา เขารู้ว่าเขาจะต้องทำบุญ ตราบใดที่เขายังไม่ถึงพระอรหันต์ ไม่ถึงนิพพาน เขาไม่เลิกทำบุญหรอก <O:p></O:p>
    สมัยนี้พอเกิดเป็นลูกคนรวยหน่อย <O:p></O:p>
    "กูไม่ทำบุญแล้ว" ใช่ไหม? <O:p></O:p>
    "ทำทำไมกูสบายแล้ว" ถ้าเรียนสูงๆ หน่อยก็ไม่สนใจธรรมะแล้ว <O:p></O:p>
    "กูรู้มากแล้ว" อะไรอย่างนี้ ยิ่งมาอยู่เมืองนอกด้วย <O:p></O:p>
    "กูไม่สนใจธรรมะด้วย" ไปไกลเลยคราวนี้ ไม่รู้จะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกยังไม่รู้เลย ใช่ไหม?<O:p> </O:p>
    ทิ้งศาสนานี้ไม่ได้ ศาสนาต้องเกาะให้แนะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราต้องยึดถือไว้ ใครจะว่าศาสนาไหนดีเราก็ไม่ว่าอะไร เขาก็ดีแต่พระพุทธเจ้าของเรานี้ สุดยอดแล้วโยม ไม่ต้องไปกลัวว่าพระพุทธเจ้าเราไม่ดีโยม แต่ที่ว่าไม่ดีเพราะว่าเราเข้าไม่ถึงเองโยมพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อย่าไปคิดว่าไขว้เขว ไม่ใช่ของจริง..ของจริงโยม เป็นสัจธรรม พระสงฆ์ก็เป็นของจริง <O:p></O:p>
    เมื่อสมัยก่อนนี้ พระสงฆ์นี้สุดยอดเลยนะโยม ช่วยบ้านช่วยเมือง ช่วยชาติศาสนา อยู่ได้ด้วยพระสงฆ์ทั้งนั้นเลยโยม ทั้งเมืองไทย เมืองอินเดียนี้ยิ่งใหญ่มากเพราะพระสงฆ์ช่วยมานะโยม เมืองไทยก็พระสงฆ์ช่วย พระธรรมช่วย อย่างสมัยรัชกาลที่ ๔ บาทหลวงไปเมืองลังกา (ประเทศศรีลังกา) ไปถามปัญหาพระจนพระเถียงไม่ได้ บาทหลวงคนนั้นเก่งมากเลย <O:p></O:p>
    พอมาถึงเมืองไทย มาถามปัญหาพระ ผลที่สุดจนต้องมีพระองค์หนึ่งออกมาจากป่าเลยโยม องค์นั้นออกมาจากป่าบอกว่าจะขอแก้ปัญหากับบาทหลวงเอง บาทหลวงคิดจะยึดลังกาให้เป็นคริสต์ ให้หมดเลย พระสงฆ์องค์นั้นโต้ตอบปัญหากับบาทหลวงคนนั้นเลย ต่างคนต่างไม่แพ้กันเลยบอกว่า <O:p></O:p>
    "เอ้อ พระพุทธศาสนานี้ไม่โง่นะ อย่างนี้เราก็เอาศาสนานี้ไม่ได้"<O:p> </O:p>
    แล้วก็ไปเมืองไทยอีก คราวนี้ไปถามพระเจ้าแผ่นดินว่า..<O:p> </O:p>
    "ใครที่รู้เรื่องของพระพุทธศาสนาได้สุดยอด จะขอถามปัญหา"<O:p> </O:p>
    พระเจ้าแผ่นดิน จึงบอกว่า...<O:p> </O:p>
    "โน้นแหนะ ขรัวโต (สมเด็จพุทธจารย์โต) นั่นแหละรู้เรื่อง<O:p> </O:p>
    พระพุทธศาสนาได้หมดทุกอย่าง"<O:p> </O:p>
    บาทหลวงคนนี้ก็ไปเลย เพราะคิดว่าจะไปปราบสมเด็จ<O:p> </O:p>
    พุทฒาจารย์โตสักหน่อย บาทหลวงก็ถามเลยว่า<O:p> </O:p>
    "สมเด็จพุทฒาจารย์โต..ท่านว่าโลกนี้กลมหรือแบน"
    สมเด็จพุทฒาจารย์โตบอกว่า "โลกนี้กลม"<O:p> </O:p>
    "ถ้าโลกกลมแล้วตรงไหนหล่ะที่เป็นศูนย์กลางโลก"<O:p> </O:p>
    สมเด็จพุทฒาจารย์โต ถือไม้เท้าเดินลงบันไดมาจี้ที่ตีนกระไดเลยว่า... "ที่นี่แหละคือกลางโลก"
    บาทหลวงงงเลย.."อะไรกัน ตรงนี้เหรอ กลางโลกนะ "เขาก็นึกว่าบ้านเขาเป็นกลางโลก <O:p></O:p>
    สมเด็จพุทฒาจารย์โต จึงบอกว่า "ก็เหมือนลูกผลส้ม เหมือนลูกฟุตบอลนั่นแหละ จี้ตรงไหนมันก็กลางทั้งหมดแหละ เพราะลูกมันกลม"<O:p> </O:p>
    บาทหลวงร้องเลย.."เอ้อ..ใช่สิ" "แสดงว่าพระองค์นี้รู้จริง รู้ว่ากลางโลกอยู่ตรงตีนกระไดวัดนี่เอง"<O:p> </O:p>
    นี้คือปราชญา (ปัญญา) ที่เกิดจากธรรมะที่ท่านเรียนมาทำให้ท่านไม่โง่ ทำให้ท่านแก้ปัญหา ทำให้เมืองไทยเรามีปราชญ์ <O:p></O:p>
    ฉะนั้นจึงว่าเราอย่าได้มองข้ามบุญกุศลตัวเองโยม ต้องทำให้มากขึ้นทุกวัน...<O:p>

    ขออนุโมทนา ...ขออนุโมทนา...สาธุ .....สาธุ </O:p>
     
  2. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    ขออนุโมทนาครับ...

    วิธีสร้างบุญบารมี...ของสมเด็จพระญาณสังวร...

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=19673

    เว็บไซต์ประวัติและธรรมเทศนาหลวงปู่หลวง กตตฺปุญฺโญพระสุปฏิปันโนสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    http://members.thai.net/varanyo/pooluang.asp<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ลักษณะพุทธศาสนา...สมเด็จพระญาณสังวร<O:p</O:p<O:p</O:p

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=168173<O:p</O:p<O:p</O:p

    สัพพาสวสังวรสูตร...สมเด็จพระญาณสังวร<O:p</O:p<O:p</O:p

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=168329
     
  3. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    ขออนุโทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...