บุคคลที่เรียกว่า "พ่อ"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย undeath13, 22 มีนาคม 2005.

  1. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,479
    ค่าพลัง:
    +1,830
    [bw-cry]




    ผมไปเจอมาโดย บังเอิญ ที่เวบแห่งหนึ่ง


    เครดิตครับ

    http://www.pramool.com:443/webboard/view.php3?katoo=r737925&page=1






    "ครืด ๆ คว้างงงงง ปึ่ง " เสียงประตูบ้านของผมปิดลงมา บ้านของผมเป็นตึกแถว 2 ชั้น หน้าบ้านเปิดเป็นร้านขาย
    ของชำเล็กๆ พ่อของผมตกงาน จึงได้รวบรวมเงินก้อนสุดท้าย พร้อมกับผม้แบงค์เพิ่ม เพื่อมาเปิดกิจการขายของ ร้านของผม
    จะเปิดตอน 7 โมงเช้า และปิดตอน 5 ทุ่ม ครอบครัวผมเป็นครอบครัวเล็กๆ มี พ่อ แม่ ผม และสุนัขอีก1ตัว

    "แอ๊ด.... ปึ่ง" ผมนั่งอ่านการ์ตูนอยู่ที่โต๊ะทำงานของแม่ ก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวคอไปดู สุนัข ของผม ซึ่งมันจะเห่า
    ทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้น ผมได้แต่หัวเราะอยู่ในใจ ไม่แสดงออกมากนัก แม่ของผมเดินเข้ามา นั่งลงอยู่ที่เตียงข้างๆโต๊ะทำงานของแม่
    "แอ๊ด..... ปึ่ง" ผมรีบหันกลับมาที่การ์ตูนทันที พ่อผมขึ้นมาแล้ว ผมไม่อยากมองหน้าพ่อ ผมเกลียดพ่อ ผมก้มหน้าอ่านการ์ตูนต่อไป
    ในมือทั้ง 2 ข้างของพ่อผม เต็มไปด้วยเสื้อผ้า ที่เพิ่งตากเสร็จ และเดินนำไปวางไว้ตรงราวแขวนผ้า เพื่อที่จะนำไปรีดต่อไป
    พ่อของผมวางกระเป๋าหนังใส่เงินใบเก่าๆ คร่ำครา สีดำปนน้ำตาล ซิปของกระเป๋าแตก จนไม่สามารถที่จะรูดปิดได้ ข้างหน้ากระเป๋า
    ที่ไว้สำหรับใส่เหรียญก็ขาด พอที่จะใส่แบงค์ได้เพียงอย่างเดียว แม่ผมเคยบอกให้พ่อซื้อกระเป่าใบไม้ เพื่อที่จะได้ปิดซิปได้
    กันไม่ให้เงินในกระเป๋าหล่น เวลาเผลอ แต่พ่อผมก็จะยิ้ม แล้วตอบว่า"เรายังต้องใช้หนี้แบงค์นะ อะไรที่ประหยัดได้ ก็ประหยัดไปก่อน"
    พ่อผมนั่งลงกับพื้น เทเงินออกมาจากกระเป๋า เงินทั้งหมดกองอยู่ที่พื้น มองดูคล้ายๆกับเนินเขา สีเขียวเล็กๆ ปนน้ำตาล มีแบงค์สีฟ้าปะปนอยุ่บ้าง
    นิดหน่อย พ่อผมบรรจงนำแบงค์ขึ้นมาคลี่ทีละใบ เสียงเงินดัง ขวับ ขวับ ทำไมต้องมานั่งนับเงินตรงนี้ด้วย ความคิดของผมฉุดขึ้นมาทันที
    ไม่เห็นหรือไง ว่าผมอ่านหนังสืออยู่ ถึงมันจะเป็นหนังสือการ์ตูนก็เถอะ แต่มันเป็นหนังสืออย่างเดียวที่ทำให้ผมอ่านแล้วมีความสุข
    ผมหันไปมองหน้าพ่อ "ป๊า!! หนวกหู ที่อื่นไม่มีนับหรือไง เสียงมันดัง" ผมลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เตะเก้าอี้ตัวนั้นล้ม มันเอนไปยังกองเงิน
    ที่พ่อผมนั่งนับอยู่ ล้มลงข้างหน้าพ่อของผมพอดี ผมไม่สนใจที่จะเหลียวมอง หรือเก็บเก้าอี้ตัวนั้น ผมตรงไปที่ห้องของผมทันที ปิดประตูกระแทก
    "ปั้ง" ผมทิ้งตัวลงนอนกับเตียง นอนอ่านการ์ตูนต่อ จนเผลอหลับไป. . . . .





    "เอ เอ ตื่นได้แล้วลูก" เสียงของชายชราตะโกนเข้ามาจากประตูฝั่งตรงข้าม ฟังดูเหน็ดเหนื่อย และอิดโรย
    ดูแล้วเหมือนยังไม่หายเหนื่อยจากเมื่อคืน "รู้แล้วว เรียกอยู่ได้ เดี๋ยวตื่นน่า" ผมตะคอกกลับไป ทั้งๆที่ตาผมยังหลับอยู่
    "เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันนะลูก นี่ก็6โมงครึ่งแล้ว" "บอกว่าแปปนึงไม่ได้ยินหรอ เอ ง่วง"พ่อผมเคาะประตู ผมลุกขึ้นมา
    แล้วเปิดประตูออก ผมจ้องมองหน้าพ่อ พยายามถ่างตามองหน้าชายชรา ที่อยู่ตรงหน้าอย่างถคุณทึง ราวกับไม่พอใจ
    ที่พ่อมาทำกับผมแบบนี้ ผมง่วง ผมเข้าใจดี ว่าตอนนั้นไม่มีอะไรที่จะมาเอาชนะความง่วงของปมไปได้ "ไปเร็ว เอ รีบไป
    อาบน้ำ เด๋วป๊าไปต้มน้ำให้" ผมเดินผ่านพ่อไป ไหล่ของผมกระแทกถูกพ่ออย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมปิดประตูห้องน้ำกระแทก
    "ปั่ง" ผมยืนอยู่หน้ากะลังมัง เอามือจุ่มลงไปในน้ำที่มีอยุ่เพียง 1 ใน 4ของกะลังมัง "ป๊า จะให้ เอ อาบน้ำแค่นี้หรอ" ผมตะโกนออกมาจาก
    ห้องน้ำ "มาแล้วๆ ป๊าต้มน้ำมาให้แล้ว" "เมื่อไหร่จะซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นซะทีอะป๊า ไม่กี่พันบาทหรอก" "เอาน่า ป๊าจะต้มน้ำให้อาบทุกวันละกัน
    เราต้องช่วยๆกันประหยัดหน่อย" พ่อผมพูดพร้อมกับเทน้ำร้อนออกจากกาต้มน้ำ มันทำให้น้ำในกะลังมังดูเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย
    แต่ตอนนี้มันก็ร้อนได้ที่ ผมเอื้อมมือไปเปิดสายยาง ปล่อยให้น้ำไหลออกมาอย่างช้าๆ ค่อยๆผสมให้น้ำอุณหภูมิอุ่นพอเหมาะ
    ผมอาบน้ำจนเกลี้ยงกะละมัง เสร็จแล้ว ผมเดินออกมาข้างนอก ยืดกอดอกอยู่หน้าห้องน้ำ "บรื้อ หนาวจัง" พ่อผมก็เดิน
    เข้าไปอาบน้ำต่อจากผม ผมเดินออกมาหน้าราวตากผ้า ผ่านไปยังโต๊ะรีดผ้า ที่มีชุดนักเรียนเก่าๆอยู่ตัวหนึ่ง ถูกรีดจนเรียบ
    ไออุ่นของเตารีดยังหลงเหลืออยู่ มันเพิ่งถูกรีดไม่นานนัก แม่ผมก็ยังไม่ตื่น จะเป็นใครหละที่รีดเสื้อผ้าชุดนี้ให้ผม
    ก็คงไม่พ้นพ่อผมอยู่ดี ผมแต่งตัวเสร็จก็ลงไปทานข้าวเช้า กับเข้าเช้านี้ก็เป็นเหมือนเดิมๆคือ ข้าวต้มที่วางอยู่บนโต๊ะมีข้าวต้ม 3 ถ้วยวางไว้อยู่
    พร้อมกับปลาราดซีอิ๊วอีก 1 ตัว ผมจัดการบิเนื้อปลา กินกับข้าวต้ม หมดไปครึ่งตัว ข้าวต้มผมก็หมดพอดี ซักพัก
    พ่อผมก็เดินลงมา ผมยื่นมือออกไปทางพ่อ "ป๊า ขอเงินค่าขนมด้วย"ป๊าเดินไปหยิบเงินออกจาก กระป๋องคุ๊กกี้เก่าๆ สนิมเขรอะๆ
    ใบหนึ่ง หยิบแบงค์สีเขียวๆ เก่าๆขึ้นมา2ใบ "โหยป๊า 40 บาทเองหรอ ค่ารถไปกลับก็ 20 บาทแล้วนะ ไหนจะค่าข้าวอีก ขออีก40บาท
    ได้ไหม วันนี้มีจ่ายค่าอาหารที่จะใช้ในงานประชุมผู้ปกครองวันเสาร์นี้ โรงเรียนเก็บทุกคน" ผมโกหกพ่อค่าอาหารที่ใช้ในงานประชุม
    ผู้ปกครอง ทางโรงเรียนได้ออกให้ทุกปีอยู่แล้ว พ่อผมก็เดินไปหยิบแบงค์20ใบเก่าๆขึ้นมาอีก 2 ใบ ยื่นให้ผม แล้วแกก็เดินไปเปิดร้าน ผมรีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์
    พร้อมกับหนังสือเล่มเล็กๆอีก4เล่ม มีสายรั้งหนังสือคาดไว้ให้เข้ารูป ผมไม่สนใจหรอกเรื่องเรียน คนเราเกิดมาเดี๋ยวก็ตาย จะเรียนไปทำไมให้หนักๆ
    หนังสือที่ผมถือมาทำเป็นฟอร์มว่าจะไปเรียน ตั้งแต่เปิดเรียนมา ผมแทบจะนับครั้งที่เข้าเรียนได้เลย ถ้าครูไม่สวยหรอ ผมไม่เข้าเรียนหรอก



    เย็นวันนั้น ผมกลับมาถึงบ้าน ผมไม่เคยเลยซักครั้งที่จะกล่าว สวัสดี กับพ่อ และแม่ ผมรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องเขวี้ยงหนังสือ
    4 เล่มลงบนเตียง ผมแหงนหน้าไปมองเหรียญทอง ที่ผมได้จากการแข่งกีฬาสี ผมวิ่ง 400 เมตรชนะเลิศ มันก็แค่เหรียญทองธรรมดาๆอันหนึ่ง
    ผมไม่ค่อยใส่ใจหรอก คิดซะว่า ฟลุ๊คด้วยซ้ำไป ที่ผมวิ่งชนะ ผมมองไปยังกองหนังสือ 4 เล่ม ที่ผมเพิ่งทิ้งมันลงบนเตียง สภาพของมันยังคงอยู่คงรูป
    กับสายรั้งหนังสือเช่นเดิม ผมรู้สึกอายนะ เพื่อนๆในห้องของผมทุกคน ต่างก็มีกระเป๋าให้ใช้ แต่ตัวผม ไม่มี มีแต่สายรั้งหนังสือ
    ที่พ่อของผมเคยเก็บเงินซื้อมาให้ ในวันครบรอบวันเกิด ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผมจำไม่ได้ และไม่อยากจะใส่ใจกับมัน
    ผมไม่เคยจัดงานวันเกิดกับเพื่อนเลย ไม่กล้าแม้แต่จะชวนเพื่อนมาเที่ยวบ้านซะด้วยซ้ำ ทำไมนะหรอ ก็บ้านของผมมันเล็กหนะสิ
    ทั้งเก่า อับชื้น เป็นบ้านที่พ่อของผมเก็บเงินซื้อไว้ แต่มันก็ไม่ถูกใจผมอยู่ดี ผมอยากได้กระเป๋าเหมือนเพื่อน ผมน้อยใจเหมือนกันนะ
    ว่าทำไมตัวผมถึงไม่เหมือนคนอื่นๆ บ้านผมไม่รวย แม้กระทั่งกระเป๋าเล็กๆใบหนึ่ง ที่จะใส่หนังสือเรียน ผมยังไม่มีซะด้วยซ้ำ
    ผมลุกขึ้นจากเตียง วิ่งลงไปข้างล่าง มองหาพ่อของผม นั่นไง แกกำลังหยิบตะปูให้ช่างคนหนึ่งอยู่ "ป๊า เอ อยากได้กระเป๋าแบบเพื่อน
    ทุกคนเขามีกระเป๋าใช้ แล้วดู เอ สิ อายเขาจะแย่อยู้แล้ว" พ่อผมค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ เสียงก็อปแก็ป จากกระดูกไขข้อของเข่า
    และข้อต่อระหว่างขา ได้ยินอย่างชัดเจน มือแกเปรอะ เต็มไปด้วยคราบน้ำมันตะปู ที่แกเพิ่งหยิบให้ช่าง พ่อของผมหันมามองผม
    แกยิ้มให้ผม กลิ่นน้ำมันมวย ที่แม่ผมทาให้แกทุกวันตามแผ่นหลังเพื่อคลายความปวด เมื่อย ลอยเข้ามาเตะจมูกผม มันเหม็นและแสบจมูกมาก
    ผมแทบจะยกมือขึ้นมาปิดจมูกไม่ทัน "เดี๋ยว ป๊า ซื้อให้นะ" น้ำเสียงของพ่อผมยังเหมือนเดิม ฟังดูเหน็ดเหนื่อย อิดโรย แต่
    แฝงไปด้วยความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมอยากจะเข้าไปกอดพ่อบ้างซักครั้ง แต่คำว่า ผมเกลียดพ่อ มันฉุดขึ้นมาทุกที
    พ่อผมยิ้มให้ผมเหมือนเคยทุกครั้ง ผมไม่เคยเห็นรอยยิ้มจางไปจากใบหน้าของแกเลย ทุกครั้งที่ผมมองเห็น
    ไม่ไหวแล้ว ผมรีบวิ่งขึ้นมาบนห้อง และทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ผมร้องไห้ที่ครอบครัวของผมจน ผมเกลียดพ่อ
    ผมไม่รักพ่อเลย นับตั้งแต่ที่พ่อของผมประสบอุบัติเหตุคราวนั้น พ่อของผมหน้าแข้งหัก ต้องใช้เหล็กดามขาไว้ข้างใน พ่อของผมถูกไล่ออกจากงาน
    ตอนนั้นทั้งบ้านเครียดกันมาก แต่พ่อผมก็ไม่ย่อท้อ รวบรวมเงินก้อนหนึ่ง ประกอบกับผม้แบงค์มาอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อนเปิดร้านขายของชำ
    และผ่อนบ้าน วันเสาร์นี้ก็จะผ่อนจ่ายเงินผม้ให้แบงค์ครบตามกำหนดแล้ว แต่ผมก็ยังไม่พอใจอยู่ดี ผมควรจะได้เล่นสนุกเหมือนอย่างเพื่อนๆ
    ผมควรจะได้เล่นเกมตามประสาเด็ก ผมควรจะได้คุยโทรศัพท์กับเพื่อนบ้าง แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้ บ้านเราต้องประหยัด
    คำพูดนี้ยังก้องอยู่ในหัวของผม ทนไม่ไหวแล้ว ผมเกลียดครอบครัวนี้ ผมอยากตาย ผมไม่อยากทรมานต่อไปแล้วกับความจน ผม
    ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา ผมจะฆ่าตัวตาย ผมมองไปยังโต๊ะ ที่มีขวดยาเล็กๆ ใส่ยาพาราวางไว้อยู่ ผมคว้ามันมาใส่ในกระเป่า
    กางเกง และลงไปยังข้างล่าง เพื่อหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาขวดนึง ผมตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะฆ่าตัวตาย ผมมองไปยังพ่อของผม
    ผมเห็นแกกำลังเดินหาอะไรบางอย่างอยู่ ลาก่อนครับ ป๊า ผมพูดในใจ พร้อมกับเดินไปยังตู้แช่น้ำ ผมหยิบน้ำเปล่าออกมาขวดนึง "เอ"
    ผมสะดุ้งสุดตัว และหันไปยังต้นเสียงนั้น "ทำไม!! ป๊า" "เห็นน้ำมันมวยของป๊าไหม ป๊าปวดหลัง เอ ว่างไหมช่วยหาแล้วทาหลังให้ป๊าหน่อยสิ"
    "ป๊าก็หาเองสิ เอ ยุ่งอยู่" ว่าแล้วผมก็เดินหันหลังขึ้นไปบนห้องนอนทันที ผมอยากตาย ความคิดนี้ฉุดขึ้มาอีกครั้งหนึ่ง ผมเทยาออกจากขวด
    ลงบนมือประมาณ 10 -12 เม็ด ผมคว้าเข้าปาก ตามด้วยน้ำเปล่าทันที หัวของผมกระทบเข้ากับหมอน ลาก่อนทุกคน ลาก่อนครับ ม่าม๊า
    ป่าป๊า ไม่มีผมอยู่ ก็หมดตัวปัณหาไป 1 คน ป๊า ม้า จะได้สบายเสียที แล้วผมก็หลับไป




    โอ๊ยยย ปวดหัว ผมปวดหัวไม่ไหวแล้ว ทำไมแสงมันเจิดจ้าอย่างนี้ ผมตายแล้วหรอ ที่นี่ที่ไหน ผมค่อยๆลืมตาขึ้น
    ไม่ใช่ห้องของผมหนิ เจ็บ ผมมองไปที่ข้อมือขวาของผม ตอนนี้มีสายน้ำเกลือติดอยู่ข้างๆมือ "อ้าว ตื่นแล้วหรอเจ้าหนู"
    เสียงคนแก่จากเตียงข้างๆทักผม ผมไม่ตอบ ผมได้แต่มึนหัว ตาของผมเบลอจนแทบอยากจะฟุ๊บตัวลงไปอีกครั้ง
    ป๊า ม้า อยู่ไหน ผมเบิกตากว้างๆมองไป 2 ข้างเตียง ไม่มีใครมาเยี่ยมผมเลยหรอ ลูกจะตายอยู่แล้ว ไม่มีใครคิดที่จะมาหาลูกเลยหรอ
    "ว่าไง เจ้าหนู เปนอะไร ถามไม่ตอบ" เสียงนี้เรียกสติของผมกลับมาอีกครั้ง "ครับ นี่วันอะไร กี่โมงแล้วครับ" "ตอนนี้หรอ เอ...
    กี่โมงแล้วหว่า" คนแก่คนนั้นมองไปยังนาฬิกาข้างๆเตียงของเขา "อ่อ ตอนนี้ก็ บ่าย2โมงแล้วหละ วันพฤหัส แกนี่เก่งจริงๆน้าา หลับไปตั้ง3วันเต็มๆ
    ตอนแรกก็คิดว่าแกจะไม่รอดซะแล้ว พ่อแกอุ้มแกมา ร้องห่มร้องไห้ใหญ่ ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะ เห็นพ่อแกเล่าใฟ้ฟัง ตอนที่มานั่ง
    เฝ้าไข้ให้แกเนี่ยแหละ" ผมนั่งนิ่งๆ จ้องมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ซึ่งตอนนี้ท้องฟ้าดูจะเป็นสีกำอ่อนๆ ดูท่าทางคล้ายฝนจะตกแล้ว
    "พ่อแกบอกว่า แกเป็นความหวังคนเดียวของพ่อ พ่อแกเล่าให้ฟังใหญ่เลย ว่าแกไปวิ่งแข่งได้เหรียญมา ถึงพ่อแกจะไม่ได้เป็นคนวิ่งก็เถอะ
    แค่นั้นมันก็ทำให้พ่อแกภูมิใจมากแล้ว สมัยก่อน พ่อของแกอยากจะเรียนจะตาย แต่ก็ไม่มีโอกาศได้เรียน พ่อแกจึงอยากส่งเสียให้แกได้เรียนสูงๆ
    ไม่ว่าพ่อแกจะเหนื่อยขนาดไหน เข้าก็ยอม ตอนนั้นฉันเองก็มองไปยัง เท้าของพ่อแก ส้นเท้าของพ่อแก หยาบ ปห้ง ผิวหนังแตก ดูท่าทางเค้าจะ
    ทำงานหนักนะนั่น" ผมก้มหหน้ามองลงไปยังเตียงของผม-ตอนนั้น ที่พ่อผมต้มน้ำให้อาบ ผมอาบจนน้ำอุ่นหมด แล้วพ่อผมหละ เวลาขนาดนั้น
    ไม่มีทางต้มนำทันหรอก ขนาดผมอาบน้ำอุ่นแล้วนะ ผมยังทนไม่ได้เลย แล้วพ่อผมหละ ไม่ได้อาบน้ำอุ่น แต่เขาก็ไม่เคยบ่นออกมาซักครั้งเดียว
    ตอนที่พ่อของผมนั่งนับแบงค์ มีบ้างไหมที่ผมจะลุกให้พ่อได้นั่งสบายๆบนเก้าอี้ พ่อผมต้องนั่งลงกับพื้น ทั้งๆที่ปวดหลัง ผมไม่เคยจะเหลียวแลไป
    สนใจท่านบ้างเลย น้ำมันมวยที่พ่อผมใช้ทาหลังอยู่ทุกวัน มีบ้างไหม ที่ผมจะใช้มือน้อยๆทั้ง2ข้างของผม ทาลงไปยังแผ่นหลังของพ่อ
    ผมโกหกพ่อเพื่อที่จะเอาเงินมาบำเรอความสุข แต่พ่อผมไม่เคยโกหกผมเลยซักครั้งเดียว พ่อผมภูมิใจในตัวผม ผมเป็นความหวังของพ่อ
    แต่ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย ผมเกลียดพ่อ ผมได้แต่อายเพื่อนๆที่ล้อผมว่า มีพ่อขาเป๋ ผมเคยคิดที่จะรักพ่อบ้างไหม น้ำตาสกปรกๆของผม
    หยดลงไปบนผ้าผืนขาวสะอาด ที่พ่อของผมห่มให้ก่อนที่ท่านจะไปขายของต่อ ผมรู้ว่ามันจะใกล้ถึงวันที่ต้องจ่ายหนีแบงค์แล้ว แต่ผมก็ยังนำ
    เอาเงินที่ท่านสะสมไว้ไปผลาญเล่นซะจนหมด "เอ" เสียงพ่อหนิ พ่อผมมาเยี่ยมผมแล้ว ผมไม่กล้าที่จะมองหน้าพ่อ ผมได้แต่ก้มหน้าลง
    ผมไม่อยากให้พ่อเห็นน้ำตาของผม "เป็นอะไรลูก ปวดหัวอยู่หรอ" ผมพยักหน้า "เหงาหละสิ พรุ่งนี้ก้กลับได้แล้ว หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก"
    "อือ" ผมไม่มองหน้าพ่อ ผมอยากจะกล่าวคำว่าขอโทษ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อผมก็มารับผมกลับบ้าน หมอปลดสายน้ำเกลือ
    ออก ผมแต่งตัวเสร็จ พ่อผมก้จูงมือผมข้ามถถน นั่งรถเมล์กลับบ้าน ผมไม่พูดอะไรกับพ่อซักคำ แม้กระทั่ง คำที่ผมอยากพูดมากที่สุดในตอนนี้
    "ผมขอโทษ"



    "ทำไมป๊ายังไม่มาอีก นี่มัน10โมงแล้วนะ" ผมบ่นขึ้น "ตอนเช้าก้บอกไปหยกๆว่าประชุมผู้ปกครองตอน10โมงครึ่ง นี่อะไรกัน 10โมง
    แล้วก็ยังไม่โผล่มา" เช้านี้ ผมออกมาก่อน เพื่อที่จะมาจัดสถานที่ประชุมผู้ปกครอง พ่อผมจะตามมาทีหลัง ผมนั่งคุยกับเพื่อน จนเวลาล่วงเลยไป
    10โมงครึ่งก็แล้ว 11โมงก็แล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของพ่อผมเดินมาเลย พ่อเคยสนใจผมบ้างไหม หรือว่าพ่อลืมผมไปแล้ว พูดมาได้ไงว่าผมเป็นความหวัง
    ของพ่อ แค่ประชุมผู้ปกครองแค่นี้ ยังมาไม่ได้ เลย ผมโมโหมาก นั่งเงียบๆอยู่หน้าห้องคนเดียว ผมมองเข้าไปข้างใน เห็นผู้ปกครองของเพื่อน
    ต่างก็ตั้งใจประชุมกันอย่างตั้งใจ ผมอิจฉาเขา ที่มีครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้ การประชุมผู้ปกครองเลิกแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของพ่อผม
    ผมคิดในแง่ดี ดีแล้วหละ ที่พ่อผมไม่มา ถ้าพ่อผมมา เพื่อนๆมันคงจะล้อว่าผมมีพ่อ เปนคนขาเป๋ ผมไม่สงสารพ่อ ที่ขาเป๋ แต่ผมอาย
    " เอ " หือ? ใครเรียกชื่อผม พ่อผมมาแล้วหรอ มาทำไมกันตอนนนี้ ประชุมผู้ปกครองเขาเลิกกันตั้งนานแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นไปมองยังต้นเสียงนั้น
    ไม่ใช่หนิ นั่นมันน้าผม ทำไมพ่อผมไม่มา แค่งานประชุมผู้ปกครองลูก ก็ยังไม่ว่างเลยหรอ ถึงกับต้องส่งน้ามาประชุมแทน "สวัสดีครับ" ผมหันไปไหว้น้า
    ตาของทั่นดูตื่นมาก ดวงตาแดงก่ำ มีคราบน้ำตาเปรอะอยุ่บนใบหน้า "ป๊าเอ ถูกรถชน ระหว่างทางที่ข้ามถนนหน้าโรงเรียน" ป๊า ป๊าถูกรถชน
    ไม่จริงใช่ไหม เมื่อเช้ายังคุยกันดีๆอยู่เลย "น้าพูดเรื่องอะไรครับ เพราะพ่อผมไม่ว่างใช่ไหม ถึงให้น้ามาแทน แล้วน้าจะมาโกหกผมว่า ป๊าผม
    ถูกรถชน เปนข้ออ้างที่มาไม่ได้หรอครับ" หน้าผมลุกขึ้น น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย จูงมือผมขึ้นรถ Taxi ตรงไปยังโรงพยาบาลทันที




    " ป๊า ป๊า "มันเป็นเรื่องจริง มันไม่ใช่ความฝัน ผมร้องไห้อยู่ข้างๆพ่อของผม กุมมือที่ด้าน แข็ง หยาบกระด้างของพ่อ ตอนนี้พ่อผมหลับอย่างไม่มีสติ
    ดวงตาหลับไม่สนิท ดูคล้ายกับมีความกังวลอะไรบางอย่างอยู่ ที่ปากมีสายอ็อกซิเจนคาบไว้อยู่คาปาก "ป๊า เอขอโทษ" ผมเชื่อว่าพ่อของผมได้ยิน
    น้ำตาของทั่นไหลออกมาจากเปลือกตาที่เปิดอยู่เพียงเล็กน้อย ผมจะโมโหป๊าไปทำไม ผมจะโกรธป๊าไปทำไม แม่ของผม เดินเข้ามากอดผม เธอร้องไห้
    จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด เธอหยิบกระเป๋าเป้ใบใหม่ให้ผม ถุงพลาสติกที่ห่อมานั่นยังคงมีคราบเลือดแห้งๆ ที่ได้รับการเช็ดออกอย่างไม่ประณีตนัก
    มันยังคงเห็นเป็นคราบเลือดชัดเจน เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอนว่า ป๊าไปจ่ายเงินผม้งวดสุดท้าย และไปซื้อกระเป๋าเป้ใบใหม่ให้ผม
    ป๊าอยากเห็นผมสะพายยเป้ แต่บ้านเรามันจน ไม่มีเงินพอที่จะซื้อเป้ดีๆซักใบ เงินทั้งหมดก้ไปจมอยู่กับค่าของ ที่จะต้องซื้อมาแล้วขายไป
    เพื่อให้ได้กำไรบ้างนิดหน่อย แม่ผมลงมาข้างล่างทุกวัน ที่โต๊ะอาหาร จะเห็นเนื้อปลาที่บิไว้ซีกหนึ่ง วางอยู่บนชามข้าวต้ม ซีกหนึ่งให้ผมกิน
    อีกซีกหนึ่งให้แม่ของผมกิน ส่วนพ่อผมจะเอาหัวปลา และก้างปลา มาเหยาะซีอิ๊วเยอะๆ พอมีรสขาติของปลาบ้างนิดหน่อย
    ใครจะเชื่อ ว่าแค่ก้างปลาตัวเดียว ทำให้พ่อผมกินข้าวต้มไปได้ถึง 3 ถ้วยเต็มๆ พ่อผมทำงานหนัก จึงจำเป็นต้องกินข้าวเยอะเป็นธรรมดา
    พ่อผมเป็นหัวหน้าครอบครัว พ่อผมจะรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะดูว่าการที่แข้งหักเป็นอุบัติเหตุก็เถอะ
    แต่พ่อของผมก็จะโทษตัวเองทุกครั้ง พ่อผมทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะให้ลูกสบาย ผมร้องไห้ น้ำตาแห่งความปิดไหลลงมาอาบแก้ม
    ของผมทั้ง 2 ข้าง ผมไม่เคยกราบเท้าของพ่อเลย น้ำตาของผมหยดแหมะลงบนเท้า ที่หยาบกร้านของพ่อ คนเรามักจะไม่รู้สึกอะไร กับสิ่งที่ยัง
    มีอยู่กับตัว แต่เราจะรู้สึกรัก และแสดงออกอย่างเห็นได้ชัด ก็หลังจากที่สิ่งของนั้นจากเราไปแล้ว "ตี๊ดดด...." เสียงจากเครื่อง
    วัดอัตตราการเต้นของหัวใจดังขึ้น ผมร้องไห้โฮออกมา ทำไม ทำไมผมเพิ่งมารักพ่อตอนนี้ ทำไมผมไม่เคยบอกรักพ่อของผมเลย
    ผมไม่เคยแสดงออกให้พ่อผมรู้เลยว่าผมรักท่านมาก จนตอนนี้พ่อของผมได้จากไปแล้ว จะเหลืออยู่ก็เพียงร่างไร้วิญญาณของพ่อ
    ผมมองที่หน้าของท่านอีกครั้ง คราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของท่าน รอยยิ้มที่ผมเห็นแทบจะทุกครั้ง ที่ผมได้หันไปมองหน้าทั่น ผมจะไม่มีโอกาส
    ได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกแล้ว ป๊าครับ เอ ขอโทษ เอ ขอโทษที่ทำให้ป๊าหนักใจ เอ ไม่เคยที่จะแบ่งเบาภาระของป๊าเลย ผมได้แต่ร้องไห้ กอดร่างไร้วิญญาณของพ่อผม
    ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา





    ใครมีพ่อ ขอให้ กอดพ่อตั้งแต่วันนี้นะครับ[bw-cry]
     
  2. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,780
    ค่าพลัง:
    +7,482
    เฮ้อ!!!......กว่าจะอ่านจบ ถึงจะยาวไปหน่อยแต่เศร้าจริงๆ .....
     
  3. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,479
    ค่าพลัง:
    +1,830
    ว้าคนอ่านน้อยตัง แต่เสียสละสัก 10 นาทีเถอะครับ แล้วชีวิตในครอบครัวของคุณอีก10ปีอาจเปลี่ยนไปตลอดเลยก้อได้ T^T
     

แชร์หน้านี้

Loading...