บารมีคือเหตุ นิพพานคือผล

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อภิราม, 22 เมษายน 2012.

  1. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    ทำไมคนเราจึงแตกต่างกัน..
    ทำไมมีทั้งคนดีและคนชั่ว..
    ทำไมบางคนปัญญามากบางคนปัญญาน้อย..
    ทำไมบางคนฟังธรรมเข้าใจบางคนฟังไม่เข้าใจ..

    ในสมัยพุทธกาลมีคนฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเพียงแค่ประโยคเดียวแล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์
    ธรรมประโยคนั้นเราอาจได้ฟังในสมัยนี้จากพระไตรปิฎก แต่เรากลับไม่ได้บรรลุอะไรเลย เป็นเพราะเหตุใด ?

    การบรรลุมรรคผล , การเป็นพระอรหันต์ , การเข้าถึงนิพพาน เหล่านี้ล้วนเป็นผล
    ในเมื่อเราหวังผล แต่เราไม่ได้ทำเหตุ ผลย่อมไม่อาจเกิดได้
    แล้วสิ่งใดเป็นเหตุ ให้เกิดการบรรลุมรรคผลล่ะ สิ่งนั้นก็คือ "บารมี"

    ๑. ทานบารมี
    ๒. ศีลบารมี
    ๓. เนกขัมมบารมี
    ๔. ปัญญาบารมี
    ๕. วิริยบารมี
    ๖. ขันติบารมี
    ๗. สัจจบารมี
    ๘. อธิษฐานบารมี
    ๙. เมตตาบารมี
    ๑๐. อุเบกขาบารมี


    บารมีทั้ง ๑๐ นี้ คือเหตุให้เกิดการบรรลุมรรคผล การเป็นพระอริยเจ้า
    หรือแม้แต่ความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ก็ต้องทำบารมีทั้ง ๑๐ อย่างนี้

    เพราะฉะนั้น การที่บุคคลได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุมรรคผล เป็นพระอริยเจ้าในทันทีนั้น เป็นไปได้ว่า ท่านเหล่านี้บารมีเต็มแล้ว ศีล สมาธิ ภาวนา ท่านปฏิบัติมาแล้วในอดีตชาติ แต่เพรา่ะท่านเป็นสาวกภูมิ และได้สร้างบารมีร่วมกับพระโพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่ง จึงต้องรอพระโพธิสัตว์องค์นั้นตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และในชาตินั้นแม้ท่านจะไม่ได้ปฏิบัติ ศีล สมาธิ ภาวนา เพียงแค่ได้ฟังพระธรรม ก็ทำให้ได้บรรลุมรรคผลเป็นพระอริยเจ้าในทันที


    หากในปัจจุบัน เราหวังที่จะบรรลุมรรคผลเป็นพระอริยเจ้า หวังพระนิพพาน
    เราก็ต้องสร้างบารมีของเราให้เต็มเสียก่อน เมื่อเหตุถึงพร้อม ผลก็ย่อมตามมาเช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2012
  2. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    บารมี คือการทำให้ เต็ม พอเต็มก็ไม่สามารถใสมันเข้าไปได้อีก เหมือนน้ำที่เต็มเเก้ว มันก็เบื่อที่จะได้ทำต่อ อุปมา ก็เหมือนเด็กฝึก ก-ฮ ถ้ารู้เเจ้งจนเข้าใจเต็มเปี่ยมเเล้ว ก็ไม่จำเป็น ต้องไปท่องต่อ จิตจะเบื่อหนาย มันจะจำสภาวะนั่นได้เอง เบื่อทุกอย่างเเม้เเต่ ทำความดี ความเลว เบื่อทุกอย่างเเม้เเต่ตัวเอง พอตายก็ไปนิพพาน (เเต่ไม่ได้บอกให้ละความดี ก็เหมือนเป็นการ ละบาป ปล่อยบุญ ความดีทำได้ก็ดี เพื่อยาทพี่น้อง หลายภพหลายชาติ ถ้าจิตมันเต็มบุญมันจะเข้ามาเองโดยไม่ต้องไปกำหนดจิต หรือสั่งให้มันทำ )
     
  3. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    มีแต่ผู้อยากได้ผลของการปฎิบัติ
    แต่ไม่เคยสร้าง แม้แต่จะให้อะไรใคร
    แล้วถามว่าทำไมผมติดตรงนั้นตรงนี้

    ลองทำดูก็ดีหรือไหมครับแล้วจะเข้าใจว่า
    เอ ผลในทางปฎิบัติทำไมดี ได้ ละ ไม่หลงทาง

    ทำไมต้องเกิดมาแก้ทางโลกเพื่อหวังผลในทางธรรมละครับ
    หลง โลกไงครับ เลยลืมว่าเกิดมาทำไม

    ขอทุกท่านเจริญในธรรมครับ
     
  4. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    บารมี หมายถึง คุณความดีที่ควรกระทำ หรือสิ่งที่ควรจะปฏิบัติ ซึ่งในแง่ของมนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย ก็สามารถปฏิบัติได้ เพียงแค่รักษาศีล ๕ ก็เท่ากับว่าได้สร้างบารมีให้ตัวเองแล้ว
    ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้ากล่าวไป ในทางพุทธศาสนา ได้กล่าวถึง วิธีการศึกษา หรือข้อปฏิบัติสำหรับการฝึกอบรมหรือฝึกตนเพื่อให้บรรลุธรรม อันเรียกว่า ไตรสิกขา มี ๓ อย่างคือ ๑.อธิสีลสิกขา ฝึกอบรมในเรื่องศีล ๒.อธิจิตตสิกขา ฝึกอบรมในเรื่องจิต เรียกง่าย ๆ ว่า สมาธิ ๓.อธิปัญญาสิกขา ฝึกอบรมในเรื่องปัญญา (อธิบาย และคัดลอกจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎกฯ)
    ดังนั้น หากบุคคลใดมีเจตนา และมีความศรัทธา ในเรื่องของ มรรคผล นิพพาน ก็ล้วนต้องปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา ไม่ใช่ไปหลงสร้างบารมี อย่างที่ผู้ที่ใช้ชื่อว่า"อภิราม" พล่ามเพ้อเจ้อมา ขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...